3

3

3

 

เมื่อพราวนภาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอก็ถูกนำตัวออกมาพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วย พีชญากับบุญชูอยู่ดูแลตลอดตั้งแต่ห้องฉุกเฉิน รอจนกระทั่งพราวนภาฟื้นและย้ายมาพักที่ห้องพักฟื้นอยู่ในขณะนี้

“ดีนะที่คุณบุญชูมาด้วย ไม่อย่างนั้นลูกพีชคงไม่รู้จะช่วยดาวยังไง”

พราวนภาได้ยินที่เพื่อนสนิทพูดก็หันไปทางบุญชู มองเขาด้วยสายตาขอบคุณที่ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ เธอจำได้เพียงเลือนรางว่าได้ยินเสียงของบุญชูเรียกชื่อเธออยู่เป็นระยะ จากนั้นก็ไม่รับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนกระทั่งมารู้จากปากของเพื่อนสนิท

“ฉันผายปอดไม่เป็นด้วยสิ ดีนะที่คุณบุญชูทำได้ ก็อย่างว่าแหละเนอะ เป็นครูสอนว่ายน้ำนี่นา”

“เอ่อ...” ครูพละหนุ่มออกอาการอึกอัก ที่โหนกแก้มมีสีระเรื่อขึ้น พร้อมกันนั้นก็หันไปมองผู้อำนวยการสาวว่ามองมาที่เขาด้วยสายตาแบบไหน แล้วก็ลอบถอนหายใจเมื่อพราวนภาทำเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจและยอมรับได้ว่า มันเป็นเพียงแค่การปฐมพยาบาล

“ขอบใจมากนะบุญชู” พราวนภาพูดด้วยเสียงแหบแห้งจากอาการป่วย

“ครับ ผอ. ผมโทร. ไปบอกคุณลุงกับคุณป้าแล้วนะครับเรื่องที่ ผอ. เข้าโรงพยาบาล แล้วก็ยืนยันไปแล้วว่า ผอ. ปลอดภัยดี”

“เป็นเพราะว่านายโทร. ไปบอกสินะ คุณพ่อคุณแม่เลยหายห่วง ไม่อย่างนั้นคงแห่กันมาที่โรงพยาบาลกันแล้วแน่ๆ” พราวนภาเอ่ยอย่างรู้จักพ่อกับแม่ของตนดี เพราะทุกเรื่องที่บุญชูทำมักจะได้ดั่งใจพวกท่านเสมอ

“ครับ ผมบอกคุณลุงกับคุณป้าว่าจะดูแล ผอ. เอง”

“โป๊ะเชะ!” เสียงของพีชญาที่อยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นทำให้บุญชูและพราวนภาหันไปมองนางแบบสาวเป็นตาเดียว

“อะไรของเธออีกล่ะลูกพีช” พราวนภาถาม เพราะท่าทางยิ้มกริ่มของเพื่อนสนิทนั้นชวนให้สงสัยปนหงุดหงิดที่สุด

“นี่แหละคือโอกาส”

“ฉันแพ้กุ้งจนต้องเข้าโรงพยาบาลเกือบตายเนี่ยนะโอกาส”

“ก็โอกาสที่ดาวจะหาข้ออ้าง ว่ารักกับคุณบุญชูไง ดาวก็แค่บอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่าซึ้งน้ำใจที่คุณบุญชูช่วยให้รอดตาย และเพิ่งจะรู้ตัวว่ารักคุณบุญชู ก็ตอนที่คุณบุญชูผายปอด”

“นี่ยายลูกพีช พ่อกับแม่ฉันไม่ใช่เด็กอมมือนะที่จะเชื่อเรื่องหลอกเด็กพวกนี้ได้”

“ดาวก็อย่าแค่พูดสิ ต้องแสดงออกให้คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าดาวกับคุณบุญชูรักกัน แกล้งแสดงออกว่าเป็นคนรักกันน่ะ ทำเป็นมั้ย”

“เอ่อ...ผอ. ครับ คุณลูกพีชครับ” ชายหนุ่มที่ทนฟังอยู่นาน และอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพูดขัดการสนทนาอย่างออกรสของสองสาว “คิดแผนการกันขนาดนี้ ถามผมรึยังครับว่าผมเต็มใจรึเปล่า”

“นี่แหละ ไม่เต็มใจนี่แหละคือคุณสมบัติแรกที่ดาวต้องการ” 

ยิ่งฟัง บุญชูก็ยิ่งหนาวๆ ร้อนๆ นี่เขาเลือกอะไรได้ไหม...

“ที่ผมไม่เต็มใจ ก็เพราะว่าผมไม่อยากทำตามแผนของพวกคุณครับ มันไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติอะไรทั้งนั้น”

“ไม่ได้นะคะคุณบุญชู คุณคือคนเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น คุณคือคนที่คุณพ่อคุณแม่ของดาวไว้ใจ และที่สำคัญ คุณไม่ได้คิดอะไรกับดาว จริงมั้ย” ถามแล้วก็จับจ้องหน้า ราวกับว่าต้องการจะยืนยันคำตอบตอนนี้เดี๋ยวนี้

“เอ่อ...ครับ” ถามซึ่งหน้าขนาดนี้ จะให้เขาตอบว่าอะไรได้อีก

“เห็นไหมล่ะ” พีชญาเอ่ยอย่างภูมิใจในความคิดของตัวเอง

“แต่ผมไม่อยากทำครับ ผอ. เองก็คงไม่อยากให้ผมเข้าใกล้นักหรอก จริงไหมครับ” ครูพละหนุ่มหันไปถามพราวนภาอย่างต้องการหาตัวช่วย

“ฉันเห็นด้วยกับลูกพีชนะ”

“ว่าไงนะครับ”

“ที่ผ่านมาฉันรู้ว่าฉันทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจเรื่องที่ฉันแกล้งคบกับลูกพีชเป็นแฟน แล้วถ้าอยู่ๆ ฉันจะเปลี่ยนใจมารักกับผู้ชาย นายก็คงจะเป็นคนที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจที่สุด”

“แต่ว่าผม...” 

ท่าทางอึกอักของบุญชูทำให้พราวนภามองมายังเขาด้วยแววตาอ้อนวอนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“เถอะนะบุญชู นายรู้ไหมว่านอกจากนายกับคุณพ่อแล้ว ฉันไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นอีกเลย เพราะฉันมั่นใจว่านายไม่คิดอะไรเกินเลยกับฉัน เพราะฉะนั้น ช่วยฉันได้มั้ย” 

ถ้อยคำขอร้องกึ่งบังคับนั้นทำให้บุญชูยิ่งคิดหนัก เขาจะไม่ลังเลใจเลย ถ้าหากเขาไม่ได้คิดเกินเลยกับพราวนภาอย่างที่เธอพูด จะยอมช่วยเธอแต่โดยดี ถ้าหากเขาไม่ใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดเธอ เรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาตอนนี้เป็นเหมือนการกลั่นแกล้งจากสวรรค์ เพราะที่ผ่านมาเขาแอบรักพราวนภาข้างเดียวของเขาอยู่ดีๆ มาวันนี้กลับต้องมาถูกบังคับให้รักกับเธอแบบเปิดเผย แถมเป็นความเปิดเผยที่ห้ามรักจริงๆ เสียด้วย

“แล้วถ้าผมไม่ทำล่ะครับ”

“ฉันก็จะขอลูกพีชแต่งงาน นายคิดดูก็แล้วกันว่าคุณพ่อคุณแม่จะกลุ้มใจแค่ไหน”

“แต่คุณลูกพีชเป็นดารานะครับ ทำแบบนี้มันอาจจะมีผลกระทบกับงานในวงการได้”

“ก็เพราะว่าลูกพีชเป็นดารานี่แหละ ฉันก็จะได้อ้างว่าต้องแต่งแบบลับๆ ทีนี้ยายลูกพีชกับฉันก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ”

“ตามปกติที่ไหนล่ะครับ ทำแบบนี้คุณลุงคุณป้ากลุ้มใจตายเลย” เมื่อพราวนภาใช้ความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่ของเธอมาเป็นข้อต่อรอง บุญชูจึงไม่อาจจะนิ่งดูดายอยู่ได้

“แปลว่านายจะร่วมมือกับฉันใช่ไหม”

“ครับ”

“ดีมาก” พราวนภายิ้มอย่างสบายใจ ผิดกับอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทำหน้าเป็นทุกข์อย่างหนัก

“ว้า...แบบนี้ฉันก็อกหักน่ะสิ” พีชญาที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น

“อกหักอะไรลูกพีช นี่อย่าบอกนะว่าหลงรักฉันจริงๆ ขึ้นมาน่ะ”

“เปล่า ฉันอกหักจากคุณบุญชูต่างหากล่ะ บอกตามตรงนะว่าที่ลูกพีชต้องปล่อยมือเพราะเห็นแก่ดาว ถ้าไม่อย่างนั้นละก็...” พูดแล้วก็มองชายหนุ่มตาเป็นมัน พร้อมกับรำพึงรำพัน

“หล่อล่ำขนาดนี้ แต่ต้องยอมปล่อยมือให้กับชะนีอนุรักษ์คานทองเนี่ยนะ ไม่น่าเลย เสียของเป็นบ้า”

 

พราวนภานอนดูอาการแค่คืนเดียวก็ออกจากโรงพยาบาลได้ บุญชูพาเธอกลับกรุงเทพฯ ทันทีแล้วพาไปโรงพยาบาลที่หญิงสาวเข้ารับการรักษาโรคภูมิแพ้อยู่เป็นประจำ เพื่อให้แพทย์ประจำตัวตรวจอาการอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะพาเธอกลับบ้าน

เมื่อพราวนภากลับถึงบ้าน แม่ของเธอก็น้ำตาคลอเมื่อเห็นเม็ดผดที่แม้จะเบาบางลงมากแล้ว แต่ยังคงเห็นชัดบนใบหน้าที่อ่อนใส ผู้เป็นแม่ประคองลูกสาวที่ปกติแข็งแกร่งเกินหญิงมานั่งบนโซฟาภายในห้องโถงของบ้าน ลูบหัวลูบหน้าด้วยความห่วงใยราวกับว่าพราวนภาบอบบางเสียเหลือเกิน 

“ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกของแม่ไว้แท้ๆ”

“ไม่ใช่คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองหรอกฮะ แต่เป็นบุญชูต่างหากที่ช่วยดาวไว้” ผู้อำนวยการสาวพูดพลางยื่นมือไปกุมมือของบุญชูซึ่งขณะนี้นั่งอยู่เคียงข้างเธอเอาไว้ 

“หมายความว่ายังไงเหรอลูก” คราวนี้ แม้แต่ดนุพงษ์ซึ่งกำลังนั่งส่องพระเครื่องอยู่บนเก้าอี้อีกตัวถึงกับวางกล้องส่องพระลงแล้วหันมาทางลูกสาว

“คุณชูช่วยผายปอดให้ดาว เขาอยู่กับดาวตลอดตอนที่ดาวมีอาการแพ้กุ้งกำเริบ ถ้าไม่มีบุญชู ดาวคงจะตายไปแล้วฮะ จริงไหม บุญชู” 

น้ำเสียงที่นุ่มนวลเป็นพิเศษนั้นทำให้บุญชูขนลุกซู่ ไม่รู้ว่าพราวนภาจะรู้สึกหรือไม่ว่าตอนนี้ปลายนิ้วของเขาที่ถูกเธอกุมเอาไว้เย็นเฉียบไปหมด

“หนูดาว หนูกำลังจะบอกอะไรพ่อกับแม่รึเปล่าลูก พูดมาตามตรงเถอะ พ่อกับแม่รับฟังลูกเสมอ” พรนภาไม่อยากจะสรุปเองจากภาพที่เห็น เพราะลูกสาวของเธอเปลี่ยนไปมากหลังจากไปเที่ยวทะเลเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

“ดาวเพิ่งจะค้นพบหัวใจตัวเองฮะคุณพ่อคุณแม่ ว่าดาวกับบุญชู เรา...รักกัน”

“ว่าไงนะ!” ดนุพงษ์กับพรนภาพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน

“ดาวซึ้งน้ำใจบุญชูที่ช่วยชีวิตดาวฮะ แล้วก็เพิ่งจะค้นพบตัวเองว่าจริงๆ แล้วก็รักบุญชูแบบไม่รู้ตัวมาตั้งนาน บุญชูก็เหมือนกัน จริงไหม” 

พูดจบก็ถองคนที่เอาแต่นั่งหน้าซีด ไม่ยอมพูดยอมจาอย่างมีส่วนร่วมบ้าง ซึ่งชายหนุ่มก็ทำแค่พยักหน้าเออออไป

“แล้วหนูลูกพีชล่ะ ทำไมอยู่ๆ ถึงเลิกกันง่ายขนาดนี้ แล้วนี่ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน” ดนุพงษ์ตั้งข้อสงสัย

“จริงๆ แล้ว คนที่ทำให้ดาวเข้าโรงพยาบาลก็คือลูกพีชฮะ ลูกพีชใส่กุ้งลงไปในอาหารโดยที่ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นแล้วดาวจะแพ้ แล้วพอมาเห็นว่าบุญชูช่วยชีวิตดาวและคอยดูแลดาวเป็นอย่างดี ลูกพีชก็เลยเลือกที่จะหลีกทางให้น่ะฮะ” พราวนภาพูดออกมาอย่างไม่ติดขัด เพราะรู้ดีว่าจะถูกพ่อและแม่ถามซักไซ้แน่ๆ เธอจึงเตรียมอุดช่องโหว่ของเรื่องโกหกครั้งนี้มาเป็นอย่างดี

“อืม...ดีแล้ว” ดนุพงษ์พึมพำ

“ดีแล้วอะไรเหรอคะคุณ” พรนภาหันไปถามสามี

“ก็ดีแล้วที่เป็นบุญชูไง เพราะมันทำให้ผมมั่นใจว่าเขาจะดูแลยายดาวได้ดี” 

พราวนภาได้ยินอย่างนั้นก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอปล่อยมือที่กุม...ไม่สิ เธอจิกมือของบุญชูเอาไว้ไม่ให้เขาสะบัดหนีต่างหาก เมื่อแผนการของเธอดูเหมือนจะสำเร็จแล้ว 

“ขอบคุณนะฮะพ่อ ขอบคุณที่เข้าใจเรา”

“ไม่ใช่แค่เข้าใจนะ พ่อจะจัดงานแต่งงานของดาวกับบุญชูให้เร็วที่สุดอีกด้วย”

“ว่าไงนะฮะคุณพ่อ!” 

คราวนี้พราวนภาถึงกับร้องเสียงหลง ในขณะที่บุญชูนั้นยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่

“ไหนๆ ลูกก็ค้นพบหัวใจตัวเองแล้ว อีกอย่างลูกก็รู้จักกับบุญชูมาตั้งนานจนรู้นิสัยใจคอกันดี ก็ไม่ต้องเสียเวลาอีกต่อไป แต่งงานกันเลย แล้วมีหลานให้พ่อกับแม่อุ้มไวๆ”

“เอ่อ...” 

บุญชูที่นั่งเงียบอยู่นานเริ่มเปล่งเสียงเมื่อเห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่ แต่สุดท้ายก็โดนตะครุบมือไว้ พร้อมกับคำสั่งทางสีหน้าว่าให้หุบปาก

“เรื่องแต่งงาน ดาวกับบุญชูไม่ติดขัดอะไรหรอกฮะ ส่วนเรื่องมีลูก ดาวคงต้องขอเวลาอีกสักพักฮะ ดาวยังไม่พร้อม”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่อย่าให้รอนานนักล่ะ แกก็อายุมากแล้ว มีลูกตอนแก่ เด็กอาจจะไม่แข็งแรงก็ได้นะ” ดนุพงษ์เอ่ยอย่างยอมอ่อนให้ลูกสาว อย่างน้อยพราวนภาก็ยอมมีสามีแล้ว ส่วนเรื่องมีหลานให้อุ้มก็คงจะตามมาติดๆ

“สบายมากฮะพ่อ ดาวแข็งแรงจะตาย” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นมาเกาหน้าแกรกๆ จากอาการคันผื่นแพ้ที่ยังคงยุบยิบไม่หาย ทำให้ผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าให้กับลูกสาว

“บุญชู”

“ครับ!” 

ดนุพงษ์เรียกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงปกติ ทว่าบุญชูกลับสะดุ้งเฮือกจากอาการประหม่า

“ลุงขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” ผู้อาวุโสกว่าเอ่ยพร้อมกับเดินนำชายหนุ่มไปที่สวนหย่อมหน้าบ้าน ที่นั่นมีศาลาเรือนไทยไว้สำหรับสมาชิกภายในบ้านให้มานั่งเล่นผ่อนคลายอารมณ์ บุญชูเองก็เคยมานั่งเล่นที่นี่เพื่อผ่อนคลายเช่นกัน แต่วันนี้เขากลับรับรู้ถึงความกดดันอัดแน่นเต็มบรรยากาศโดยรอบไปหมด

“เรื่องทั้งหมดนี่ คือเรื่องจริงใช่ไหม” ดนุพงษ์ถามเข้าประเด็นทันที

“ครับ...คุณลุง” บุญชูตอบไม่เต็มน้ำเสียงนัก อีกทั้งยังหลบสายตาผู้ถามตลอดเวลา

“บอกมาเถอะบุญชู ลุงรู้จักลูกสาวของลุงดี” 

ถ้อยคำนั้นแม้ไม่ได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้น แต่ก็ทำให้ครูพละหนุ่มอยากจะกลั้นใจตายเพื่อหนีปัญหา

“โธ่ คุณลุงครับ” บุญชูยังไม่ยอมรับ แล้วก็ไม่ปฏิเสธ เวลานี้แม้แต่หายใจเข้าออกยังอึดอัด แล้วจะให้เขาสารภาพ หรือพูดโกหกต่อ เขาทำไม่ได้จริงๆ

“ที่ผ่านมาลุงคงดูแลบุญชูไม่ดีสินะ บุญชูถึงได้เลือกอยู่ข้างยายดาว โดยที่รวมหัวกันหลอกลุง”

“ปะ...เปล่านะครับคุณลุง โธ่...” ในที่สุดบุญชูก็ต้องยอมแพ้ เพราะไม่อาจจะรู้สึกผิดต่อผู้มีพระคุณได้

“งั้นก็บอกมาเถอะ ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง” 

ดนุพงษ์ถามพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ที่อยู่ภายในซุ้มเรือนไทยนั้น ท่าทางกอดอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึมผิดปกติทำให้บุญชูรู้ดีว่าดนุพงษ์พยายามเก็บอารมณ์โกรธไว้อย่างเต็มที่แล้ว

“คือว่า ผอ. ไม่ใช่ทอมบอยครับ แล้วก็ไม่ได้รักกับคุณลูกพีชด้วย พวกเธอแค่แกล้งคบกันเพราะไม่อยากถูกจับคู่ดูตัว” 

ขณะบุญชูเล่า ดนุพงษ์ก็พยักหน้ารับฟังด้วยท่าทางรับรู้เป็นระยะ เขายังไม่พูดอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่พราวนภาโกหกไม่ได้มีแค่เรื่องพีชญาแน่ๆ จึงรอฟังครูพละหนุ่มเล่าให้จบเสียก่อน

“ส่วนเรื่องผมกับ ผอ. คือว่า...เราไม่ได้รักกันหรอกครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ผอ. ไม่อยากแต่งงาน แล้วก็ไม่อยากถูกบังคับให้ไปดูตัวอีกแล้ว ผอ. อยากจะเป็นโสดอยู่อย่างนี้ตลอดชีวิต ก็เลยกุเรื่องว่าคบกับผม เพื่อให้คุณลุงกับคุณป้าสบายใจ” ครูพละหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากสารภาพออกมาจนหมดเปลือก

“แสบจริงๆ ยายดาว” ดนุพงษ์พึมพำพร้อมกับขบกรามแน่น

“จริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็น่าเห็นใจ ผอ. นะครับ คือ ผอ.คงไม่อยากถูกบังคับ ก็เลยคิดทำอะไรแผลงๆ ไปอย่างนั้นเอง”

“แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดมากุเรื่องหลอกกันเลยนี่นา นี่พ่อแม่นะ ไม่ใช่เพื่อนเล่น” ดนุพงษ์พูดจบก็หันมามองบุญชูด้วยประกายตาบางอย่าง ซึ่งมันช่างเหมือนกับประกายตาของพราวนภาตอนที่คิดแผนการรักกำมะลอเสียจริงๆ เหมือนกันจนน่าใจหาย

“แต่ว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะ” พูดแล้วก็ยิ้มกริ่ม “ในเมื่อยายดาวไม่อยากจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น แต่กลับยอมแต่งกับเธอนั่นก็แสดงว่า ยายดาวไว้ใจบุญชูมากเลยทีเดียว”

“มะ...หมายความว่าไงเหรอครับคุณลุง” บุญชูถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก รับรู้ได้ถึงความคาดหวังจากสายตาของอีกฝ่าย

“ก็หมายความว่า เธอเป็นคนเดียวที่จะช่วยให้ลุงมีหลานได้เร็วขึ้นน่ะสิบุญชู”

“อะไรนะครับคุณลุง!” บุญชูถึงกับหน้าถอดสี “ทำแบบนั้น เหมือนส่งผมไปตายเลยนะครับ” 

ครูพละหนุ่มเอ่ยอย่างรู้จักนิสัยพราวนภาดี รู้จักดีพอๆ กับรสหมัดและหน้าแข้งของเธอนั่นแหละ

“เดี๋ยวลุงทำประกันให้”

“มันไม่ได้จบแค่นั้นน่ะสิครับคุณลุง คือ...ผอ. ไม่ได้รักผม” ชายหนุ่มพยายามหาเหตุผลมาโน้มน้าวให้ดนุพงษ์เปลี่ยนใจ

“กับผู้ชายคนไหน ยายดาวก็ไม่รักทั้งนั้นแหละ ทั้งไม่รัก ทั้งไม่อยากเข้าใกล้ ยกเว้นเธอ บุญชู”

“แต่ที่ ผอ. ยอมให้ผมเข้าใกล้ก็เพราะว่า ผอ. มั่นใจว่าผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอ”

“ก็นี่ไง ใช้ความไว้ใจทำให้ยายดาวตายใจ จากนั้นก็รวบหัวรวบหางซะ”

“โธ่ คุณลุงครับ นั่นลูกสาวคุณลุงนะ” บุญชูไม่อยากจะเชื่อว่า เขาต้องเป็นฝ่ายพูดคำนี้กับผู้เป็นพ่อของพราวนภา

“ที่ปฏิเสธหัวชนฝาขนาดนี้ ก็เพราะว่าเธอรังเกียจยายดาวที่เป็นผู้หญิงกระโดกกระเดกใช่รึเปล่า”

“เปล่านะครับคุณลุง” บุญชูรีบปฏิเสธ

 “งั้นก็ยิ่งไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าเธอทำให้ยายดาวท้องได้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกผูกมัดอะไร เธอไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะลุงกับป้าดูแลหลานแล้วก็ดูแลยายดาวไปตลอดชีวิตได้ การแต่งงานแล้วต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิตมันทรมาน ลุงเข้าใจ”

ใครว่าไม่รัก ที่เขาไม่กล้ารับปากทำตามที่ดนุพงษ์ขอ ก็เพราะว่ารักพราวนภามากต่างหาก รักมากจนไม่อยากทำให้พราวนภาเสียใจ และถ้าเขาจะมีลูกกับเธอ ชายหนุ่มก็หวังว่าเด็กที่เกิดมาจะต้องเกิดจากความรัก ไม่ใช่เพียงเพราะต้องทำหน้าที่ลูกที่จะต้องมีหลานให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มแบบนี้

“ผมว่าเราอย่าใช้วิธีนี้เลยนะครับ มีวิธีอีกมากมายที่คุณลุงจะมีหลานได้ สมัยนี้วิวัฒนาการการมีบุตรก้าวหน้าไปมากนะครับ ผมว่าใช้วิธีแบบนั้นจะดีกว่า”

“เฮ้อ...ถ้ายายดาวจะยอมให้ความร่วมมือน่ะนะ แต่ว่าระหว่างนี้ ถ้าเธอจะใช้ความใกล้ชิดทำให้ยายดาวหลงรักเธอ ไม่แน่ ลุงอาจจะได้หลานโดยวิธีธรรมชาติก็ได้นะ”

“มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับคุณลุง” บุญชูรีบออกตัวว่าไม่มีความสามารถที่จะทำให้พราวนภาตกหลุมรักเขาได้แน่ๆ มีแต่เขาเองนั่นแหละที่หลงรักเธออยู่ฝ่ายเดียวตลอดมา

“ยังไงก็ต้องลองดูสักตั้ง เอาเป็นว่า หลังจากแต่งงานแล้วบุญชูย้ายเข้ามาอยู่บ้านลุงทันทีเลยนะ คนเราลองได้ใกล้ชิดกัน มันต้องมีอ่อนไหวบ้างแหละ เพียงแต่บุญชูก็ต้องทำใจหน่อยก็แล้วกันที่จะต้องแกล้งรักยายดาวทั้งที่ไม่เต็มใจ”

ใครว่าไม่เต็มใจ ที่ผ่านมาสิ่งที่ยากลำบากที่สุดสำหรับบุญชูคือ แสร้งเก็บอาการไม่ให้พราวนภารู้ต่างหากว่าเขารักเธอ

การสนทนาระหว่างบุญชูกับดนุพงษ์หยุดลงเมื่อทั้งคู่เห็นใครบางคนเดินตามมาสมทบ พราวนภาตามมาประกบบุญชูเพราะรู้สึกว่าเขากับคุณพ่อของเธอออกมาคุยกันนานเกินไปแล้ว

“พ่อคุยกับบุญชูเขาเรื่องแต่งงานแล้วนะ พ่อจะหาฤกษ์ที่เร็วที่สุดให้เอง แต่งกันแล้ว บุญชูก็จะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา วันพรุ่งนี้พ่อจะให้ช่างมาออกแบบแล้วก็ตกแต่งห้องนอนของลูกเป็นห้องหอ”

“อะไรนะฮะคุณพ่อ” ขณะนี้หูพราวนภาพร่าเลือนไปหมด มันฟังแทบไม่เป็นศัพท์พอๆ กับสมองของเธอที่ไม่ได้คิดเผื่อเอาไว้ว่าหลังแต่งงาน เธอกับบุญชูจะใช้ชีวิตกันอย่างไร

“ทำไมบุญชูต้องย้ายมาอยู่ในบ้านเราด้วยฮะ แล้วจะตกแต่งห้องของดาวทำไมให้เปลืองเงิน”

“อ้าว แกนี่ยังไง แต่งงานกันก็ต้องอยู่ด้วยกันนอนห้องเดียวกันสิ  เอ๊ะ หรือว่าดาวมีอะไรปิดบังพ่ออยู่”

“ปะ...เปล่าฮะ ไม่มี” พราวนภาเอ่ยตะกุกตะกัก ชั่วโมงนี้เธอจำเป็นต้องเออออไปก่อน จะมาทำท่าทางมีพิรุธไม่ได้เด็ดขาด

“ถ้าเปล่า ก็ต้องทำตามที่พ่อบอก แล้วก็เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวด้วย”

“ไม่เห็นต้องเตรียมตัวเลยนี่ฮะ ไม่ว่าดาวจะเป็นยังไง บุญชูก็รักดาวอยู่แล้ว จริงไหม” พูดแล้วก็หันไปพยักพเยิดกับชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังจะเป็นสามีกำมะลอของเธอ สามีที่เธอมั่นใจว่าไม่ได้รักเธอเลยสักนิด ทว่า...เธอคิดผิด

“ครับ” บุญชูตอบพร้อมกับมีสีระเรื่อขึ้นที่โหนกแก้ม ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยได้ยินพราวนภาพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน 

‘ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เขาก็รักเธอ’ อย่างนั้นเหรอ...

ลองให้เขาเป็นคนพูดสิ มีหวังโดนชกปากแตกแน่ๆ

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น