4
‘ผม’ ลิขิต
‘พื้นที่ตรงนี้ฉันต้องการโชว์ คุณไปหาแนวทางเดินท่อแนวอื่นให้ด้วยค่ะ’
ประโยคข้างต้นเป็นประโยคที่อธิชได้ยินจากปรวุฒิมาสามวันเต็ม ซึ่งเป็นคำพูดของสถาปนิกสาวที่มีนามว่าปาลิดาคนเดิม สืบเนื่องมาจากต้องการโชว์ความสวยงามของงานตกแต่งฝ้าเพดานในพื้นที่ตรงโซนทางเดิน จึงไม่อยากให้มีท่องานระบบเดินผ่าน
แต่ตามแบบแปลนแล้วแนวท่อต้องเดินผ่านพื้นที่นั้น จากที่ต้องการจะโชว์ความสวยงามของงานตกแต่ง กลายเป็นท่อแอร์สีทึบแย่งซีนไปเสียอย่างนั้น คนที่ดูแลเรื่องความสวยงามจึงสั่งแก้งานทันควัน
“มึงบอกเขาไปรึยังว่าเราทำตามแบบแล้ว” อธิชเริ่มโมโหเมื่อนึกถึงคนเรื่องมาก เป๊ะแบบนักก็ทำให้ตามแบบ ทั้งที่ความเป็นจริงงานแทบทุกงานจะทำตามแบบแบบร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นเป็นไปได้ยาก แต่พอทำตามแบบก็สั่งแก้เสียอย่างนั้น
“บอกแล้วครับ แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะแก้ เพราะงานท่อเด่นกว่างานตกแต่งดูแล้วไม่สวย”
“ไม่ได้บอกไปเหรอว่าคนเขามาเดินซื้อของ ไม่ได้มาเดินดูฝ้า”
“ผมไม่กล้าพูด”
“ไปบอกเขาว่าเราแก้ให้ไม่ได้ เพราะว่ามันแก้-ไม่-ได้” อธิชเน้นชัดในประโยคท้าย
“แต่ว่า...” ปรวุฒิว่าเสียงอ่อย เพราะบอกหญิงสาวตามที่เจ้านายหนุ่มว่าทุกคำพูด แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม คือปาลิดายังยืนยันที่จะให้แก้งาน
“ไปบอก” อธิชย้ำ
“คร้าบ” ปรวุฒิตอบรับอย่างหนักใจ แต่ก็เดินตรงกลับไปที่โต๊ะพร้อมต่อสายหาสถาปนิกสาวประจำโครงการทันที
...
“พื้นที่ตรงนั้นฉันต้องการโชว์งานตกแต่งค่ะ ไม่ใช่โชว์ท่องานระบบ”
“คุณปาลิดาเขาบอกมาแบบนี้” ปรวุฒิรายงานลูกพี่หนุ่มหลังจากโทร. คุยกับปาลิดา ซึ่งคำตอบไม่ได้แตกต่างจากเดิมเสียเท่าไร แน่นอนว่าคำตอบของอธิชก็ไม่ได้แตกต่างจากครั้งก่อนเช่นเดียวกัน
“เอาแต่ความสวยงามอย่างเดียวมันได้ที่ไหน”
“แต่ความสวยงามของห้างมีผลกับความรู้สึกของลูกค้าที่มาใช้บริการ เธอว่าอย่างนี้” ปรวุฒิส่งต่อคำพูดของหญิงสาว
“มึงเอาเบอร์คุณปาลิดาอะไรนั่นมาดิ เดี๋ยวกูคุยเอง”
“ครับๆ”
ปรวุฒิเผยยิ้มออกมาครั้งแรกในรอบสามวัน รีบไปหยิบนามบัตรของสถาปนิกสาวมาให้ผู้เป็นนายพร้อมกับคิดในใจ ‘รอดแล้วโว้ย!’
อธิชหยิบนามบัตรของหญิงสาวผู้เรื่องมากจากปรวุฒิมาดู
“ปาลิดา บูรณะพิภพ” ชายหนุ่มอ่านชื่อนามสกุลที่ปรากฏบนกระดาษแผ่นเล็กขนาดเก้าคูณห้าจุดห้าเซนติเมตร “เขาไม่มีชื่อที่สั้นกว่านี้เหรอ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันพี่เตอร์ อาจจะชื่อลิดามั้ง” ปรวุฒิคาดเดา
“ลิดานี่คือสั้นแล้ว”
อธิชเลิกสนใจชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าหล่อน แล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดหมายเลขสิบหลักที่ปรากฏบนนามบัตร รอสายอยู่ไม่นานก็ได้ยินปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงหวานใส
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณปาลิดา” อธิชเอ่ยทักทายอย่างไม่รีรอ และไม่ลืมแนะนำตัวกับเธอ “ผมอธิช จากบริษัทเลิศทรัพย์ฯ เป็นวิศวกรที่ดูงานระบบของโครงการปรับปรุงชอปมอล”
“ค่ะ” เพียงแค่เขาแนะนำตัว เธอก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มโทร. มาด้วยเรื่องใด คงหนีไม่พ้นที่เธอขอปรวุฒิให้แก้งาน
“คุณคงรู้ว่าผมโทร. หาทำไม”
“ค่ะ”
“คุณสะดวกไหม มาเจอกันที่หน้างานหน่อย” อธิชเข้าประเด็นทันที หากไม่มีข้อสรุปเรื่องนี้ งานคงย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน
“ได้ค่ะ”
“นัดเวลามาได้เลย ผมสะดวกทุกวัน”
“ตอนนี้คุณอธิชอยู่ที่อยู่ที่ไซต์หรือเปล่าคะ”
“ครับ”
“อีกสิบห้านาทีเจอกันที่หน้างานค่ะ”
“ครับ” อธิชดึงสมาร์ตโฟนออกจากหูพร้อมกับจ้องหน้าจอที่ถูกตัดสายไปแล้วด้วยความงงงวย “นัดปุ๊บ รับนัดปั๊บ แถมจะมาเจอภายในสิบห้านาที รวดเร็วไปไหมวะ”
“บริษัทคุณปาลิดาอยู่บนตึกนี้” ปรวุฒิบอก เนื่องจากบริษัทที่ปาลิดาทำงานอยู่เป็นบริษัทในเครือของเจริญพัฒนา เจ้าของห้างสรรพสินค้าหรือโอนเนอร์ของโครงการ โดยตั้งแต่ชั้นแปดเป็นต้นไปของตึกแห่งนี้เป็นสำนักงานของบริษัทในเครือทั้งสิ้น จึงไม่เป็นปัญหาหากเธอจะลงมาที่หน้างานภายในสิบห้านาที ดีไม่ดีใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
อธิชพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “อยากรู้ว่าจะสวยสมคำเล่าลือหรือเปล่า แต่ความเรื่องมากนั้นกูเชื่อ”
“ไปทำงานนะเว้ย ไม่ใช่ไปจีบเขา” พัฒน์เอ่ยแซวขึ้น
“กูทำใจจีบไม่ลงว่ะ” อธิชว่าตอบด้วยความมั่นใจ
“คุณเขาสวยนะเว้ย ทำใจจีบไม่ลงแน่เหรอ” พัฒน์ยังแซวไม่เลิก
“กูว่าช่วงนี้ไอ้เตอร์มันไม่มีดวงได้จีบสาวหรอก ดูอย่างสาวที่มันประกาศจะจีบสิ เขายังไม่มาให้มันจีบเลย”
อธิชแยกเขี้ยวใส่เสกข์ที่เอ่ยแทงใจดำ อาจจะจริงที่ว่าในช่วงนี้เขาไม่มีดวงเรื่องจีบสาว แต่ถึงมี เขาก็ขอข้ามปาลิดาไปคนหนึ่งแล้วกัน
“ถึงกับพูดไม่ออก”
สองคู่หูหัวเราะด้วยความขบขันเมื่อเห็นเพื่อนเถียงไม่ออก
“ทำงานของพวกมึงไป เดี๋ยวก็ไล่ออกซะหรอก” อธิชว่าจบก็เดินออกจากออฟฟิศไปที่หน้างาน เดินได้เพียงไม่กี่ก้าว เจ้าของหมายเลขสิบหลักที่เขาไม่ได้บันทึกไว้ก็โทร. เข้ามา ทว่าก็รู้ว่าหมายเลขนี้เป็นเบอร์โทร. ของใคร
“ครับ” อธิชรับสาย
“ฉันถึงแล้วค่ะ”
“ครับ ผมกำลังไป” อธิชวางสายพร้อมกับเร่งฝีเท้าเมื่อคนที่นัดหมายเดินทางมาถึงแล้ว แล้วก็เกิดเอะใจบางอย่างขึ้นมาฉับพลัน “เสียงคุ้นจังวะ เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”
อธิชปัดความคิดนั้นทิ้ง แล้วตรงดิ่งไปที่หน้างาน โดยมีหญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมงที่แม้จะยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงสามนิ้วยืนคอยท่าอยู่
เขาไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดทุกคนถึงลงความเห็นว่าสถาปนิกสาวผู้เลื่องชื่อนั้นสวยบาดใจ เพราะเพียงแค่เขาเห็นเธอจากด้านหลังก็ฟันธงแล้วว่าผู้หญิงคนนี้สวย เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพอดีตัวกับกระโปรงทรงสอบสีดำทำให้เธอดูดีไร้ที่ติ
อธิชเลิกสำรวจร่างบางแล้วเดินเข้าไปหาเธอ
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษนำทัพไปก่อน แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงสิบห้านาทีที่เธอบอก แต่ด้วยมารยาท เขาต้องเอ่ยออกไปเพราะเป็นฝ่ายมาทีหลัง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาก่อน...เวลา” ปาลิดาพลันชะงักคำพูดกลางอากาศเมื่อหันมาเจอวิศวกรที่ชื่อว่า ‘อธิช’ ซึ่งเป็นคนที่นัดออกมาคุยเรื่องงาน
โชคชะตากำลังเล่นตลกกับเธออย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอธิชคือผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่ประกาศจีบเธอหากบังเอิญเจอกันครั้งที่สี่
“ในที่สุดครั้งที่สี่ของเราก็เกิดขึ้น” อธิชเอ่ยด้วยน้ำเสียงชอบใจ ดวงตาคมเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างผู้ชนะ
ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่เขารอจะเจอเป็นครั้งที่สี่นั้นอยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อมมือ เขามีโอกาสจะเจอเธออยู่หลายครั้ง แต่เป็นอันต้องคลาดกันเสียทุกทีไป
หากเขารู้สักนิดว่าเพื่อนบ้านสาวที่เขาตั้งตารอเจอเป็นคนเดียวกับสถาปนิกสาวผู้เลื่องชื่อ เขาคงเสนอหน้าไปให้เธอเห็นในทุกๆ วันแม้จะไม่ใช่เรื่องงาน แต่ก็ถือว่าไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นเขาคงอยู่ในช่วงที่สวรรค์กลั่นแกล้ง ทว่าตอนนี้โอกาสเป็นของเขาแล้ว เขาจะรอช้าอยู่ไย
“พร้อมจะให้ผมจีบหรือยัง”
“คุณอธิชจากเลิศทรัพย์ฯ ใช่ไหมคะ” ปาลิดาถามอีกเรื่อง เชิดหน้าขึ้น แสร้งไม่ได้ยินที่เขาพูดกับเธอ แล้วแนะนำตัวออกไป “ฉันปาลิดาค่ะ”
‘เอางี้จริงดิ’
อธิชคิดในใจ เมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของคนที่มองมาที่เขาเหมือนคนไม่รู้จักกันก็รู้ว่าเธอเอาจริง
ไม่เป็นไร ตอนนี้อยู่ในเวลางาน เขาจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวเข้ามายุ่ง แต่พ้นเวลางานเมื่อไร เธอเจอเขาแน่!
“ผมอธิชครับ” อธิชยื่นมือไปตรงหน้าเธอ ทว่าสาวเจ้ากลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วชวนคุยเข้าเรื่องงานแทน ‘หน้าแตกไหมล่ะเตอร์’
“เรื่องท่อแอร์...”
“ครับ” อธิชตอบรับและลดมือลงเนียนๆ เขาจะคิดเสียว่าเธอมองไม่เห็นจริงๆ ก็แล้วกัน “คุณจะเอายังไง ว่ามา!”
“พื้นที่ทางเดินตรงนี้ฉันต้องการโชว์ความสวยงามของงานตกแต่งฝ้า อยากให้คุณหาแนวทางเดินท่อแนวอื่นให้ด้วยค่ะ” ปาลิดาเอ่ยพร้อมกับชี้ไปที่ท่อสีเข้มซึ่งตัดผ่านตรงฝ้าเพดานพอดี
“ผมทำตามแบบแล้ว” อธิชเอ่ยด้วยความอ่อนใจ ทั้งยังได้ยินประโยคเมื่อครู่ของหญิงสาวจากปรวุฒิมาสามวันเต็มแล้ว
“ฉันก็กำลังขอแก้จากแบบ”
เธอรู้ว่าการแก้ไขงานใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเรื่องที่ใครอยากทำ แต่เธอก็มองข้ามเรื่องนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน เพราะเธออยากให้งานทุกงานออกมาดีที่สุด
“มันทำไม่ได้” อธิชว่าน้ำเสียงจริงจัง
“คุณเดินท่ออ้อมไปทางอื่นได้ไหม” เธอเสนอ
“เดินอ้อมไม่ได้ เพราะมันไม่มีที่ไปแล้ว ท่อขนาดตั้งสี่นิ้วมันหลบไม่พ้นหรอก ยังไงก็เห็นอยู่ดี”
“ถ้าลดขนาดท่อลง” เธอต่อรอง
“ลดไม่ได้ มันผิดหลักดีไซน์ เพราะคำนวณมาแล้วต้องใช้ท่อขนาดนี้” สิ่งที่เธอขอมา เขาไม่สามารถทำให้ได้จริงๆ เขาไม่มีปัญหาหากทางผู้ออกแบบต้องการขอแก้ไขงาน แต่นั่นต้องอยู่ในหลักที่วิศวกรอย่างเขาทำให้ได้ “ถ้าคุณอยากให้เดินท่ออ้อมไปทางอื่น ผมทำให้ได้ แต่ต้องเอาฝ้าลงต่ำมาอีกหน่อยให้ท่อสามารถเดินผ่านได้”
“เอาฝ้าลงต่ำกว่านี้ไม่ได้ค่ะ มันมีผลทางด้านความรู้สึกของลูกค้าและเรื่องความสวยงาม”
“จะเอาฝ้าสวยหรือจะเอาแอร์เย็น ฝ้าสวย แต่แอร์ไม่เย็น ผมก็ไม่ว่านะ” อธิชว่ากึ่งประชด แม้เป็นประโยคที่ไม่ควรออกจากปากวิศวกรเหมือนเขายอมให้แอร์ไม่เย็นได้ก็เถอะ
“ห้างสวย คนก็อยากมาเดินรึเปล่า” ปาลิดาเริ่มโมโหขึ้นบ้างเมื่ออีกฝ่ายรวนใส่
“งั้นก็แซมฝ้าข้างท่อเอา”
ปาลิดาส่ายหัว “มันมีผลเรื่องความสวยงามอยู่ดี”
“งั้นก็ไม่ต้องทำฝ้า” อธิชเอ่ยอย่างคนหมดความอดทน อย่างนั้นก็ไม่เอา อย่างนี้ก็ไม่สวย “อินดัสเทรียลสไตล์ โชว์โครงสร้างอาคารและงานระบบไปเลย”
“มันไม่ใช่แบบที่ฉันต้องการจะโชว์”
“ถ้าคุณจะเอาฝ้าไว้แบบเดิม ผมทำให้คุณได้มากสุดคือทาสีท่อให้กลืนกับงานตกแต่ง”
“ถ้า...”
“ได้แค่นี้จริงๆ” อธิชย้ำชัด
“ฉันขอเอาไปคิดดูก่อน” เธอถอนหายใจออกมา
“ผมให้เวลาคุณได้ถึงพรุ่งนี้ เพราะงานผมต้องเดินต่อเหมือนกัน”
“ค่ะ” เธอตอบรับ
“เบอร์ผมก็ตามที่คุณโทร. มานั่นเลย”
“ค่ะ”
“ตอนนี้ถือว่าเสร็จเรื่องงานไปแล้วใช่ไหม” อธิชเกริ่นขึ้นน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม “ดังนั้นก็ได้เวลาเรื่องส่วนตัวบ้างแล้ว”
“ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ปาลิดาเอ่ยตัดบท ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับ ไม่สนใจสิ่งที่เขาเกริ่นมาเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวสิคุณ” อธิชรีบเดินไปดักทางไว้ “คุยกันก่อนสิ”
“ฉันต้องรีบไปคิดเรื่องงาน เพราะคุณให้เวลาฉันถึงแค่พรุ่งนี้” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมให้เวลาคุณอีกสามวันเลยก็ได้เอ้า ถ้าคุณจะอยู่คุยกับผมก่อน” อธิชเสนออย่างคนใจป้ำ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเกรงใจ” พูดจบเธอก็เดินเบี่ยงร่างสูงออกไป ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ได้ตามมาขวางไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเสียงทุ้มตะโกนไล่หลังมาเหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด
“ครั้งหน้าผมจีบคุณแน่ เตรียมตัวไว้ล่ะคุณลิดา”
‘ลิดา?’
ปาลิดาทวนคำในใจ ทว่าก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป คิดเสียว่าชายหนุ่มเอ่ยกับคนชื่อ ‘ลิดา’ ไม่ใช่เธอก็แล้วกัน
เจ้าของเรือนร่างบางกำลังก้าวเดินไปข้างหน้าบนส้นสูงสามนิ้วในจังหวะที่คงที่และมั่นคง เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพอดีตัวกับกระโปรงทรงสอบสีดำอวดสะโพกผายกลมกลึง รับกับช่วงขาเรียวอย่างน่ามอง ใบหน้าหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างพอดี ผมยาวสลวยสีน้ำตาลแสกกลางธรรมชาติ ปล่อยยาวสยายกลางหลังพลิ้วไหวตามจังหวะการก้าวเดิน มือเรียวข้างหนึ่งถือสมาร์ตโฟนเครื่องบางแนบใบหู และพูดคุยตลอดทางตั้งแต่เดินลงจากรถไฟฟ้า จนเข้ามาในตัวอาคารที่พัก
แม้ใบหน้าสวยจะเรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับนุ่มหวานน่าฟังน่าเจรจา
“ศุกร์หน้าเหรอ” ปาลิดาเอ่ยทวนคำพูดเพื่อนอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายถามวันว่าง “ฉันขอดูตารางงานหน่อยนะ”
“ถ้าแกไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะเว้ยปา ขอแค่วันงานแกห้ามเบี้ยวเป็นพอ” ธนวัฒน์เอ่ยอย่างคนไม่คิดมากหากเพื่อนสาวไม่ว่างในวันที่มีงานเลี้ยงสละโสดของเขากับกลุ่มเพื่อน ก่อนโทร. หาปาลิดา ชายหนุ่มก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าเธอจะว่าง เพราะรู้ว่าเพื่อนงานยุ่งเพียงใด
“ปาร์ตีสละโสดเพื่อนคนแรกของกลุ่มเชียวนะ ฉันจะพลาดได้ยังไง”
ธนวัฒน์เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แถมยังเป็นเพื่อนคนแรกที่ร่อนการ์ดแต่งงาน ไม่ว่าจะงานเลี้ยงสละโสดหรืองานแต่ง เธอก็ไม่มีทางยอมพลาดแม้แต่งานเดียว
“เป็นบุญของงานฉันจริงๆ ที่แกว่าง”
คนถูกเย้าอมยิ้มด้วยความขบขันประโยคของเพื่อน และหยิบแท็บเล็ตในกระเป๋าสะพายออกมาเพื่อเปิดดูตารางนัดหมาย ก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูเปิดออกพอดี หยิบคีย์การ์ดในกระเป๋าแตะเข้าที่แผงควบคุมระบบและกดชั้นสิบห้า ซึ่งเป็นชั้นที่เธออยู่ แล้วจึงหันมาสนใจแท็บเล็ตในมือต่อ
“ศุกร์หน้าฉันว่าง ไปงานแกได้ ไม่มีปัญหา” ปาลิดาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ยามนึกถึงงานแต่งงาน รอยยิ้มเมื่อครู่ก็พลันแห้งเหือดหายไป เมื่อใบหน้าของอดีตคนรักลอยเข้ามาให้ได้เจ็บใจเล่น
ธนวัฒน์ไม่มีแววว่าจะแต่งงานเร็วกว่าใครเพื่อนอย่างแน่นอน เพราะชายหนุ่มเป็นพวกหวงแหนความโสดอย่างที่สุด เป็นปาลิดาเสียอีกที่เพื่อนทุกคนคาด แต่สุดท้ายเธอก็ไปไม่ถึงฝั่ง
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณเปิดประตูดังขึ้นดึงสติปาลิดากลับมายังปัจจุบัน เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกจึงก้าวเดินออกไปสวนกับเพื่อนบ้านที่ก้าวเข้ามาใช้ลิฟต์ เธอเลี้ยวซ้ายตรงไปยังตำแหน่งห้องของตัวเอง ซึ่งอยู่ริมสุดของตัวอาคาร
“ธีมงานไม่มีนะ แกแต่งสวยได้ตามใจชอบ”
“ฉันไม่กล้าแต่งสวยมากหรอก กลัวสวยเกินเจ้าสาว” เธอยังคุยเล่นกับเพื่อนอยู่ ส่วนมือก็ล้วงกุญแจออกมาไขประตู หลังจากนี้เธอต้องเปิดใช้งานดิจิทัลดอร์ล็อกที่แถมมาตอนซื้อคอนโดเสียแล้ว จะได้ไม่ต้องควานหากุญแจแบบนี้ให้เสียเวลา
“พาแฟนแกมาด้วยได้นะปา”
มือเล็กที่ควานหากุญแจพลันชะงักกึก
คำว่า ‘แฟน’ สำหรับเธอกลายเป็นปมในใจไปเสียแล้ว ต้องใช้เวลาในการเยียวยาหัวใจตัวเองอีกนาน และเธอก็ยังไม่พร้อมจะรับใครเข้ามาในชีวิตตอนนี้
“แล้วเจอกันวันงานนะวัฒน์” เธอรีบเอ่ยตัดบท ก่อนที่เขาจะพูดในสิ่งที่เธอไม่อยากได้ยิน
“แล้วเจอกัน”
เธอวางสายจากธนวัฒน์ไปแล้วพร้อมกับความเจ็บจุกที่หน้าอกข้างซ้าย แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อชีวิตต้องเดินต่อไป เธอก็ต้องอยู่กับมันให้ได้
“ทำไมเปิดไม่ได้นะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจ เนื่องจากไขกุญแจปลดล็อกประตูแล้ว แต่กลับเปิดบานประตูออกไม่ได้
ปาลิดายังพยายามเปิดประตูห้องไม่ลดละ แต่แล้วมือที่กำลังหมุนกุญแจอยู่ก็ชะงักค้างเมื่อได้ยินเสียงร้องเตือนของเครื่องดิจิทัลดอร์ล็อกตรงหน้า
ห้องเธอยังไม่ได้ตั้งค่าเปิดใช้เครื่อง แล้วมันจะร้องเองได้อย่างไร!
อย่าบอกนะว่าเธอเปิดประตูผิดห้อง
ไวเท่าความคิด ปาลิดาเงยหน้าขึ้นมองป้ายเลขที่ห้องซึ่งติดอยู่บนผนังข้างประตู และก็เป็นจริงดังคาด
‘579’
ไม่ใช่ห้องเธออย่างไม่ต้องสงสัย
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูจากด้านในดังชัดเจนในโสตประสาทของปาลิดา จะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว อย่างน้อยรอขอโทษเจ้าของห้องหน่อยก็ดี เมื่อบานประตูเปิดออกกว้างพร้อมปรากฏร่างของเจ้าของห้อง ริมฝีปากบางที่อ้าขึ้นเตรียมจะเอ่ยคำขอโทษพลันต้องชะงักค้างอีกครั้งอยู่แบบนั้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความคาดไม่ถึง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาเดียวกับเจ้าของห้องยามเห็นหน้าเธอ
“คุณอธิช!”
ความคิดเห็น |
---|