3

บทที่ 3


3

สวรรค์เล่นตลกหรือนรกแกล้ง

 

ภายในออฟฟิศขนาดกะทัดรัดบนชั้นห้าของห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หาใช่เรื่องงานไม่

“สวรรค์ลงโทษกูอยู่หรือเปล่าวะ” อธิชเอ่ยกับตัวเองเสียงเศร้าเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานที่เขาไม่เห็นมาร่วมเดือน ซึ่งเป็นเวลาที่นานแสนนานในความรู้สึกของคนที่เฝ้ารอวันจะพบหญิงสาวอีกครั้ง แต่เหมือนยิ่งรอความสมหวังก็เหมือนยิ่งห่างไกล ใครจะคิดว่าความบังเอิญที่เจอเพื่อนบ้านสาวมาสามวันติดจะเป็นสามวันติดจริงๆ เพราะไม่มีวันที่สี่เกิดขึ้น

หากไม่ใช่สวรรค์เล่นตลก เขาก็คิดว่านรกคงกำลังแกล้งอยู่ นึกแล้วก็แอบเคืองผู้อยู่เบื้องบนไม่ได้ ก่อนหน้านี้ละมอบความบังเอิญติดๆ กันให้เขา เหตุการณ์แบบนั้นประหนึ่งถูกลิขิตว่าให้เขาต้องจีบเธอแหงๆ พอเขาตั้งมั่นจะจีบเธอเข้าจริงๆ กลับกลั่นแกล้งเขาเสียอย่างนั้น

ไม่ว่าจะดักรอเธอหน้าคอนโดก็แล้ว ไปร้านเจ๊โอ๋ซึ่งเป็นร้านประจำของคนในคอนโดก็แล้ว กลับไม่มีวี่แววแม้แต่เงาของสาวเจ้า หรือบางทีตอนนี้เธออาจจะกลัวถูกจีบจนย้ายบ้านหนีไปแล้วก็ได้

เป็นจริงอย่างที่เธอพูดไว้ไม่มีผิด

‘มันอาจจะไม่มีครั้งที่สี่’

“ตอนรู้สึกเฉยๆ ก็บังเอิ๊ญบังเอิญ พอตอนอยากเจอทำไม้ทำไมไม่เจอเลยสักครั้ง” อธิชยังคงบ่นพึมพำคนเดียวเพราะโชคชะตาที่เล่นตลก

“พี่เตอร์หาอะไร ให้ผมช่วยหาไหม”

อธิชเบนสายตาไปมองมือขวาที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ เมื่อเห็นแววตาแสดงความจริงใจกับคำพูด เขาก็ด่ามันไม่ลง

“มึงช่วยกูไม่ได้หรอกป๋อ”

อย่าว่าแต่ตามหาเลย แม้แต่ชื่อเธอ เขาเองก็ยังไม่รู้จัก

“ใครจะรู้ ผมอาจจะช่วยได้ก็ได้นะ”

“ก่อนที่มึงจะช่วยใคร ช่วยรายงานความคืบหน้างานที่กูมอบหมายให้ไปทำมาหน่อย”

ภายในหนึ่งเดือนนี้งานในไซต์คืบหน้าไปได้ระดับหนึ่ง หลังผู้รับเหมารื้อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเสร็จก็เริ่มดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงควบคู่ไปพร้อมกัน เพื่อช่วยร่นระยะเวลาลง

แต่งานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค อย่างเช่นโครงการนี้ เมื่อเป็นงานรีโนเวตห้างสรรพสินค้า ร้านค้าที่อยู่ใกล้เขตการทำงานย่อมมีผลกระทบและหนึ่งในนั้นที่หนีไม่พ้นคือเรื่องฝุ่น

“เรื่องฝุ่น ช่างใช้เครื่องดูดฝุ่นจ่อเวลาเจาะผนังกรีดผนังอย่างที่พี่เตอร์บอกแล้วก็ลดลงไปมากอยู่ พ่อค้าแม่ค้าก็มีไม่พอใจบ้าง แต่ก็ต้องทำใจเพราะงานเรามันหลีกเลี่ยงเรื่องฝุ่นไม่ได้”

แม้พนักงานทำความสะอาดของห้างสรรพสินค้าจะดูแลทำความสะอาดพื้นที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องฝุ่นก็ยากที่จะแก้ไขให้หมดไปในเมื่อยังมีการก่อสร้างปรับปรุงอยู่

“ไปบอกผู้รับเหมาด้วย ถ้าเดินท่อเสร็จแล้วจะเรียกคอนซัลต์มาตรวจ เตรียมส่งงานด้วย”

“ครับ”

“แล้วคุณปาลิดาอะไรนั่นจะลงมาดูด้วยไหม”

“มาอีกทีอาทิตย์หน้าครับ”

สถาปนิกสาวที่มีนามว่า ‘ปาลิดา’ นั้นเป็นที่โจษจันของเหล่าวิศวกรในไซต์นี้ เพราะหญิงสาวเป๊ะไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แปลนแบบเขียนมาอย่างไร เธอจะเอาตามนั้นอย่างไม่ผิดเพี้ยน งานบางอย่างที่ทำให้ไม่คืบหน้าไปไหน ส่วนหนึ่งก็เพราะความเป๊ะของสาวเจ้าเนี่ยละ

แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเป็นตัวแทนของโอนเนอร์ เขาย่อมต้องทำทุกอย่างให้ตรงตามความต้องการของเธอที่สุด ดั่งคติพจน์ของบริษัทที่ว่าไว้ ‘ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ใส่ใจรายละเอียด เพื่องานที่มีประสิทธิภาพ’

วิศวกรในไซต์ทุกคนเคยเจอฤทธิ์เดชเธอมาแล้ว มีเขาเพียงคนเดียวที่ดูจะคลาดกับเธอไปเสียทุกครั้ง อยากเห็นหน้าคนที่ทุกคนต่างเอ่ยถึงว่า ‘สวยมากแล้วก็เป๊ะมาก’ การประชุมโพรเกรสในแต่ละสัปดาห์จึงเป็นโอกาสที่เขาจะได้เจอเธอ แต่พอเขาเข้าประชุม ปาลิดากลับไม่ได้เข้าร่วมด้วยเสียอย่างนั้น แต่พอสัปดาห์ไหนมีเธอเข้าร่วมประชุม สัปดาห์นั้นเขาเป็นอันติดงานอย่างอื่น จนเขาหมดความอยากที่จะเจอเธอไปแล้ว

ช่วงนี้ไม่ว่าเขาจะอยากเจอใคร เป็นอันไม่ได้เจอไปทุกคนนั่นละ

หนึ่งเดือนแล้ว เริ่มชินแล้วละ

 

ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่ว!

ปาลิดายกมือขึ้นถูจมูกเมื่ออยู่ๆ ก็จามขึ้นมาสามครั้งติดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จะว่าโต๊ะทำงานเธอมีฝุ่นก็ไม่น่าจะใช่เพราะแม่บ้านที่นี่ทำความสะอาดโต๊ะเธอทุกวัน หรือหากเธอจะเป็นหวัดก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เมื่อร่างกายปกติดีทุกอย่าง

“ปา!”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นมาแต่ไกลทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังคิดหาสาเหตุของการจามเงยหน้ามองทางต้นเสียง เห็นภาวิณีกำลังโบกไม้โบกมือเรียกจึงเหลือบไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงแบบไม่ขาดไม่เกิน เพื่อนเธอช่างเป็นคนที่ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอเสียจริงๆ

“แป๊บนึง” หญิงสาวตะโกนตอบกลับไป ปัดทิ้งความสงสัยก่อนหน้า ยกแขนมือแก้เมื่อยเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเก็บของเพื่อออกไปข้างนอกเมื่อได้เวลาพักเที่ยง

จังหวะที่กำลังจะเดินไปสมทบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทร. เข้ามาจึงหันไปบอกภาวิณี

“แกออกไปก่อนเลย ฉันขอคุยโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง”

“เดี๋ยวฉันไลน์บอกว่าร้านไหนนะ” ภาวิณีไม่เซ้าซี้เมื่อเห็นว่าเพื่อนมีสายเข้า

“โอเค” ปาลิดาชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์ตกลงและส่งยิ้มให้ เมื่อคล้อยหลังเพื่อน ใบหน้าหวานที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มก็เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง ก่อนจะรับสายที่โทร. เข้ามาเป็นครั้งที่สอง “ค่ะพี่ปิ่น”

ปาลิดากรอกเสียงเรียบนิ่งเช่นเดียวกับสีหน้าลงไป

“พูดกับพี่กับเชื้อใช้เสียงดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง” ปิ่นมนัสเอ่ยด้วยความไม่พอใจนักเมื่อเสียงของน้องสาวคนเล็กที่ลอดผ่านสายมาช่างเย็นชาจนน่าโมโห

“พี่ปิ่นมีอะไรหรือเปล่าคะ” ปาลิดาพยายามจะไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าพี่สาวคนโตเป็นอย่างไร

“ถ้าคุณพ่อไม่ให้ฉันโทร. หาแก ฉันก็ไม่คิดจะรบกวนเวลาอันมีค่าของแกหรอกยายปา”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำพูดประชดประชันเป็นสิ่งที่ปาลิดาได้ยินเป็นประจำ หรือทุกครั้งที่พูดคุยกับพี่สาวเลยก็ว่าได้ เธอได้แต่ปล่อยผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ โดยใช้ความเงียบในการตอบโต้ ซึ่งมักได้ผลดีทุกครั้ง

“วันอาทิตย์เย็นคุณพ่อนัดลูกทุกคนกินข้าวที่บ้าน” ปิ่นมนัสเอ่ยธุระของตัวเองที่ถูกไหว้วานจากบิดามาอีกทีทันที

“ปาติด...”

“และห้ามแกปฏิเสธนัดด้วย”

ปาลิดาจำต้องเก็บคำพูดที่จะปฏิเสธไว้เมื่อปิ่นมนัสเอ่ยดักทางไว้อย่างรู้ทัน

“คุณพ่อให้ชวนนายเจตน์ไปด้วย”

“เจตน์เขาไม่ว่างหรอกค่ะ ช่วงนี้งานเขายุ่ง” เธอรีบปฏิเสธแทนอดีตคนรัก เพราะยังไม่ได้บอกเรื่องเธอกับเจตน์ให้ใครได้รับรู้ แม้แต่กลุ่มเพื่อนก็ยังไม่ได้บอกใคร

“แกก็บอกคุณพ่อเองแล้วกัน หน้าที่ฉันมีแค่นี้”

ไม่จำเป็นต้องกล่าวลาหรือถามสารทุกข์สุกดิบให้เสียเวลา ปิ่นมนัสก็ตัดสายทิ้งอย่างไม่คิดถึงมารยาท ไม่ใช่เพราะทั้งคู่เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันจึงไม่ต้องมีอารัมภบท ทว่านี่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายทำเป็นประจำ เป็นเรื่องปกติที่ปาลิดาพบเจอมาตลอด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่หญิงสาวต้องคิดมาก เพราะสิ่งที่เธอต้องคิดคือจะบอกผู้เป็นพ่ออย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ท่านคาดหวังนั้น

ปาลิดาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้อย่างคิดไม่ตก

“จะบอกพ่อยังไงดีเนี่ย”

หากแฟนที่เธอเพิ่งเลิกราไม่ใช่คนที่บิดาชื่นชอบและหวังมาเป็นลูกเขยในอนาคต เธอคงไม่คิดมากเช่นนี้

เจ้าสัวธนาคม เจ้าของบริษัท ไทย ธนาคม ฟู้ดส์ บริษัทนำเข้าส่งออกผลไม้สดและผลิตผลไม้แห้งแปรรูปรายใหญ่ของประเทศชื่นชอบแฟนหนุ่มของบุตรสาวคนเล็ก และคาดหวังในความสัมพันธ์นี้เป็นอย่างมากว่าทุกอย่างจะดำเนินไปจนถึงการแต่งงาน

ผู้สูงวัยชื่นชอบความทะเยอทะยาน ความจริงจัง และมุ่งมั่นเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของเจตน์ และคงจะดีแน่หากได้คนแบบนี้เข้ามาช่วยงานในบริษัท

ทุกครั้งที่เจ้าสัวธนาคมเห็นเจตน์มักนึกถึงตนเองเมื่อคราวยังเด็กที่อพยพตามบิดามารดามาจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ เข้ามารับจ้างทำงานในสวนผลไม้แห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ก่อนในเวลาต่อมาจะเริ่มทำการค้า และเป็นเจ้าของกิจการในที่สุด ซึ่งทุกย่างก้าวล้วนมาจากความทะเยอทะยานหาความสำเร็จและความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ จึงไม่แปลกใจที่ท่านจะปลื้มคนรักของลูกสาวคนนี้มาก

ครืด! ครืด!

เสียงสั่นเตือนของสมาร์ตโฟนที่ถืออยู่ทำให้ปาลิดากลับมาสู่ปัจจุบัน และคนที่โทร. เข้ามาก็คือภาวิณี หญิงสาวคงเห็นว่าเธอเงียบไปนานจึงโทร. มาตาม

“ฉันกำลังออกไปแล้ว” ปาลิดากรอกเสียงลงไปพร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กออกจากห้องทำงานไป โดยที่ใบหน้าหวานยังคงเครียดขรึมจากเรื่องที่เพิ่งคุยกับพี่สาวไปก่อนหน้า

หากเธอยังอยากเป็นลูกที่พ่อบิดาให้ความสนใจอยู่ เรื่องที่เพิ่งเลิกรากับเจตน์คงต้องเก็บไว้กับตัวก่อน อย่างน้อยก็ทำให้ผู้เป็นพ่อยังอยากพบเธออยู่

การเกิดเป็นลูกของบ้าน ‘บูรณะพิภพ’ ว่าอยู่ยากแล้ว แต่การจะเป็นลูกที่อยู่ในสายตาของพ่อนั้น...ยากยิ่งกว่า

และเธอก็ยังอยากเป็นลูกที่พ่อมองเห็นอยู่

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น