3
บาปแห่งความรัก
“ทำไมขอดรอปเรียนถึงไม่บอกพ่อ!”
หลังจากมาหยารัศมียอมเดินทางมาเรียนต่อปริญญาโท หายากมากที่เรืองฤทธิ์จะตะคอกเสียงใส่ลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียว ไม่นับคำพร่ำด่ายาวเหยียด
“พ่อให้แกไปเรียน แกก็ตั้งใจเรียนสิ ทำตัวโง่ๆ แบบนี้ ชีวิตต่อไปจะอยู่ยังไง หรือจะเกาะพ่อกินไปตลอดชีวิต”
ถึงจะคาดเดาเอาไว้บ้างว่าหากบิดารู้ว่าเธอหยุดพักการเรียนชั่วคราวหนึ่งภาคเรียนคงโมโหแน่นอน แต่มาหยารัศมีไม่คาดคิดว่าพ่อจะโกรธขนาดนี้ หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงโต้ตอบด้วยถ้อยคำรุนแรงไม่แพ้กัน แต่เมื่อเอื้อมมือแตะหน้าท้องตนเองที่เคลื่อนไหวเบาๆ ตอบรับอารมณ์ของเธออยู่ คำพูดที่กำลังจะผ่านปากโดยไม่ผ่านการคัดกรองของสมองก็หยุดอยู่เพียงปลายลิ้น แล้วเปลี่ยนเป็นคำใหม่
“ลูกหยีขอโทษค่ะพ่อ”
ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ ราวกับรับรู้ถึงบางอย่างที่เธอไม่ได้เอ่ยออกไป
หากอยู่ต่อหน้าเรืองฤทธิ์ มาหยารัศมีก็คงจะกราบแทบเท้าแล้วทำมากกว่าขอโทษ แต่ทั้งสองอยู่ห่างกันครึ่งโลก และเธอไม่มีหน้าจะไปพบบิดาในเวลานี้ เธอไม่อาจทนเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของผู้เป็นพ่อ
เพราะเธอตั้งท้อง
อายุครรภ์ของมาหยารัศมีเข้าเดือนที่แปด สามเดือนก่อนเธอจึงขอหยุดพักการเรียนชั่วคราว นอกจากเพื่อเตรียมคลอด ยังป้องกันสายตาสอดรู้ของคนอื่น ซึ่งอาจจะส่งผลถึงถ้อยคำนินทาไปยังเรืองฤทธิ์ที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกสาวของเขาก่อเรื่องอะไรเอาไว้
“ทำไมไม่เรียน”
คำถามสั้นๆ แต่มีหลายอย่างซ่อนเอาไว้ ต่อให้ไม่เห็นด้วยตา มาหยารัศมีก็รับรู้ถึงความผิดหวังของเรืองฤทธิ์ เขาไม่เพียงแค่จ่ายเงินจำนวนมากให้เธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ยังฝากเงินสดเข้าบัญชีของเธอสิบล้านบาท เพื่อให้เธอใช้จ่ายส่วนตัว
เงินฝากสิบล้านสำหรับคนอื่นอาจเป็นเงินที่ไม่สามารถหาได้ชั่วชีวิต แต่สำหรับเด็กที่ถูกเลี้ยงให้เป็นคนเอาแต่ใจไร้เหตุผลอย่างมาหยารัศมี อาจจะเป็นเงินที่เธอผลาญหมดในเวลาไม่นาน อย่างน้อยหากเป็นเธอเมื่อเก้าเดือนก่อนก็อาจจะทำเช่นนั้นเพื่อประชดที่ตัวเองต้องมาอยู่ในต่างประเทศเพราะผิดหวังจากความรัก แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะหลังจากเดินทางมาถึงอเมริกา จมอยู่กับความเศร้าเกือบเดือน ตั้งสติคิดว่าควรจะทำอย่างไรอีกเดือน ปรับตัวให้เข้ากับเส้นทางที่ตัวเองเลือกอีกหนึ่งเดือน เธอก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง
เมื่อรู้ว่ามีชีวิตน้อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในกายของเธอ มาหยารัศมีเต็มไปด้วยความสับสน แผนการต่างๆ ไม่อาจดำเนินไปได้ตามเดิม เด็กคนหนึ่งตั้งแต่อยู่ในท้องจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ตุ๊กตาที่วางเอาไว้เฉยๆ ก็ไม่มีปัญหา นี่คือลูกของเธอ ดังนั้น
หญิงสาวจึงวางแผนเก็บเงิน ทำงานพิเศษ เพื่อเอาไว้เป็นทุนให้ลูก เพราะในเวลาเดียวกันเธอก็ได้ข่าวไม่ดีของผู้เป็นพ่อจากเมืองไทย
เดิมบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้าของเรืองฤทธิ์มีเงินทุนหมุนเวียนติดอันดับต้นๆ ในประเทศ จะโยกเงินสิบหรือยี่สิบล้านให้บุตรสาวไปใช้จ่ายระหว่างเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องลำบากเกินไป แต่สิบล้านนี้ไม่ได้หามาง่ายดาย ในภาวะที่เขาใกล้จะล้มละลาย
มาหยารัศมีพยายามปิดบังพ่อเรื่องตั้งท้อง ขณะเดียวกับที่เรืองฤทธิ์พยายามไม่ให้บุตรสาวรับรู้ว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก แต่เรื่องของเธอปิดง่ายกว่าเรื่องของเขา และเมื่อรู้ เธอก็ยิ่งไม่อยากทำให้พ่อเป็นกังวลไปมากกว่านี้ ทว่าใกล้คลอดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกอยากให้พ่อมาอยู่ตรงนี้
ผู้หญิงตั้งครรภ์ในต่างแดน ไม่มีสามี ไม่มีญาติ ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนสนิทให้ปรับทุกข์ ทางเลือกของเธอมีจำกัด ถึงจะมั่นใจว่าการเลือกรักษาชีวิตของลูกในท้องเอาไว้ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่มาหยารัศมีไม่แน่ใจว่าการปิดบังเรื่องนี้กับเรืองฤทธิ์เป็นการกระทำที่เหมาะสม
“บอกพ่อมาซิ ทำไมถึงไม่เรียน” เรืองฤทธิ์ย้ำถามอีกครั้ง ตามด้วยหว่านล้อมอีกหลายประโยค ยิ่งฟังเขาพูดก็ยิ่งบีบหัวใจมาหยารัศมี
“เพราะเรื่องพ่อหรือเปล่า ลูกหยีไม่ต้องห่วงนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่อก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก”
นี่คือพ่อของเธอ ผู้ชายที่อาจจะเอาเวลาไปใส่ใจเรื่องงานมากกว่าลูก เป็นคนที่ตำหนิทุกการกระทำของลูกว่าไม่ได้ความ ไม่ได้อย่างใจเขา แต่สิ่งแรกที่เขานึกถึงเสมอก็คือความสุขของลูก
“พ่อคะ ลูกหยีขอโทษ”
“ร้องไห้ทำไม” เขารู้สึกมากกว่าได้ยินว่าลูกกำลังพยายามกลั้นน้ำตา
“ลูกหยีไม่ได้ร้องซะหน่อย พ่อเอาที่ไหนมาพูด”
เธอโกหกทั้งที่รู้ว่าไม่มีทาง แต่เขาไม่เปิดโปง หนำซ้ำยังพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อความสบายใจของเธอ
“ที่โน่นเป็นไงบ้าง ถ้ามีปัญหาอะไรบอกพ่อนะ”
“ไม่มีอะไรค่ะพ่อ ลูกหยีดรอปเรียน เพราะรู้สึกว่าเรียนแค่ในตำรา ต่อให้จบโทบริหารไปก็ไม่รู้ว่าทำงานจริงจะเป็นยังไง ออกมาหาประสบการณ์ จะได้ฝึกให้ตัวเองหารายได้ด้วย”
“แต่มีคนบอกพ่อว่าลูกหยีไม่ค่อยสบาย เข้าโรงพยาบาลบ่อย”
หัวใจของมาหยารัศมีกระตุกวาบ นึกว่าเรืองฤทธิ์จะรู้เรื่องที่เธอปิดบัง กำลังใคร่ครวญว่าจะสารภาพกับพ่อดีหรือไม่ เขาก็พูดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน พ่อกำลังจะโอนเงินอีกก้อนไปให้ลูกหยี”
“ไม่ต้องค่ะพ่อ เงินสิบล้านลูกหยียังไม่เอาออกมาใช้เลย พ่อเก็บไว้...” มาหยารัศมีกำลังเสนอให้เรืองฤทธิ์นำเงินไปแก้ปัญหาหนี้สินของบริษัท แต่ถูกเขาตัดบทอย่างเฉียบขาด
“เรื่องของพ่อ ลูกหยีไม่ต้องมาวุ่นวาย!”
พอรู้ตัวว่าเผลอตวาดลูกอีกแล้ว เรืองฤทธิ์ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง “หน้าที่ของลูกหยีแค่เรียนก็พอ แล้วสุขภาพเป็นไงบ้าง ทำไมต้องไปหาหมอ”
“ลูกหยีไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ พ่อไม่ต้องห่วง”
การตั้งท้องไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำคัญคือจิตใจของเธอต้องเข้มแข็ง เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง มาหยารัศมีก็จะไม่เอาเรื่องนี้ไปสร้างความกังวลให้เรืองฤทธิ์ในเวลาที่ปัญหากำลังถาโถมเข้าหาเขา
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงลูกหยีนะคะ มาเรียนที่นี่ ลูกหยีได้คิดอะไรมากขึ้น ไม่ใช้อารมณ์เหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ”
“ถ้าลูกหยีปรับปรุงตัวได้จริงพ่อก็ดีใจ ขอให้ทำได้จริงนะ”
เรืองฤทธิ์ยังติดนิสัยสงวนคำชมเชยที่ควรมอบให้ลูก แล้วบางคำพูดของเขาก็มองในแง่ประชดประชันได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้มาหยารัศมีตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าจะเปลี่ยนตัวเอง เริ่มจากใช้อารมณ์ให้น้อยลง เพราะสิ่งหนึ่งที่เธอเรียนรู้หลังจากจมน้ำตาเป็นเดือนก็คือ คนที่รักเธอโดยปราศจากเงื่อนไขมีเพียงพ่อเท่านั้น
“พ่อคะ ลูกหยีรักพ่อนะคะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย แต่บรรยากาศหนักหน่วงที่ไม่มีเสียง บอกให้รู้ว่าคนฟังกำลังเรียบเรียงคำพูด แต่ตอนนี้เป็นหน้าที่ของเธอที่จะบอกเขา
“ตลอดมาลูกหยีทำตัวเกเรไม่น่ารักเลย ขอโทษนะคะ แล้วถึงลูกหยีจะไม่เคยพูด แต่ลูกหยีรักพ่อนะคะ พ่อเป็นคนเดียวที่รักลูกหยี”
“พ่อก็รักลูกหยีนะลูก ลูกเป็นคนเดียวที่พ่อรัก”
ทั้งสองฝ่ายเงียบไปครู่ใหญ่ และต่างปิดบังกันและกันว่ากำลังร้องไห้ มาหยารัศมีเพิ่งตระหนักในเวลานี้ ว่าเรืองฤทธิ์อายุมากแล้ว การแบกรับปัญหาต่างๆ รวมถึงเด็กที่ชอบก่อเรื่องเช่นเธอทำให้พ่อแก่กว่าวัยไปอีก
“พ่อมาหาลูกหยีได้ไหมคะ ลูกหยีคิดถึงพ่อ”
มาหยารัศมีตัดสินใจอย่างปุบปับว่าจะให้เรืองฤทธิ์มาเห็นด้วยตาตนเองว่าเธอกำลังตั้งท้อง มันอาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจพ่อ แต่อีกทางหนึ่งทั้งคู่ก็จะได้รับมือสิ่งต่างๆ ไปพร้อมกัน เธอวางแผนการคร่าวๆ ในหัว ว่าหากบริษัทของเขาล้ม เธอจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เขาไม่ต้องทนแบกรับทุกอย่างตามลำพัง
“พ่อ...”
คราวนี้เสียงกลั้นสะอื้นจากเรืองฤทธิ์ดังชัดเจน ต้องรอครู่หนึ่งเขาถึงกลับมาคุยกับเธอต่อได้
“พ่อก็คิดถึงลูกหยีนะ ตอนนี้งานของพ่อมันมีหลายๆ อย่างไม่สะดวกน่ะ พ่อคงไปไม่ได้”
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เรืองฤทธิ์ใช้คำว่างานของพ่อมาปฏิเสธที่จะมอบเวลาให้มาหยารัศมี ทว่าคราวนี้เธอไม่ได้รู้สึกถึงความไม่ใส่ใจ แต่สัมผัสถึงความจนใจ
“งั้นอีกเดือนลูกหยีจะกลับไปหาพ่อนะคะ”
ตอนนี้สภาพร่างกายของมาหยารัศมีไม่สามารถนั่งเครื่องบินข้ามประเทศได้ ถึงไม่รู้ว่าหลังคลอดจะฝากลูกไว้กับใคร แต่เธอตั้งใจจะไปหาพ่อให้เร็วที่สุด
“ไม่ต้องลูก แค่ลูกหยีคิดถึงพ่อก็พอ ลูกหยี พ่อ...”
คำพูดที่ไม่ต่อเนื่องสร้างความกระวนกระวายใจแปลกๆ ให้แก่เธอ แต่มาหยารัศมีรอจนเรืองฤทธิ์กลับมาพูดต่อ
“พ่อรักลูกนะ จำไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่อรักลูก”
มาหยารัศมีไม่อาจห้ามอาการใจสั่นของตัวเองได้ เธอคาดเดาว่าคงเป็นเพราะมีบางเรื่องปิดบังบิดาเอาไว้จึงเกิดความไม่สบายใจ
หญิงสาวแตะมือลงบนหน้าท้อง คิดไตร่ตรองว่าจะบอกพ่อดีหรือไม่ บางทีหากบอกไป อาจจะช่วยให้เรืองฤทธิ์หันเหจิตใจไปจากปัญหาได้
ไม่ เธอจะไม่บอก แค่นี้ก็ทำพ่อไม่สบายใจพออยู่แล้ว
หลังจากพยายามให้กำลังใจเรืองฤทธิ์อีกพักใหญ่ มาหยารัศมีจำต้องกล่าวลาทั้งที่ยังไม่อยากวางสาย แต่ก็ไม่อยากขัดใจพ่อ เพราะเขาอ้างว่ามีธุระสำคัญต้องรีบจัดการ
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำทันทีหลังวางสายก็คือดูปฏิทินกำหนดการคลอดที่หมอประมาณเอาไว้ ตรวจสอบการเดินทางกลับประเทศ เตรียมทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้า ขณะที่ใจของมาหยารัศมีโบยบินกลับเมืองไทยไปล่วงหน้าแล้ว ด้วยความเป็นห่วงคนที่เธอรักและรักเธอ
คำว่ารักใดๆ ในโลก เทียบไม่ได้เลยกับความรักที่เรืองฤทธิ์มอบให้มาหยารัศมี หากทำได้ เขาอยากจะยืนขวางหน้าระหว่างเธอกับปัญหาทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นในวันหน้า เพื่อให้ลูกของเขายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนตอนวัยเด็ก
เรืองฤทธิ์ยังจำวินาทีแรกที่เห็นหน้าของมาหยารัศมีได้ ทั้งที่ผ่านมานานยี่สิบสองปี แต่เหมือนกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
ตอนนั้นสิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจของเขาก็คือ นี่คือโลกทั้งใบของเขา
เพราะมารดาของมาหยารัศมีจากไปไวเกินไป ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุครบสี่ขวบไม่นาน เขากลัวว่าอนาคตข้างหน้า หากไม่มีเขาอีกคน ลูกจะลำบาก ดังนั้นเรืองฤทธิ์จึงทำทุกอย่าง เท่าที่พ่อคนหนึ่งพึงจะทำให้ลูกมีความสุข เพียงแต่คำว่าสุขของเรืองฤทธิ์มาจากเงินทอง
ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเห็นหน้าเลขานุการของตนมากกว่าลูกสาว แล้วก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเคยชินกับการไม่เห็นหน้าลูก ไม่ได้พูดคุยกับลูก ถึงอย่างนั้นทุกครั้งที่เจอกันก็มักจะเกิดการทะเลาะโต้เถียง เขาไม่อยากให้มาหยารัศมีทำตัวแบบนั้นแบบนี้ อยากให้ลูกเป็นอย่างใจเขา แต่เธอก็ขัดขวางทุกอย่างที่เขาสั่ง
ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกจึงมีเพียงความห่างเหิน แต่ทั้งหมดนั่นเป็นความผิดของเขา
‘ลูกหยีรักพ่อนะคะ’
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของลูก แล้วนานแค่ไหนที่ทั้งคู่ไม่ได้พูดจากันดีๆ เหมือนวันนี้ เรืองฤทธิ์ยิ้มทั้งน้ำตากับความสุขที่มาโดยไม่คาดหมาย
เขาไม่ได้หวังว่าการพูดคุยระหว่างเขากับลูกจะดีเช่นนี้ แต่มันช่วยให้เขาตัดสินใจบางอย่างได้เด็ดขาดขึ้น เรืองฤทธิ์ระบายลมหายใจ แต่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้
มือของเขาจำต้องปาดน้ำตาออก เพื่อตรวจทานข้อมูลทุกอย่างอีกรอบ เงินยี่สิบล้านถูกทยอยโอนเข้าบัญชีลับในเกาะห่างไกลที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมทางกฎหมายระหว่างประเทศเรียบร้อยแล้ว บัญชีอยู่ในชื่อของมาหยารัศมี เขาไม่แน่ใจว่าเธอยังจำบัญชีเงินฝากที่สองพ่อลูกทะเลาะกันใหญ่โตจนเธอยอมเปิดบัญชีทั้งที่ไม่เต็มใจได้หรือไม่ แต่อีเมลที่เขาตั้งเวลาเอาไว้ล่วงหน้าจะเตือนเธอเอง
หลังจากสำรวจทุกอย่างจนมั่นใจ มือที่สั่นไหวด้วยวัยและอารมณ์ก็เปิดลิ้นชักหยิบปืนออกมา น้ำตาที่คลออยู่ไม่เป็นอุปสรรคในการทำตามขั้นตอนที่เขาตัดสินใจเอาไว้เป็นอย่างดี
พรุ่งนี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาเป็นบุคคลล้มละลาย เรืองฤทธิ์ขุดหาช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อหาวิธีไม่ให้มาหยารัศมีเดือดร้อนไปด้วย นั่นก็คือการโอนทรัพย์สินให้เธอก่อนที่เขาจะถูกยึดทรัพย์ แต่เท่านั้นยังไม่พอ
เจ้าหนี้มากมายย่อมทวงถามจนกว่าจะได้เงินคืน และเพราะความสัมพันธ์พ่อลูกตัดขาดยาก เรืองฤทธิ์เชื่อว่าหากเขาลำบาก มาหยารัศมีจะไม่นิ่งดูดาย เงินที่ให้ไปจะถูกนำกลับมาใช้หนี้ แต่สามสิบล้านหรือจะแก้ปัญหาหนี้สินกว่าร้อยล้านได้ มีแต่จะทำให้เธอลำบากไปด้วย
ทางแก้มีอย่างเดียว คือไม่ให้เธอห่วงพะวงกับพ่อคนนี้
ภาพของมาหยารัศมีตั้งแต่แรกเกิด ทารกที่เขาประคองไว้ด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง ตามด้วยวัยเด็ก สาวน้อยผูกผมเปียสองข้างที่เขาคอยปลอบเวลาเธอหกล้ม เฝ้ามองดูตอนเธอหัดขี่จักรยานแล้วเห็นแผ่นหลังของเธอออกห่างจากเขาไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เธอเดินทางไปอเมริกาโดยมีเขาแอบมองส่งอยู่ไกลๆ แจ่มชัดในสายตา แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือประโยคที่เธอพูดในวันนี้
‘ลูกหยีรักพ่อนะคะ’
เรืองฤทธิ์ไม่สะดวกเปล่งเสียงขณะปากกระบอกปืนสอดเข้าไปอยู่ระหว่างฟันบนกับฟันล่าง แต่เขาก็พูดแบบเดียวกันกับลูกสาวในใจ
‘พ่อรักลูกหยีนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่อทำเพราะรักลูกหยี’
“พ่อ...ลูกหยีเจ็บ...พ่อขา”
เตียงผู้ป่วยสีฟ้าขับเน้นให้ใบหน้าของมาหยารัศมียิ่งขาวซีด หมอพยาบาลขวักไขว่รอบตัวพูดด้วยภาษาต่างแดนที่ตอนนี้สมองของเธอไม่รับรู้เพราะความเจ็บปวด ปากเปล่งเสียงครางออกมาเบาๆ เป็นระยะ ตามด้วยเอ่ยถ้อยคำที่ไม่มีใครเข้าใจ
ถึงจะรู้ว่าร้องเรียกหาแค่ไหน เรืองฤทธิ์ก็ไม่มีวันกลับมา แต่ในช่วงเวลาแห่งความทรมาน คาบเกี่ยวความเป็นความตาย คนที่มาหยารัศมีนึกถึงก็ยังคงเป็นบิดา
ทันทีที่มีผู้แจ้งข่าวการมรณะของเรืองฤทธิ์ โลกทั้งใบของมาหยารัศมีก็พังทลาย เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีคนจะคอยให้กำลังใจ ไม่มีใครที่จะจับมือเธอแล้วบอกว่าไม่เป็นไร
‘พ่ออยู่ตรงนี้ลูก อย่าร้องไห้นะ’
ทันทีที่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีบิดาอยู่เคียงข้างอีกต่อไป สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็มืดดับไปชั่วขณะตามมาด้วยความปวดร้าวบริเวณท้อง ทุกอย่างประเดประดังเข้ามา ไม่ว่าจะความชื้น เลือด พร้อมด้วยคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญว่าเธอกำลังจะคลอดก่อนกำหนดในสภาวะที่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พร้อม
น้ำตาของมาหยารัศมีไหลไม่ขาดสาย แว่วเสียงปลอบโยนจากคนแปลกหน้ารอบกายว่าความเจ็บปวดจะค่อยๆ หายไปเพราะฤทธิ์ยา แต่สิ่งที่หมอกับพยาบาลไม่มีวันรู้ก็คือความเจ็บปวดทางกายไม่อาจเทียบหัวใจของเธอได้เลย
เธอไม่มีใครแล้วจริงๆ แม่ตายจากไปก่อนเธอจะรู้ความ พี่ภาพก็ไม่อยู่เคียงข้างเธอแล้ว และตอนนี้พ่อก็จากไปอีกคน คนที่เธอไม่คิดว่าจะไปจากเธอ จากไปแล้ว
ทำไมพ่อทิ้งลูกหยีไป ต่อจากนี้ลูกหยีจะอยู่กับใคร คำถามเหล่านี้ไม่อาจหาคำตอบได้
ถ้าเธอตายไปเสีย ทุกอย่างอาจจะดีก็ได้ ไม่รู้ว่าความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ผุดขึ้นมาจากตรงไหน แต่มาหยารัศมีไม่ทันได้หยิบจับขยายความ ก็มีบางอย่างผลักดันมันออกไป
ลูกของเธอกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกายของเธอ เขากำลังจะเกิด และอยากจะมีชีวิตอยู่
‘พ่อรักลูกนะ จำไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่อรักลูก’
เรืองฤทธิ์รักเธอ เขารักเธอ เพราะเธอเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เป็นลูกที่เขาอุ้มชู เป็นรักที่ปราศจากเงื่อนไข รักที่ไม่มีวันตายไปจากโลกนี้
เด็กที่ไม่มีโอกาสเจอหน้าผู้เป็นตา จะสืบทอดสายเลือดของเรืองฤทธิ์ จะมีชีวิตอยู่โดยรู้ว่าตาของเขารักแม่ของเขามาก เหมือนๆ กับที่เธอรักเขา
“อดทนไว้นะลูก แม่ก็จะอดทน” มาหยารัศมีบอกเสียงกระท่อนกระแท่น
ความเข้มแข็งของคนเป็นแม่เหนือกว่าทุกสิ่ง เมื่อตระหนักถึงชีวิตน้อยๆ ที่ต้องพึ่งพาเธอให้มีชีวิตรอด มาหยารัศมีก็กัดฟันทิ้งทุกอย่างเอาไว้ ต่อให้เธอเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นพ่อ เธอก็ไม่อาจทอดอาลัยแล้วทำให้ลูกต้องเสี่ยงอันตรายเพราะจิตใจที่อ่อนแอของตน
‘หนูต้องออกมาอยู่เป็นเพื่อนแม่นะ’
ประโยคนี้ รวมถึงประโยคอื่นๆ ที่คล้ายกันๆ ส่วนใหญ่เธอไม่ได้พูดมันออกมา เพราะต้องเก็บแรงสำหรับคลอดลูก แต่มาหยารัศมีบอกเด็กน้อยในใจไม่ยอมหยุด พร้อมกับบอกตัวเองว่าโลกนี้ไม่ได้มีเธอเพียงผู้เดียว เธอยังมีเขา
เขาจะไปอยู่ข้างๆ เธอ
มหาภาพผุดความคิดนี้ขึ้นมาทันทีเมื่อทราบข่าวการตายของเรืองฤทธิ์ และหลังจากผ่านการไตร่ตรอง เขาก็ไม่มีความตั้งใจจะเปลี่ยนความคิด มือกดโทรศัพท์ติดต่อเลขาฯ แล้วสั่งการอย่างรวดเร็วให้หาเที่ยวบินไปอเมริกา พลางคิดหาหนทางติดต่อมาหยารัศมี
“ภาพจะไปถึงที่โน่นทำไม เดี๋ยวเด็กนั่นก็มาวุ่นวายไม่เลิกอีกหรอก” น้ำเสียงของกมลชนกแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดแจ้ง และตลอดมาเธอก็ไม่เคยปิดบังความไม่พอใจที่มีต่อมาหยารัศมี
กมลชนกเคยกระทั่งตำหนิมาหยารัศมีต่อหน้า ว่าเป็นเด็กสาวไม่มีมารยาท ตามตื๊อผู้ชายอย่างไม่รู้จักคำว่ายางอาย นั่นก็เพราะเธอรักมหาภาพมาก เขาเป็นหลานชายที่เธอเลี้ยงดูเหมือนลูกในไส้
“ลูกหยีไม่มีใคร ผมสงสารน้อง”
มหาภาพอธิบายเหตุผลสั้นๆ เพราะไร้ประโยชน์จะถกเถียงกับน้าสาวในเรื่องที่ทั้งสองไม่มีวันเห็นตรงกัน กมลชนกรักและห่วงใยเขา แต่บางครั้งก็มากเกินไป
“ฟังน้านะภาพ ถ้าห่วงก็แค่โทรศัพท์ไปหาก็พอ เราไม่ได้เป็นอะไรกับเด็กนั่น ต่อให้คนอื่นไม่คิด น้าว่ายายลูกหยีก็ต้องคิด อุตส่าห์ห่างๆ กันไปได้แล้วนะ”
ใจของกมลชนกร้อนรนด้วยความไม่เห็นด้วย มหาภาพเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมซึ่งเธอเลี้ยงดูมาเองกับมือ ย่อมไม่อยากให้เขาต้องเสียชื่อเสียง หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็คือเสียตำแหน่งภรรยาให้แก่เด็กสาวใจแตกที่ดีแต่ก่อเรื่องอย่างมาหยารัศมี ยังจำได้เลยว่าอีกฝ่ายพูดจากับเธออย่างไร เมื่อรู้ว่าเธอไม่ชอบที่เด็กสาวตามตื๊อมหาภาพไม่หยุด
‘คุณน้าไม่ใช่แม่ อย่าแส่เรื่องของพี่ภาพเกินไปนัก’
ทั้งก้าวร้าว ทั้งไร้สัมมาคารวะ แม้เธอจะเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน จงใจเหยียดหยาม แดกดันเด็กรุ่นลูกให้อับอายต่อหน้าคนอื่น และไม่เพียงครั้งเดียว เรียกว่าหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่กมลชนกก็ถือสิทธิ์แม่เลี้ยงที่หวังดี ไม่อยากให้ลูกเลี้ยงต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่ดูไร้ราคา
แต่การเหน็บแนมแบบผู้ดีที่คาดว่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอยห่าง กลับถูกถอนหงอกไม่เหลือ ยังดีที่คำพูดเหล่านั้นได้ยินกันเพียงแค่สองคน เพราะอีกฝ่ายยังเกรงใจพี่ภาพอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียกมลชนกก็เอามาเล่าพร้อมใส่สีตีไข่ให้มหาภาพฟัง แล้วเน้นย้ำว่าหลานสะใภ้ของเธอต้องไม่ใช่มาหยารัศมี
แล้วทุกวันนี้เธอก็ทุ่มเททุกอย่าง ทำทุกหนทางไม่ให้เขาติดต่ออีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าตัวให้นักสืบของเขาเพื่อไม่ให้บอกข้อมูลใดๆ แก่เขา หรือขอร้องคนรู้จักที่มีลูกหลานอยู่ในเมืองเดียวกับมาหยารัศมี ไม่ให้แพร่งพรายข่าวให้มหาภาพรู้ เพราะขนาดห่างกันหลายเดือน เรื่องของผู้หญิงคนนั้นยังทำให้หลานชายของเธอจะเป็นจะตายได้เสมอ
“น้ามลครับ ผมรู้ว่าน้ามลเป็นห่วงผม แต่เรื่องผมกับลูกหยีเราคุยกันแล้ว”
“คุยอะไรกัน” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ กมลชนกก็ผุดข้อสันนิษฐานออกมาเองเป็นชุด ตามด้วยติเตียนมาหยารัศมี
“ต่อให้ภาพไปคุยว่าไม่คิดอะไรกับลูกหยี น้าว่าลูกหยีก็แค่รับปากไปงั้นๆ แล้วรอโอกาสเข้าหาภาพ มารยาหญิงน่ะไว้ใจไม่ได้หรอกนะภาพ ดูอย่างพ่อเราสิ ถูกเด็กรุ่นลูกหลอกเงินไปกี่รอบแล้ว”
ปลายเสียงของกมลชนกฉายแววเจ็บแค้นที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ต่อให้ไม่เจตนาฟัง มหาภาพก็เข้าใจว่าผู้เป็นน้าคิดเช่นไร แต่เขาจะต้องพูดเรื่องมาหยารัศมีให้กระจ่าง
“ผมไม่ได้ถูกลูกหยีหลอกแน่นอนครับ และคนที่พูดว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายอีกก็คือลูกหยี หลายเดือนมานี่เธอไม่เคยติดต่อผมเลย”
เป็นเขาเองที่คอยฟังข่าวเธอ น่าเสียดายที่มหาภาพไม่เคยไปเรียนต่อที่อเมริกา ไม่รู้จักเพื่อนกลุ่มเดียวกับมาหยารัศมี หนำซ้ำเหมือนเธอจงใจปิดข่าวทุกอย่าง รวมถึงตัดทุกช่องทางการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับเขา แม้กระทั่งอีเมล เธอยังไม่เคยเปิดอ่าน ดังนั้นโทรศัพท์มือถือหรือการติดต่อผ่านโซเชียลย่อมไม่สำเร็จ
จนวันที่มาหยารัศมีจากไป มหาภาพถึงรู้ว่าเธอเป็นฝ่ายก้าวเข้าหาเขาเพียงข้างเดียว แค่เธอหันหลังให้ ทั้งสองก็ตัดขาดกัน โดยที่เขาไม่อาจยื้อยุดเอาไว้
มหาภาพไม่รู้ว่าในเวลานี้มาหยารัศมีนั่งอยู่ในตำแหน่งไหนในหัวใจเขา แต่เขาไม่มีวันยอมให้เธอเจ็บปวดโดยไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง
“ผมไม่อยากขัดใจน้ามลนะครับ แต่ครั้งนี้ผมขอละ”
หลังจากฟังกมลชนกลากนิสัยมาหยารัศมีมาวิจารณ์อย่างไม่เหลือชิ้นดี มหาภาพก็ตัดบทสั้นๆ แต่คนที่รู้จักเขาดี จะรู้ว่าเป็นการตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
“ตามใจ แต่น้าเตือนไว้ก่อนนะ ว่าอย่าไปยุ่งให้มาก จะได้ไม่ลำบากใจทีหลัง” กล่าวจบกมลชนกก็เดินหนีไปด้วยความหงุดหงิด ไม่ทันได้ฟังเสียงถอนใจของมหาภาพด้วยซ้ำ
เขายังไม่รู้เลยว่าจะได้เจอเธอหรือเปล่า มหาภาพสังหรณ์ใจว่าการตามหามาหยารัศมีจะไม่ใช่เรื่องง่าย เขารู้ว่าเธอเข้าเรียนที่ไหน แต่มหาวิทยาลัยไม่ใช่สถานที่ที่จะเดินเข้าไปตามหาคน
แต่เขาอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าเธอกำลังเสียใจ
ความคิดเห็น |
---|