18

หน้าที่เมีย


18

หน้าที่เมีย

กินรินนั่งเงียบไปจนถึงหัวหิน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ในใจของหล่อนกลับร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรถแล่นเข้าสู่เขตอำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทย

แม้จะทำใจมาก่อนหน้าแล้วว่าจะต้องย้ายออกไปอยู่กับเขาในเร็วๆ นี้ แต่วันนี้กินรินไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนว่าจะถูกพามาไกลถึงหัวหิน แต่สุดท้ายก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าเขาไม่ใช่ยักษ์มาร แต่เป็นญาติคนหนึ่งซึ่งน่าจะพอพูดจากันได้หากว่าหล่อนยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนั้น

“ผมคงไปถึงในอีกยี่สิบนาทีนี้ ช่วยเปิดห้องไว้ให้ด้วยครับ” เขาโทรศัพท์ถึงใครสักคนในโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง

ไม่นานนักรถก็แล่นเข้าสู่โรงแรมหรูสไตล์รีสอร์ตที่ออกแบบอย่างร่มรื่นอิงแอบธรรมชาติ ผู้จัดการโรงแรมและพนักงานหลายคนออกมาต้อนรับเขาในฐานะผู้บริหาร หรือเจ้าของคนใหม่ เพราะเขาเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา

กินรินแทบไม่กล้าสบตาใครทั้งสิ้น ได้แต่ยืนก้มหน้า โดยหวังว่าจะไม่มีใครจำตนเองได้ หล่อนไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะต้องไปไหนมาไหนกับเขาและพบปะผู้คนโดยไม่รู้ว่าจะแสดงตัวในฐานะอะไร

“คุณฌอนจะมาพักกี่วันครับ” ผู้จัดการถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดีกับการมาเยือนของชายหนุ่ม

“น่าจะสองสามวันครับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มแล้วหันมาหาคนข้างๆ “นี่คุณกินริน ญานันทร เป็นญาติทางคุณแม่ของผม”

“อ้อ...เหรอครับ สวัสดีครับ” พนักงานทุกคนต่างยกมือไหว้จนกินรินรับไหว้แทบไม่ทัน

จิรสินก็ยกแขนโอบบ่าหล่อนอย่างสนิทสนมแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของต่อหน้าทุกคน “ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ เราไม่มีกระเป๋าเดินทางมาด้วย เพราะขับรถมาเรื่อยๆ แล้วนึกอยากมาพักผ่อนที่นี่แบบไม่ได้เตรียมตัว”

“คุณฌอนต้องการอะไรเพิ่มเติมแจ้งผมโดยตรงได้เลยนะครับ” ผู้จัดการโรงแรมรีบบอกด้วยท่าทีนอบน้อม

จิรสินขอคีย์การ์ดจากพนักงาน เพราะไม่ต้องการให้ใครเดินไปส่งเนื่องจากไม่มีสัมภาระ และเขารู้ว่าห้องพักที่ถูกจัดไว้รอนั้นอยู่ที่ไหน เพราะเป็นห้องเดิมที่เคยมาพักเมื่อคราวก่อน ระหว่างทางเดินไปห้องพักที่อยู่ด้านหลังใกล้กับชายหาดต้องเดินผ่านสวนและห้องพักที่มีทั้งแบบอาคารสูงและแบบคอตเทจเป็นหลังๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น

ห้องพักของจิรสินเป็นคอตเทจหลังใหญ่สำหรับเข้าพักแบบครอบครัว ภายในมีสองห้องนอนและหนึ่งห้องโถงใหญ่มองเห็นทิวทัศน์หาดทราย จึงทำให้ได้ยินเสียงคลื่นลมตลอดเวลาและเป็นมุมมิดชิดที่เป็นส่วนตัว

บรรยากาศทั้งหมดที่เห็นทำให้คนที่เพิ่งมาถึงเป็นครั้งแรกรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง แม้ความกลัวจะเริ่มคืบคลานเข้าเกาะกุมจิตใจมากขึ้นทุกขณะ แต่กินรินพยายามบอกตัวเองไม่ให้กลัว...เขาดูไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ตรงกันข้ามเขายังดูหล่อเหลาเป็นที่ต้องตาสาวๆ แทบทุกคนที่ได้พบเห็น ไม่เว้นแม้แต่พิสินี

“พี่สิน...เราจะอยู่ที่นี่หลายวันหรือคะ” กินรินถาม เมื่อเขาเดินนำออกมาที่สระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดย่อม ซึ่งร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่ใช้พรางสายตาจากคนภายนอก

ชายหนุ่มหันกลับมามองคนที่เดินตามมาไม่ห่างซึ่งมีสีหน้าวิตกและสับสน ทั้งที่บรรยากาศรอบตัวนั้นแสนรื่นรมย์

“ใช่...ถ้าไม่พามาที่นี่ ผมจะได้เจอหน้าคุณบ้างไหม” เขาบอกแบบไม่อ้อมค้อม แล้วเห็นว่าหล่อนเม้มปากอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ จนเขาชินตากับอาการแบบนี้

“แต่แม่คงเป็นห่วง...กระเต็นไม่ได้บอกใครเลย”

“ป่านนี้คงรู้กันทั่วแล้ว เอาโทรศัพท์ของคุณมาให้ผม” เขายื่นมือไปตรงหน้า แต่หล่อนกลับทำเฉยไม่ยอมส่งให้

จิรสินจึงเดินเข้าไปหาแล้วคว้าเอากระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ของหล่อนมาโดยไม่ขออนุญาตเพื่อค้นเอาโทรศัพท์มือถือ

“พี่สิน!” กินรินไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อนจึงเรียกเขาเสียงดังแบบไม่พอใจ

“อย่าดื้อ...ผมบอกอะไรก็ให้ทำตาม เข้าใจไหม” เขาทำเสียงดุ แล้วล้วงเอาโทรศัพท์ออกไปจากกระเป๋าอย่างถือวิสาสะ

กินรินได้แต่มองตามด้วยความขัดใจ นี่เขาคิดว่าหล่อนเป็นทาสหรืออย่างไร ที่เอาเงินซื้อแล้วจะทำอย่างไรก็ได้แบบไม่ต้องนึกเกรงใจหรือมีมารยาทต่อกัน

“คุณน้าพิมพาหรือครับ” เขาต่อสายจากโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวไปหาแม่ของหล่อนอย่างหน้าตาเฉย

“ใช่ค่ะ สินพากระเต็นไปไหน” น้ำเสียงผู้เป็นแม่ร้อนรน “เมื่อกี้น้าโทร. หา แต่เหมือนทางโน้นไม่มีสัญญาณ”

“ผมกับน้องกระเต็นอยู่หัวหินครับ พักที่โรงแรมของผมเอง พอดีผมมีธุระต้องมาดูงานที่นี่เลยชวนน้องกระเต็นมาด้วย” เขาตอบเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้บอกคุณน้าไว้ก่อน”

“เอ่อ...กระเต็นอยู่ไหน ขอน้าคุยด้วยหน่อยสิ” น้ำเสียงของผู้เป็นแม่ยังวิตก

จิรสินจึงยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ ปล่อยให้หล่อนคุยกับแม่ด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติที่สุดเพียงไม่กี่คำเท่านั้น เขารู้ว่ากินรินไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วงทั้งที่สีหน้ากับน้ำเสียงไปคนละทาง

พอหล่อนคุยจบ เขาก็รีบดึงโทรศัพท์กลับมาทันทีแล้วจัดการปิดเครื่อง เพื่อให้หญิงสาวตัดการติดต่อจากโลกภายนอกและอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้นในช่วงสองสามวันนี้

“ทำไมต้องปิดเครื่องด้วยคะ เผื่อใครมีธุระอะไรจะติดต่อกระเต็นได้ยังไง” หล่อนอดท้วงไม่ได้เมื่อถูกยึดโทรศัพท์ไปราวกับเป็นนักโทษหรือผู้กระทำผิด

“ต่อไปนี้คุณจะไม่มีธุระอะไรทั้งสิ้น นอกจากผมคนเดียว”

“ทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ” กินรินต่อว่าเขาอย่างเหลืออด

ปลายคางเรียวถูกเชยขึ้นมาด้วยนิ้วแข็งๆ ที่จับแบบไม่ถนอมนักจนเจ้าตัวแทบสะดุ้ง แต่เมื่อได้สบตากับดวงตาคมสีอำพันก็ทำให้หญิงสาวแทบขนลุก

นัยน์ตาคู่นั้นบอกถึงความต้องการในส่วนลึกของจิตใจอย่างไม่ปิดบัง และตอนนี้กำลังมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของหล่อนอย่างพึงพอใจ

“คุณเป็นคนทำให้ผมต้องทำแบบนี้กับคุณ หรือว่านี่เป็นวิธีการที่คุณใช้ทำให้พวกหนุ่มๆ แทบคลั่งตายบ่อยๆ”

“พี่สินพูดอะไรคะ กระเต็นไปทำอะไรให้”

เขามองหน้าใสๆ ที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอย่างคลางแคลง ดวงตาสีอำพันเข้มหรี่ลงคล้ายกับกำลังประเมินสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะไล้นิ้วมือไปตามผิวแก้มบอบบางด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของ จิรสินไม่แคร์ว่าหญิงสาวจะผ่านอะไรหรือใครมาบ้าง แต่นับจากนี้หล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

กินรินเบี่ยงหน้าหนีเมื่อคางถูกปล่อยให้เป็นอิสระ หล่อนยังไม่คุ้นกับการถูกใครเชยชมใกล้ชิดอย่างนี้ โดยเฉพาะสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาในแบบผู้ชายที่ทำให้หล่อนขนลุกได้ทุกเมื่อ

“ผมเริ่มหมดสนุกที่จะวิ่งไล่ตามใครอีก ต่อไปนี้คุณมีหน้าที่ทำให้ผมพอใจ”

“พี่สินต้องการตัวกระเต็นไปทำไมคะ ในเมื่อมีผู้หญิง...อีกตั้งเยอะที่เต็มใจ” หล่อนอยากจะบอกว่าพิสินีก็พร้อมจะเสนอและสนองเขาทันทีที่กวักมือเรียก

“ผมไม่สนใจ...แล้วคุณสนใจด้วยหรือ ที่ผ่านมาคุณต้องเต็มใจทุกครั้งรึไง” จิรสินถามคล้ายกับมั่นใจว่าพริตตีสาวสวยอย่างหล่อนต้องเคยผ่านอะไรมาบ้างไม่มากก็น้อย

‘สวยน่ารักขนาดนี้คงรอดยาก!’ กินรินเป็นสาวในสเปกของผู้ชายส่วนใหญ่ก็ว่าได้ หล่อนบอบบางน่ารักน่าถนอมไปทั้งตัวด้วยมาดคุณหนูลูกผู้ดีและการศึกษาสูง แล้วใครจะไม่อยากครอบครอง

หล่อนไม่ตอบ เขาอยากจะคิดอะไรก็คิดไปเพราะพูดไปก็เท่านั้น ในเมื่อยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อเงินสิบห้าล้านแล้วจะให้เขาคิดในทางที่ดีคงเป็นไปไม่ได้แน่

“คุณมีหน้าที่ทำยังไงก็ได้ให้ผมถูกใจ” เขาจับต้นแขนหล่อนแล้วออกคำสั่ง “ทำให้คุ้มค่าเงินที่ผมจ่ายด้วย ไม่ใช่เอาแต่คอยเลี่ยงหรือหนีหน้า ไม่ต้องเล่นเกมอะไรอีกแล้วเข้าใจไหม”

“แต่กระเต็น...” หล่อนอยากบอกว่ากำลังกลัว แต่ไม่กล้าพูดออกมา สุดท้ายจึงลองต่อรองกับเขาอีกครั้ง “เราเปลี่ยนข้อตกลงกันใหม่ไม่ได้หรือคะ”

“ทำไม” เขาถามเสียงหงุดหงิด “คุณรังเกียจผมมากเลยเหรอ”

“เปล่าค่ะ”

“เปล่า แต่คุณพยายามบ่ายเบี่ยงตลอดเวลาทั้งที่ผมจัดการเรื่องบ้านให้คุณแล้ว กับคนอื่นคุณเป็นแบบนี้ไหม”

“ไม่มีกับใครทั้งนั้น อย่ามาพูดดูถูกกันแบบนี้” กินรินตะโกนใส่หน้าด้วยความโมโห “ถ้าคิดว่าสกปรกเคยผ่านใครต่อใครมาก่อน แล้วมายุ่งกับกระเต็นทำไม”

จิรสินหน้าบึ้งขึ้นมาทันทีที่หล่อนกล้าตะโกนใส่หน้า ทั้งที่หล่อนต้องเป็นฝ่ายยินยอมพร้อมใจให้เขาต่างหาก “ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณรังเกียจเฉพาะลูกคนข้างถนนอย่างผมรึเปล่า แต่กับคนอื่นคุณอาจจะบริการเต็มที่เลยก็ได้” จิรสินพูดออกไปจากปมที่ฝังลึกอยู่ในใจ

‘พวกญานันทรทุกคนรังเกียจ ‘ไอ้เด็กสิน’ ลูกคนข้างถนน!’

กินรินแกะมือเขาออกจากต้นแขนด้วยความโมโห แล้วทำท่าจะเดินหนีไปไกลๆ แต่ถูกตามมาคว้าตัวไว้อีก

“ยังไงคุณก็ต้องบริการผมอย่างเต็มที่ กลับจากหัวหินผมจะเซ็นเช็คให้สองล้านตามข้อตกลงของเรา”

“ไม่ต้อง! ไม่อยากได้แล้ว”

“หรือว่าสองล้านมันน้อยไป จะเอาเท่าไรก็บอกมา”

“คิดว่าเงินของตัวเองซื้อทุกอย่างได้รึไง” กินรินน้ำตาคลออย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งที่พยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งแต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดแรง

“ใช่...โดยเฉพาะทุกอย่างในบ้านญานันทร ผมจะซื้อให้หมด”

“พี่สิน!”

เขาคว้าข้อมือหล่อนแล้วลากเข้าไปในบ้าน ตรงไปที่ห้องนอน แต่ร่างบอบบางขืนตัวไว้ในระหว่างที่เดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่จัดไว้เป็นห้องพักผ่อนแบบสบายๆ

“ผมอยากได้คุณ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ แล้วคุณก็ต้องทำทุกอย่างที่ผมต้องการ”

“แต่กระเต็น...”

“ตรงนี้ก็ได้...เราอยู่กันสองคนนี่ จะกลัวอะไร” เขาบอกแล้วมองไปรอบๆ ห้องโถงอย่างพออกพอใจ ก่อนหันกลับมามองหน้าตาที่เริ่มซีดเผือดด้วยความกลัว

หญิงสาวส่ายหน้าไปมาระหว่างที่ถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองด้วยความปรารถนาอย่างไม่ปิดบัง

“ถอดเสื้อผ้าออกสิ” เขาสั่งเหมือนเป็นเจ้านายกับทาสก็ไม่ปาน

“ไม่...”

“คุณต้องทำตามที่ผมสั่ง ถอดออกให้หมดทุกชิ้น แล้วทำอะไรก็ได้ให้ผมมีความสุข มันเป็นหน้าที่ของคุณ” เขาสั่งและยืนคอย

แต่กินรินยืนหน้าซีดและไม่คิดจะทำตามที่เขาสั่งแม้แต่น้อย ตอนนี้โลกที่เคยเป็นสีชมพูสดใสของหญิงสาวเหมือนกำลังจะถล่มลงมาต่อหน้า เพราะไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิต

“ทำสิ กินริน” เข้าคว้าข้อมือบางทั้งสองข้าง ขัดใจที่หล่อนยังยืนเฉย จิรสินยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปแตะที่แผงอกของตนเอง ก่อนกระซิบเสียงเข้ม “คุณมีหน้าที่ทำให้ผมมีความสุข และผมต้องการให้คุณทำเดี๋ยวนี้”

กินรินมองมือตนเองที่ถูกดึงไปแตะหน้าอกแข็งๆ ของเขาแล้วส่ายหน้าช้าๆ หล่อนจะทำให้เขามีความสุขได้อย่างไรในเมื่อไม่เคยทำมาก่อน

“ถอดชุดออก” เขากระซิบที่ข้างหูคนที่ยังยืนนิ่งเหมือนหุ่น

“ปล่อยกระเต็นไปเถอะนะ” หล่อนบอกเสียงเบาด้วยความกลัว

แทนที่เขาจะเห็นใจ กลับโมโหแล้วลากหล่อนไปโยนที่โซฟามุมห้องอย่างไม่ปรานีจนต้องร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ

“พี่สิน!”

จิรสินตามไปคว้าร่างที่ลุกขึ้นมาแล้วรีบกระถดหนี รู้แล้วว่าเขาสั่งให้หล่อนทำตามใจไม่ได้แน่ๆ จึงต้องเป็นฝ่ายกระทำเสียเองตามความต้องการจากภายใน เขาจับร่างเพรียวบางในชุดกระโปรงสีหวานกดลงกับเบาะนุ่มแล้วตามลงไปประกบริมฝีปากบดจูบอย่างที่ใจปรารถนา หล่อนทำให้เขาเพ้อหาจนแทบคลั่งมาหลายวัน ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่านั่นเป็นแค่ความต้องการตามธรรมชาติของชายหนุ่มในวัยสามสิบต้นๆ

หล่อนหายใจเกือบไม่ทันจนต้องพยายามบ่ายหน้าหนีพลางน้ำตาคลอ ตอนนี้กินรินรับรู้แล้วว่าไม่ควรขัดใจจิรสินเพราะยิ่งผลักออกหรือต่อต้านเขาก็ยิ่งกระโจนใส่

“พี่สิน...ปล่อยกระเต็น” เสียงกระซิบบอกแผ่วๆ ในระหว่างที่เขาซบหน้าลงที่ซอกคอหอมกรุ่นเพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวหล่อน ที่ปรารถนาจะได้สัมผัสอีกสักครั้งจนแทบทนไม่ไหว

จิรสินจำต้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นว่าหล่อนมีน้ำตาคลอและใกล้หยดเต็มที “ทำไมต้องขัดใจผม” เขาถามอย่างรำคาญ

เมื่อเขายอมหยุดและปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ กินรินรีบลุกขึ้นแล้วกระเถิบหนีไปนั่งห่างๆ อยู่ที่ปลายโซฟาอีกด้าน “เอาไว้คืนนี้ก็ได้ นี่มันเกือบเย็นแล้วผมจะสั่งอาหารมาให้ทาน” จิรสินมองคนที่นั่งก้มหน้านิดๆ ด้วยความรู้สึกทั้งโมโหและสงสาร

ในที่สุดเขาก็ใจอ่อนกับหล่อนจนได้ ทั้งที่รู้เต็มอกว่าแม่นกกระเต็นบีบน้ำตาเก่ง แถมยังชอบปั่นหัวผู้ชายให้วิ่งไล่ล่าซึ่งอาจเป็นวิธีเพิ่มค่าตัวแบบง่ายๆ แต่ได้ผล เพราะผู้ชายหลายคนเวลาอยากได้ขึ้นมาจนแทบลงแดง หล่อนเรียกร้องเท่าไรก็คงแทบจะยอมถวายหัว

 

หลังรับประทานอาหารมื้อบ่ายแก่ๆ กินรินเก็บตัวอยู่เงียบๆ ในห้องนอนตามลำพังจนถึงเย็น ส่วนเขาจะอยู่ตรงไหนนั้นหล่อนก็ไม่อาจรู้ได้ ยังดีที่เขาปล่อยให้หล่อนมีเวลาได้อยู่เงียบๆ คนเดียวบ้าง เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นยังคงทำให้หล่อนใจคอไม่เป็นปกตินัก

หล่อนทำงานเป็นพริตตีก็จริง แต่เอาอกเอาใจใครไม่เป็นโดยเฉพาะผู้ชาย แล้วจะให้หล่อนบริการเขาอย่างไรถึงจะถูกใจ ในเมื่อตลอดทั้งชีวิตมีแต่คนในบ้านคอยเอาใจในฐานะลูกสาวคนเล็กของบ้าน แถมยังเป็นหลานสาวคนโปรดของบ้านญานันทรอีกด้วย กินรินจึงคุ้นชินกับการเป็นที่สนใจในฐานะคนโปรดมาโดยตลอด

พอถึงช่วงหัวค่ำ จิรสินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนหล่อน ท่าทางคล้ายกับคนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก กินรินไม่ได้ก้าวออกจากห้องนอนจึงไม่รู้ว่าเขาออกไปไหนหรือไม่ในช่วงสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา

“ผมไปคุยเรื่องงานกับผู้บริหารที่นี่” เขาเล่าให้ฟังโดยที่หล่อนไม่ได้ถาม แล้วจากนั้นก็ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าทำเอาคนที่นั่งอยู่บนเตียงกลางห้องแทบทำอะไรไม่ถูก

“ถ้าพี่สินจะใช้ห้องนี้ กระเต็นย้ายไปอยู่ห้องโน้นก็ได้ค่ะ” หล่อนรีบลุกขึ้นมาบอกคนที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดเหมือนว่าตัวเองอยู่ในห้องคนเดียวตามลำพัง

“ย้ายทำไม เป็นผัวเมียก็ต้องอยู่ห้องเดียวกัน”

“คือ...” กินรินพูดไม่ออกเพราะยังไม่คุ้นกับคำนี้

“ที่จริงคุณต้องช่วยผมถอดเสื้อผ้าหรือแต่งตัวด้วยนะ”

“ว่าไงนะคะ”

“เมียใครๆ ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น มาช่วยผมหน่อยสิครับ” น้ำเสียงตอนท้ายของเขาอ่อนลงเหมือนขอร้อง

กินรินสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจึงเดินเข้าไปหาช้าๆ เพราะรู้ตัวว่าคงเลี่ยงเขาไม่ได้แล้ว

“ผมไปทำงานกลับมาเหนื่อยๆ ช่วยปลดกระดุมให้หน่อย”

หล่อนยกมือขึ้นแตะกระดุมเสื้อที่ยังไม่ถูกปลดออกจากรังดุมอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะไม่เคยทำให้ใครมาก่อน พอปลดออกหมดก็เห็นหน้าอกเปลือยที่เต็มไปด้วยไรขนบางๆ

“ถอดเข็มขัดให้ผมด้วย” เขาสั่งเสียงเบา

“พี่สิน...” หล่อนเงยหน้าขึ้นมองทันทีคล้ายตกใจ ใบหน้าเรียวเล็กกลายเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นทันตา

นั่นทำให้คนที่พยายามทำใจแข็งอดยิ้มไม่ได้ เขาชอบเวลาที่หล่อนเขินจนหน้าแดง มันยิ่งทำให้ผิวหน้าเนียนใสของหล่อนดูน่าสัมผัสยิ่งขึ้น

“เร็วสิครับ ผมอยากไปอาบน้ำแล้ว”

กินรินจำต้องยื่นมือสั่นๆ ไปแตะที่หัวเข็มขัดของเขาอย่างประหม่า หล่อนถอดเข็มขัดอย่างทุลักทุเลอยู่นานกว่าจะสำเร็จ

“คุณไม่เคยทำจริงๆ เหรอ” เขากระซิบถามแล้วเห็นว่าหญิงสาวเม้มปากสนิทไม่ยอมตอบ โดยในมือยังถือเข็มขัดของเขาไว้

“ถ้าพี่สินจะอาบน้ำ กระเต็นขอออกไปอยู่ข้างนอกนะคะ” หล่อนบอกโดยไม่มองหน้าเขาแล้วทำท่าจะผละไปดื้อๆ

“เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้ถอดเสื้อให้ผมเลย”

“เอ่อ...” กินรินมองหน้าเขาแบบไม่เข้าใจ

‘ก็แค่ถอดเสื้อออก ทำไมไม่ถอดเองล่ะ’

“เร็วสิครับ”

“ค่ะ”

หล่อนดึงชายเสื้อเชิ้ตของเขาออกมาจากกางเกง แล้วค่อยๆ ถอดเสื้อออกโดยไม่มองหน้าเจ้าของ แต่กลับมองเห็นเนื้อตัวท่อนบนอันเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของวัยหนุ่ม กินรินเริ่มรู้สึกใจสั่นแปลกๆ ขึ้นมา ซึ่งหล่อนตีความว่าตนกำลังกลัวจึงต้องรีบถอยห่างจากเขา

จิรสินมองร่างโปร่งบางที่ถอยออกไปพร้อมกับเสื้อและเข็มขัดในมือแล้วหรี่ตาลงด้วยความสงสัย กินรินทำท่าเหมือนไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายมาก่อน “คุณไม่ยอมถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ผมก็เลยให้ถอดของผมแทน”

กินรินเหลือบมองหน้าเขาแล้วรีบเดินเอาเสื้อกับเข็มขัดไปแขวนในตู้เสื้อผ้า แต่คนที่ท่อนบนเปลือยเปล่ากลับเดินตามมา

“ผมยังมีอะไรให้คุณทำอีกเยอะ”

คนฟังรีบปิดตู้แล้วเดินไปที่ประตูห้องเพื่อออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น