10

10

10

 

ในค่ำคืนที่หลายคนนอนไม่หลับ กาเบรียลก็เป็นหนึ่งในนั้น

เช้าวันใหม่กำลังจะมาเยือน แต่เขาไม่ง่วงนอนเลยสักนิด ดวงตาสีเขียวยังจับจ้องดวงหน้าของหญิงสาวที่ยึดครองไว้ในอ้อมแขนมาตลอดคืน ดวงตาที่มีแพขนตาหนาปิดสนิทขณะที่เขาจ้องมองราวกับกลัวว่าหากกะพริบตา หรือเผลอหลับไปแล้วหญิงสาวจะสูญสลายกลายเป็นหมอกควัน

อันองค์หลับใหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากที่...

เขาอดไม่ได้ที่จะเกลี่ยปลายนิ้วบนผิวละมุนมือ ดวงหน้าขาวซีดยังเหลือรอยเลือดฝาดอยู่จางๆ นิ้วระไล่มาที่ริมฝีปากระเรื่อที่ยังเห่อช้ำจากความเอาแต่ใจของเขา แต่ไม่มีความสำนึกผิดสักนิดเดียวบนใบหน้าหล่อเหลานั้น

โอเคละ เขายอมรับว่าตัวเองหนักมือไปหน่อย แต่...นอกจากจูบที่เหมือนจะหนักไปนิด...กับสัมผัสเพียงแผ่วที่แผดเผาร่างน้อยให้ดิ้นเร่าครวญครางแทบขาดใจอยู่ใต้ร่างเขาแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากมายแค่ไหนในการหักห้ามใจไม่ให้รังแกเธอมากเกินไปกว่านั้น ทั้งๆ ที่อยากทำตามใจตัวเองแทบบ้า

โดยทฤษฎีแล้วหญิงสาวในอ้อมแขนเขายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ดังเดิม ไม่ถูกล่วงล้ำก้ำเกินใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ในทางอารมณ์แล้ว...รอยยิ้มพึงใจผุดพรายบนริมฝีปากสีสดของชายหนุ่มที่เริ่มมีไรหนวดเขียวครึ้ม ดูๆ ไปก็เหมือนหมีกริซลีจอมโอหังที่เพิ่งเขมือบลูกแมวน้ำขนปุยสีขาวที่ยังไม่หย่านมเข้าไปทั้งตัว

ชายหนุ่มอิ่มเอมใจสุดๆ จนหยุดตัวเองไม่ไหว ต้องก้มลงไปประทับรอยจูบแผ่วๆ บนเปลือกตาของเธอทีละข้าง ก่อนระเรื่อยไปหาริมฝีปากที่ยังเห่อช้ำด้วยพิษจูบผ่าวร้อนที่เขาฝากไว้ ประทับตราจับจองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแล้วต้องพยายามระงับใจ หยุดตัวเองไว้อย่างยากเย็น

หญิงสาวยังสวมเชิ้ตผ้าไหมสีขาวของเขา ทั้งบ่าและไหลบางที่กาเบรียลเวียนวนลูบสัมผัสนั้นมีร่องรอยบาดแผลขนาดใหญ่อยู่ใต้เนื้อผ้า รอยปูดนูนของแผลเป็นที่คล้ายร่องรอยขาดวิ่นเป็นทางยาวจากไหล่ลงไปถึงสะบักทั้งสองข้าง

รอยแผล...ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเคยเป็นปีกนางฟ้าที่โดนกระชากออกไป จนทำให้นางฟ้าแสนสวยร่วงหล่นลงมาจากอมตะภพ ตกลงมาสู่อ้อมแขนเขา

ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นเหมือนเป็นสัญญาว่าต่อนี้ไปเขาไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดลอยหายไปแน่ คนเสียงห้าวพึมพำชื่อหนึ่งออกมา

"แองเจิล..."

ชื่อ...ที่ติดตราตรึงไม่อาจสลัดให้หายจากความทรงจำง่ายๆ

ชื่อ...ที่ของคนที่เหมือนไร้ตัวตนจนเขาต้องเร่าร้อนทุรนทุรายค้นหา

ชื่อ...ของคนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาเมื่อห้าปีก่อน

...

มันเป็นวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ

เป็นเจ็ดวันหลังจากที่มีนามบัตรปริศนาสีขาวปั๊มนูนชื่อ Angelin Z. วางบนโต๊ะทำงานในออฟฟิศเขาเหมือนเป็นบัตรนัดหมายว่านางฟ้าจะมาเยือน

เป็นเช้าตรู่ที่ระบบเตือนภัยหวีดร้องไปทั่วคฤหาสน์เฮย์เดน คฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่เก้าเอเคอร์ซึ่งมีระบบเตือนภัยที่ทันสมัยสุดบนดาวเคราะห์ดวงนี้กำลังถูกท้าทายโดยรถสปอร์ตสีขาวคันหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไรถึงทะลวงระบบป้องกันที่แน่นหนาที่สุดเข้ามาทางประตูหน้าได้

รถซูเปอร์คาร์คันนั้นแล่นด้วยความเร็วอันน่าทึ่งจนดูจะหลบโจมตีหนักๆ ของทีมบอดีการ์ดได้โดยไม่มีรอยสักขีด แต่เมื่อดูดีๆ กลับพบว่าไม่ใช่ว่าโจมตีไม่โดน แต่การโจมตีทำอะไรรถคันนั้นไม่ได้เลยต่างหาก!

รถกันกระสุนคันนั้นมีรูปทรงที่โปร่งเพรียว ไม่ใช่ยี่ห้อที่รู้จักกันในตลาด...

ที่จริง...มันไม่ใช่รถยี่ห้อไหนทั้งนั้น

มันสวยกว่ารถมียี่ห้อทุกรุ่นที่เขาเคยรู้จัก บอบบาง แต่แข็งแกร่งด้วยวัสดุที่ไม่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญบอกก็รู้ว่าสุดพิเศษ ตอนที่มันมาจอดหยุดนิ่งอยู่ที่ลานน้ำพุหน้าประตูคฤหาสน์ ปืนทุกกระบอกรัวกระสุนใส่มัน แต่แม้กระทั่งปืนกลกระสุนเจาะเกราะรุ่นล่าสุดที่ใช้ในกองทัพก็ไม่ระคายผิวโลหะสีขาวมันวาวของรถคันนั้น

ชายหนุ่มจึงสั่งให้เลิกการโจมตีที่ไร้ผลนั้นซะ

มันเปลืองกระสุน!

อีกอย่าง...เขาสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ผู้บุกรุกจะออกจากรถมาได้อย่างไร เมื่อมีปืนเกือบสามสิบกระบอกจ่ออยู่อย่างนี้

เมื่อหยุดยิงประตูรถทุกบานก็เปิดออก แม้กระทั่งฝากระโปรงหลัง...แต่ภายในรถกลับว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของผู้บุกรุก เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดก็ไม่พบความผิดปกติใด ตรวจไม่พบวัตถุระเบิด ไม่พบผู้บุกรุกที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น ตรงหน้าพวกเขามีเพียงรถสีขาวแสนสวยที่ประตูเปิดอ้า อวดทุกสัดส่วนภายในตัวรถราวกับอยู่ในงานมอเตอร์โชว์อย่างนั้นแหละ 

กาเบรียลอดรนทนไม่ไหว ต้องมาจากที่ซุ่มดูอยู่ในตัวบ้านมายืนสังเกตอยู่ด้านข้าง ในส่วนทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังสวน ด้านหลังของเขาเป็นต้นคามิลเลียสีขาวสูงท่วมศีรษะซึ่งเชื่อมต่อไปยังกำแพงต้นไม้ของเขาวงกตในสวน

ระหว่างที่ชายหนุ่มยืนดูคนของเขาตรวจค้นรถอย่างละเอียด เขาก็ได้กลิ่นดอกไม้ดอกคามิลเลียที่สายลมฤดูใบไม้ผลิโชยพัดมาอ่อนๆ ชายหนุ่มอดหันไปมองด้านหลังไม่ได้ ทำให้เขาพบว่าผู้บุกรุกมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเขานานแล้ว

ผู้บุกรุกเป็นหญิงสาว ผมที่ย้อมเป็นสีขาวยาวถึงกลางหลัง ร่างผอมบางสวมชุดเดรสยาวสีขาวสะอาด รอบบ่าพันผ้าผืนยาวทิ้งชายพลิ้วไหวในสายลมโชยอ่อน ทำให้วูบแรกที่เห็น...รู้สึกว่ามันเป็นปีกนางฟ้า

เธอมีดวงหน้าสวยหวานแบบสาวเอเชีย ดวงตาที่น่าจะสวมคอนแทกต์เลนส์สีเทาอมฟ้าเหม่อลอยมองดอกไม้นิ่งราวกับตกอยู่ในห้วงความงามของดอกคามิลเลียสีขาวที่ต้นสูงท่วมหัวและออกดอกพราวสะพรั่ง แต่เมื่อเขาหมุนตัวมาหา เธอก็ได้สติ จึงหันมาทางเขาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนมาทำอะไรกันแน่ ดวงหน้านั้นมีรอยยิ้มกว้างสดใสสะกดใจ เหมือนไม่รับรู้เลยว่ามีปืนและกระสุนร้อนๆ ที่พร้อมสาดใส่เธอไม่รู้กี่สิบกระบอกในระยะยี่สิบหลานี้

"สวัสดี ดอกคามิลเลียบ้านคุณสวยจัง" เจ้าของเสียงใสทักทายอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสถานการณ์ตนเองเลยสักนิด

"คุณคงไม่ได้มาเพื่อชมดอกไม้หรอกมั้ง" กาเบรียลเอ่ยอย่างทึ่งไม่น้อยที่หญิงสาวยังนิ่งอยู่ได้ ดวงหน้ายังคงประดับรอยยิ้มน้อยๆ ไม่คลาย แม้กองทัพบอดีการ์ดและปืนหลายสิบกระบอกจะกระชับวงล้อมเข้ามา

"อ้อ...จริงด้วย...บอกคนของคุณให้หน่อยว่า อย่าทำเบาะรถเป็นรอยนะ เบาะของแองเจิลไม่ได้กันกระสุน...อุ๊บ!" คนพูดหันไปหารถสีขาวที่จอดสนิทอยู่ตรงลาน ก่อนทำท่าตกใจเหมือนเพิ่งเห็นจำนวนคนที่รายล้อมอยู่ เธอกวาดตามองก่อนยกสองมือแสดงท่าทางยอมแพ้ อเล็กซ์ตรงเข้าไปค้นตัวเธออย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าไม่พบอะไร ไม่มีอาวุธ ไม่มีพิรุธใดๆ ไม่มีแม้เอกสารแสดงตัวสักชิ้น

มีเพียงนามบัตรสีขาวว่างเปล่าที่มีตัวปั๊มนูนเป็นลายขนนกและชื่อ Angelin Z.

กาเบรียลมองบัตรสีขาวที่เริ่มคุ้นตาเพราะเห็นมันเป็นครั้งที่สี่ในเวลาสัปดาห์เศษ ก่อนจะกวาดสายตาดุดันไปที่หญิงสาว

"คุณบุกรุก ละเมิดความเป็นส่วนตัว ไม่มีเอกสารแสดงตัวทำให้ต้องสงสัยว่าลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แถมยัง..." กาเบรียลข่มขู่เสียงเหี้ยม

"พอก่อน ใจเย็น" หญิงสาวยกมือขึ้นห้ามก่อนบ่นพึมพำ "คุณนี่หาข้อหาเก่งชะมัดเลยแน่ใจนะว่าไม่ได้เรียนมาด้านกฎหมายน่ะ" 

ดวงตาสีเขียวทอประกายอันตรายขึ้นหลายส่วนเมื่อพบว่าหญิงสาวเหมือนจะสืบเรื่องเขามา...ไม่รู้แค่ไหน แต่นั่นทำให้น้ำเสียงถามที่แฝงเร้นรอยอันตรายไว้อย่างเข้มข้น

"คุณมีธุระอะไรแอนเจลิน" กาเบรียลถามพร้อมมองเธออย่างพินิจขึ้น

เมื่อดูดีๆ แล้วดวงหน้านั้นแต่งหน้าไว้ค่อนข้างหนา แต่ก็ไม่อาจปกปิดความอ่อนใสของวัยเยาว์ไว้ได้ เหมือนเธอเป็นเด็กวัยรุ่นที่ขโมยรถผู้ปกครองมาขับแล้วแต่งหน้าหนาๆ เพื่อกลบเกลื่อนอายุที่ไม่ถึงเกณฑ์ทำใบขับขี่เสียมากกว่า เรียกได้ว่าคนที่ทะลวงระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ และบุกเดี่ยวเข้ามาใส่เขาด้วยท่วงท่ามีพิรุธนั้นน่าสงสัยสุดๆ

หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้างดูเปิดเผย 

"คุณคงเห็นแองเจิลของฉันแล้ว..." 

"เห็นแล้ว...และผมจะส่งบิลเรียกเก็บเงินค่ากระสุน ค่าเสียหายของสถานที่และระบบทั้งหมด"

แอนเจลินห่อปาก ทำหน้าตกใจ

"เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวสิ! ถ้าระบบคุณมันจะเฟล มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อยนี่นาจริงไหม คุณควรไปไล่บี้บริษัทที่ทำระบบรักษาความปลอดภัยของคุณมากกว่านะ ว่าทำไงให้มีช่องโหว่จนมีผู้บุกรุกเข้ามาได้..." คนพูดทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนพยักพเยิด 

"ส่วนสำหรับเรื่องค่าเสียหาย...ฉันแลกเปลี่ยนเป็นรายงานว่าฉันเข้ามาที่นี่ได้ยังไงดีกว่าไหม เผื่อคุณจะได้เอาไปฟ้องร้องได้ อืม...ถือว่าฉันเป็นตัวแทนบริษัททดสอบระบบรักษาความปลอดภัยแล้วกันเนอะ" คนพูดยิ้มกว้าง ไม่รับรู้ว่าเขาจะตกลงด้วยหรือไม่ ไม่สนใจกระทั่งเสียงขึ้นลำกล้องปืนที่ดังระรัวขึ้นเกือบพร้อมกันของบรรดาบอดีการ์ดที่รายล้อมอยู่

เขาเชื่อว่าต่อให้โดยยิงเสียเดี๋ยวนี้สีหน้าเธอก็ไม่เปลี่ยนด้วยซ้ำ ชายหนุ่มถอนใจขณะทำสัญญาณให้คนของเขาลดอาวุธลง...หากกระหน่ำยิงด้วยระยะใกล้ขนาดนี้ ตัวเขาเองจะโดนลูกหลงซะเปล่าๆ

ชายหนุ่มหรี่ดวงตาสีเขียวลงเมื่อประเมินว่าเธอจงใจเข้ามาใกล้เขา เพราะคำนวณจนมั่นใจเรื่องระยะของความปลอดภัยนี้แล้ว...แต่เธอจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ถ้าหากถูกเขาจู่โจม ชายหนุ่มคิดแล้วขยับมือนิดหนึ่งทำให้ดวงตาสีเทาอมฟ้าของเธอก็เบิกกว้าง หญิงสาวทำสีหน้าระแวง ถอยไปก้าวหนึ่ง พร้อมยกสองมือขึ้นทำท่ายอมจำนน

"อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันเป็นพลเรือนที่ไม่มีทักษะการต่อสู้เลย และไม่อยากเจ็บตัวด้วย ฉันแค่มาขอรับการสนับสนุนเท่านั้น"

"สนับสนุน?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงมองเธอเหมือนเป็นตัวประหลาด "คุณเรียกร้องความสนใจจากผมขนาดนี้...เพื่อขอรับการสนับสนุน"

หญิงสาวถอนใจ เสยผมก่อนพูดด้วยท่าทางจนปัญญา "ช่วยไม่ได้นี่ ก็ฉันหย่อนนามบัตรไว้ที่โต๊ะคุณตั้งหลายวัน ไม่เห็นคุณสนใจเลย ฉันเลยต้องเสี่ยงมาหาคุณที่บ้าน..."

"คุณเป็นสตอลเกอร์รึไง" กาเบรียลอัศจรรย์ใจ

"เปล่าเสียหน่อย ฉันเป็นคนที่มีรถกันกระสุน...ไม่สิ...ฉันมีซูเปอร์คาร์แสนสวยอยู่คันหนึ่ง...ก็ไม่ใช่อีกแฮะ...เอาเป็นว่าฉันคิดค้นวัสดุหุ้มเกราะที่น่าจะแข็งแกร่งที่สุดและมีน้ำหนักเบาที่สุดในโลกได้ เสียแต่ค่าใช้จ่ายมันโคตรแพงเลย แพงเกินกว่าจะขายให้กองทัพไว้ใช้ผลิตของเล่นเสียอีก ฉันคิดแล้วคิดอีกอยู่ตั้งนานว่าจะเอามันมาทำอะไรดี แล้วฉันก็ปิ๊งไอเดียตอนรถฉันโดนระเบิดกลิ้งตกเหว"

"คุณอยู่ในรถคันที่ระเบิดกลิ้งตกเหว" ชายหนุ่มทวนคำ น้ำเสียงอัศจรรย์ใจ

ไม่บ่อยนักที่จะมีคนมาเล่าเรื่องพวกนี้ให้เขาฟัง...ด้วยน้ำเสียงเหมือนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ หรือเมื่อเช้ากินข้าวกับอะไร

"อือ...ดีที่เหวลึกหน่อยนะ ไม่งั้นคงโดนตามลงมาซ้ำตายแหงแก๋ไปแล้ว แต่ตอนต้องปีนกลับขึ้นมานี่สิ...เฮ้อ...เออ...ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าฉันโคตรไม่ชอบเลยตอนรถโดนยิงแล้วกระสุนมันทะลุเข้ามาโดนน่ะ" คนพูดโบกมือไปมา เขาจึงเพิ่งสังเกตเห็นรอยที่มือซ้ายของเธอ เป็นรอยแผลเป็นใหญ่เท่าเหรียญหนึ่งเซ็นต์ มีรอยทั้งที่ฝ่ามือและหลังมือเหมือนเป็นแผลโดนยิง 

"ฉันเลยคิดว่าเอางี้ ทำรถหุ้มเกราะมันซะก็น่าจะดี พัฒนาอีกนิดหน่อยวัสดุของฉันมันก็กันได้ทั้งกระสุนเจาะเกราะ ทั้งระเบิดเลย แถมยังน้ำหนักเบา แต่ฉันไม่คิดจะขายให้รัฐบาลเอาไปทำ The Beast ให้มิสเตอร์เพรสซิเดนซ์ใช้งานหรอกนะ" คนไม่รู้ตัวว่าโดนเพ่งเล็งยังคงพูดเรื่อยเจื้อย

"แล้วไง...คุณเลยคิดจะมาขายผม" เขาพยายามตัดจบหลังจากฟังมาเนิ่นนานอีกฝ่ายยิ้มให้จนตายิบหยี

"ชวนลงทุนต่างหาก" เธอยื่นมือขาวออกมา ทีแรกเป็นมือข้างซ้าย แต่เหมือนเจ้าตัวจะเหลือบเห็นรอยที่มือตัวเองเลยหดมือข้างนั้นกลับมาซ่อนไว้ด้านหลัง เปลี่ยนเป็นยื่นมือขวาออกมาแทน

"ไปขับรถเล่นกันไหม" คำถามนั้นเชิญชวน น้ำเสียงน่าสนุกเหมือนเด็กชวนกันไปอวดของเล่น

ดวงตาใต้คอนแทกต์เลนส์สีเทาอมฟ้าพราวพรายระยิบระยับด้วยอารมณ์ที่เขาคิดว่ามันควรมีอยู่ในเด็กอายุไม่เกินแปดขวบเท่านั้น ไม่ใช่ในผู้หญิงสาวที่อ้างว่าตัวเองคิดค้นวัสดุหุ้มเกราะราคาแพง และเพิ่งโดนระเบิดจนรถตกเหว แต่ยังไม่ตาย...

แต่..เธอก็บุกเข้ามาในคฤหาสน์ของเขาได้ตั้งเกือบยี่สิบนาทีโดยยังมีชีวิตอยู่ดีนี่นะ

กาเบรียลไม่ได้ยื่นมือตอบรับการเชิญชวนของเธอ เขาหมุนตัวเดินไปที่รถสีขาวของหญิงสาวซึ่งเดินตามมาท่ามกลางวงล้อมบอดีการ์ดเกือบยี่สิบชีวิตที่ไม่ว่าคนไหนก็หักคอเธอได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที

เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ รถสีขาวราวหิมะคันนั้นนับเป็นวัสดุที่พิเศษจริงๆ พื้นผิวที่ถูกกระหน่ำด้วยกระสุนปืนตลอดหลายนาทีไม่มีร่องรอยขูดขีดให้เห็นแม้แต่รอยขนแมว วัสดุสีขาวมุกมันวาวส่องประกายสีพิเศษของมันออกมาดึงดูดสายตาคนที่อยู่รายรอบ

มันตอบสนองต่อคำสั่งเสียงเมื่อแอนเจลินเดินเข้าไปใกล้และสั่งให้ปิดประตู บานประตูรถก็ปิดตัวเองอย่างแผ่วเบา พอมันปิดสนิทแล้วจึงพบว่ารถคันนี้ไม่มีมือจับประตูเหมือนรถทั่วไป บานประตูปิดสนิทเสมอกับส่วนอื่นของรถราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อหันไปมองแอนเจลินก็อมยิ้มมองเขาอยู่สีหน้าปลาบปลื้มใจยามยื่นมือมาแบรอ

"ขอมือหน่อยค่ะ" 

หญิงสาวผิวขาวเหลืองแบบเอเชีย มีมือที่บอบบาง และเท่าที่มองจากสายตารูปร่างของเธอก็บอบบางดูเป็น 'พลเรือนที่ไม่มีทักษะการต่อสู้' เหมือนที่เธอออกตัวไว้จริงๆ ที่จริงเธอกลับดูเป็นฝ่ายหวาดระแวงเขาหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำไป กาเบรียลจึงไม่ลังเลที่จะวางมือลงในอุ้มมือนุ่มนิ่มที่เย็นนิดๆ นั้น

แอนเจลินดึงมือเขาไปสัมผัสที่กระจกประตูรถด้านคนขับ ก่อนหญิงสาวจะทาบมือลงไปข้างๆ แผ่นกระจกที่ดูเหมือนติดฟิล์มดำทึบพลันเรืองแสงสว่างเหมือนเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ มีโปรแกรมบางอย่างปรากฏขึ้นมาด้วยตัวอักษรสีเงินจอ แสดงผลเป็นรูปมือซ้อนมือเขาและเธอ

"ระบบจดจำจากลายนิ้วมือ" แอนเจลินเงยขึ้นอธิบายด้วยดวงตาเป็นประกาย

เธอพ่นศัพท์เทคนิคอีกหลายประโยคเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่าชาวบ้าน แต่ข้อความพวกนั้นไม่เข้าหัวกาเบรียลแม้แต่น้อย เพราะเขากำลังเพลินกับการพิจารณาคนตรงหน้า แม้เธอจะแต่งหน้าหนา แต่ผิวพรรณส่วนอื่นที่ไม่มีรอยแป้งเปิดเปลือยผิวอมเหลืองนิดๆ ที่ขาวและเนียนละเอียดแบบสาวเอเชีย ซึ่งน่าลองลูบดูเป็นบ้า แต่เขายังยั้งตัวเองไว้ได้อยู่ จึงแทะโลมเธอด้วยสายตาไปก่อน

เขาไล่สายตาไปตามลำคอขาวที่พันปิดไว้ด้วยผ้าผืนยาว สวมชุดเดรสสายสปาเกตตีเปิดเปลือยช่วงบ่าไหล่และแขนขาวผ่อง ร่างนั้นก็เล็กบางสูงได้ไม่ถึงไหล่เขาด้วยซ้ำ แม้เธอจะยืนอยู่บนส้นสูงหลายนิ้ว ทำให้เธอต้องแหงนคอตั้งบ่าเพื่อพูดคุยกับเขา แน่นอนว่าเมื่อเขาก้มลงคุยกับคนตัวเล็กกว่า เขาจึงเห็นทะลุทะลวงถึงร่องทรวงอกอวบอิ่ม นั่นน่าสนใจกว่าเทคโนโลยีที่เธอนำมาเสนอเสียอีก

ชายหนุ่มได้สติอีกครั้งเมื่อแอนเจลินผละห่าง หันไปหารถสีขาว ก้มลงพูดกับรถราวมันรู้ภาษา

"แองเจิล...นี่คือมิสเตอร์เฮย์เดน"

และราวกับรถยนต์รู้ภาษาจริง มันตอบสนองโดยการกะพริบหน้าจอ ทำปฏิกิริยากับมือของเขา

"เอาละ ทีนี้แองจี้ก็รู้จักคุณแล้ว" เธอต้องผูกพันอะไรสักอย่างกับรถคันนี้อย่างมากๆ เพราะน้ำเสียงที่เธอเรียกมันนั้นฟังดูรักใคร่เกินกว่าความชอบ หรือหลงใหลในการทำงานไปเยอะ

"แองจี้จ๋าเปิดประตูหน่อยสิ"

ฟังน้ำเสียงที่เธอใช้เรียกมันสิ!

กาเบรียลเริ่มคิดนิดหน่อยแล้วว่า...จะเป็นยังไงถ้าเธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้นบ้าง

รถเปิดประตูตามคำขอ หญิงสาวผายมือให้เขาลองนั่งในที่นั่งคนขับก่อนพาตัวเองไปนั่งด้านข้างแล้วเธอก็ใช้เสียงใสๆ อธิบายถึงระบบกันกระสุนและระเบิดของตัวถังซึ่งพัฒนาจากวัสดุพิเศษน้ำหนักเบา แต่ทนทานกว่าเหล็กกล้า ช่วงล่าง เครื่องยนต์ระบบพลังงาน และเทคโนโลยีเอไอล่าสุด ซึ่งไม่นับรวมถึงระบบไร้คนขับที่ทำให้มันกลายเป็นรถซูเปอร์คาร์หุ้มเกราะที่เพรียวบาง แต่แข็งแกร่งเหนือชั้นกว่ารถของประธานาธิบดีสหรัฐเสียอีก

เมื่อไม่มีภาพน่าสนใจจากมุมสูงมาเบี่ยงเบนประเด็นความน่าสนใจชายหนุ่มก็จดจ่อกับข้อความได้ทั้งหมด ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เธอเรียกว่าแฟร์รีโพรเจกต์นั้นน่าสนใจ น่าจะตีตลาดซูเปอร์คาร์รถยนต์ ปัญญาประดิษฐ์แห่งอนาคต และรถหุ้มเกราะกันภัยให้แหลกลาญได้...น่าจะระดับเดียวกันกับที่แบรนด์ผลไม้ทำกับตลาดเครื่องมือสื่อสารด้วยซ้ำ แต่เขาไม่บอกให้เธอรู้หรอก

"ผมไม่เห็นว่ามันจะต่างจากรถกันกระสุน หรือคอนเซปต์คาร์ที่ใช้เทคโนโลยีเอไอคันอื่นตรงไหน" กาเบรียลทำปากเบ้ แสร้งไม่สนใจ ทั้งๆ ที่คิดว่าแค่รูปทรงของรถคันนี้ก็ทำการตลาดเป็นซูเปอร์คาร์ทรงสวยที่เหนือกว่ารถทั่วไปได้โดยไม่ต้องเสียเวลามาบรรยายเรื่องเทคโนโลยีใดๆ ประกอบด้วยซ้ำ ผู้หญิงคนนี้สอบตกด้านการตลาด เพราะไม่รู้จักของดีที่ตัวเองมีอยู่อย่างลึกซึ้งสักนิดเดียว

"รถกันกระสุนไม่มีเอไอ รถที่พัฒนาด้านเอไอไม่ค่อยกันกระสุนเท่าไหร่" หญิงสาวอธิบายขณะลูบไล้คอนโซลรถด้วยปลายนิ้วบอบบางที่ทำให้คนมองรู้สึก...โคตรเซ็กซี่เลย ดวงหน้าสวยที่แต่งหน้าจัดเกินวัยหันกลับมายิ้มให้อีกที

"และฉันยังมีแผนพัฒนาอีกสี่สิบแบบที่ยังอยู่ในการพัฒนาในแล็บ ซึ่งจะทำให้คุณสมบัติของแองเจิลที่เป็นรถต้นแบบกลายเป็นเด็กน้อยน่ารักไปเลยละ ฉันว่าคุณควรเชิญฉันไปนั่งในห้องรับแขกได้แล้วนะ เราจะได้คุยรายละเอียดพวกนั้นกันไง" หญิงสาวสั่งพร้อมเอียงคออย่างน่ารัก โดยน่าจะไม่รู้ตัวว่ากิริยาแบบนั้นชวนให้เขาคิดอยากพาเธอไปที่ห้องอื่น...ที่มันส่วนตัวกว่านั้น

กาเบรียลยิ้มบางๆ อย่างอ่อนใจขณะเปิดประตูรถออกเชิญแขกไม่ได้รับเชิญเข้าบ้าน

การสนทนาเป็นไปอีกหลายชั่วโมงโดยหญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าเขาตกลงใจตั้งแต่เห็นเธอเอียงคอมองมาแล้ว แต่การได้พูดคุยกันยาวๆ ไล่ต้อนให้เธอใช้ลูกล่อลูกชนเข้าต่อรองกับเขาก็สร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อย

น่าประหลาดใจที่เขาไม่สามารถระบุได้ว่าเธอมีสำเนียงแบบใดกันแน่ บางทีภาษาอังกฤษของเธอก็เป็นสำเนียงอังกฤษแท้ แล้วแปรเปลี่ยนไปมาได้อีกหลายสำเนียง เหมือนครูแต่ละคลาสเรียนภาษาของเธอปลูกฝังสำเนียงจากคนละซีกโลกให้ เขาสงสัยจนถึงกับลองเปลี่ยนไปเป็นภาษาอื่นเนียนๆ ในจังหวะที่การสนทนาติดพัน ทำให้รู้ว่าแอนเจลินซึ่งน่าจะไม่รู้ตัวว่าโดนเขาทดสอบอยู่สามารถตอบโต้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน

บางทีคงเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะจับสำเนียงคนที่พูดได้มากกว่าเจ็ดภาษา

ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ชายหนุ่มเหมือนลืมไปแล้วว่ากำลังอยู่กับผู้ต้องสงสัยที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน และมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นคนร้าย ซึ่งเข้ามาป่วนระบบรักษาความปลอดภัยของเขาและตารางนัดจนลูกน้องเขาวิ่งกันหัวปั่นเพื่อเลื่อนนัดทั้งหมดของวันซึ่งกลายเป็นของแอนเจลินไปแล้ว และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนด้วยเพราะเขากำลังสนุกกับการคุยกับเธอ 

ผู้หญิงคนนี้ฉลาด มีอารมณ์ขัน กิริยาอาการสง่างามเหมือนคนที่เกิดมาและได้รับการอบรมมาอย่างดีจนไม่ดูเป็นการฝืนตัวทำท่าทางให้สง่าอย่างคนที่มาพยายามฝึกตัวเองทีหลัง บทสนทนาก็เป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ได้แสดงอาการพยายามเอาอกเอาใจมากเกินจนไม่เหลือตัวตน

เธอมีคำตอบในใจที่ชัดเจนว่าข้อตกลงไหนได้หรือไม่ได้...ตรงนี้ที่ดูเหมือนเจ้าตัวเป็นเด็กอยู่สักหน่อย เด็กน้อยที่ยังไม่โตพอจะกระโจนเข้ามาขับเคี่ยวในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ซึ่งจะไม่พูดอะไรตรงๆ เกินไปแบบนี้ 

หลังจากปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เวลาที่เธอหายไปก็ราวหมอกควัน คนของเขาไม่เคยตามเธอพบ ไม่ว่าจะสืบอย่างไรก็ไม่เจอ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการพิเศษชนิดไหนก็ไม่สามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้กลับคืนมาได้...นอกจากเวลาที่เธอต้องการพบเขาเองอีกครั้งซึ่งใช้เวลาข้ามปีเลยทีเดียว

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น