16

ปั่นป่วน


 

16

ปั่นป่วน

จิรสินวางสายลงด้วยความรู้สึกแปลกใจ พนักงานต้อนรับด้านล่างแจ้งขึ้นมาว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งมาขอพบ เมื่อได้ยินชื่อว่าเป็นใครก็ต้องขมวดคิ้วอย่างคาดไม่ถึง

พิสินี...หล่อนมีธุระอะไรถึงได้มาหาเขาถึงโรงแรม

ชายหนุ่มไม่อนุญาตให้ญาติสาวขึ้นมาพบถึงบนห้องส่วนตัว จึงบอกให้ไปคอยที่ห้องประชุมเล็กในส่วนของผู้บริหาร ส่วนห้องทำงานของเขายังอยู่ในขั้นตอนการเก็บงานและรายละเอียดต่างๆ จิรสินจึงยังนั่งทำงานบนห้องพักส่วนตัว

เมื่อลงไปที่ห้องประชุมก็พบว่าพิสินีมานั่งคอยอยู่แล้ว พอเห็นเขาเดินเข้าไปหล่อนรีบลุกขึ้นทันที

“พี่สิน...”

“คุณมีธุระอะไรกับผม” เขาถามเข้าเรื่องโดยปราศจากคำทักทายใดๆ

“สินี เอ่อ...ทำขนมมาให้ทานน่ะค่ะ”

จิรสินเลิกคิ้วสูงเหมือนไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน คนอย่างเขาน่ะหรือที่หลานสาวตระกูลญานันทรถึงขั้นลดเกียรติลงมาทำขนมให้กิน “ขอบคุณนะ แต่ผมไม่ชอบกินขนม แล้วที่โรงแรมนี้ก็มีของกินเยอะแยะ คราวหลังไม่ต้องลำบากทำมาอีก”

“ไม่ลำบากหรอกค่ะ สินีกับแม่ชอบทำขนมไว้ทานกันเอง เพราะไปซื้อตามร้านแล้วไม่ถูกปาก พี่สินลองชิมดูก่อนนะคะ เป็นขนมไทยค่ะ” พิสินีบอกอย่างเอาอกเอาใจ

จิรสินเดินไปนั่งลงตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่โต๊ะประชุมเล็กๆ ภายในห้อง แล้วผายมือให้หล่อนนั่งลงโดยไม่คิดจะแยแสขนมที่ถูกนำเสนอ

“ผมไม่คิดว่าคุณอุตส่าห์มาเพราะแค่จะเอาขนมมาฝาก” เขาพยายามเข้าเรื่องอีกหน เพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้

“ค่ะ สินีมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“มีเรื่องอะไรอีก ผมจำได้ว่าเรื่องบ้านเราเคยคุยกันไปแล้ว ผมขอเวลาสักพักแล้วจะรีบจัดการให้”

เสียงเคร่งขรึมและค่อนข้างห้วนที่ได้ยินทำให้พิสินีหน้าเสีย แต่หล่อนไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ แม้ว่าเขาจะไม่เปิดทางให้เชื่อมไมตรีเลยก็ตาม

“เรื่องบ้านสินีเข้าใจแล้วค่ะ แต่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พี่สิน...ยื่นข้อเสนอให้ทางบ้านน้าทัดเทพต่างจากเรา”

คนฟังขมวดคิ้วทันที ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามเพื่ออะไร เขาจะยื่นข้อเสนออย่างไรก็ได้ในเมื่อมันเป็นเงินของเขา เจ้าของเงินมีสิทธิ์จ่ายเพื่อซื้ออะไรก็ได้เท่าที่พอใจโดยไม่จำเป็นต้องถามใครก่อน “นั่นมันเป็นสิทธิ์ของผม” เขาตอบแบบไม่ให้ความกระจ่างใดๆ ทั้งสิ้น

“สินีก็แค่อยากรู้ว่าทำไม ทีบ้านใหญ่พี่สินยังให้โอนไปเป็นชื่อป้าพร แล้วบ้านหลังโน้นกลับยกให้นัง...เอ่อ...ให้ยายกระเต็น” พิสินีทำหน้างอคล้ายกับไม่พอใจที่หล่อนไม่ได้บ้านเหมือนอย่างญาติสาวผู้น้อง แต่ต้องกลายเป็นเพียงผู้อาศัยในอีกไม่นานนี้

“ผมคิดว่าบอกคุณไปแล้วนะเรื่องเงื่อนไขระหว่างผมกับกินริน”

“ค่ะ แต่สินีอยากรู้ว่าทำไมพี่สินต้องทำอย่างนั้น” หล่อนมองเขาอย่างตัดพ้อ ราวกับว่าเขาทำให้หล่อนทั้งผิดหวังและเสียใจ

“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ไม่เกี่ยวกับใคร”

“สินีแค่ข้องใจว่าทำไมต้องเป็นยายกระเต็น”

“ผมไม่รู้ว่าคุณถามเพื่ออะไร แต่ผมพอใจ แล้วที่สำคัญผมกับกินรินตกลงกันได้”

“ทำไมพี่สินถึงเลือกยายเด็กนั่น” พิสินียังไม่ยอมจบง่ายๆ

“มันเป็นความพอใจ ไม่มีเหตุผล”

พิสินีลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมโต๊ะประชุมไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม “พี่สินคะ” หล่อนรอจนกระทั่งเขาเหลือบตาขึ้นมามอง ดวงตาคมสีอำพันที่เห็นในระยะใกล้กว่าที่เคยทำให้หญิงสาวถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

ตาคมดุไร้แววอ่อนหวาน แต่กลับทำให้พิสินีรู้สึกใจสั่นได้ง่ายๆ จนอดคิดไม่ได้ว่า ‘เขาใช่เด็กสินคนนั้นจริงๆ หรือ’

“สินี...ก็อยากได้บ้านเหมือนยายกระเต็น”

“หือ...” จิรสินได้ยินแล้วทำหน้างง ไม่เข้าใจว่าญาติสาวต้องการจะบอกอะไรกันแน่

“ทำไมพี่สินไม่...เสนอเงื่อนไขแบบนั้นให้สินีบ้างล่ะคะ”

จิรสินได้ยินเต็มๆ สองหูแล้วยืนนิ่งอึ้งอย่างคาดไม่ถึง ก็ใครจะคิดล่ะว่าหลานสาวคนสวยของตาธวัชจะออกปากเสนอ ‘ขายตัว’ แบบไม่นึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นญานันทรเลยสักนิด แต่ไม่ว่าอะไรที่ง่ายเกินไปก็มักจะถูกเมิน และจิรสินก็เป็นผู้ชายประเภทนั้นเสียด้วย เขาไม่เคยมองผู้หญิงที่เสนอตัวเข้ามาหาก่อน แต่ถึงสนก็มักจะไม่นาน

หลานสาวตาธวัชก็สวยอยู่หรอก แต่ที่เขาไม่มองหล่อนก็เพราะไม่เคยลืมว่าหล่อนทำอะไรไว้บ้างในอดีต พิสินีเป็นเด็กผู้หญิงที่ร้ายกาจและดูเหมือนทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม ที่สำคัญเขาไม่ถูกใจหล่อนแม้แต่น้อย ยิ่งมาเสนอตัวให้ถึงที่แบบนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่

หลังจากหายตะลึงแล้ว หนุ่มหน้าเข้มจึงยิ้มที่มุมปาก เขาไม่สนหล่อนก็จริง แต่ถ้าได้มาเป็นหมากอีกตัวบนกระดานก็น่าจะทำให้เกมนี้สนุกขึ้นอีกหลายเท่า พวกญานันทรน่าจะมาถึงจุดต่ำสุดในชีวิตแล้ว และเขาจะทำให้ตกต่ำจมดินอย่างที่คนพวกนั้นคิดไม่ถึง

“ผมจะให้กินรินย้ายมาอยู่กับผมที่นี่เร็วๆ นี้” เขาบอกให้หล่อนรับรู้ไว้

“พี่สินชอบเด็กนั่นจริงๆ หรือคะ หรือว่าแค่...” พิสินีมองตาเขาแล้วไม่กล้าพูด เพราะแววตาที่จ้องมาไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

“ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” เขาตอบห้วน

“หมายความว่าพี่สินก็ไม่ได้คิดจริงจังกับกระเต็นถึงขั้นแต่งงาน”

“ผมบอกตอนนี้ไม่ได้หรอก”

“งั้นสินีก็ยังมีความหวังสิคะ” พิสินีเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแบบไม่รู้ตัว

“คุณอยากเป็นผู้หญิงของผมอีกคน ทั้งที่รู้ว่าผมกับน้องสาวของคุณกำลังจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่?” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถาม

“กระเต็นไม่ใช่น้องสาวสินีค่ะ เราเป็นแค่ญาติห่างๆ”

จิรสินมองหล่อนอย่างเหลือเชื่อ ท่าทางหล่อนไม่สนใจใครนอกจากผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น “ที่จริงถ้าคุณแค่อยากได้บ้านหลังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาหาผมหรอก เพราะยังไงผมก็จะซื้อให้พวกคุณอยู่กันต่อไปอยู่แล้ว ที่ผมทำไปทั้งหมดก็แค่อยากให้แม่สบายใจ เพราะแม่อยากอยู่ที่นั่น”

“พูดแบบนี้ก็หมายความว่าพี่สินสนใจยายกระเต็นจริงๆ น่ะสิคะ ป้าพรไม่ได้บอกให้ไปซื้อบ้านโน้น แต่พี่สินกลับไถ่จำนองออกมาให้เป็นชื่อยายกระเต็น”

“ก็ใช่...ผมจะจ่ายเงินสิบห้าล้านทำไม ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลย”

“พี่สินรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังโดนแหกตา จ่ายตั้งสิบกว่าล้านให้ของย้อมแมวขาย” พิสินีทำเสียงเยาะ

“คุณหมายถึงอะไร” เขาเริ่มไม่เข้าใจ เพราะไม่คุ้นกับสำนวนไทยมากนัก

“ก็แม่กระเต็นน่ะสิที่เป็นของย้อมแมว เห็นหน้าซื่อๆ ตาใสๆ แบบนั้น คิดหรือว่าแม่นั่นยังเป็นของใหม่ซิงๆ” หล่อนเห็นแววหวั่นไหวในดวงตาคมปรากฏเป็นครั้งแรกจึงแสยะยิ้มอย่างได้ใจ คิดว่าตนเองมาถูกทางแล้ว

ผู้ชาย! ต่อให้ไปโตเมืองนอก แต่สุดท้ายก็อดคิดไม่ได้หรอกว่าผู้หญิงของตัวเองผ่านใครมาบ้าง แล้วถ้าเลือกได้ก็ต้องเลือกที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด

“พี่สินก็รู้ว่าแม่นั่นทำงานเป็นพริตตี แต่งตัววับๆ แวมๆ ไปยืนล่อตะเข้อยู่ตามงานแทบทุกวัน แล้วจะไม่มีใครเคยเสนอเงินเป็นค่าตัวให้บ้างเลยหรือ ยิ่งตอนที่ยังเรียนไม่จบยิ่งซื้อง่ายขายคล่อง เพราะพวกเสี่ยทั้งหลายชอบนักศึกษาสาวๆ เรียกเท่าไรก็ทุ่มไม่อั้น พี่สินคิดว่าแม่กระเต็นคนดีจะรอดหรือคะ ในเมื่อแม่พวกพริตตีเพื่อนๆ หล่อนก็รับจ๊อบแบบนี้กันทั้งนั้น”

“ผมไม่ถือ”

“พี่สินแน่ใจหรือคะ ถ้าเป็นฝรั่งแท้ๆ สินีก็พอเข้าใจ แต่ยังไงพี่สินก็เป็นคนไทย อ้อ...แต่ถ้าไม่คิดจริงจัง แค่เมียเก็บก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” พิสินีบอกเพื่อกันท่าไว้ก่อน หากว่าเขาคิดจะยกย่องนังกระเต็นขึ้นมาเป็นเมียจริงๆ ก็คงต้องคิดหนัก เพราะแม่นั่นอาจไม่ใช่แค่ผู้หญิงมือสอง แต่อาจเป็นมือที่สิบแล้วก็ได้

จิรสินอยากเบือนหน้าหนีแต่ยังทำไม่ได้ หล่อนมายืนประจานญาติตัวเองให้เขาฟังเพื่อให้ตัวเองดูดีมีราคามากกว่าอย่างนั้นใช่ไหม เพราะหล่อนก็เพิ่งเสนอตัวให้เขาเพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น

“ถ้าผมจะแต่งงานก็คงจะเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด” เขาบอกหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเห็นว่าดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายสว่างวาบขึ้นมาทันทีอย่างมีความหวัง

“จริงหรือคะ” พิสินีก้าวเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ด้วยความดีใจ

“ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนดีและเพียบพร้อมทุกอย่างทั้งตัวและหัวใจ” จิรสินจ้องตากับหญิงสาวที่เข้ามายืนเกือบชิดอย่างมีความหมาย ก่อนจะส่งยิ้มให้หล่อนราวกับจะให้ความหวัง แล้วจึงเห็นว่าหล่อนยิ้มตอบรับเขาในทันทีเช่นกัน

“ที่บอกว่าไม่ถือก็ไม่จริงสิคะ” พิสินีเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงตั้งคำถาม หล่อนมองตาเขาแล้วยกมือเรียวขึ้นแตะที่หน้าอกภายใต้เสื้อสูทแบรนด์ดัง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังยืนนิ่งเฉยยิ่งทำให้หล่อนได้ใจ ค่อยๆ เลื่อนไล้ฝ่ามือเลยขึ้นไปบนบ่าอย่างมีชั้นเชิง ฝ่ามืออีกข้างของหญิงสาวเลื่อนขึ้นมาโอบรอบลำคอเขา พร้อมกับเลื่อนตัวเข้ามาแนบชิดอย่างยั่วยวน

จิรสินมองสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วสูดลมหายใจลึก นี่น่ะหรือหลานสาวตาธวัช...หล่อนดูไม่น่าสนใจแถมยังไร้ราคา ผู้ชายที่ผ่านโลกมาไม่น้อยอย่างจิรสินแทบไม่รู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น

“พี่สินคะ”

เสียงเรียกที่ได้ยินทำให้เขาอดนึกไปถึงใครอีกคนไม่ได้ กินรินไม่เคยทำแบบนี้เลยสักครั้ง แถมเวลาเขาเข้าใกล้ก็ยังทำท่าเหมือนอยากวิ่งหนีเสียด้วยซ้ำ แต่นั่นยิ่งทำให้เขาอยากไล่ล่า!

หล่อนกำลังพยายามโน้มใบหน้าเขาให้ก้มลงมาหาและเผยอริมฝีปากรออย่างใจจดใจจ่อ...พิสินีสบดวงตาคมที่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายด้วยใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หล่อนรู้แล้วว่าตนเองต้องการสิ่งใด ไม่ใช่เพียงแค่บ้านหรือเงินเท่านั้น แต่ยังต้องการตัวเขาอีกด้วย เพราะหล่อนถูกใจจิรสินเข้าอย่างจังแล้ว

“พี่สิน...” พิสินีเรียกเสียงแผ่ว เมื่อเขาโน้มลงมาหาแล้วหยุดก่อนที่จะแตะปากกับหล่อน

จิรสินแสยะปากด้วยความสมเพช เสียงเรียกชื่อเขาคล้ายกับเสียงครางเบาๆ จากหล่อนทำให้รู้ว่าญาติสาวกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน แค่เอาตัวมาเบียดเสียดกันนิดหน่อยหล่อนก็แทบครางแล้วหรือ นี่ถ้าไม่ใช่พิสินี ก็อาจจะช่วยสงเคราะห์ให้หายอยาก! แต่เกมนี้ยังไม่จบง่ายๆ เขาเลยต้องปล่อยให้สาวไฟแรงอย่างหล่อนกลับไปเพ้อต่อที่บ้าน

“ห้องนี้มีกล้องวงจรปิด แล้วตอนนี้ที่ห้องควบคุมของโรงแรมก็อาจจะมีคนนั่งมองอยู่”

พิสินีหายจากอาการตาปรือทันที แล้วค่อยๆ ปล่อยมือจากลำคอแข็งแกร่งด้วยความเสียดาย

“ผมต้องกลับไปทำงานแล้ว”

“พี่สิน...เอ่อ...”

“มีอะไรอีกเหรอ”

“แล้วเรื่องที่สินีขอล่ะคะ”

“เรื่องบ้านน่ะเหรอ ผมยังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้หรอก บางอย่างเราก็ต้องรอนะ คุณคงเข้าใจ” เขาบอกอย่างให้ความหวังเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามเกม

“เป็นเพราะว่าตอนนี้พี่สินมียายกระเต็นแล้วใช่ไหมคะ”

“ผมไม่เคยคบผู้หญิงทีละหลายๆ คน” เขาบอกเพื่อให้หล่อนไปคิดเอาเอง แล้วคนที่เห็นแก่ตัวอย่างพิสินีจะคิดอะไรได้ นอกจากมองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู

จิรสินไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เขาปรารถนาจะให้ทุกคนในบ้านญานันทรปราศจากความสงบสุขตลอดไป และนี่เป็นสาเหตุที่ต้องดึงเกมเรื่องไถ่ถอนบ้านใหญ่ไว้ก่อน  เพราะเชื่อว่าเมื่อเกิดความแตกต่างระหว่างสองบ้าน ทั้งสองครอบครัวก็คงไม่สนิทใจกันอีกต่อไป โดยเฉพาะการมีเงื่อนไขระหว่างเขากับกินรินเข้ามาเป็นข้อต่อรอง

 

วันนี้กินรินมีเวลาว่างหนึ่งวันจากการทำงานจึงตั้งใจใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดทำความสะอาดห้องและเก็บข้าวของบางอย่างเพื่อเตรียมตัวย้ายที่อยู่ แต่กลับถูกเรียกตัวให้ไปพบที่บ้านใหญ่ เพราะคุณปู่ธวัชมีเรื่องต้องการคุยด้วย หล่อนจึงรีบไปหาแต่เช้าพร้อมกับแม่ซึ่งหิ้วปิ่นโตไปฝากแม่ของจิรสิน

หญิงสาวเดินขึ้นบ้านใหญ่เข้าไปในห้องโถงตามลำพัง ส่วนผู้เป็นแม่อ้อมไปด้านหลังเพื่อไปส่งอาหารเช้าให้จรัสพรอย่างที่เคยทำอยู่เป็นประจำ

“มานั่งนี่สิกระเต็น” ธวัชเรียกหลานสาวให้มานั่งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ

“ค่ะ” กินรินพอจะเดาได้ว่าถูกเรียกตัวมาด้วยเรื่องอะไร

“เมื่อวานเย็นคุณปู่ของหนูมาคุยกับปู่ที่นี่ ทำไมถึงได้คิดทำอะไรแบบนี้ แล้วใครห้ามก็ไม่ฟัง” ธวัชเข้าเรื่องทันที สีหน้าบอกว่าไม่เห็นด้วยเลยกับสิ่งที่หลานสาวตัดสินใจทำลงไปเพื่อหาทางออกให้แก่ครอบครัว

“กระเต็นคิดดีแล้วค่ะ คุณปู่ใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงพี่สินก็เป็นหลานแท้ๆ ของคุณปู่” หญิงสาวพูดได้แค่นั้นก็เห็นว่าชายชรามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“มันตั้งใจจะหยามน้ำใจกันชัดๆ แล้วมันก็ไม่ใช่หลานของปู่ เพราะถ้าใช่มันคงไม่ทำแบบนี้กับกระเต็น” ธวัชบอกอย่างรู้เท่าทันอีกฝ่ายหนึ่งที่กลับมาเพื่อทวงคืนอะไรบางอย่าง

“คุณปู่อย่าเพิ่งคิดหรือมองอะไรในแง่ร้ายกับพี่สินเลยค่ะ”

“หนูกำลังเข้าข้างไอ้สิน” ธวัชเสียงแข็งขึ้น แล้วเห็นว่าหลานสาวหน้าเสียจึงต้องทอดถอนใจ “ปู่เป็นห่วง แล้วนี่ต้องย้ายออกไปอยู่กับ...เมื่อไร”

“คงเร็วๆ นี้ค่ะ กระเต็นยังติดงานอีกสองสามวันเลยขอเวลาพี่สินจนกว่าจะทำงานเสร็จ”

“หนูแน่ใจแล้วหรือลูก”

“คุณปู่คะ กระเต็นรู้ค่ะว่าที่ทำแบบนี้มันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไร แต่เราก็จำเป็นนะคะ” กินรินพยายามหาเหตุผลเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น

“จำเป็นเหรอ!” เสียงแหลมๆ ที่ดังแทรกเข้ามาทำให้ทั้งสองคนที่นั่งคุยกันอยู่ตามลำพังในห้องโถงต้องหันไปมอง

พิสินีเดินเข้ามากระแทกตัวนั่งลงตรงกันข้ามกับคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“พี่สินีก็รู้สถานการณ์ของพวกเราว่าเป็นยังไง” กินรินจำต้องเปิดปากพูดทั้งที่ไม่ค่อยอยากเสวนาด้วยนักถ้าไม่จำเป็นก็พยายามหลีกเลี่ยง

“แต่ฉันว่าเธอเองก็อยากได้พี่สินจนตัวสั่น แต่แกล้งมานั่งทำหน้าเซื่องๆ บอกใครต่อใครว่าทำไปเพราะความจำเป็น” พิสินีว่าด้วยความแค้นใจที่ตนเองไม่ใช่คนที่ถูกเลือก แถมไปเสนอตัวให้เขาถึงโรงแรมยังถูกเมินอีก

‘ก็เพราะนังกระเต็นนี่แหละที่เป็นก้างชิ้นโตขวางคออยู่!’

คนไร้สมองอย่างหล่อนคิดได้เพียงแค่นี้ ถ้าไม่มีสาวหน้าใสวัยยี่สิบสองอย่างกินรินเสียคน จิรสินก็ต้องเลือกหล่อนอย่างแน่นอน ความคิดที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นอารมณ์ขุ่นแค้นอย่างช่วยไม่ได้ และตอนนี้ก็อยากจะระบายกับคนที่คิดว่าเป็นต้นเหตุ

“สินี! พูดอะไรออกมา” ธวัชหันไปเอ็ดหลานสาวของตนด้วยเสียงดุๆ

“คุณตาไม่รู้อะไร แม่นี่ไปถึงไหนๆ กับพี่สินมาแล้ว แต่ยังมานั่งทำท่าเป็นคุณหนูหน้าใสอยู่ต่อหน้าคุณตา” พิสินีว่าพลางมองญาติผู้น้องด้วยสายตาชิงชัง

แค่นึกถึงตอนที่จิรสินกับกินรินอยู่ด้วยกัน พิสินีก็รู้สึกราวกับมีไฟมาสุมใจไม่ต่างอะไรจากอารมณ์หึงหวงคนรัก หล่อนไม่เพียงรู้สึกว่าตนเองพลาดโอกาสและโดนกินรินแย่งเอาทุกอย่างไปเท่านั้น แต่ยังรู้สึกหวงแหนเสียดายจิรสิน เพราะตอนนี้เริ่มหลงรักเขา ไม่ใช่แค่เพียงต้องการเงินของเขาเท่านั้น

จิรสินเป็นชายหนุ่มที่มีพร้อมทุกอย่างในแบบที่หล่อนฝันไว้ และยังไม่เคยเจอใครเหมือนเขามาก่อน ทั้งรูปร่างหน้าตาและความร่ำรวย ทำให้ใจของหญิงสาวอย่างพิสินีหลอมละลายได้ไม่ยาก เมื่อวานนี้ที่หล่อนไปพบเขาที่โรงแรมแล้วมีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิดกันเพียงเล็กน้อย แต่กลับติดใจจนกลับมาเพ้อหาทั้งคืน

ตอนนี้พิสินีจึงแทบคลั่งที่ตนเองไม่มีโอกาสได้แตะต้องหรือเป็นเจ้าของเขาแม้แต่ปลายก้อย แต่นังกระเต็นกำลังจะขนข้าวของย้ายไปอยู่กับจิรสินอย่างหน้าตาเฉย

“เราแค่ไปกินข้าวด้วยกันค่ะ”

“เชอะ! ไปบอกเด็กอมมือเถอะ คงจะลดแลกแจกแถมจัดโพรกันเต็มที่ไปแล้ว เขาถึงได้ประเคนมาให้แกเป็นสิบๆ ล้านแบบไม่เสียดายตังค์”

น้ำเสียงของญาติสาวผู้พี่เต็มไปด้วยความริษยาขุ่นเคืองจนคนฟังรู้สึกได้จึงไม่อยากเถียงด้วย เพราะถึงอย่างไรอีกไม่กี่วันก็ต้องย้ายไปอยู่กับเขาแล้ว ใครจะคิดอะไรก็ช่างเถอะ

ธวัชมองหน้าหลานสาวทั้งสองคนแล้วยิ่งทำหน้าเครียด ด้วยประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจึงมองออกว่าทั้งสองสาวกำลังจะมีปัญหากันเพราะเรื่องผู้ชายคนเดียว น้ำเสียงของพิสินีบอกชัดเจนว่าอิจฉาน้องที่ได้ทุกอย่างไปครอบครองง่ายๆ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระเต็นขอตัวนะคะ” กินรินหันไปบอกลาคุณปู่

“เดี๋ยว! ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”

“พอแล้วสินี” ธวัชต้องปรามหลานสาวตัวเอง

“คุณตาชอบเข้าข้างแม่นี่ ทั้งที่สินีเป็นหลานแท้ๆ นะคะ” พิสินีลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัดคอ

“พี่สินีมีอะไรอีกเหรอคะ”

“มีสิ” พิสินีจ้องหน้าสวยๆ ของกินรินอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

“ถ้าเป็นเรื่องพี่สิน กระเต็นคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วนะคะ”

“ที่พูดออกมานี่มั่นใจมากเลยใช่ไหมว่าจับเขาอยู่แล้ว” พิสินีทำเสียงเยาะ แล้วเห็นว่าฝ่ายที่นั่งฟังหน้าเจื่อนไปทันทีจึงรีบตีกระหน่ำว่า “เธอรู้ไหมเขาบอกฉันว่ายังไง”

“พี่สินีไปหาพี่สินมาหรือคะ” กินรินถามอย่างคาดไม่ถึงว่าทั้งคู่จะติดต่อกันโดยที่หล่อนไม่รู้เรื่อง น่าแปลกที่เรื่องนี้ทำให้กินรินรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาอย่างแทบไม่น่าเชื่อ

“ใช่” พิสินียักไหล่แล้วยิ้มอย่างสะใจ

“สินีไปหาไอ้สินทำไม” ธวัชถามหลานสาวด้วยความไม่พอใจ

“ก็เราเป็นญาติกัน ทำไมจะไปมาหาสู่กันไม่ได้คะคุณตา แล้วสินีก็อยากรู้ความคืบหน้าเกี่ยวกับบ้านเราด้วยว่าเขาจะจัดการให้เรียบร้อยวันไหน ของแบบนี้มันต้องติดตามผลค่ะ”

กินรินไม่อยากรับรู้อะไรอีกเพราะรู้สึกในใจวูบไหวแปลกๆ จึงคิดว่าควรจะกลับบ้านไปตั้งหลัก แต่พอลุกขึ้นยืนก็ถูกเรียกไว้อีก

“อย่าเพิ่งไป ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าพี่สินพูดถึงเธอว่ายังไง”

“รีบพูดมาเถอะค่ะ”

ในระหว่างนั้นประภาพรเดินตามเข้ามาในห้องโถงอีกจึงได้ยินเรื่องที่ลูกสาวกำลังจะบอกกับกินริน

“เขาบอกว่าถ้าเขาจะแต่งงานก็คงจะแต่งกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมและเหมาะสมเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเธอที่เป็นได้แค่เมียเก็บ”

กินรินได้ยินเต็มสองหูแล้วนิ่งขึงไป รู้สึกหูอื้อตาลายขึ้นมาอย่างฉับพลันจนต้องเม้มปากแน่นเพื่อระงับความรู้สึกทั้งมวลที่กำลังก่อตัวขึ้น แม้จะพยายามเตือนตัวเองว่าเขาจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะหล่อนกับเขาเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขการซื้อขายแลกเปลี่ยน แล้วจะมัวคิดมากไปทำไม

“ไอ้สินมันพูดขนาดนี้เลยเหรอ!”

“ค่ะ คุณตา” พิสินียักไหล่ด้วยความสะใจที่เห็นกินรินถึงกับพูดไม่ออก

“กระเต็น!”

“แม่...” หญิงสาวหันไปมองคนที่เพิ่งเดินขึ้นบ้านมาสมทบด้วยความดีใจ เพราะตอนนี้แทบหมดแรงเดินกลับบ้าน แม้จะเข้าใจดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับจิรสิน แต่เมื่อมีคนมาว่าใส่หน้าหล่อนก็ยังทำใจรับไม่ไหว เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน

“สินีจะพูดจาอะไรก็ระวังหน่อยนะ ไม่เห็นแก่กระเต็นก็ให้เห็นแก่น้าสองคนบ้าง แล้วเป็นญาติกันทำไมมาว่ากันเองอย่างนี้ล่ะ” พิมพาทนไม่ได้ต้องออกปากปกป้องลูกสาวเสียเอง

“ก็ทำตัวให้น่าว่าเองนี่คะ”

“กระเต็นทำไปก็เพราะเห็นแก่ทุกคนในครอบครัว แล้วสินเองก็ยังโสดไม่มีพันธะกับใคร” พิมพายังเถียงแทนลูกสาวที่เอาแต่ยืนนิ่งเหมือนเป็นใบ้

“อ๋อเหรอ...” ประภาพรรับคำเสียงสูงแล้วเดินเข้ามายืนข้างๆ ลูกสาว “เขาโสดก็ไม่ได้แปลว่าจะได้เป็นเมียหรอกนะ”

“พี่ประภาก็เป็นไปด้วยอีกคนหรือคะ”

“ทำไมล่ะ ก็พูดความจริงนี่ ยอมให้ลูกสาวเอาตัวเข้าแลกแล้วจะต้องมาอายทำไมอีก” ประภาพรว่าใส่หน้าพิมพาเหมือนไม่คิดจะญาติดีกันอีก เพราะงานนี้ตั้งป้อมเข้าข้างลูกสาวตัวเองเต็มที่

“พอได้แล้ว!” ธวัชห้ามศึกเสียงดัง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

“น้าพิมพาช่วยบอกลูกสาวด้วยนะว่าอย่าหวังอะไรให้มาก คนอย่างพี่สินคงไม่เอาพริตตีที่เคยไปยืนล่อกระทิงตามงานขายรถไปเป็นเมียแน่ๆ รอวันถูกเขี่ยทิ้งได้เลย”

กินรินได้ยินแล้วต้องก้มหน้าลงด้วยความอดสูและอับอาย หากว่าทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนธวัชถึงกับยกมือขึ้นกุมหน้าอกจากอาการเจ็บแปลบที่กำเริบขึ้นมากะทันหัน

“เขาจะเขี่ยทิ้งหรือไม่เขี่ยมันก็เป็นเรื่องของอนาคต ยังดีกว่าบางคนที่อยากให้เขาชายตาแลบ้างจนตัวสั่น แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยต้องมาอาละวาดจิกด่าคนอื่นอยู่อย่างนี้” พิมพาโต้กลับไปบ้างอย่างเหลืออด เพราะมองออกว่าสองคนแม่ลูกกำลังอิจฉาและเข้าตาจนอยู่เหมือนกัน

“เธอว่าใคร พิมพา!” ประภาพรก้าวเข้ามาหาหน้าตาเอาเรื่อง เพราะในหัวอกเต็มไปด้วยความริษยาไม่แพ้ลูกสาว

“ก็ใครล่ะที่อยากได้ผู้ชายแต่เขาไม่มอง” ฝ่ายที่ต้องปกป้องลูกสาวโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน

“นังพิมพา!” ประภาพรเงื้อมือขึ้นมาแบบคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ลืมความเป็นผู้ดีไปจนหมดสิ้น

“อย่านะ” กินรินรีบขยับตัวเข้ามาขวางแม่เอาไว้ทันที

ประภาพรมองใบหน้าสะสวยด้วยสายตาชิงชัง รู้ว่าที่ลูกสาวของตนเองแพ้มาตลอดไม่ว่าเรื่องอะไรก็เพราะหน้าสวยๆ ที่เห็นนี่เอง

เผียะ! ใบหน้าเรียวเล็กหันไปอีกทางตามแรงตบด้วยความเกลียดชัง ส่วนพิมพารีบพุ่งไปผลักประภาพรให้ออกห่างจากลูกสาวตนจนฝ่ายนั้นเกือบล้มเสียหลัก แต่พิสินีเข้ามาช่วยประคองมารดาไว้ได้ทัน

“นี่แกกล้าผลักแม่ฉันเหรอ” พิสินีร้องลั่นแล้วรีบปล่อยมือจากแม่ที่เริ่มทรงตัวได้

กินรินรีบถลาเข้าไปขวางเมื่อเห็นว่าพิสินีพุ่งมาหาแม่ของหล่อนจึงโดนญาติผู้พี่ตบหน้าอีกฉาดใหญ่แบบไม่คิดยั้งมือ แล้วยังจิกทึ้งผมด้วยอารมณ์เคียดแค้น

“หยุด!” ธวัชตะโกนห้ามทั้งที่มือยังกุมหน้าอกเอาไว้แน่น

กินรินถูกกระชากผมแล้วผลักให้ล้มลงไปกองกับพื้น พิสินีตามลงไปหมายจะนั่งคร่อมทับ แต่พิมพาตามไปช่วยลูกสาวออกมาได้ทัน

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ธวัชตะโกนห้ามอีกครั้ง

เหตุการณ์จึงสงบลงได้ เพราะประภาพรรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของผู้เป็นพ่อที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ พิมพาจึงฉวยโอกาสรีบประคองลูกสาวออกจากห้องโถงไปทันทีก่อนที่จะมีเรื่องกันอีก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น