5

ตอนที่ 5


 

5

 

เจนลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในช่วงใกล้ค่ำ เธอมองเพดานนิ่ง พยายามนึกว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ไม่นานเธอก็นึกได้ว่าที่นี่คือห้องสวีตของโรงแรมดัง ซึ่งเป็นห้องกว้างที่กรุกระจกโดยรอบมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสีฟ้าคราม หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง รู้สึกถึงความเรียบลื่นของผ้าห่มที่สัมผัสกับผิวกายเปล่าเปลือย

เปลือย!

เจนรีบดึงชายผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างไว้เมื่อรู้สึกถึงความเย็นที่หลังและสีข้าง พลางสอดส่ายสายตาหาเจ้าของห้องผู้คุกคามเธออย่างไม่ยุติธรรม

เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อยๆ จดปลายเท้าลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ มองหาเสื้อผ้าที่วางพาดอยู่ ใบหน้าหวานสีน้ำผึ้งซับสีเลือดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้น

เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จเธอก็ตรงไปคว้าเป้คู่ใจ ค้นดูข้าวของที่อยู่ภายในซึ่งทุกอย่างยังอยู่ครบ อย่างน้อยเอกสารสำคัญที่เธอต้องพกติดตัวก็ยังอยู่ เธอกระชับกระเป๋าเป้ขึ้นหลัง เตรียมออกจากห้องพักแสนสวยที่เธอไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว

เจนจับลูกบิดประตูเตรียมจะออกจากห้องพัก แต่เสียงสัญญาณแสดงว่ามีคนสอดคีย์การ์ดเข้ามาก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อประตูถูกผลักเข้ามา รู้สึกว่าหนทางหนีของเธอถูกปิดลงอีกครั้ง

เดนนิสมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นคนที่เขานึกว่ากำลังหลับสบายยืนอยู่ในชุดเตรียมพร้อม ใบหน้าเรียวสวยนั้นมีสีหน้าตกใจเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ เธอแหงนมองเขา ขณะที่เท้าเล็กขยับถอยหลังอย่างระวังตัว หนุ่มเจ้าสำราญยิ้มจนเห็นลักยิ้มเมื่อมองหน้าตื่นๆ ของเธอ

“จะไปไหนเจน” เขาถามขณะก้าวตามเธอไปข้างหน้า ยกแขนโอบกระชับเอวบางไว้ทันตอนที่เธอสะดุดเก้าอี้ตัวหนึ่งจนเกือบจะล้ม

“อุ๊ย!” เจนอุทานอย่างตกใจ ยกมือขึ้นจับท่อนแขนแกร่งที่รวบเอวเธอไว้เพื่อไม่ให้หกล้มหัวคะมำ

“ผมถามว่าจะไปไหน” เดนนิสกระซิบใกล้ใบหน้าที่เบือนหนีเขาจนตัวเอน ยิ่งเห็นท่าทีระวังตัวของเธอแบบนี้เขายิ่งอยากแกล้ง

“กะ...กลับบ้านค่ะ” เธอบอกเขาเสียงติดขัด กลั้นหายใจเมื่อใบหน้าที่มีเคราครึ้มเฉียดใกล้แก้มไปนิดเดียว

“กลับทำไม” คนตัวโตยืดตัวตรงเมื่อเห็นเธอเอนหนีจวนจะล้ม พร้อมกับฉุดหญิงสาวให้ยืนในท่าที่สบายขึ้น แต่ยังไม่ยอมปล่อยเอวบางที่เขากอดกระชับไว้

“ค่ำแล้วฉันต้องกลับค่ะ” เธอยืนยัน นึกถึงใบหน้าของคนที่ยังรออยู่ในบ้านหลังเล็กย่านชุมชนแออัด

“ที่บอกไปเมื่อเช้านี่ยังไม่เข้าใจหรือไงเจน” เขานึกทบทวนคำพูดที่ได้บอกเธอไว้ เธอไม่เข้าใจ หรือเขาบอกเธอไม่ชัดเจนกันแน่

“คุณบอกว่าฉันต้องอยู่ในสายตาคุณระหว่างสืบเรื่องภาพหลุด” เจนทวนคำพูดเขาชัดทุกถ้อยคำ เธอจำได้ แต่เธอมีเรื่องที่ต้องไปเคลียร์กับที่บ้านเสียก่อน

“แล้วจะกลับทำไม” เดนนิสถามอย่างหงุดหงิด ในเมื่อเข้าใจดีแล้วทำไมจะต้องดื้อดึง

“ฉันต้องไปบอกแม่ก่อนค่ะว่าจะไม่ได้กลับบ้านสักพัก” พอพูดถึงตรงนี้หน้าเธอก็สลดลง ความรู้สึกผิดแล่นลิ่วเข้ามาจู่โจมอย่างช่วยไม่ได้

“ก็ได้ ไปกัน” เดนนิสตอบรับง่ายๆ พร้อมกับฉุดมือเธอออกเดิน แต่ถูกเจนขืนตัวเอาไว้

“ฉันไปเองดีกว่าค่ะไม่รบกวนคุณหรอก” เจนขืนตัว พยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม

เดนนิสไม่สนใจ เขาออกแรงฉุดหญิงสาวให้เดินตาม สงสัยว่าคนโตๆ แบบไหนกันที่จะต้องแวะบอกผู้ปกครองก่อนว่าไม่ได้กลับบ้าน อันที่จริงเธอน่าจะออกมาอยู่นอกบ้านเองด้วยซ้ำ เขาออกจะแปลกใจที่เธอยังอาศัยอยู่กับครอบครัวอีก

 

หญิงสาวขยับเข้าไปนั่งในรถสปอร์ตคันใหญ่ด้วยท่าทางอึดอัด รถราคาแพง แต่นั่งกันได้แค่สองคนทำให้เจนรู้สึกถึงความไม่คุ้มค่าและความฟุ่มเฟือยของสังคมคนรวย เดนนิสเข้ามานั่งในเวลาต่อมาเมื่อจับหญิงสาวยัดเข้าไปในรถได้สำเร็จ เขาเหลือบมองหญิงสาวที่ขยับไปมา ท่าทางหลุกหลิกแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้

“อุ๊ย!” เจนอุทานเมื่อเจ้าของรถโน้มตัวเข้ามาหา หญิงสาวนั่งนิ่ง พิงหลังแนบเบาะทันที มือใหญ่คว้าเอาเข็มขัดนิรภัยออกมาและคาดให้ แต่แทนที่เขาจะผละออกไป ชายหนุ่มกลับก้มมองตาเธอสลับไปมากับริมฝีปาก เขามองอยู่อย่างนั้นเป็นนานจนหญิงสาวต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้

“คาดเข็มขัดด้วย” เดนนิสกระซิบจนชิดริมฝีปาก อดทอดถอนใจกับความใกล้ชิดไม่ได้ ใครใช้ให้เธอทำหน้าแบบนั้นเล่า แถมยังกัดริมฝีปากอิ่มๆ คล้ายเชิญชวนเขาอีก

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะผละออก แต่ก็ทันสังเกตเห็นว่าหญิงสาวถอนใจอย่างโล่งอก นั่นยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดกว่าเดิม

“ไปทางไหน” เดนนิสถามขึ้นเมื่อเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม เจนจึงบอกทางเขาคร่าวๆ ไม่นานรถสปอร์ตราคาแพงก็พุ่งทะยานออกไปตามถนน

รถคันสวยวิ่งมาตามถนนแคบๆ ที่รายล้อมไปด้วยบ้านหลังเล็กเรียงกันเป็นแถว ผู้คนที่ออกมาทำกิจวัตรยามเย็นมองตามรถคันงามจนเหลียวหลัง เพราะไม่บ่อยนักที่จะมีคนขับรถยนต์ราคาแพงมาแถวนี้ เดนนิสเองก็มองบ้านหลายหลังที่ค่อนข้างทรุดโทรมอย่างตื่นตาด้วยความไม่คุ้นชิน เพราะไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาในละแวกนี้นัก อย่างมากเขาก็แค่ขับรถผ่านไปมาเท่านั้น

“จอดตรงนี้ค่ะ” เจนชี้ให้เขาจอดรถข้างสนามบาสเกตบอล หรือจะเรียกว่าสนามเด็กเล่นก็คงไม่ผิด เพราะบริเวณนี้มีทั้งเด็ก วัยรุ่น และคนสูงอายุทำกิจกรรมกลางแจ้งกันอยู่ ทั้งเล่นบาสเกตบอล เล่นสเกตบอร์ด แม้กระทั่งตั้งวงหมากรุกกันก็ยังมี

เดนนิสชะลอรถและจอดรถตามที่เจ้าถิ่นบอก เมื่อรถหยุดลง เขาก็กลายเป็นจุดสนใจของคนแถวนั้นทันที

“คุณรออยู่ตรงนี้นะคะ” เจนบอกพร้อมกับก้าวลงจากรถ

จากตรงนี้เดนนิสเห็นเธอยกมือทักทายผู้คนเป็นระยะๆ หญิงสาวเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เคาะประตูไม่นานก็เห็นผู้หญิงเอเชียวัยกลางคนมาเปิดประตูให้

“เจน” จันทราเรียกลูกสาวขณะเปิดประตูให้เธอเข้าไป

“แม่ หวัดดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้มารดาตามนิสัยที่ติดตัวมาแต่เก่าก่อน

จันทรา โทมัส คือมารดาของเจน แต่งงานมีครอบครัวใหม่ที่นี่ โดยที่ผ่านมาจันทราฝากเจนเอาไว้กับแม่และพี่สาว ส่วนตัวเธอก็มาหางานทำแถวภูเก็ต จนกระทั่งได้รู้จักสามีคนปัจจุบันจนได้แต่งงานและย้ายมาอยู่ที่แอลเอร่วมสิบปี ก่อนจะรับลูกสาวคนโตเข้ามาอยู่อาศัยด้วยกันเมื่อแปดปีก่อน

จันทราไม่เคยบอกที่มาที่ไปกับลูกสาวว่าเหตุใดจึงตั้งชื่อเธอว่าเจน พยางค์เดียวสั้นๆ ไม่เคยตอบคำถามลูกสาวว่าบิดาผู้ให้กำเนิดเป็นใคร ไม่เคยตอบคำถามว่าทำไมเธอถึงตัวสูงกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ทำไมจมูกเธอถึงโด่งสวย และเหตุใดหน้าตาเธอถึงกระเดียดไปทางฝรั่งตาน้ำข้าวมากกว่าจะเหมือนคนไทยอย่างแม่ เว้นแต่ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนเท่านั้นที่เจนดูจะเหมือนแม่ที่สุด

“น้องอยู่ไหนคะแม่” เจนพูดคุยกับแม่เป็นภาษาไทยเสมอเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง แม้ที่ผ่านมาเธอจะไม่ได้ใกล้ชิดแม่มากนักแต่เธอก็รักแม่ เพราะแม่ทนทำงานหนักให้เธอมีกินมีใช้และได้เรียนหนังสือจนจบ

จนเมื่อหลายปีก่อนที่แม่แต่งงานใหม่ เธอเคยอ้อนขอให้ท่านพามาอยู่ที่อเมริกาด้วย เพราะทนโดนเพื่อนสมัยเด็กล้อเลียนไม่ไหวว่าเป็นฝรั่งขี้นกบ้าง ลูกไม่มีพ่อบ้าง การโดนล้อแบบนั้นตั้งแต่เด็กทำให้เจนมีเพื่อนไม่มากนัก เธอมักจะเก็บตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ เพื่อนร่วมชั้นไม่มีใครอยากคุยกับคนหน้าตาประหลาดอย่างเธอ ตั้งแต่จำความได้ เธออยากจะหนีจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ มาตลอด อยากมาอยู่กับแม่แท้ๆ แต่ก็ต้องรอนานหลายปีกว่าแม่จะสามารถทำเรื่องขอวีซาให้เธอได้มาใช้ชีวิตที่อเมริกาอย่างถูกต้อง

“หลับไปแล้วทั้งคู่จ้ะ ว่าแต่วันศุกร์นี้จะไปสัมภาษณ์งานเตรียมตัวหรือยังลูก” จันทรารุนหลังลูกสาวเข้าไปในบ้าน ถามถึงการสัมภาษณ์งานของบุตรสาวที่เพิ่งเรียนจบได้ไม่กี่วัน

“เตรียมแล้วค่ะ แต่แม่คะหนูว่าจะมาเก็บของย้ายไปอยู่หอพักพนักงานที่โรงแรมนะคะ” หญิงสาวร่ายยาวจนแทบไม่มีช่องว่างหายใจเพราะกลัวแม่จับโกหกได้

“อ้าว!ไหนว่าทำแค่ชั่วคราวไงลูก” จันทราหันไปถามด้วยสีหน้าฉงน

“ตอนนี้เขาเปิดรับแผนกการเงินอยู่ค่ะแม่ หนูเลยสมัครไปแล้วเขาก็รับด้วยนะคะ ส่วนงานที่นัดสัมภาษณ์ไว้หนูก็จะไปค่ะ เผื่อที่นั่นไม่ได้ก็ยังมีงานที่โรงแรมรองรับ” เจนปด แต่เมื่อเห็นมารดาพยักหน้าอย่างเข้าใจเธอก็แอบถอนหายใจ

“เดี๋ยวหนูไปเก็บของก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกมารดาพร้อมกับเดินขึ้นชั้นบนเพื่อเก็บข้าวของที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นในห้องนอนเล็กที่เธอใช้นอนตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ เก็บของเสร็จเธอก็ปิดประตูห้องนอน แต่เมื่อเหลือบเห็นแสงไฟจากห้องฝั่งตรงข้ามก็อดที่จะเปิดประตูเข้าไปไม่ได้

เจนเปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือ วางเป้ลงที่พื้นจ้องมองร่างน้องชายฝาแฝดวัยสี่ขวบที่นอนอยู่บนเตียงด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู เธอเดินไปจูบแก้มยุ้ยของน้องชายทั้งสอง สัมผัสถึงกลิ่นหอมอ่อนจางอย่างชื่นใจ

“ราตรีสวัสดิ์นะมาร์ค มาร์คัส” เธอบอกน้องชายเบาๆ ก่อนจะปิดประตูแง้มไว้เหมือนเดิม

“แม่หนูไปนะคะ” หญิงสาวเดินลงมาบอกลามารดาที่กำลังนั่งพับเสื้อผ้าอยู่

“อ้าว แม่นึกว่าจะค้างสักคืนเสียอีก” จันทราถามขึ้น อดแปลกใจกับท่าทีรีบร้อนของลูกสาวไม่ได้

“ยังค่ะ วันนี้ต้องเข้ากะกลางคืน เอาไว้วันไหนหนูหยุดแล้วจะมาหาแม่กับน้องนะคะ” หญิงสาวปลอบใจมารดา อดรู้สึกผิดไม่ได้เธอจึงโถมตัวเข้ากอดและได้แต่กล่าวขอโทษแม่ในใจ

“จ้ะ ไปดีมาดีนะลูก” จันทราพยักหน้าเข้าใจ กอดตอบลูกสาวคนโตแล้วเดินมาส่งที่หน้าประตู แต่เมื่อคล้อยหลังเจน จันทราก็อดที่จะเดินไปเปิดผ้าม่าน มองตามร่างแบบบางของลูกสาวไม่ได้ นึกเสียใจที่ให้โอกาสและอนาคตกับเจนได้ไม่ดีพอแม้จะพยายามทำเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้แล้ว บางครั้งเจนยังต้องคอยช่วยเหลือดูแลค่าใช้จ่ายในครอบครัวด้วยซ้ำ

จันทรารู้ว่าเจนไม่ได้อยากเรียนด้านบัญชี แต่เพราะมันเป็นทุนเรียนฟรี จบมามีงานทำ เธอจึงยอมละทิ้งความฝันและการเรียนด้านวรรณกรรมไป และเมื่อเรียนจบแทนที่จะได้ทำงานในบริษัทใหญ่สมศักดิ์ศรีคนที่จบมาด้วยคะแนนที่หนึ่งของชั้น เจนกลับต้องหางานใกล้บ้านทำเพราะห่วงแม่กับน้อง

 

เดนนิสกอดอกมองหญิงสาวเดินออกมาจากบ้านทรุดโทรมหลังนั้น เขาทันได้เห็นเธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหางตาตอนที่เดินเข้ามาใกล้เขา ทำไมเธอต้องร้องไห้ การตกเป็นของคนอย่างเขามันเป็นเรื่องน่าทุกข์ใจขนาดนั้นเลยหรือ ใบหน้าคมคายที่กำลังจะเผยอยิ้มบึ้งลงทันทีที่เห็นท่าทางเศร้าสร้อยของหญิงสาว

เจนเดินมาหยุดตรงหน้าร่างสูง แหงนมองเขาที่ยืนพิงกระโปรงรถ ใบหน้าคมนั้นดูบึ้งตึงราวกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง หญิงสาวไม่รู้อารมณ์เขานักหรอก รู้เพียงแต่ว่าเขาเป็นผู้ชายเอาแต่ใจอย่างที่สุด ชอบทำตัวเด่นดังไม่สนใจคนรอบข้าง จากข่าวทั่วๆ ไปที่ลงในสื่อต่างๆ กับตัวจริงที่เธอได้สัมผัสก็ไม่ผิดกันนัก

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอบอกเขาในระยะที่ห่างพอสมควร

“แล้วร้องไห้ทำไม” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นจมูกเธอยังแดง ส่วนดวงตาก็ยังรื้นไปด้วยน้ำตาที่เธอพยายามเช็ดมันออก

“ไม่มีอะไรค่ะ เราไปกันได้หรือยังคะ” เธอปฏิเสธและถามเขาไปอีกเรื่อง

เดนนิสไม่ตอบ เขาเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ เจนจึงก้าวเท้าตามไปเปิดประตูฝั่งตรงข้ามทันที ชายหนุ่มเคลื่อนรถออกจากย่านชุมชนแออัดอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ชะลอความเร็ว ไม่สนใจความเล็กแคบของท้องถนน ตลอดระยะทางที่ขับผ่านย่านต่างๆ เดนนิสเงียบมาตลอดทาง เมื่อมาถึงเขาก็ลงจากรถเดินตรงมายังห้องพัก โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามีหญิงสาวคอยเดินตามหลังอยู่ห่างๆ

“เป็นอะไรของเขานะ” เจนบ่นพึมพำขณะเร่งฝีเท้าตามก้าวยาวๆ ของเขาให้ทัน หญิงสาวมาหยุดยืนที่หน้าห้องที่เจ้าของห้องเข้าไปด้านในเรียบร้อยแล้ว เธอไม่รู้จะทำตัวแบบไหนหรือควรทำอะไร จึงได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู

“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” เสียงทุ้มของคนหงุดหงิดดังขึ้น หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงประตูถึงกับสะดุ้ง

“คะ?” เธอถามเขา สีหน้างุนงง เดาอารมณ์เขาไม่ถูก

“มานั่งนี่” เดนนิสตบโซฟาข้างตัวเป็นเชิงบอก

เจนมองเขาพร้อมกลอกตาไปมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวซึ่งห่างจากเขาไม่ไกล เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว คนอารมณ์ขุ่นอยู่เดิมจึงยิ่งฉุนขึ้นไปอีก เขาจึงลุกขึ้นไปดึงแขนเธอแล้วเหวี่ยงลงให้นั่งข้างๆ ตรงที่เขาบอกเธอในคราวแรก

“บอกให้นั่งตรงนี้ก็คือตรงนี้” เดนนิสดุเสียงเข้ม

นี่เขาเป็นบ้าอะไร ทำไมจะต้องหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผลขนาดนี้ หญิงสาวที่เพิ่งถูกเหวี่ยงลงข้างๆ ตัวชายหนุ่มครุ่นคิด

“คุณไม่อยากมาอยู่กับผมขนาดนั้นเหรอเจน” เขาถามเมื่อเธอลุกขึ้นนั่งตัวตรง แต่มือใหญ่ยังโอบรอบเอวบางคล้ายกักตัวเธอไว้ไม่ให้ขยับห่างเขาไปอีก

“ถามทำไมคะ” เจนช้อนตาขึ้นมองคนหน้าดุ

“ผมเห็นคุณร้องไห้ตอนเดินออกมาจากบ้าน” เดนนิสบอกพร้อมระบายลมหายใจฟืดฟาดเพื่อลดทอนอาการฟาดงวงฟาดงาของตัวเอง

“คุณน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว อย่าให้ฉันตอบเลยค่ะ” หญิงสาวไม่ได้คิดจะยอกย้อนเขาแต่อย่างใด แต่คนฟังยิ่งอารมณ์ขุ่นกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคตอบกลับซื่อๆ คล้ายประชดนั่น

“คุณรู้อะไรไหมเจน มีผู้หญิงมากมายที่ต้องการอยู่ตรงนี้ แล้วเรื่องอะไรที่คุณต้องมาร้องไห้” เดนนิสบอก มองหน้าคนที่ก้มหน้านิ่ง รู้สึกไม่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองเลย สำหรับเจนแล้วเขาคงเป็นยักษ์เป็นมารที่เธออยากหนีให้ห่างมากกว่า

“ก็ฉันไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่นี่คะคุณ ปล่อยฉันไปได้ไหมคะ ฉันสัญญาว่าจะไม่หนีไป” ดวงตาสีน้ำตาลสวยช้อนขึ้นมองเขาอย่างมีความหวัง

“ไม่”

คนที่กำลังจะดีใจใจห่อเหี่ยวลงทันทีเมื่อได้ยินคำปฏิเสธชัดเจน

“แล้วก็ไม่ต้องมาร้องห่มร้องไห้ ผมไม่ได้เอาคุณมาฆ่าซะหน่อย” เขาบอกพลางเชยคางเธอขึ้นให้มองสบตาเขาอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวก้มหน้าลงซ่อนน้ำตาจากความผิดหวังเอาไว้

“แต่ก็ไม่แน่ว่าคุณอาจจะตายจากอย่างอื่น” เดนนิสเย้า รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นแก้มแดงๆ ของหญิงสาวตรงหน้า

“ฉัน ฉันเข้านอนดีกว่าค่ะ” เจนขยับออกห่างหลังจากได้ฟังคำพูดน่าหวาดเสียว

เดนนิสหัวเราะในลำคอ แต่ก็ยอมคลายวงแขนปล่อยเธอเป็นอิสระ

 

เจนออกจากห้องน้ำก็พบว่าอาหารจากรูมเซอร์วิสวางอยู่สองที่ ส่วนคนที่สั่งหายไปไหนก็ไม่รู้ หญิงสาวมองหาเขาไม่นาน เดนนิสก็เดินตรงมาจากระเบียง

“มื้อเย็น” เขาชี้ไปที่อาหารที่วางอยู่ นั่งลงประจำที่ เจนจึงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม

“มะรืนฉันขอไปข้างนอกนะคะ ฉันมีสัมภาษณ์งานตอนเก้าโมง” เจนบอกให้เขารู้และขออนุญาตไปด้วย

“ที่ไหน” เดนนิสถามเธอราวผู้ปกครอง คิ้วขมวดเข้าไปอีก เธอช่างสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาให้เขาไม่หยุดหย่อน นี่เธอโง่ หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกหรืออย่างไร

“ที่ธนาคารบลินตันค่ะ” เธอบอกเขาและคาดหวังว่าจะได้รับอนุญาต เพราะธนาคารแห่งนี้ใหญ่ที่สุด ถ้าเธอได้ทำงานที่นั่น อนาคตของเธอกับครอบครัวคงไม่ลำบาก

“คุณถ่ายรูปแบล็กเมล์เขา แล้วยังคิดจะไปสมัครงานที่ธนาคารเขาอีกเหรอ” เดนนิสทักท้วง ดูเหมือนเจนจะไม่รู้จริงๆ ว่ายูจีนเป็นใคร

“ผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าของธนาคารบลินตันเหรอคะ” หญิงสาวทำตาโต ดูเหมือนเธอจะซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ

“ก็ใช่น่ะสิ พวกที่จ้างคุณเขาไม่ได้บอกอะไรบ้างเลยเหรอ ถึงเขาไม่ได้บอก คุณก็น่าจะรู้จักเพื่อนผมบ้างน่า” ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมา ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะไม่รู้จักยูจีนจริงๆ

“ฉันก็บอกคุณแล้วไงคะว่าฉันไม่ได้ทำๆ และฉันรู้จัก ยูจีน เรดฟอร์ด แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ในปาร์ตี้ของคุณในวันนั้น” เจนยืนยัน เขาจะว่าเธอโกหกอย่างไรก็ช่าง แต่เรื่องนี้เธอยืนยันว่าไม่รู้สักนิดว่ามิสเตอร์เรดฟอร์ดอยู่ในงานด้วย

“เดี๋ยวก็รู้” เดนนิสคาดโทษ แม้ในใจจะรู้สึกว่าทั้งสีหน้าท่าทางเธอนั้นดูงุนงงเหมือนคนไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็ตาม

“งั้นก็ไม่ต้องไปสัมภาษณ์บ้าบออะไรนั่น ผมจะจ้างคุณเอง” ชายหนุ่มบอกอย่างใจกว้าง มีที่ไหนที่คนผิดนอกจากไม่ถูกจับส่งตำรวจแล้วยังให้งานทำอีก

“จ้างฉัน จ้างทำอะไรคะ” เจนถามอย่างเกร็งๆ ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน

“จ้างมาเป็นของเล่นให้ผม สัญญาสามเดือน ถ้าคุณไม่ผิดจริงๆ พอหมดสัญญาจ้าง ถ้าทำงานถูกใจผมจะแถมโบนัสให้ด้วย” คนเจ้าแผนการรีบชักจูง เพราะหากไม่รีบตะล่อมเธอ เรื่องที่เขารู้ตัวคนผิดแล้วแดงขึ้นมา เขานี่ละจะแย่ เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลไหนมารั้งเธอไว้กับตัว เขายังติดใจรสชาติแปลกใหม่และนวลเนื้อนุ่มละมุนนั้นอยู่ ถ้าจะปล่อยเธอไปก็ดูจะโง่เกินไป

“ไม่เอาค่ะ” เจนปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดมาก เพราะถ้าเธอตกลง เธอก็คงไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัว ดีกว่าหน่อยตรงที่มีเขาเป็นแขกเพียงคนเดียว ถึงเธอจะไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้ แต่เธอจะไม่ยอมละทิ้งศักดิ์ของตัวเองเป็นแน่ เพราะที่เป็นอยู่มันก็มากเกินไปแล้วที่เขาทำกับเธอ

“งั้นพรุ่งนี้ผมจะส่งหลักฐานทั้งหมดให้ทนายทำเรื่องฟ้องคุณ เราจะได้จบๆ แยกย้ายกันไป” เดนนิสขู่ เขามองเธอนิ่ง ส่งยิ้มเย็นๆ ไปให้ “คิดดีๆ ก่อนพูด” ชายหนุ่มทิ้งท้าย ยังคงวางท่าแบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่าทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้เขาไม่มีไพ่ในมือพอที่จะดึงเธอเอาไว้เลย

เจนนั่งนิ่ง คิดทบทวนคำขู่ของเขา หากเธอถูกฟ้องจะเอาเงินที่ไหนไปสู้คดี ถ้าไม่ตกลง เขาก็คงไม่พิสูจน์หาคนผิดให้ และเธอนั่นละที่จะผิด เพราะหลักฐานมันมัดตัว

หญิงสาวยกมือกุมศีรษะ รู้สึกน้อยใจในโชคชะตาที่ช่างทำร้ายเธอเหลือเกิน ใครกันที่กลั่นแกล้ง ใครกันที่ใส่ร้ายเธอแบบนี้

 

“เก็บเงินนี่ไว้และพาครอบครัวนายย้ายไปไกลๆ จากชีวิต เจน โทมัส” ชายร่างสูงผิวเข้มยื่นเช็คสั่งจ่ายในนามแฟนสาวของเวดใส่มือเวดที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มตอนที่ถูกตำรวจจับ แต่ไม่นานชายคนเดิมก็ขอพบเขาพร้อมกับเอาเงินยัดใส่มือให้

“เงินนี่จะทำให้เมียท้องแก่ใกล้คลอดของนายอยู่ได้สบายๆ ตอนที่นายติดคุก” ชายคนนั้นย้ำ แม้เวดจะรู้จุดจบตัวเองอยู่แล้ว แต่คำว่าคุกช่างบั่นทอนจิตใจเขายิ่งนัก ถ้าเขาไม่คิดสั้นหาเงินด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อนสนิทอย่างเจนคงไม่เดือดร้อน และเขาเองก็คงได้อยู่ดูหน้าลูก

“ถ้านายตกลง เจ้านายฉันจะหาที่อยู่ให้เมียนายด้วย ถ้าไม่ เขาจะบอกคุณเรดฟอร์ดฟ้องนายให้ติดคุกกันยาวๆ ไปเลยเป็นไง” นกต่อของเดนนิสขู่

“ถ้านายยอม เจน โทมัส ก็จะปลอดภัย ไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ถ้าไม่ เธอจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดทันที” แมคเคบวางไม้ตายสุดท้าย จากที่เขาทราบมา ทั้งสามเป็นเพื่อนสมัยเรียนไฮสกูลที่สนิทกันค่อนข้างมาก การที่เวดตัดสินใจป้ายสีเจน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกผิด แต่ชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาดูโลกนั้น ทำให้เขาตัดสินใจทำผิดอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก

“ผมตกลงและหวังว่าคุณจะทำตามที่บอก เจนไม่รู้เรื่องนี้ เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผมทำคนเดียวและเบคก้ากับลูกจะต้องปลอดภัย” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาประสานกันไว้บนโต๊ะ ข้อเสนอที่ได้รับไม่เลวร้ายนัก อย่างน้อยๆ คนที่เขารักทั้งสามคนก็ปลอดภัย

เมื่อบรรลุข้อตกลงกันแล้ว แมคเคบก็เดินจากไป พร้อมกับโทร. รายงานเจ้านายทันทีเมื่อเขาขึ้นมานั่งในรถที่คนขับจอดรออยู่

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น