13
พรานติดบ่วง
หลังจากดินเนอร์กับกินรินได้เพียงสองวัน จิรสินเกือบหัวเสียที่นัดหล่อนออกมาพบไม่ได้เพราะหล่อนอ้างว่าติดงาน ทั้งที่เขาบอกไปแล้วว่าให้เลิกทำงานทุกอย่าง แต่หล่อนอ้างว่าเป็นงานที่รับปากกับทางผู้จัดงานไว้แล้วจึงขอเคลียร์ให้เสร็จก่อนถึงวันที่ต้องไปเริ่มงานเลขาฯ ที่โรงแรม เป็นเหตุให้หล่อนไม่สามารถปลีกตัวมาพบเขาได้ในช่วงนี้
ด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกขนาดนี้มาก่อน เขาจึงกดโทรศัพท์ถึงเพื่อนซี้ ฝ่ายนั้นขับรถอยู่จึงบอกว่าจะแวะเข้ามาหาที่โรงแรม
ที่ผ่านมาจิรสินเคยเป็นขวัญใจสาวๆ ปารีเซียง เพราะรูปร่างหน้าตาตรงสเปกสาวฝรั่ง โดยเฉพาะผิวสีแทนของเขาที่เตะตาสาวๆ ที่นั่นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่กินรินกลับทำท่าเหมือนอยากหนีเขาตลอดเวลา เวลาที่เจอกันก็ทำหน้าเหมือนถูกบังคับ
“ฉันแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าโลกมันจะกลมได้ขนาดนี้” อภิวัฒน์เอ่ยขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนเกี่ยวกับแม่พริตตีหน้าหวานปานน้ำผึ้งที่ทำให้หนุ่มๆ มองเหลียวหลังกันไปทั้งงานเมื่อได้เห็นหน้าเป็นครั้งแรก
“ตอนแรกก็แทบไม่อยากเชื่อเหมือนกัน”
“นี่แสดงว่าพวกผู้ดีเก่าอย่างญานันทรกำลังแย่สุดๆ แล้วนะ ถึงได้ปล่อยให้หลานสาวคนสวยมายืนล่อตะเข้อยู่ตามงานแบบนี้ได้” อภิวัฒน์อดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เพราะส่วนลึกไม่ค่อยชอบพวกญานันทรที่เคยทำเลวร้ายจนเพื่อนรักของตนต้องหนีออกจากบ้านไปตายเอาดาบหน้า
“ย่ำแย่หนักเลยละ แม่ถึงได้ขอร้องให้ฉันช่วยอย่างที่บอกนั่นแหละ”
“นี่ถ้าเป็นสาวพริตตีรายอื่น ฉันคงต้องเบรกนายแน่ๆ ที่ยอมควักตั้งสิบกว่าล้านให้หล่อนเป็นค่าตัว” อภิวัฒน์บอกอย่างตรงไปตรงมา
“ทำไม”
“ก็มันแพงหูฉี่น่ะสิ ใครเขาจ่ายกันขนาดนั้น”
“อ้อ...นายเคยจ่ายเท่าไรล่ะ” จิรสินถามยอกย้อนแล้วหัวเราะเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักทำหน้าเหลอหลา
“ไม่เคย!” อภิวัฒน์ตอบเสียงดังฟังชัด
“จริงเร้อ...”
“ฉันไม่เคยจ่ายเงินเพื่อซื้อใคร ถ้าไม่มีใจให้กันก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันดีกว่า” อภิวัฒน์ว่าอย่างมีอุดมการณ์เรื่องความรัก
“นายคิดว่าฉันอยากได้ใจใครงั้นหรือ”
“แต่นายถูกใจหลานสาวพวกญานันทรตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าในงานแล้วนี่เพื่อน เห็นมองตาแทบไม่กะพริบ”
“วันนั้นฉันถูกใจตั้งเกือบสิบคน ไม่ใช่แค่ยายกินรินคนเดียว นายไม่เห็นเหรอว่าบางคนหุ่นน่าสนกว่ายายเด็กนั่นตั้งเยอะ” จิรสินแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
อภิวัฒน์พยักหน้าคล้ายเห็นด้วย เพราะกินรินเป็นสาวร่างเพรียวบอบบาง ไม่สูงปรี๊ดเหมือนนางแบบ แต่รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นแบบคุณหนู เมื่อผสมกับหน้าตาสวยหวานจิ้มลิ้มจึงทำให้หล่อนยิ่งน่ามองคล้ายของที่ดูดีมีราคาบนห้างหรู หล่อนอาจไม่ได้ยั่วยวนใจด้วยทรวดทรงอะร้าอร่ามที่ให้ความรู้สึกดึงดูดทางเพศเหมือนอย่างผู้หญิงบางคนที่มองเห็นหน้าอกหน้าใจแม้อยู่ไกลกว่าสิบเมตร
“จะยังไงก็ช่าง แต่นายก็ยอมควักกระเป๋าถึงสิบห้าล้านให้หล่อนแบบง่ายๆ”
“แม่บอกให้ฉันช่วยพวกญานันทรต่างหาก แต่ฉันคิดว่าตัวเองควรได้อะไรจากพวกนั้นบ้าง ไม่ใช่จ่ายอย่างเดียว” จิรสินพูดแบบพ่อค้าเต็มตัว แต่คนฟังกลับส่ายหน้า
“ก็ดีแล้วละที่นายช่วยพวกนั้น ยังไงๆ ก็เป็นญาติกัน แล้วดูๆ ไปแม่นายก็ผูกพันกับที่นั่นมากด้วย คงไม่อยากให้บ้านถูกยึดไปขายทอดตลาด” อภิวัฒน์สรุปแบบเห็นด้วย แต่ก็ไม่วายวกกลับมาเรื่องเดิมอีก “แล้วนายไปเสนอเงื่อนไขอย่างนี้ พ่อแม่กินรินไม่เคืองเอาหรือไง”
“ก็ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจแต่คงไม่มีทางเลือก คนพวกนี้รักสบายยิ่งกว่าอะไร เคยลำบากกันที่ไหน ยังไงก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน ขนาดป้าอำไพกับตาธวัชถือยศถือศักดิ์ขนาดไหนยังยอมขายบ้านให้ฉัน”
เขาเพิ่งได้รับข่าวจากแม่ทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ว่า ตาธวัชยอมให้ป้าอำไพขายบ้านแล้ว
“ทางป้าอำไพก็แค่ขายบ้านให้นาย แต่ทางกินรินนายไม่ได้ไปซื้อบ้านพวกเขานี่ เล่นไปขอซื้อลูกสาวหน้าตาเฉย ฉันละยอมใจนายจริงๆ เลยฌอน ทำได้ยังไง”
จิรสินไม่ตอบคำถามนี้แต่กลับยิ้มเย็น เขาคงบอกใครไม่ได้ว่าทำไปเพื่อ...ความสะใจ!
กินรินก็แค่หมากตัวหนึ่งบนกระดาน แต่คนที่ต้องอกไหม้ไส้ขมก็คือคนที่เคยกระทำกับ ‘ไอ้เด็กสิน’ นั่นต่างหาก และคงไม่ใช่คนเดียวแน่ๆ
ตอนนี้เขาอยากรู้จนแทบทนไม่ไหวว่า ตาธวัชกับตาธารินทร์จะรู้สึกอย่างไรหากรู้ว่าหลานสาวคนสวยที่ใช้นามสกุลญานันทรต้องกลายเป็นเพียง ‘เมียเก็บ’ ของไอ้เด็กลูกคนข้างถนน
“ฉันคิดว่านายหลงรักแม่สาวกินรินเข้าให้แล้วละเพื่อน” อภิวัฒน์สรุปอีกหนหลังจากนิ่งไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่
คนที่ถูกจับได้และกำลังคิดอะไรเพลินๆ แทบสะดุ้ง แล้วรีบส่ายหน้าพร้อมกับตอบด้วยอารมณ์ดิบๆ แบบผู้ชายว่า “ตอนนี้ฉันแค่อยากได้ผู้หญิงสวยๆ สักคน ใครก็ได้ แล้วกินรินก็เข้ามาพอดี”
“ฉันจะคอยดูเพื่อน” ฝ่ายที่ตั้งข้อสังเกตหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
มวยคู่นี้ชักน่าสนุกสำหรับอภิวัฒน์ เพราะคู่ต่อสู้ลำหักลำโค่นดูแล้วสูสี แม่สาวหน้าหวานกระชากใจนั่นก็พิษสงไม่เบาเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นคงล้วงเงินสิบห้าล้านจากบัญชีของจิรสินไปไม่ได้แน่ แล้วคนปากแข็งอย่างเพื่อนของเขาจะทนทานไปได้สักกี่น้ำคงต้องคอยดูกัน
“แต่นายคงต้องระวังตัวระวังใจให้หนักเลยละ”
“ทำไมต้องระวัง ไม่นานฉันก็คงเบื่อ” จิรสินตอบแล้วยักไหล่นิดๆ แบบกวนๆ
“ให้มันจริงเถอะ ระวังจะเป็นนายพรานติดบ่วงเสียเอง”
“บ่วงอะไร” บางครั้งจิรสินก็ไม่ค่อยเข้าใจสำนวนไทยบางคำ เพราะแทบไม่เคยได้ยิน
“ระวังจะติดบ่วงรักของแม่สาวกินริน จนถอนตัวไม่ขึ้น!”
ฝ่ายที่ได้ยินคำเตือนถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถคืนนั้นไม่ได้ หากว่าหล่อนไม่ร้องห้ามหรือขัดขืน จิรสินก็แทบหยุดตัวเองไม่อยู่ราวกับต้องมนตร์อะไรสักอย่าง และคืนนั้นหล่อนก็ทำให้เขาต้องนอนตาค้างไปแทบทั้งคืนและกลายเป็นหงุดหงิดต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้
จิรสินเริ่มยอมรับกับตัวเองว่าอยากเจอหน้ากินรินทุกวัน แต่พอทำไม่ได้อย่างใจต้องการเขาก็รู้สึกราวกับทุกคนและทุกอย่างในโลกดูขวางหูขวางตาไปหมด สุดท้ายเสียงในหัวของชายหนุ่มก็สั่งการอย่างเฉียบขาดว่า
‘รีบจัดการเรื่องไถ่ถอนบ้านซะ แล้วนายก็จะได้ตัวหล่อนมาทันที!’
ทนายความส่วนตัวของจิรสินติดต่อและนัดหมายให้ทัดเทพกับกินรินไปที่ธนาคารเพื่อไถ่จำนองบ้าน โดยมีเงื่อนไขว่าให้ทัดเทพผู้เป็นเจ้าของบ้านโอนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองมาเป็นกินริน ซึ่งเรื่องนี้ทัดเทพไม่ขัดข้อง
ส่วนทางอำไพได้รับแจ้งจากสำนักงานทนายความว่า จิรสินขอเวลาอีกหนึ่งเดือนในการซื้อขายบ้านใหญ่ซึ่งทำให้อำไพ ประภาพร และพิสินีเริ่มร้อนใจ เพราะรู้จากทนายความที่ติดต่อมาว่า จิรสินเพิ่งจัดการเรื่องไถ่ถอนบ้านให้ทัดเทพเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่กลับบอกให้ทางบ้านใหญ่รอไปก่อน
“ตกลงมันยังไงกันแน่คะพี่อำไพ” ประภาพรถามอย่างร้อนใจ
“ทนายความเขาบอกมาว่าทางนายสินพร้อมเมื่อไรจะติดต่อมาอีกที พอพี่ถามถึงบ้านโน้น เขาก็ว่าจัดการถอนจำนองออกจากธนาคารตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”
“หรือว่าพี่สินไปซื้อบ้านโน้นแล้วก็เลยเปลี่ยนใจไม่เอาบ้านเราคะ”
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” อำไพบอกอย่างจนปัญญาที่อุตส่าห์โน้มน้าวบิดาเรื่องขายบ้านจนสำเร็จ แต่กลับกลายเป็นว่าจิรสินมามีปัญหาเสียเอง
“คงไม่หรอก พี่พรบอกให้เขาช่วยเราก็เพราะพี่พรเองก็อาศัยอยู่ที่นี่ แล้วจะไปซื้อแต่บ้านนายทัดได้ยังไง” ประภาพรส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ทางโน้นตอบตกลงก่อนเราก็เลยสบายไปเลย ยายกระเต็นคงเอาใจพี่สินน่าดู อะไรๆ ก็รวดเร็วไปหมด” พิสินีว่าอย่างกระแทกกระทั้นด้วยความหมั่นไส้ญาติผู้น้องที่มักจะได้อะไรดีๆ ไปก่อนเสมอ
“แล้วเราทำไมไม่ไปเอาใจเขาบ้างล่ะ เห็นพูดอยู่นั่นแหละเรื่องแม่กระเต็นน่ะ” ประภาพรว่าลูกสาวด้วยเสียงรำคาญที่ไม่เคยได้อย่างใจแม่
อำไพฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้าที่หลานสาวบ้านนี้ต้องไปคอยเอาใจคนอย่างจิรสินเพื่อให้มีที่ซุกหัวนอนกันต่อไป แต่ในเมื่อสถานการณ์ตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรจากแพใกล้แตก ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ถ้าทุกคนจะตะเกียกตะกายเพื่อเอาตัวรอด อย่างน้อยการได้อยู่ที่นี่ต่อไปก็ช่วยรักษาหน้าให้ญานันทรทุกคน
แม้ญานันทรไม่ใช่ตระกูลใหญ่หรือร่ำรวยมหาศาลในอดีต แต่ก็จัดว่าเคยมีหน้ามีตาในวงสังคมข้าราชการมาก่อน คนรู้จักมักคุ้นจึงมีอยู่ไม่น้อย และหากว่าบ้านต้องมาถูกยึดก็คงเป็นที่พูดถึงกันอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากได้โฉนดที่ดินคืนมาจากธนาคารและไปโอนเปลี่ยนชื่อมาเป็นของตนเองได้เพียงหนึ่งวัน กินรินก็ได้รับสายจากเจ้าของเงิน
“เรื่องบ้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เขาถามเสียงเรียบ
“ค่ะ” หล่อนตอบสั้นๆ ตามเคย
“ผมอยากเจอคุณ” เขาบอกไม่อ้อมค้อม
“เอ่อ...กระเต็นยังติดงานจนถึงสัปดาห์หน้าค่ะ” กินรินไม่ได้คิดบ่ายเบี่ยง แต่ต้องการเคลียร์งานให้จบ
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของเขาเริ่มไม่พอใจ
“อยู่ที่งานเปิดตัวรถค่ะ”
“ผมอยากให้คุณย้ายมาอยู่กับผม”
“พี่สิน...ขอเวลากระเต็นหน่อยไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงขอร้องและหวังว่าเขาจะเข้าใจว่าหล่อนติดงานจริงๆ
“เย็นนี้เสร็จงานกี่โมง ผมจะไปรับ”
“พี่สินคะ” หญิงสาวถึงกับพูดไม่ออก เพราะน้ำเสียงที่ได้ยินทั้งเข้มทั้งดุให้รู้ว่าไม่พอใจแบบไม่ต้องเดา
“ผมถามว่ากี่โมง”
กินรินจำต้องบอกเขาทั้งเวลาและสถานที่ซึ่งอยู่ในห้างดังกลางกรุงนี่เอง
ในช่วงเย็นจิรสินจึงมารออยู่ที่ร้านอาหารตามเวลานัดหมายในชุดลำลองสบายๆ แต่ที่ทำให้หญิงสาวประหลาดใจก็คือหน้าตาที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษกว่าทุกครั้งที่เจอกัน
“มานานรึยังคะ” หญิงสาวเดินมาถึงโต๊ะแล้วจึงถามคนที่มานั่งคอย
“เพิ่งมาถึงเหมือนกันครับ” เขาตอบพลางมองสำรวจร่างเพรียวบางในชุดกางเกงยีนทรงสี่ส่วนกับเสื้อยืดแขนสั้นแบบพอดีตัว แถมยังสวมรองเท้าผ้าใบสีหวานอีกด้วย ใบหน้าหล่อนปราศจากเครื่องสำอาง ซึ่งทำให้เจ้าตัวดูเหมือนเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย “ผมยังไม่ได้สั่งอาหาร คุณอยากทานอะไรก็สั่งได้เลย” เขาบอกหลังจากหญิงสาวนั่งลงแล้ว จากนั้นจึงหันไปเรียกพนักงาน
ชายหนุ่มสั่งอาหารไทยเพียงแค่จานเดียว ส่วนกินรินสั่งไปสามอย่างเพราะหิวและเหนื่อยจากการที่ต้องออกจากบ้านมาทำงานตั้งแต่ตีห้า
“ท่าทางคุณดูเหนื่อยมาก” เขาเดาได้ไม่ยากจากอาการที่เห็น และคาดว่าหล่อนน่าจะหิวมากด้วย
“ไม่หรอกค่ะ ชินแล้ว”
“คุณทำงานแบบนี้มานานแล้วหรือ”
“ปีกว่าค่ะ”
จิรสินพยักหน้า แต่กลับคิดไปว่าช่วงเวลาปีกว่าที่ผ่านมาจะมีใครมารอรับแล้วพาพริตตีสาวสวยอย่างหล่อนออกไปกินข้าวบ้างไหม หรือไม่ก็อาจจะไปไกลกว่านั้น กินรินสวยสะดุดตาขนาดนี้ มีหรือที่ผู้ชายจะไม่อยากสัมผัสแตะต้อง
“แล้วต้องทำไปอีกกี่วัน”
“อาทิตย์หน้าไงคะ”
“ช่วงนี้คุณก็ย้ายไปอยู่กับผมได้นี่” เขายังทวงเรื่องเดิมที่เคยตกลงกันไว้
“รอให้กระเต็นเคลียร์งานให้เสร็จหมดก่อนไม่ได้หรือคะ ตอนนี้ไม่มีเวลาเก็บข้าวของหรอกค่ะ กลับถึงบ้านก็เหนื่อยจะแย่” หล่อนต่อรองพร้อมกับทำหน้าเหนื่อยจริงๆ
“ที่บ้านรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณต้องย้ายออกมาเร็วๆ นี้” เขาเพิ่งนึกออกว่าหล่อนต้องบอกคนในครอบครัวก่อนจะย้ายออกมา
“พ่อแม่และก็พี่ธานรู้แล้วค่ะ”
“แล้วมีใครที่ไม่รู้ครับ”
“คุณปู่ยังไม่รู้ ตอนนี้รู้แต่ว่าเราขายบ้านให้พี่สิน”
“ทำไมต้องปิด หรือกลัวว่าปู่จะช็อก” จิรสินถามด้วยความสะใจอยู่ลึกๆ
“เอ่อ...กระเต็นกำลังจะบอกค่ะ ถึงยังไงท่านก็ต้องรู้อยู่ดี”
“คุณจะบอกว่ายังไง” เขาชักเริ่มสนุก อยากรู้เหมือนกันว่าหลานสาวตระกูลญานันทรจะบอกทุกคนอย่างไรเรื่องที่อยู่ๆ ก็ต้องหอบผ้าผ่อนไปอยู่กับผู้ชาย ซึ่งไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงข้างถนน!
“กระเต็นอาจจะต้องบอกว่า...เราสองคน...” กินรินมองเขาอย่างลังเลใจในสิ่งที่วางแผนไว้ในใจ
“เราทำไม”
“เรารักกันค่ะ” ตอบไปแล้วก็รู้สึกว่าหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที เพราะเป็นฝ่ายพูดเองเออเองอยู่ข้างเดียว
“ตาธารินทร์จะยอมหรือ คุณคงไม่รู้ว่าท่านเกลียดผมมากแค่ไหน” แววตาของคนพูดเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและมีแววสะใจอยู่ในนั้น
“กระเต็นอธิบายได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง”
“นั่นสิ ผมเกือบลืมไปว่าคุณเป็นหลานคนโปรดของบ้านญานันทร” จิรสินยิ้มที่มุมปาก ที่เขาเลือกกินรินก็เพราะเหตุนี้ ทั้งที่พิสินีแบะท่าให้เขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แต่หล่อนแทบไม่มีอะไรดึงดูดสายตาเลย แถมยังไม่ใช่ญานันทรที่ใครๆ ให้ความสนใจกันมากมายอีกด้วย หล่อนเป็นได้แค่ไม้ประดับบนกระดานที่เขากำลังเดินเกมอยู่ในตอนนี้
แล้วจิรสินคาดว่าทางบ้านใหญ่ก็คงยังไม่มีใครรู้เรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับกินรินแน่ๆ แต่อีกไม่นานก็คงต้องรู้ และนั่นจะยิ่งสนุกขึ้นอีกหลายเท่า
ส่วนหมากตัวสำคัญที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า เขาจะดูแลและปรนเปรอให้ทุกอย่างในฐานะที่หล่อนช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมาย กินรินไม่เคยทำร้ายไอ้เด็กสิน เพราะฉะนั้นเขาต้องชดเชยให้หล่อนที่ถูกลากเข้ามาในเกมนี้
หลังอาหารเย็น จิรสินพากินรินไปเดินชอบปิงกันต่อในห้างแห่งนั้น เพราะรู้ว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธแน่ๆ เขาสั่งให้หล่อนซื้อชุดใหม่ในแบบที่เขาชอบ โดยให้เลิกสวมกางเกงยีนและเสื้อยืด
“ผมชอบผู้หญิงแต่งตัวสวยๆ หวานๆ”
“ค่ะ” กินรินพยักหน้า ก็ยังดีที่เขาไม่บอกว่าชอบให้แต่งตัวโป๊ ซึ่งหล่อนคงต้องคัดค้าน เพราะดูจะไม่เหมาะกับตนเองนัก แม้แต่ตอนที่ทำงานเป็นพริตตี กินรินก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊แต่อย่างใด
“ซื้อไปทำไมเยอะแยะคะ” หล่อนอดค้านไม่ได้ เมื่อเขาเดินไปหยิบชุดที่เขาชอบมาให้ลองนับสิบชุด
“ก็บอกแล้วไงว่าอยากให้แต่งตัวสวยๆ เป็นเมียผมห้ามแต่งตัวมอซอ”
หญิงสาวได้ยินถึงกับเม้มปากแน่น อยากจะเถียงแต่สุดท้ายก็ต้องเงียบ
‘ใช่เมียหรือ...น่าจะแค่ผู้หญิงชั่วคราว หรือแย่กว่านั้นก็นางบำเรอ!’
“เวลานอนด้วย”
“อะไรนะ!” หล่อนแทบไม่เชื่อหู
“อยู่บนเตียงยิ่งต้องสวย” เขากระซิบบอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่คนฟังถึงกับหน้าแดงซ่านด้วยความอาย เพราะคิดตามไปถึงไหนๆ พอสบตากันแล้วก็ต้องรีบคว้าชุดนับสิบจากมือเขาหอบไปที่ห้องลองเสื้อ
สุดท้ายกินรินก็ได้ชุดใหม่จากร้านสุดหรูสองสามร้านบนห้างดังนับสิบชุด แล้วเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหน่ายการเดินตามผู้หญิงชอปปิง เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ แถมยังต้องเสียเวลาลองอีกนานนับครึ่งชั่วโมงในแต่ละร้าน รวมไปถึงร้านรองเท้าที่มีให้เลือกอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่หล่อนก็เลือกซื้อเฉพาะคู่ที่เข้ากับชุดที่ซื้อมาแล้วเท่านั้น
แล้วร้านสุดท้ายที่เขาพาไปก็คือร้านขายชุดนอนและชุดชั้นในสตรี
“พี่สินจะเข้าไปในร้านชุดชั้นในผู้หญิงหรือคะ” กินรินถามคนที่ช่วยหิ้วของพะรุงพะรังอยู่ข้างๆ เพื่อความแน่ใจ โดยที่หล่อนเองก็หิ้วถุงอยู่หลายใบ
“เข้าไม่ได้หรือครับ” เขาถามกลับมาเหมือนไม่แน่ใจว่าอาจมีกฎห้ามผู้ชายเข้า
“เปล่าค่ะ แต่ผู้ชายบางคนก็อาจจะไม่เข้าไป”
“ทำไม แล้วคุณเคยมากับใครเหรอ เขาไม่ยอมเข้ารึไง” จิรสินถามเป็นชุดจนหญิงสาวทำหน้างง
“เปล่า ไม่เคยมากับใครหรอกค่ะ แต่เคยได้ยินว่าผู้ชายบางคนก็อายไม่กล้าเข้า”
“ผมไม่อายหรอก” เขาตอบแบบมั่นใจมาก
“อ้อ...ค่ะ” หล่อนพยักหน้ารับ แล้วเดินนำเข้าไปในร้านทันที
กินรินยอมรับว่าการมีนัดกับเขาทั้งสองครั้งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นหวือหวา หล่อนไม่เคยมีนัดดินเนอร์หรูหราขนาดนี้มาก่อนในชีวิตและไม่เคยได้รับของกำนัลเป็นกำไลเพชรราคาแพงจากใคร แล้วตอนนี้ก็ยังมาเดินซื้อเสื้อผ้ารองเท้าราคาแพงลิ่วในห้างใหญ่กลางกรุง โดยมีคนเดินตามจ่ายเงินให้แบบไม่อั้น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับหล่อนมาก่อนอีกเช่นกัน แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะไม่อยากขัดใจเขา แล้วเสื้อผ้าพวกนี้หล่อนก็ต้องสวมให้เขาดูเพื่อความพอใจและสบายตานั่นเอง
“กระเต็นจะเลือกชุดนอนเองนะคะ” หล่อนหันมาบอกคนจ่ายเงินไว้ก่อน
“ตามสบายครับ” จิรสินตอบพร้อมกับยิ้มขำ อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะกะเกณฑ์ให้หล่อนต้องสวมชุดนั้นชุดนี้ แต่ที่ต้องช่วยเลือกให้ เพราะกลัวว่ากินรินจะไม่ยอมซื้อชุดไหนเลยโดยอ้างว่าไม่ถูกใจทั้งร้าน เขาจึงต้องเลือกให้เสียเอง
“แต่ห้ามซื้อชุดลายการ์ตูน” เขากระเซ้า
“ร้านนี้มีลายการ์ตูนที่ไหน” กินรินตอบแล้วอดหัวเราะไม่ได้ แต่คิดไปแล้วก็น่าจะซื้อลายโปเกมอนไว้สักชุด อยากเห็นเหมือนกันว่าเขาจะทำหน้ายังไง
กินรินเลือกซื้อชุดนอนไม่นานนัก เพราะคิดว่าแค่สวมนอน และในร้านก็มีแต่ชุดสวยๆ ทั้งนั้น แทบจะหยิบได้ทุกชุดเลยก็ว่าได้ ยกเว้นชุดที่ดูแล้ววาบหวิวจนเกินเหตุ ซึ่งดูแล้วก็ไม่รู้ว่าจะสวมไปเพื่ออะไร เพราะผ้าเนื้อบางจนมองทะลุไปถึงไหนต่อไหน
“คุณไม่ลองชุดนอนเหรอครับ” เขาถามเมื่อเห็นว่าหล่อนยื่นชุดนอนที่เลือกมาทั้งหมดให้พนักงานขายไปคิดเงิน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไร เอาไว้ไปลองที่ห้องผมก็ได้”
“พี่สิน!” กินรินเรียกเขาคล้ายตกใจ
“ผมตั้งใจมารับคุณไปที่โรงแรมคืนนี้”
“อะไรนะคะ” หล่อนมองเขาตาค้างอย่างคาดไม่ถึง
“คอนโดที่จองไว้ตกแต่งใกล้เสร็จแล้ว อีกไม่นานเราก็จะย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน แต่ตอนนี้ต้องพักที่โรงแรมไปก่อน”
“แต่คืนนี้กระเต็นขอกลับบ้านก่อน”
“ทำไม”
“กระเต็นยัง...เอ่อ...ยังไม่พร้อมค่ะ”
พนักงานขายเดินกลับมาทั้งสองคนจึงต้องหยุดคุยกัน กระทั่งเขาจ่ายค่าชุดด้วยบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้วจึงพาหล่อนเดินออกไปที่ลานจอดรถก่อนที่ห้างจะปิด
“พี่สิน...” หญิงสาวเรียกเขาเสียงเบา
“ว่าไงครับ” เขาหันมามองก่อนจะติดเครื่องรถ
“กระเต็นคงไปกับพี่สินไม่ได้ เพราะไม่ได้บอกที่บ้านว่า...จะไปที่อื่น”
“คุณอายุยี่สิบสอง เรียนจบปริญญาแล้วจะไปไหนยังต้องขอที่บ้านอีกเหรอ” เขาถามแบบคนที่ไปโตเมืองนอก จนคุ้นเคยกับชีวิตที่เต็มไปด้วยอิสรเสรี
“พรุ่งนี้กระเต็นยังต้องทำงานค่ะ” หล่อนบอกเสียงอ้อมแอ้มเหมือนกลัวว่าคนฟังจะไม่พอใจ
“ก็ได้...ผมจะรอจนกว่าคุณจะพร้อม ไม่ต้องเอางานมาอ้างหรอก”
กินรินได้ยินแล้วหุบปากเงียบไปตลอดทาง เพราะเขาก็ไม่ชวนคุยหรือถามอะไรอีก ดูเผินๆ เหมือนเป็นปกติ แต่ตอนนี้หล่อนเริ่มคุ้นเคยและรู้อารมณ์เขามากขึ้น จึงรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจและอาจจะหงุดหงิดอยู่บ้างที่ถูกขัดใจ
ความคิดเห็น |
---|