17

ไปหัวหิน



 

17

ไปหัวหิน

เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านใหญ่ทำให้กินรินต้องนอนซมไปทั้งวัน ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดที่ถูกสองคนแม่ลูกนั่นตบหน้า แต่เป็นความเจ็บช้ำและอับอายจนไม่อยากพูดคุยหรือพบหน้าใครอีก

แม่เข้ามาบอกว่าคุณปู่กับพ่อของหล่อนไปที่บ้านใหญ่เพื่อต่อว่าประภาพรกับลูกสาวที่เป็นฝ่ายก่อเรื่องขึ้นมา แถมยังรุมตบตีทำร้ายร่างกายกันราวกับไม่ใช่ญาติพี่น้อง

กินรินฟังอย่างไม่มีความเห็น เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องใดๆ ในบ้านนี้อีก แล้วคนที่เป็นต้นเหตุเล่า ถ้ารู้เรื่องนี้เขาจะรู้สึกอย่างไรที่มีคนทะเลาะตบตีกันเพราะตัวเอง เขาอาจจะดีใจที่คนในบ้านญานันทรอับจนหนทางถึงขั้นต้องตบตีกินเนื้อหนังกันเองก็ได้ หล่อนรับรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ชอบคนในบ้านนี้ และอาจกำลังพยายามทำทุกทางเพื่อให้บ้านแตกสาแหรกขาด!

ทำแบบนั้นมันไม่เกินไปหน่อยหรือ ถึงจะขุ่นเคืองใจแค่ไหนก็ไม่ควรทำแบบนี้

กินรินผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ หลายวันที่ผ่านมาหล่อนแทบไม่ได้อยู่บ้านเพราะมีงานเกือบทุกวัน วันนี้ได้หยุดหนึ่งวัน แต่ก็ไม่ได้พักเพราะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เมื่อตื่นขึ้นมาหล่อนจึงกดโทรศัพท์ต่อสายถึงชยาภาเพื่อบอกว่าพรุ่งนี้ขอหยุดพักงานอีกสักวัน แต่น้ำเสียงเนือยๆ คงทำให้เพื่อนสนิทสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อเพื่อนถามในขณะที่หล่อนเองก็ต้องการระบายออกมาบ้างกินรินจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชยาภาฟังทั้งหมด ทางฝ่ายนั้นจึงบอกให้หยุดงานอีกสองสามวันเพื่อพักผ่อน เพราะรู้ว่าหล่อนคงแทบหมดแรงยืนแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ส่วนเรื่องงานทางบริษัทจะจัดหาคนมาออกงานอีเวนต์แทนในช่วงนี้

“แกพักผ่อนเถอะนะ ฉันจะบอกพี่ณัชให้เอง”

“ฉันขอหยุดพรุ่งนี้อีกวัน แล้ววันมะรืนจะกลับไปทำงาน”

“โอเค...แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกได้เลย ยังไงแกก็อย่าคิดมาก ฉันเอาใจช่วยแกอยู่นะ” ชยาภาให้กำลังใจ

“ขอบใจนะภา”

 

วันรุ่งขึ้นผิวหน้าเนียนๆ ที่เป็นรอยแดงช้ำข้างหนึ่งค่อยจางลง ส่วนอาการเจ็บปวดจากการถูกตบก็แทบไม่มีเหลือ กินรินจึงคิดว่าจะอยู่บ้านพักผ่อนอีกหนึ่งวันเพื่อกลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น หล่อนมีงานอีเวนต์ที่รับไว้อีกเพียงแค่สามงานเท่านั้น และตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนหยุดรับงานในระยะยาวตามที่ให้สัญญาไว้แก่จิรสิน

แต่ตอนนี้กินรินเริ่มไม่แน่ใจว่าคิดผิดหรือไม่ที่ยอมตกลงรับข้อเสนอจากเขา กระทั่งเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาเมื่อวานนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในบ้านญานันทร ด้วยการข้องเกี่ยวกับผู้หญิงในบ้านนี้พร้อมๆ กันทีเดียวสองคน

ถ้าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ พิสินีคงไม่ไปหาเขาถึงโรงแรมและกลับมาอาละวาดเกรี้ยวกราดเอากับหล่อนด้วยท่าทีหึงหวงราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจิรสิน แล้วเป็นไปได้หรือที่คนอย่างพิสินีจะคิดไปเอง หากว่าฝ่ายชายไม่มีท่าทีใดๆ หรือแม้แต่ให้ความหวัง

กินรินมีเวลาพักผ่อนสมใจเพียงแค่ช่วงเช้าเท่านั้น เพราะตอนบ่ายจิรสินมาเยี่ยมแม่ของเขาและโทร. หาหล่อนจึงรู้ว่าไม่ได้ออกไปทำงาน

“ทำไมไม่บอกผมว่าวันนี้อยู่บ้าน” เสียงที่ผ่านโทรศัพท์มาบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ

“กระเต็นไม่รู้นี่คะว่าพี่สินมีธุระจะคุยด้วย” หล่อนตอบไปด้วยน้ำเสียงรำคาญที่เขาทำเหมือนเป็นเจ้าชีวิต ผสมกับอารมณ์ที่ยังติดค้างในใจจากเรื่องเมื่อวานนี้

“ผมรอคุณมาตั้งกี่วันแล้ว ไม่รู้ได้ยังไง”

“ตอนนี้พี่สินอยู่ที่บ้านป้าพรหรือคะ”

“เปล่า...ผมไปเยี่ยมแม่ ออกมาแล้ว ตอนนี้กำลังเดินออกมาที่รถ ผมจะไปหาคุณที่บ้านนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ กระเต็นจะเดินไปหาพี่สินที่รถเอง” หล่อนไม่อยากให้เขามาที่บ้านตอนนี้ เพราะเมื่อวานเพิ่งมีเรื่องมาหยกๆ โดยที่เขาเป็นต้นเหตุ ซึ่งกินรินเดาไม่ได้ว่าพ่อกับแม่จะคิดอย่างไร จึงต้องเดินออกไปพบเขาเสียเองตรงที่จอดรถหน้าบ้านใหญ่ แต่เมื่อเดินไปถึงปรากฏว่าเขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง พิสินีคงมารอพบเขาอยู่ที่รถเช่นกัน นั่นทำให้กินรินเริ่มรู้สึกสองจิตสองใจกับการที่ต้องเข้าไปพัวพันกับจิรสินโดยมีญาติสาวผู้พี่พยายามเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน

หล่อนเป็นคนรุ่นใหม่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หัวสมัยใหม่ถึงขั้นใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับญาติตัวเองได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ถ้าเขาอยากได้ใครจริงๆ ก็ควรจะเลือกเอาสักคน และหล่อนก็พร้อมจะหลีกทางให้ทันที เพราะยังทำใจไม่ได้ที่ต้องนอนกับผู้ชายคนเดียวกันกับพิสินี

“พี่สินนัดกับกระเต็นไว้หรือคะ” พิสินีถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เมื่อเห็นกินรินเดินเข้ามาที่รถของเขา

“ครับ” เขาตอบสั้นๆ

“สินีมีเรื่องอยากคุยกับพี่สินค่ะ”

“เรื่องอะไร เอาไว้วันหลังได้ไหม” เขาตอบพิสินีแบบไม่ตัดเยื่อใย เพราะรู้ว่าหล่อนรอได้อยู่แล้ว

“ถ้ามีเรื่องจะคุยกัน กระเต็นกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ค่ะ” กินรินบอกแบบเบื่อๆ กับภาพที่เห็น และไม่นึกอยากมีส่วนร่วมใดๆ การที่ถูกสองคนแม่ลูกรุมตบหน้าเมื่อวานนี้ก็ทำให้รู้สึกขยาด หากจะต้องเข้าใกล้คนอารมณ์ร้ายอย่างแม่ลูกคู่นี้อีก เพราะไม่มีแก่ใจจะไปสู้รบตบมือกับใคร โดยเฉพาะตบกันเพื่อแย่งผู้ชาย ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่หล่อนคิดทำในชีวิตนี้

“ไม่ต้อง...ผมจะคุยกับคุณ สินีคงไม่ได้มีธุระด่วนใช่ไหม” จิรสินหันไปถามญาติสาวอีกคนในตอนท้าย

กินรินถอนหายใจ ตกลงเขาคิดจะมีผู้หญิงทีเดียวสองคน โดยที่พวกหล่อนอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันอย่างนั้นหรือ

“ไม่ด่วนค่ะ สินีรอก็ได้” พิสินีเริ่มรู้งานจึงตอบอย่างคนว่าง่าย

แต่คนที่ยืนฟังอยู่เริ่มรับไม่ไหวกับความรู้สึกที่ท่วมท้นขึ้นมาในใจอย่างฉับพลัน “พี่สินทำแบบนี้ทำไม” กินรินตัดสินใจถามออกไป เพราะทนเก็บไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

“ทำอะไร”

“ก็พยายามทำทุกอย่างให้บ้านนี้ปั่นป่วน”

จิรสินได้ยินแล้วนิ่งอึ้งไป เขาจ้องหน้าเรียวสวยของหญิงสาวก่อนตอบแบบรวนๆ ว่า “แล้วไง”

“ทำอะไรทำไมไม่เห็นแก่ผู้ใหญ่บ้าง แล้วถ้าป้าพรรู้จะคิดยังไง” กินรินถามอย่างเหลืออดที่เขาทำท่าเหมือนไม่แคร์ใครทั้งนั้นราวกับคนไม่มีหัวใจ

“อย่าเอาแม่ผมมาอ้าง” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเหมือนถูกจี้ใจดำ แม่คือจุดอ่อนของจิรสิน และดูเหมือนว่ากินรินจะจับจุดได้แล้ว

“ไม่ได้อ้างค่ะ แต่พี่สินควรจะคิดถึงใจคนอื่นบ้าง”

“ผมไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นยังไง สนแต่ว่าตัวเองต้องการอะไร” เขาตอบแบบไม่แยแสความรู้สึกใครทั้งนั้นโดยเฉพาะคนที่กำลังโต้คารมกันอยู่ในตอนนี้

กินรินได้ยินแล้วถึงกับเม้มปากสนิทไปชั่วขณะเพื่อตัดสินใจในสิ่งที่นอนคิดมาทั้งคืน “กระเต็นจะขอยกเลิกสัญญาของเราทั้งหมดค่ะ”

“ว่าไงนะ!” จิรสินแทบตาค้างอย่างคาดไม่ถึงว่าหล่อนจะกล้า

ส่วนพิสินีอยากกรี๊ดออกมาด้วยความดีใจ แต่ทำได้เพียงแค่ลอบยิ้มกับตัวเองเท่านั้น

“พี่สองคนอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะนะ แต่กระเต็นไม่อยากมีส่วนร่วม”

จิรสินได้ยินแล้วต้องสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ ‘ยายเด็กบ้านี่ไม่ได้สวยใสไร้สมอง แต่หล่อนทันเกม!’

“นี่คิดจะเบี้ยวกันเหรอ”

“เปล่าค่ะ กระเต็นจะหาทางขายบ้านแล้วรีบเอาเงินมาคืนให้พี่สิน” หล่อนบอกตามแผนการเดิมที่เคยคิดไว้ และถ้าเป็นไปตามนั้นเรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี เขากับพิสินีจะทำข้อตกลงอะไรกันนั้นก็สุดแล้วแต่

“ไม่!” เขาปฏิเสธเสียงดังทันที

“พี่สิน...คนเขาไม่เต็มใจก็อย่าไปบังคับจิตใจกันเลยค่ะ” พิสินีได้โอกาสรีบแทรก พร้อมกับเดินเข้ามาเกาะแขนข้างหนึ่งของเขาอย่างสนิทสนม แต่แล้วก็ต้องผงะ!

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” เขาหันไปบอกเสียงเข้ม ไม่พอใจที่หล่อนสอดขึ้นมาแบบไม่มีใครเชิญ

“แต่สินีหวังดีนะคะ”

จิรสินเลิกใส่ใจพิสินี หันไปคุยกับคนที่เขาสนใจมากกว่าและไม่ต้องการให้หลุดมือไป “เราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้ ผมไม่ยกเลิกเด็ดขาด”

“ถ้าพี่สินคิดจะทำให้ญาติพี่น้องแตกคอกัน กระเต็นไม่ยอมร่วมมือด้วยหรอกนะ”

“ไม่ยอมได้ยังไง ในเมื่อผมจ่ายไปแล้วตั้งสิบสามล้าน”

“กระเต็นจะหาเงินมาคืนให้”

“หามายังไง อย่าบอกนะว่าจะไปเอาเงินจากนายณัชพล”

กินรินได้ยินแล้วถึงกับพูดไม่ออก นี่เขามองว่าหล่อนมีทางหาเงินได้วิธีเดียวโดยการเอาตัวเข้าแลกจากผู้ชาย?

“ถ้าจะทำอย่างนั้น ผมว่าคุณไปกับผมดีกว่า เพราะผมจ่ายให้คุณมากกว่าทุกคนแน่ๆ”

“พี่สิน!” พิสินีเรียกเสียงแหลม

แต่จิรสินไม่สนใจใครทั้งนั้น เขาพุ่งตัวไปหาร่างเพรียวบางของหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนักแล้วลากไปขึ้นรถ

“ไม่นะ” กินรินร้องห้ามแต่ไม่ทัน เพราะถูกจับตัวแล้วผลักเข้าไปในรถสปอร์ตอย่างรวดเร็ว

“ถ้าเปิดประตูลงมา ผมจะปล้ำคุณในรถตรงนี้เลย”

เสียงเข้มดุขู่สำทับทำให้หญิงสาวไม่กล้าเปิดประตูลงจากรถ เพราะรู้ว่าเขาทำแน่ เพียงไม่กี่อึดใจรถเบนซ์สีดำก็เคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถหน้าบ้านใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว

พิสินีได้แต่มองตามก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความแค้นใจ ฝ่ายอำไพและประภาพรที่ชะเง้อมองมาจากเทอร์เรซทำได้แค่ยืนมองตาปริบๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“พี่สินจะพากระเต็นไปไหน” หญิงสาวหันไปถามหลังจากนั่งเงียบมานานตั้งแต่ออกจากบ้าน เมื่อเห็นว่าเขากำลังหันหัวรถขึ้นทางด่วน ซึ่งทำให้กินรินไม่แน่ใจว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหนกันแน่

“ไม่ต้องถามได้ไหม” เขาหันมาบอกเหมือนรำคาญที่มีคนถามโน่นนี่กวนสมาธิระหว่างขับรถ

“ไม่ให้ถามได้ไง จะไปไหนยังไม่รู้เลย”

“เดี๋ยวก็รู้เอง” จิรสินหันกลับไปมองถนนตรงหน้าเหมือนไม่อยากโต้ตอบในตอนนี้

กินรินมองอย่างขัดใจ หล่อนจำต้องนั่งรถต่อไปเงียบๆ กระทั่งผ่านไปนานนับชั่วโมงเขาก็ยังไม่ลงจากทางด่วนจึงรู้แน่ๆ แล้วว่าเขากำลังพาออกต่างจังหวัดซึ่งเป็นทิศทางลงสู่ภาคใต้

“นี่ตกลงเราจะไปไหนกันคะ มันไกลมากแล้วนะ”

“ไปหัวหิน”

“ไปทำไมคะ” กินรินถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน หน้าหวานๆ ที่ตกแต่งไว้บางๆ อย่างเป็นธรรมชาติเริ่มวิตก โดยเฉพาะดวงตากลมโตที่มองมาเต็มไปด้วยความระแวง

“ผมไม่ยกเลิกข้อตกลงของเราเด็ดขาด แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์บ่ายเบี่ยงที่จะไม่เจอหน้าผมอีก”

“แต่ว่า...พรุ่งนี้กระเต็นต้องไปทำงานนะคะ แล้วถ้าเราไปหัวหินก็คงกลับมาไม่ทันแน่ๆ”

“ผมจะจ่ายเงินเดือนให้คุณ ไม่ต้องไปยืนโชว์ตัวที่ไหนอีก แล้วก็ไม่ต้องอ้างว่ามีงานรับไว้ล่วงหน้าค้างอยู่ คุณอ้างมาสองอาทิตย์แล้วนะ” เขาว่าเป็นชุดโดยไม่มองหน้าคนฟังเพราะต้องขับรถ

“ไม่ได้อ้างค่ะ มีงานทำจริงๆ” หล่อนรีบแก้ตัวแล้วก็อดบอกเขาไม่ได้ว่า “ทำไมไม่ชวนพี่สินีมาหัวหินล่ะคะ น่าจะสนุกกว่ามากับกระเต็น”

“ผมอยากมากับคุณ เสียเงินไปตั้งสิบสามล้านก็ต้องใช้ให้คุ้ม”

กินรินเม้มปากสนิทและคิดว่าจะไม่พูดอะไรอีก เพราะยิ่งพูดก็ดูเหมือนยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เขาไม่ได้คิดจะถนอมน้ำใจกันเลยสักนิด น้ำเสียงที่ได้ยินจึงเหมือนกับเจ้านายกำลังคุยกับคนรับใช้ที่ไม่มีสิทธิ์เถียง

“อ้อ...ผมจะโทร. ไปบอกที่บ้านของคุณเอง แต่ป่านนี้อาจจะรู้กันทั่วแล้วก็ได้”

กินรินเห็นว่าเขายิ้มมุมปากราวกับสะใจที่ลากเอาตัวหล่อนออกมาไกลถึงหัวหินโดยที่ไม่มีใครขัดขวาง และสิ่งที่เห็นทำให้หล่อนแทบอยากลงจากรถในตอนนี้เลยถ้าทำได้

“ท่าทางพี่สินีสนใจพี่สิน ทำไมไม่ยกเลิกสัญญาของเราแล้วไปยื่นข้อเสนอกับพี่สินีล่ะคะ”

“ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อผมสนใจคุณมากกว่า”

“แต่พี่สินีคงเต็มใจมากกว่ากระเต็น”

จิรสินได้ยินแล้วถึงกับหน้าตึง เผลอเหยียบคันเร่งตามแรงอารมณ์ แล้วเห็นว่าคนข้างๆ ทำหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันที “ใครจะเต็มใจรึเปล่าผมไม่สนหรอก แล้วคุณก็หยุดพูดถึงคนอื่นเสียที!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น