7
เมื่อนักเรียนกลับบ้านไปหมดแล้ว สนามบาสเกตบอลจึงว่างสำหรับให้นักกีฬารุ่นใหญ่อย่างบุญชูได้มาเล่นออกกำลังกายบ้าง วันนี้พีชญาพาคู่ควงคนใหม่มาแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จัก เขาคนนี้เป็นนายแบบลูกครึ่ง รูปร่างหน้าตาดี แถมยังรักการเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดมีชุดกีฬาเตรียมพร้อมไว้ในรถสุดหรูที่เจ้าตัวขับพาพีชญามาหาพราวนภาในวันนี้
เมื่อคนรักของพีชญาเห็นบุญชูกำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ในสนาม จึงอยากเข้าไปขอเล่นด้วยอย่างนึกสนุก ทำให้พราวนภาต้องไปนั่งเป็นเพื่อนพีชญาที่ข้างสนามเพื่อดูบุญชูและแฟนเพื่อนเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน
“ไม่ยักรู้ว่าแกดูกีฬา แถมอยู่ดีๆ ก็ชอบหมาด้วย” พราวนภาถามเพื่อนที่เมื่อก่อนไม่เคยแม้แต่จะเฉียดไปสนามกีฬาทุกประเภท และไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นอีกฝ่ายอุ้มหมา แต่วันนี้พีชญากลับมีสุนัขพันธุ์พอมเมอเรเนียนนั่งอยู่บนตัก แถมยังตะโกนเชียร์และปรบมือให้กับคนที่อยู่ในสนามบาสเกตบอลเป็นระยะ
“ฉันชอบนักกีฬากับชอบเจ้าของหมาหรอกย่ะ” พีชญายอมรับอย่างเปิดเผย
“ว่าแล้วเชียว”
“ก็เธอดูแดเนียลของฉันสิ ใส่เสื้อกล้ามเล่นบาสจนเหงื่อชุ่มโชกแบบนี้ เซ็กซี่เป็นบ้า” พูดแล้วก็โบกมือให้ เมื่ออีกฝ่ายหันมามองเธอ
“อี๋ มีขนหน้าอกกับขนรักแร้เนี่ยนะเซ็กซี่” พราวนภามองคนรักของเพื่อนที่มีขนสีน้ำตาลเข้มดกดำทั้งที่หน้าอกและใต้รักแร้แล้วถึงกับทำท่าขนลุกขนพอง
“ใครมันจะไปเกลี้ยงเกลาเหมือนผู้ชายของแกล่ะ” พีชญามองค้อนเพื่อน ก่อนจะหันไปเปรียบเทียบผู้ชายสองคนที่อยู่ในสนาม และพบว่า ความเกลี้ยงเกลาของบุญชูที่แม้ไม่มีขนหน้าอกและขนรักแร้ก็ดูหล่อสะอาดสะอ้านไปอีกแบบ ยิ่งจังหวะที่เขายกเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อ เผยให้เห็นลอนกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เด่นชัดแม้คนมองจะนั่งอยู่ที่ขอบสนาม ท่วงท่าของบุญชูขณะเดาะลูกบาสเกตบอลคล่องแคล่วกว่าแดเนียลนิดหน่อยเพราะอีกฝ่ายดูจะสูงเก้งก้างไปสักนิด แต่แดเนียลก็ได้เปรียบตรงที่สูงกว่า จึงป้องกันการทำแต้มของบุญชูได้ดีกว่า
‘สวบ’ เสียงลูกบาสเกตบอลลงห่วง ด้วยฝีมือการชูตลูกระยะไกลของบุญชูที่สองแขนยังชูค้างอยู่
“ซู้ด” พีชญาถึงกับสูดปาก เธอเบนสายตาจากแดเนียลมาได้สักระยะแล้ว เพราะความหล่อล่ำชวนมองของครูพละหนุ่ม
“น้อยๆ หน่อยลูกพีช พ่อขนดกของแกอยู่ตรงโน้น” พูดแล้วก็ดันปลายคางเพื่อน เพื่อให้ปากที่อ้าค้างปิดลงและเก็บอาการเสียบ้างเมื่อคนข้างๆ เอาแต่มองบุญชูตาไม่กะพริบ
พีชญาเหลือบมองแหวนแต่งงานที่นิ้วเรียวของเพื่อนแล้วก็ได้แต่บ่นพึมพำ
“ทำไมของดีอย่างบุญชูต้องตกเป็นของแกด้วยเนี่ยยายดาว เสียของชะมัด”
“ตกเป็นของฉันที่ไหนกัน เราต่างคนต่างอยู่จ้ะ”
“ถามจริง แกอดใจไม่ปล้ำเขาได้ยังไงเนี่ย” พีชญาทำท่ามันเขี้ยว หลังจากหันกลับไปมองบุญชูอีกครั้ง
“เพราะฉันไม่ใช่แกไงยายลูกพีช ที่จะเที่ยวไปปล้ำผู้ชายที่ไม่ได้คิดอะไรกับเราด้วยได้”
“แต่เท่าที่ฉันสังเกตคุณบุญชูมา ดูเขาจะเทกแคร์แกดีเว่อร์ จนบางครั้งฉันก็คิดว่าเขามีใจให้แกอยู่นะยายดาว”
“คิดได้ยังไงเนี่ยลูกพีช บุญชูเค้าก็เทกแคร์ทุกคนดีแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งกับพ่อแม่ฉันยิ่งทำตัวเป็นเด็กดีจนฉันจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยู่แล้ว” พราวนภาขำพรืด เพราะไม่เคยมีความคิดในแบบที่พีชญาพูดมาก่อน
“แต่ฉันว่าเซนส์ของฉันไม่เคยพลาดนะ ปกติแค่ผู้ชายขยิบตาก็รู้แล้วว่ามีใจให้”
“ถ้ากับผู้หญิงสวยเซ็กซี่อย่างแกก็ไม่น่าแปลกใจหรอก แต่กับผู้หญิงลุคเตะก้านคอผู้ชายได้อย่างฉัน ฉันว่าแกควรไปเช็กเซนส์ของแกด่วนแล้วละ” พราวนภาหัวเราะลั่น โดยที่ไม่สนใจว่าคนที่อยู่ในสนามจะหันมองมาที่เธอ
บุญชูปล่อยให้แดเนียลแย่งลูกบาสเกตบอลไปได้อย่างง่ายดาย เพราะมัวแต่มองเจ้าของเสียงหัวเราะจนตัวเขาเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วย
‘ต้องไปเช็กเซนส์อะไรกัน มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าใช่ พวกความรู้สึกช้าเอ๊ย’ พีชญาได้แต่คิดในใจ ของแบบนี้เธออยากให้เพื่อนได้รู้สึกและเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะหัวใจใครก็หัวใจมัน ชี้นำกันไม่ได้
สองนักกีฬาหนุ่มเดินกลับมาที่ขอบสนามพร้อมกัน พีชญาเตรียมผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ให้คนรักเช็ดเหงื่ออย่างเอาอกเอาใจ ในขณะที่บุญชูยังคงดึงชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อตัวเองเพราะไม่มีใครเตรียมผ้าขนหนูไว้ให้
ยิ่งมองใกล้ๆ พีชญาก็ยิ่งตะลึงในความสมบูรณ์แบบของลอนกล้ามเนื้อหน้าท้องของครูพละหนุ่ม จังหวะที่เขายกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ขอบกางเกงกีฬาที่สวมอยู่ก็เลื่อนต่ำลง เผยให้เห็นเส้นกล้ามท้องลึกชัดจนอดจินตนาการถึงจุดสิ้นสุดของเส้นที่ลากเฉียงจากข้างลำตัวส่วนล่างไล่ลงมายังจุดกึ่งกลางของลำตัวชายหนุ่มไม่ได้
“พิชชี่ฮันนี่ แดนนี่หายไปไหน” เจ้าของเสียงสำเนียงภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัดเอ่ยถาม ทำให้คนที่กำลังเมาซิกซ์แพ็กเพิ่งนึกขึ้นได้
“อ้าวเฮ้ย หมาหาย!” พีชญาใจหายแวบเพราะไม่รู้ว่าพอมเมอเรเนียนขนปุยกระโดดลงจากตักหนีหายไปตอนไหน
“ดาว ช่วยฉันหาหมาหน่อย ถ้าแดนนี่เป็นอะไรไป แดเนียลเอาฉันตายแน่ อิตานี่ยิ่งรักหมาเหมือนลูกอยู่ด้วย” นางแบบสาวหน้าเสีย เธออุตส่าห์แสร้งทำเป็นรักหมาอยู่ตั้งนาน เลิฟมีเลิฟมายด็อกคือสิ่งที่หญิงสาวชนะใจนายแบบหนุ่มจนมาคบหาเป็นแฟนกันได้ แต่เลิฟมายด็อกประสาอะไร มัวแต่มองผู้ชายจนหมาหายไม่รู้ตัว
ทั้งสี่คนเริ่มกระจายตัวกันออกตามหา เนื่องจากกลัวว่าจะถูกสุนัขตัวอื่นในโรงเรียนกัด ไม่นานก็ได้ยินเสียงเห่าดังมาแต่ไกล ทั้งสี่คนหันไปหาต้นเสียง จึงเห็นสุนัขพันธุ์พอมเมอเรเนียนอยู่ในอ้อมกอดของดนุพงษ์ที่ตอนนี้กำลังลูบหัว สลับกับเกาคางให้สุนัขตัวน้อยที่แสนเชื่อง
“แดนนี่” เป็นแดเนียลที่ตรงเข้าไปหาสัตว์เลี้ยงของตัวเองก่อน ตามด้วยคนอื่นๆ ที่เหลือ เขากล่าวขอบคุณชายวัยกลางคนที่พีชญาแนะนำว่าเป็นพ่อของพราวนภาด้วยภาษาไทยคำอังกฤษคำ ก่อนจะยื่นมือไปอุ้มหมาน้อยที่ตอนนี้ตะกุยขาออกจากอ้อมแขนของดนุพงษ์ เมื่อเห็นเจ้าของที่แท้จริงของมันอยู่ตรงหน้า
“น่ารักจัง หมาพันธุ์นี้เค้าเรียกว่าพันธุ์อะไร”
“พอมเมอเรเนียนครับ” แดเนียลตอบ พร้อมกับทำเสียงจุปากหยอกล้อกับสุนัขของตัวเอง สลับกับจูบขนฟูๆ บริเวณหัวของมันตามประสาคนรักสัตว์
“เชื่องดีนะ พูดรู้ความด้วย อุ้มเล่นได้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ เลย” ดนุพงษ์พูดพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวแดนนี่เล่น เจ้าหมาตัวน้อยก็ช่างรู้งาน มันอยู่นิ่งๆ ทำตาเคลิบเคลิ้มตอนที่ถูกดนุพงษ์ลูบหัว
“ซื้อมาเลี้ยงเล่นแก้เหงาสักตัวดีไหมฮะพ่อ” พราวนภาถามผู้เป็นพ่อ
“คิดดีๆ นะดาว เผลอๆ อาจจะโดนขโมยความรักเอาง่ายๆ เลยนะ ดูเจ้านี่เถอะ ฉอเลาะใช่เล่นเสียที่ไหน” พูดไปเดี๋ยวจะกลายเป็นอิจฉาหมา แต่พีชญารู้สึกแบบนั้นจริงๆ หญิงสาวอยากจะเอาแดนนี่ไปเก็บสักพักตอนที่กำลังสวีตกับแดเนียล แต่หมาเจ้ากรรมดันเข้ามาเป็นมารความรักของเธอตลอด มิหนำซ้ำคนรักของเธอดันให้ความสนใจหมามากกว่า ยิ่งทำให้พีชญารู้สึกว่าเธอเป็นแค่กิ๊ก ส่วนหมาเป็นคนรักตัวจริงของแดเนียล
“ผมแนะนำฟาร์มให้ได้นะครับ ซื้อจากฟาร์มเดียวกับแดนนี่ก็ได้” แดเนียลเอ่ยอย่างมีน้ำใจ
“ขอบคุณนะแดเนียล ฉันเลือกพันธุ์เดียวกับแดนนี่นี่แหละ น่ารัก เหมือนเด็กดี” พราวนภาตัดสินใจให้ผู้เป็นพ่อ พร้อมกับมองสุนัขขนปุยด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
พราวนภาคิดว่า แผนการเบนความสนใจเรื่องอยากมีหลานน่าจะสำเร็จ เมื่อลูกสุนัขพันธุ์พอมเมอเรเนียนถูกรับมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน ดนุพงษ์กับพรนภาเรียกแทนตัวเองเวลาคุยกับหมาว่าพ่อกับแม่ เพราะหลงรักในความน่ารักของมัน ส่วนชื่อของหมานั้น บุญชูช่วยตั้งชื่อให้ว่า บุญเลิศ
“นี่หมานะ ทำไมตั้งชื่อเหมือนควาย” พราวนภาค้านหัวชนฝา แต่น่าแปลกใจที่พ่อกับแม่ของเธอเห็นดีเห็นงามกับชายหนุ่ม
“พ่อชื่อบุญชู ลูกชื่อบุญเลิศ เข้ากันดีออก” ดนุพงษ์เข้าข้างลูกเขย ทำให้สุนัขตัวนี้ต้องชื่อบุญเลิศไปโดยปริยาย
“มีลูกหมามาให้เลี้ยงแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะหายเหงาแล้วใช่ไหมฮะ” พราวนภายิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของพ่อกับแม่ ยิ่งตอนที่ทั้งสองอุ้มบุญเลิศพาดไปบนบ่าราวกับอุ้มเด็กอ่อน พราวนภาก็รู้สึกราวกับได้ปลดเปลื้องภาระเรื่องการมีลูกให้พ่อกับแม่สำเร็จจนได้
“ใช่จ้ะ หายเหงา แต่จะชื่นใจกว่านี้ถ้าดาวรีบมีหลานให้แม่อุ้ม”
“อะไรนะฮะ” เมื่อได้ยินที่แม่พูด พราวนภาจึงรู้ตัวว่าเธอเข้าใจความต้องการของพ่อและแม่ผิดไปถนัด แต่ก็พยายามจะบอกกับแม่ของเธอว่า ก็ที่ลิ้นห้อยอยู่นั่นไง หลานที่เธอไปรับจากฟาร์มมาให้อุ้ม
“เมื่อไหร่จะท้องเสียที บุญชูก็พยายามหน่อยสิ” พรนภากดดันลูกสาวเสร็จก็หันมากดดันลูกเขยต่อ
“แต่ว่าแม่ฮะ พวกเรายังไม่พร้อมนะฮะ พ่อกับแม่เลี้ยงบุญเลิศเป็นหลานไปก่อนได้ไหม”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะกว่าจะรอให้ดาวท้อง พ่อกับแม่ก็คงเหงาน่าดู อีกอย่าง บุญเลิศจะช่วยกระตุ้นให้ดาวท้องเร็วขึ้น เพราะจะได้มีลูกอิจฉาอยากมาเกิด”
พราวนภาได้ยินแล้วก็ได้แต่กุมขมับ เพราะมันผิดแผนไปหมด แทนที่เธอจะแกล้งทำเป็นลืม กลับกลายเป็นว่า การที่เธอนำหมามาเลี้ยงจะเป็นการตอกย้ำพ่อกับแม่ของเธอเรื่องหลาน และที่สำคัญ บุญเลิศจะช่วยกระตุ้นให้เกิดลูกอิจฉาเสียอย่างนั้น
“พวกเราจะพยายามนะครับคุณแม่”
ได้ยินบุญชูพูดออกมาแบบนั้น พราวนภาก็หันไปสบตากับชายหนุ่ม แววตาของเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวไม่คิดว่าเรื่องราวที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกพ่อกับแม่จะเลยเถิดบานปลายมาจนถึงขั้นนี้ ใจหนึ่งพราวนภาก็อยากจะสารภาพออกไปว่าเธอกับบุญชูไม่ได้รักกัน แต่รอยยิ้มมีความหวังว่าจะได้อุ้มหลานของพ่อกับแม่ทำให้หัวใจเธอหนักอึ้งไปหมด
เห็นทีเธอจะต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว...
เป็นเพราะมีเรื่องหนักใจ พราวนภาจึงนอนพลิกตัวไปมาจนทำให้คนที่อยู่อีกฝั่งของเตียงพลอยนอนไม่หลับไปด้วย
“ไม่สบายใจเรื่องมีลูกให้คุณพ่อคุณแม่เหรอครับคุณดาว” บุญชูถามเพราะตัวเขาเองก็กลุ้มใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
“ใช่ ฉันสงสารคุณพ่อคุณแม่ ท่านคงตั้งความหวังเอาไว้มาก”
“ถ้าอย่างนั้น...ผมช่วยคุณเอาไหม”
“ว่าไงนะ!”
พราวนภาลุกพรวดขึ้นนั่งพร้อมกับหันมาจ้องบุญชูเขม็ง ตอนนั้นเองชายหนุ่มเสียววาบเพราะกลัวหมัดหนักๆ จะตามมาเข้าที่เบ้าตา แต่ว่าคราวนี้พราวนภาไม่ได้ทำอย่างนั้น ดูเหมือนมองเขาอย่างใช้ความคิดมากกว่าทุกครั้งเสียมากกว่า
“ผมจะช่วยทำให้คุณมีลูกเอง แบบว่า...ไม่ต้องผูกมัด” ประโยคหลังบุญชูกลั้นใจพูด เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น พราวนภาก็จะไม่ยอมมีหลานให้พ่อกับแม่ของเธออุ้มเสียที
“นายแน่ใจนะว่าจะเต็มใจช่วย”
“เต็มใจครับ” ชายหนุ่มรีบตอบอย่างพยายามเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้
“แต่ว่าฉัน...ยังไม่พร้อม”
พูดแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้ชายหนุ่ม ปล่อยให้คนที่นอนอยู่อีกฝั่งของเตียงตื่นเต้นเก้ออีกแล้ว
“ทำไมถึงยังไม่พร้อมล่ะครับ”
“ก็เพราะว่าเรา...ยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“แล้วเราต้องสนิทกันขนาดไหนเหรอครับ” บุญชูถามเพราะเดานิยามความสนิทของพราวนภาไม่ถูกจริงๆ
“ก็แบบว่า ฉันยังทำใจให้นายแตะต้องตัวฉันไม่ได้น่ะสิ”
พราวนภาลุกขึ้นนั่งบนเตียงอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งด้วยเช่นกัน
“ถ้ายังทำใจให้ผมแตะต้องตัวไม่ได้ ก็เป็นฝ่ายแตะต้องผมเองเลยสิครับ”
บุญชูตัดสินใจเสี่ยงพูดออกไป เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าวันนี้พราวนภาจะไม่ฟาดแข้งใส่เขาอย่างแน่นอน
“ฉันต้องทำยังไงเหรอบุญชู”
คำถามแสดงความสนใจนั้นทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง เขาพยายามข่มอารมณ์ปรารถนาเอาไว้ ในสมองมีแต่ความคิดบ้าๆ เต็มไปหมด เขาต้องท่องเอาไว้ว่าเธอยังไม่พร้อม และที่พราวนภาคล้อยตามคำแนะนำของเขาก็คงจะแค่อยากลองเท่านั้นว่า จะสามารถฝืนใจตัวเองได้หรือไม่
“คุณดาวสามารถแตะต้องผมได้ตามต้องการ จะจับ จะลูบไล้ส่วนไหนในตัวผมก็ได้”
“จะบ้าหรือไง!”
“ใจเย็นและฟังผมก่อนสิครับ” เสียงตวาดแหวทำให้บุญชูผวาเฮือก ก่อนจะหาคำพูดมาหว่านล้อม “ทั้งหมดนี้ มันเป็นการสร้างความสนิทสนมทางกาย อย่าลืมสิครับว่าเรากำลังจะมีลูกกันแบบไม่มีข้อผูกมัด ถ้าคุณดาวไม่ทำตามที่ผมบอก เมื่อไหร่คุณจะทำใจให้ผมแตะต้องคุณได้ล่ะครับ”
พราวนภาฟังแล้วคิดตาม มันก็ถูกของบุญชูที่ว่าทั้งหมดนี้เป็นความสัมพันธ์กันทางกายที่จะต้องอาศัยธรรมชาติทางสรีระเป็นเครื่องมือในการมีลูก ดังนั้นถ้าบุญชูไม่คิดมาก เธอก็ไม่ควรจะคิดมากเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้น นายก็ถอดเสื้อออกสิ”
พราวนภาบอก บุญชูจึงถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่แทบจะทันทีที่ได้ยินคำสั่ง
“ยื่นแขนมา ทั้งสองข้างเลย” ขณะพูด หญิงสาวก็เดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน เพื่อหยิบสิ่งของบางอย่างออกมา
“เชือก! คุณดาวเอาเชือกออกมาทำไมครับ” บุญชูแทบจะคิดเป็นอื่นไม่ได้ ในหัวมีแต่ฉากในภาพยนตร์วาบหวิวเต็มไปหมด
“ก็เอามามัดนายไง อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่ว่าอยู่ๆ ให้ฉันสร้างความคุ้นเคยกับร่างกายของนายแบบนี้ บอกตามตรงว่าฉันไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่” พูดแล้วก็มัดแขนทั้งสองข้างติดกันแน่นด้วยทักษะของลูกเสือที่สั่งสมมานานหลายปี โชคดีที่ไม่มัดขาของชายหนุ่มด้วย ไม่อย่างนั้นคงจะดูทุเรศทุรังกว่านี้มาก
ชายหนุ่มซุกร่างกายท่อนล่างไว้ใต้ผ้าห่ม จากนั้นก็เอนตัวลงนอนกับหมอน ยกแขนทั้งสองข้างที่ถูกมัดติดกันพาดไว้เหนือศีรษะ เผยให้เห็นว่าใต้รักแร้ของเขาเกลี้ยงเกลา
“นายโกนขนรักแร้จริงๆ เหรอ”
“ครับ เพราะรู้ว่าคุณบอกว่าไม่ชอบ ผมก็เลยโกนออก”
พราวนภาทำเสียงรับรู้อย่างไม่ค่อยสนใจนัก เพราะสายตาของเธอกำลังกวาดลงบนเรือนร่างของชายหนุ่ม หัวใจของหญิงสาวเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ตั้งใจมองแผงอกของบุญชูได้ใกล้ขนาดนี้ บุญชูเป็นผู้ฝึกสอนนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนและเขาเปลือยท่อนบนให้เธอเห็นจนชินตา แต่เวลานี้เธอรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย เพราะมันมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
ผิวขาวเนียนละเอียดแลดูสะอาดสะอ้านของชายหนุ่มทำให้พราวนภาทำใจแตะต้องตัวเขาได้ไม่ยาก บุญชูแทบลืมหายใจเมื่อปลายนิ้วเรียวสัมผัสลงมาที่กลางอกของเขา แล้วค่อยๆ ลากไล้ไปหยุดอยู่ตรงยอดอกสีชมพูเข้ม
“อ่า...คุณดาว อย่าแกล้งกันสิครับ” บุญชูพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นพร่า เมื่อปลายนิ้วนั้นกดย้ำอยู่ตรงปลายยอดอก เสียงหัวเราะด้วยความขบขันทำให้ชายหนุ่มแทบบ้า นึกขอบคุณพราวนภาขึ้นมาที่จับเขามัดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเขาคงควบคุมตัวเองไม่อยู่แน่ๆ
ปลายนิ้วที่ดูเหมือนจะเพิ่มความซุกซนขึ้นเรื่อยๆ ไล้ต่ำลงมา เธอชะงักมือนิดหนึ่งเมื่อสัมผัสถึงความแน่นตึงของลอนหน้าท้องทั้งหก หญิงสาวเหลือบขึ้นมามองหน้าเจ้าของลอนหน้าท้องนิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่หันไปทางอื่นอย่างไม่สนใจเธอ ก็เลื่อนปลายนิ้วให้ต่ำลงไปอีก แต่พอถึงขอบกางเกง แขนทั้งสองข้างที่พาดไว้เหนือศีรษะก็วางอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ได้อีกแล้ว เมื่อคนที่ถูกมัดรู้สึกว่านิ้วกำลังจะสอดเข้าไปใต้ขอบกางเกง
“อย่าเพิ่งไปตรงนั้นครับคุณดาว” ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้น พร้อมกับรีบคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น ความสนุกจากการได้กลั่นแกล้งทรมานร่างกายของเขาด้วยการแตะสัมผัสจะจบลงทันที ถ้าพราวนภารับรู้ถึงปฏิกิริยาตอบสนองที่ยากจะข่มกลั้นของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังพยายามสงบสติอารมณ์อยู่ใต้ผ้าห่ม
พราวนภาหน้าแดงแจ๋ บุญชูคงจะไม่รู้ว่าตอนที่มือของเธอซุกซนอยู่ตรงขอบกางเกงของชายหนุ่ม เสียงในความคิดของหญิงสาวตีกันให้วุ่นวายไปหมด เสียงหนึ่งบอกให้หยุด อย่าคึกคะนองจนเกินเหตุ แต่อีกเสียงหนึ่งบอกให้ไปให้สุด แล้วค่อยหยุดถ้าคิดว่าสู้ไม่ไหว แต่สุดท้าย...เสียงที่บอกให้หยุดกลายเป็นเสียงของชายหนุ่ม
“เอ่อ...คือว่าฉัน...”
ความรู้สึกกระดากอายทำให้พราวนภารู้สึกหน้าชาไปหมด เธอหันไปมองหน้าบุญชู จึงรับรู้ว่าถูกเขามองมาด้วยสายตาที่ทำให้เธอร้อนผะผ่าวไปทั้งร่าง
“เปลี่ยนไปลูบตรงอื่นก่อนได้ไหมครับ” ชายหนุ่มเชิญชวนด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่ากว่าที่เคย
“ไม่แล้วล่ะ อยากนอนแล้ว”
“งั้นแก้มัดให้ผมหน่อย” พูดแล้วก็ยื่นมือทั้งสองให้หญิงสาว
“ไม่ คืนนี้นายต้องนอนทั้งอย่างนี้” พูดจบก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ชายหนุ่ม
“อะไรกันครับคุณดาว นี่คุณจะให้ผมนอนทั้งที่ถูกมัดแขนอยู่อย่างนี้จริงๆ เหรอ”
“ไปนอนที่พื้นด้วยไป” พราวนภาพลิกตัวมาออกคำสั่ง จากนั้นก็พลิกตัวนอนหันหลังให้ตามเดิม
“โธ่คุณดาว ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย ผมอุตส่าห์ให้คุณแตะต้องลูบคลำผมนะครับ”
บุญชูบ่นอุบ ทำให้พราวนภาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงมือที่ถูกมัดให้ติดกันมาใกล้ๆ
“ฉันแก้มัดให้นายก็ได้ แต่ว่าคืนนี้นายกลับไปนอนที่บ้านพักของนายตามเดิม และฉันจะไม่แตะต้องนายอีก”
“โอเค งั้นผมนอนที่พื้นก็ได้” ชายหนุ่มดึงมือกลับ ไม่ยอมให้หญิงสาวแก้มัด ก่อนจะใช้สองแขนโอบหมอนไปวางที่พื้นห้องตรงบริเวณที่ว่างๆ แล้วล้มตัวลงนอน
“ต่อไปนี้เชิญคุณลูบคลำผมตามสบาย คุณจะมัดผมเป็นมัมมี่ก็ได้ แต่อย่าไล่ผมไปนอนบ้านพักคนเดียวอีกนะครับ ผมเหงา” เอ่ยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดจบก็พลิกตัวนอนหันหลังให้หญิงสาว
หลายวันที่ผ่านมาที่เขาได้นอนร่วมเตียงกับพราวนภา หญิงสาวคงไม่รู้ว่าเขาหลงรักทุกอย่างที่เป็นเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆ เสียงลมหายใจฟืดฟาดตอนภูมิแพ้กำเริบ หรือแม้แต่ท่านอนดิ้นขยุกขยิก มันทำให้เขากลับไปนอนคนเดียวไม่ได้อีกแล้ว
พื้นที่แข็งกระด้างไม่ทำให้ทรมานเท่ากับความหนาวของเครื่องปรับอากาศ ตอนที่ถูกไล่ให้ลงมานอนที่พื้นบุญชูยังไม่ได้สวมเสื้อ และต่อให้เขาลุกขึ้นไปหยิบเสื้อที่ถอดเหวี่ยงไว้บนเตียงมาสวมก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะสองแขนยังถูกมัดติดกันอยู่ จึงได้แต่นอนห่อตัวในท่าคุดคู้ และข่มตาให้หลับเพื่อหนีความหนาว
ผ้าห่มอุ่นถูกนำมาคลี่คลุมให้ชายหนุ่มที่กำลังพยายามข่มตาหลับ ความอุ่นวาบเกิดขึ้นทันทีในหัวใจของเขา แม้พราวนภาจะยังไม่แก้มัดให้ แม้เธอจะไม่ปลุกให้ไปนอนบนเตียงด้วยกัน แต่เท่านี้ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าหญิงสาวก็เป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเธอคงจะปล่อยให้เขานอนหนาวทั้งคืนอย่างไม่สนใจไยดีไปแล้ว
นับตั้งแต่พราวนภาแตะต้องเขาในคืนนั้น เธอก็มีท่าทางที่เปลี่ยนไป จากที่เคยพูดคุยมองตาได้ตามปกติ หญิงสาวกลับหลีกเลี่ยงการมองหน้า ไม่ยอมรอเขามากินข้าวกลางวันด้วย ถามคำตอบคำ และที่สำคัญเธอยังไม่อนุญาตให้บุญชูกลับมานอนบนเตียงด้วยกันเหมือนเดิม
“นี่คุณดาวโกรธอะไรผมรึเปล่าครับ” บุญชูตัดสินใจถามในขณะที่เดินตามเธอกลับมาที่ห้องนอน เขาทนความอึดอัดไม่ไหวอีกแล้ว หลายวันมานี้พราวนภาเอาแต่เงียบขรึมใส่เขาจนผิดปกติ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะยิ่งตีตัวออกห่างเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“เปล่า ฉันแค่ยังรู้สึกแปลกๆ”
“รู้สึกแปลกๆ เรื่องอะไรเหรอครับ” ยิ่งรู้คำตอบ บุญชูก็ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก
“ก็...รู้สึกแปลกๆ ตอนที่ฉันลูบคลำนาย ฉันว่าผู้หญิงทั่วไปเขาคงไม่ทำกันหรอก...จริงไหม” ยิ่งพูด หน้าของพราวนภาก็ยิ่งแดงซ่าน จนไม่อยากจะพูดคุยกับบุญชูอีกแล้ว
“ครับ ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาไม่ทำกัน”
ได้ยินบุญชูพูดอย่างนั้น พราวนภาก็หันขวับมามองเขา แล้วก็พบกับรอยยิ้มที่ทำให้ใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เพราะส่วนมาก จะเป็นผู้ชายที่เป็นฝ่ายลูบคลำผู้หญิงมากกว่า”
“นี่!” พราวนภาฟาดมือลงที่ต้นแขนของชายหนุ่มแรงๆ อย่างอดไม่ได้ ทำให้บุญชูหัวเราะลั่น แม้จะเจ็บ แต่ก็รู้สึกดีที่พราวนภาเลิกทำท่านิ่งขรึมใส่เขาเสียที
“ผมเข้าใจนะครับ เพราะที่คุณดาวทำกับผมคืนนั้น มันข้ามขั้นเกินไปหน่อยสำหรับมือใหม่”
“หมายความว่ายังไงเหรอ”
“ก็หมายความว่า ทุกอย่างมันควรเริ่มจากผม”
บุญชูคิดว่าเขาพยายามที่จะควบคุมเสียงให้เป็นปกติแล้ว แต่สายตาที่ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวตอนนี้นั้นทำให้พราวนภาเบิกตาโต พร้อมกับถอยออกห่างชายหนุ่ม
“นายจะทำอะไร”
พราวนภาถอยจนรู้สึกว่าหลังเธอชิดกำแพงแล้ว แต่บุญชูก็ตามเธอมาจนประชิดตัว พร้อมกับกักขังเธอเอาไว้ในอ้อมแขน ขณะนี้ หญิงสาวรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย เพราะถ้าหากเป็นพราวนภาคนเดิม ป่านนี้บุญชูโดนชกเบ้าตาไปแล้ว ทว่านับตั้งแต่คืนนั้น ความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้วเวลามองชายหนุ่ม สายตาของบุญชูที่มองเธอตอนนี้ไม่ต่างจากคืนนั้น มันทำให้เธอหวั่นไหวจนไม่อาจจะทนมองสบตากับเขาได้อีก
“อย่านะ!”
เสียงห้ามสั่นระริกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ อยู่ใกล้ใบหน้าเธอแค่คืบ หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบและหลับตาเมื่อบุญชูโน้มใบหน้ามาใกล้ ไออุ่นของคนที่ค้ำร่างกับผนังห้องถอยห่างออกไปแล้ว พราวนภาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพบกับสีหน้ารู้สึกผิดของอีกฝ่าย
“ผมขอโทษ”
“ตั้งแต่คืนนี้ไป นายไปนอนที่บ้านพักของนายซะ ไม่ต้องมานอนที่ห้องนี้อีกแล้ว” หญิงสาวประกาศพร้อมกับหันหลังให้ชายหนุ่ม
“ไม่นะครับคุณดาว อย่าไล่ผมไปนอนที่อื่นเลยนะครับ ให้ผมนอนที่พื้นตลอดไปเลยก็ได้ ผมสัญญานะครับว่าผมจะไม่ทำแบบนี้กับคุณอีกแล้ว”
บุญชูอ้อนวอนหญิงสาว เขาอยากจะตบหัวตัวเองที่ไม่รู้จักหักห้ามใจ แค่เห็นว่าพราวนภาไม่มีท่าทางต่อต้าน จึงหยุดตามความต้องการของตัวเองไม่ได้ นี่ขนาดเขาไม่ได้แตะเธอเลยสักนิด ยังถูกพราวนภาโกรธขนาดนี้ ถ้าเขาเผลอจูบเธอ ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเกลียดเขาขนาดไหน
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ออก ฉันจะเดินไปบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าเราไม่ได้รักกับ จะสารภาพแผนการทั้งหมดให้ฟัง แล้วนายก็ออกไปจากโรงเรียนฉันซะ ถ้าไม่ไป เดี๋ยวฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง”
พราวนภาหันกลับมาพูดกับชายหนุ่ม จึงได้เห็นสีหน้าและแววตาสะเทือนใจของบุญชูที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หัวใจของหญิงสาววูบโหวงไปหมด เป็นครั้งแรกที่เธอพูดจาแรงๆ ใส่เขาแล้วต้องมารู้สึกเจ็บปวดเสียเอง แต่การกระทำของบุญชูเมื่อสักครู่นี้ทำให้เธอไม่สามารถที่จะมองหน้าเขาได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
“คุณดาว!”
“ออกไปซะ” พราวนภาหันหลังให้บุญชูอีกครั้ง เพราะถ้าขืนยังมองหน้าเขาต่อไป เธออาจจะใจอ่อนจนเผลอยอมให้เขาทำอะไรที่พยายามทำเมื่อสักครู่นี้อีกก็เป็นได้
บุญชูไม่พูดอะไรอีก เขาเก็บเสื้อผ้าในตู้แค่ไม่กี่ตัวพาดที่แขน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอนของพราวนภาเงียบๆ หญิงสาวรอจนกระทั่งบานประตูปิดลง เธอจึงรีบเดินไปกดล็อกกลอนลูกบิด ก่อนจะยกมือขึ้นมาถูใบหน้าที่ร้อนๆ ชาๆ วูบๆ วาบๆ ไม่หยุดอยู่ในตอนนี้
“เป็นอะไรไป เราเป็นอะไรไป” หญิงสาวถามตัวเองด้วยอารมณ์สับสน เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน โดยเฉพาะกับบุญชู ผู้ซึ่งเป็นแค่เด็กในอุปการะของพ่อเธอ คนที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะทำให้เธอหัวใจกระตุกได้ถึงขนาดนี้ และที่สำคัญ...บุญชูคงไม่ได้รู้สึกอย่างที่เธอรู้สึกกับเขาอยู่ตอนนี้แน่ๆ
“ไม่...ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น!” พราวนภาบอกกับตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวนอนคลุมโปงบนเตียง แล้วพยายามเลิกคิดฟุ้งซ่าน
แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เธอก็ลบภาพแววตาของบุญชูที่มองเธอออกจากหัวไม่ได้เสียที
ความคิดเห็น |
---|