9
สิ่งเดียวที่อนันต์เหลือไว้ให้คือศูนย์วิจัย
เหมือนพี่ชายคนรองของตระกูลจะรู้ว่าอาจเกิดอะไรบางอย่างขึ้น เขาจึงเตรียมการไว้อย่างรัดกุมจนอรรถไม่สามารถเอื้อมมือมาแตะต้องที่นั่นได้ ศาสตราจารย์จอห์นกลายเป็นผู้มีสิทธิ์เพียงคนเดียวในการครอบครองสถานที่นั้น สถานที่ที่เขาบินมารับอันองค์ หรือจะเรียกว่าพาซากร่างของอันองค์กลับไป
เพราะเป็นสถาบันวิจัยที่มีทั้งเทคโนโลยีและผู้คนระดับหัวกะทิจากทั่วโลกมารวมตัวกัน เด็กสาวจึงได้รับการบำบัดฟื้นฟูด้วยวิธีการที่ดีที่สุด ด้วยบุคลากรชั้นแนวหน้าที่ศาสตราจารย์จอห์นใช้ทั้งเงิน คอนเนกชัน และสารพัดวิธีการที่สรรหามาจากทุกมุมโลก
ฟังดูเหมือนจะดี...
แต่...ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เวนไตยเฝ้าถามอาการเธอข้ามโลกไม่เว้นวันด้วยความหวังว่า สถาบันวิจัยที่ดีที่สุดแห่งนี้จะมีวิธีเยียวยารักษาเธอได้ ไม่ว่ายาจะด้วยตัวใหม่ หรือวิธีบำบัดของนักบำบัดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทว่า...แม้ว่าจะลองหมดแล้วทุกวิธีการ แต่ก็เหมือนไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เยียวยารักษาแผลในจิตใจอันองค์ได้ หัวใจของเธอเป็นรอยแผลกว้างจากพิษร้ายแห่งความเคียดแค้นชิงชัง
สิ่งเดียวที่พอจะทุเลาความเจ็บปวดจากรอยแผลนี้กลับเป็นสิ่งเดียวกับที่แผดเผาใจเขามาตลอดหลายปีเขาจึงเหมือนเป็นคนเดียวในโลกที่รู้วิธีการที่จะดึงอันองค์ออกมาจากกับดักของจิตใจที่ไม่มีนักบำบัดคนไหนทำได้
สามปีต่อมาเมื่อเวนไตยกลับไปพบอันองค์ที่สถาบันวิจัยได้อีกครั้ง ไม่มีแม้คำทักทาย เขาแค่วางแฟ้มกองใหญ่ลงตรงหน้าเธอเพื่อบอกให้รู้ว่าตลอดสามปีมานี้เขาหายไปทำอะไรมา
มันเป็นแฟ้มอ่อนที่ค่อนข้างหนาสามสิบสองแฟ้ม ที่มีสามสิบสองรายชื่อ...ในคืนนั้น!
ในแต่ละแฟ้มมีประวัติคร่าวๆ ของแต่ละรายชื่อ ซึ่งสั้นมากถ้าเทียบกับสาเหตุการตายซึ่งบันทึกไว้หลายหน้าเมื่อรวมกับภาพประกอบจำนวนมากเข้าไปทำให้แต่ละแฟ้มโป่งพองออกมา ด้วยแต่ละภาพแสดงขั้นตอนการฆ่าอย่างช้าๆ ทรมานจนร่างแหลกเละ ไม่สามารถระบุได้ว่าพวกมันเคยเป็นมนุษย์มาก่อน
อันองค์ลูบมือสั่นๆ กรีดผ่านเอกสารอันน่าสยดสยองเหล่านั้นขณะที่เวนไตยพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยอมให้ตัวเองแสดงอาการเห็นใจหรือปลอบประโลมใดๆ...ความรู้สึกเหล่านั้นน่าจะมีคนมอบให้จนเธอเอียนแทบอ้วกแล้ว
ความเห็นใจ ความสงสาร หรือแม้แต่ความห่วงใยไม่สามารถเยียวยาจิตใจที่ถูกบดขยี้นี้ได้
สิ่งเดียวในโลกนี้ที่สามารถกลบลบความแค้นได้...มีแต่ต้องล้างแค้นเท่านั้น!
‘ดูให้หมดว่าครบทุกคนไหม...ยังขาดใครไป’ กระทั่งเสียงแหบแห้งเขาก็ยังบังคับมันให้กระด้างได้สำเร็จ
ไม่มีคำปลอบโยน ไม่แม้กระทั่งบอกว่า...แก้แค้นให้แล้วนะ
หญิงสาวเม้มปาก น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงก่อนจางหาย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ แต่ไม่มีหยดน้ำตาอีกแล้วเมื่อเค้นเสียงออกมา
‘ขาด...’
เวนไตยพยักหน้าหนักแน่นเหมือนเป็นคำสัญญา
‘ไปเถอะ’
ชายหนุ่มยื่นมือให้คนที่ปล่อยตัวเองจมอยู่บนเตียงคนป่วยมาตลอดสามปี เธอวางมือซีดขาวลงมา มือขาวบอบบางนั้นเย็นเฉียบ แต่เวย์รู้สึกว่ามือของเขาเยียบเย็นยิ่งกว่า เพราะตลอดหลายปีมานี้สัมผัสแต่ความกระด้างเย็นเยียบของอาวุธหลากหลายชนิด แถมยังอาบไปด้วยเลือด จนสกปรกเกินกว่าจะให้ความอบอุ่นใจแก่ใครได้
เวนไตยกระชับมือน้อยในอุ้งมือเขาไว้เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า...
นับแต่นี้...คือเส้นทางที่ไม่มีทางถอยกลับอีกต่อไป...
ที่จริง เหมือนมันไม่มีหนทางให้ถอยหนีนับตั้งแต่เมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้วที่ทั้งคู่ได้เจอกันแล้ว เพียงแค่ต่อแต่นี้ไป...จะไม่มีกำแพงสูงและการคุ้มกันแน่นหนาที่รับรองความปลอดภัย
ไม่มีเตียงคนป่วยที่จะเยียวยาร่างอันชอกช้ำแสนสาหัสอีกต่อไป
ไม่มีกระทั่งน้ำตาหลงเหลือไว้ เพราะเธอใช้หยดสุดท้ายหมดไปเมื่อกี้นี้เอง
‘ต้องใช้เงิน!’ อันองค์เอ่ยขึ้นเบาๆ
เพียงพริบตา...เด็กสาวผ่ายผอม อมโรค จิตตก และโศกเศร้าคนนั้นก็หายไป
แม้จะยังผ่ายผอม แม้จะซูบซีดดูไร้เรี่ยวแรงจนแค่ลมเบาๆ ก็เหมือนจะหอบเธอปลิวหายได้ แต่เด็กสาววัยสิบเก้าปีคนนั้นที่เพิ่งลุกจากเตียงผู้ป่วยกลับสรุปสถานการณ์ได้ฉับไวตรงจุด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อรรถเข่นฆ่าพี่น้องไปเจ็ดคน เข้ายึดครองทรัพย์สินผู้คนและดูดกลืนอิทธิพลจนครอบคลุมไปหมดแทบทุกส่วน
เจ้าสัวอัคราเป็นคนทะเยอทะยานอยากไร้ที่สิ้นสุด เขากระหายความสำเร็จจนกระตุ้นให้ลูกๆ แก่งแย่งแข่งขันกันเร่งสร้างอาณาจักรของตัวเองในวงการต่างๆ กัน เขาเหมือนวางเม็ดหมากในกระดานใหญ่ คอยชักเชิดด้วยการช่วยเหลือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือเหยียบย่ำอย่างไร้ปรานี ยามมีลูกคนไหนพลั้งพลาด กระตุ้นให้งัดกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อจะได้รับความชื่นชมจากเขาเป็นพิเศษ ลูกๆ ย่อมกระหายการยอมรับจากบิดาอยู่แล้ว เขาไม่สนหรอกว่าวิธีการจะต่ำช้าหรือรุนแรงเอาเปรียบใครหรือไม่
...ไม่สนแม้กระทั่งว่าจะรุนแรงจนถึงชีวิต!
เมื่อเสียลูกคนแรกไป อารยาเป็นลูกสาวคนก่อนสุดท้องอายุสิบหกปี ยังเรียนไม่จบ ผลการเรียนไม่โดดเด่น ไม่ฉายแววอัจฉริยะ หรือมีความสามารถใดให้น่าชื่นชมหรือเสียดาย เขาจึงไม่ใส่ใจเท่าไรต่อการเสียชีวิตที่เหมือนมีเงื่อนงำ...
เงื่อนงำที่ถ้าหากขุดคุ้ยลึกลงไปอาจส่งผลลบต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
ดังนั้นสาเหตุการตายจึงเหมือนได้รับการช่วยเหลือจากเขาในการซุกซ่อนเงื่อนงำเอาไว้
ศพต่อมา...อนุชาก็มีเงื่อนงำเช่นกัน ทว่า...ลูกชายอายุยี่สิบหกปีที่ขอเงินไปทำธุรกิจล้มเหลวซ้ำซากผลาญเงินไปหลายร้อยล้าน ซ้ำยังเป็นทายาทลำดับที่ห้า...ยังห่างไกลจากคำว่า ‘สูญเสีย’ นัก
ต่อเมื่อเจ้าสัวอัคราเริ่มรู้สึกตัว ทุกสิ่งก็สายเกินกว่าจะหยุดยั้ง
เกมได้เริ่มแล้ว...เขาที่เหมือนเป็นผู้ส่งสัญญาณให้ไปต่อกลับไม่สามารถควบคุมสิ่งใดไว้ได้อีกต่อไป
อรรถแผ่ขยายอิทธิพลครอบคลุมไปหมดทั้งวงการธุรกิจ การสื่อสาร หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ การเมือง ทหาร ตำรวจ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจนอกกฎหมายซึ่งทำให้เขามีมือเท้ามากมายนัก
เพื่อต่อกรกับอีกฝ่ายให้ได้อันองค์จึงจำเป็นต้องใช้เงิน อิทธิพลและข่าวสาร
แต่สิ่งเดียวที่เธอมีคือเทคโนโลยีจากศูนย์วิจัยที่ต่อให้ขายสิทธิบัตรจนเกลี้ยงก็ไม่แน่ว่าจะทำให้ได้ทั้งหมดที่ต้องการ
‘ฉันจะหาคนสนับสนุน’ อันองค์ประกาศขึ้นสองปีหลังจากนั้น...วางรูปใครคนหนึ่งลงเหมือนตัดสินใจเลือกแล้ว
เวนไตยมองรูปบนโต๊ะที่เธอตบปังอย่างฉงน ‘ทำไมต้องเป็นหมอนี่’
‘อย่างแรกหมอนี่รวยมาก...มากจนการลงทุนสนับสนุนโพรเจกต์เราไม่น่าทำให้คิดอะไรมากมาย สอง หมอนี่คอนเนกชันเยอะ...เราสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้ สาม หมอนี่ไม่ถูกสเปกสาวเอเชีย จากสถิติแล้วเขาเดตกับผู้หญิงเอเชียน้อยมาก’ อันองค์อธิบายเป็นข้อๆ
‘เดี๋ยว...แล้วสเปกสาวเอเชียมาเกี่ยวอะไรด้วยวะ’ เวนไตยสงสัย
‘เพราะฉันจะไปพบเขาไง’
‘หา!’ เวนไตยแทบจะตะโกน ‘แกจะไปพบ กาเบรียล เฮย์เดน มหาเศรษฐีอันดับท็อปเทนของโลกเนี่ยนะ’
อันองค์พยักหน้าหงึกๆ ก่อนบอกในสิ่งที่คนรับคำสั่งอยากเอาหัวโขกกำแพงให้ตายไปเลย
‘ใช่ หาวิธีมาให้ด้วย’
‘แล้วแกจะไปพบเขาทำไม’ เวนไตยเดินตามไปถาม แค่ปัญหาแรกปัญหาเดิมยังไม่เยอะพออีกงั้นเรอะ
คนทั้งคู่อยู่ในบริเวณโรงรถที่โล่ง กว้าง เพดานสูง เต็มไปด้วยห้องแล็บและเครื่องไม้เครื่องมือในการทดลองรูปร่างประหลาดเต็มไปหมด
ที่อยู่กึ่งกลางห้องคือ รถยนต์สีขาวคันหนึ่งซึ่งนับว่าธรรมดาที่สุดในห้องแล้ว
...แต่จะเรียกว่าเป็นรถธรรมดาก็ไม่ถูกนัก เพราะมันเป็นรถคันพิเศษน่าดูเลยทีเดียว อันองค์เดินเข้าไปลูบมือไปบนตัวถังรถ สีหน้าเธออ่อนโยนลงเมื่อมองพาหนะสีขาวรูปทรงโฉบเฉี่ยวตามสไตล์ซูเปอร์คาร์ แต่มีความพิเศษเหนือล้ำกว่ารถยนต์คันไหนในโลก
‘ฉันจะฝากแองเจิลไว้ที่เขา กล่อมให้เขามอบเงินลงทุนกับแฟร์รีโพรเจกต์’
‘เอาแองเจิลไปให้คนอื่นเนี่ยนะ’ ชายหนุ่มสั่นหัวให้ความคิดบ้าๆ ของเจ้านายสาว ‘ศาสตราจารย์จอห์นได้ด่าแกตายเลย’
‘แต่ก็ดีกว่าจอดไว้แบบนี้ละวะ จอดทิ้งไว้เฉยๆ อรรถมันจะวิ่งมาขึ้นรถเองได้รึไง’ หญิงสาวเถียงอย่างดื้อดึง แต่ถึงอย่างนั้น...พวกเขาก็ใช้เวลาในการวางแผนอีกร่วมปี
นั่นทำให้เมื่อห้าปีก่อนนามบัตรสีขาวใบหนึ่งจะถูกวางบนโต๊ะทำงานของกาเบรียลในออฟฟิศ ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาที่สุดแห่งหนึ่งในโลก...มันเป็นนามบัตรสีขาวที่ไม่มีอะไรพิมพ์ไว้ แต่ปั๊มนูนด้วยลวดลายขนนกเส้นหนึ่งกับชื่อ Angelin Z.
แน่นอนว่ามันถูกร่อนลงถังขยะแทบในทันทีที่เจ้าของห้องพบมัน แม้เขาจะแปลกใจไม่น้อยที่มันถูกวางไว้เหมือนเดิมตลอดสามวันติดกัน แต่การ์ดสีขาวใบหนึ่งซึ่งไม่มีสัญลักษณ์อะไรให้ติดใจ ไม่ทั้งคุกคาม ไม่ทั้งดึงดูดความสนใจ มหาเศรษฐีที่งานยุ่งอยู่ตลอดเวลาอย่างเขาจึงลืมมันไปง่ายดาย
‘แล้วไงต่อ’ เวนไตยถามเมื่อนามบัตรลึกลับไม่ได้รับการใส่ใจครบสามวัน
‘ฉันจะไปเจอเขา’ อันองค์ดึงดัน จนคนที่ดำเนินการให้แทบอยากตบกะโหลกเจ้านายให้หายดื้อสักที
‘รู้ไหมว่ามันยากแค่ไหน’ เวนไตยกัดฟันถาม
‘รู้’
คำตอบนั้นแทบทำให้เขาหมดความอดทน
แต่...หลังจากทำใจได้อย่างยากเย็นรอบหนึ่ง เขาก็พยักหน้าอย่างปลงๆ หลังจากความพยายามตลอดหลายปีมานี้ คำว่า 'ทำไม่ได้' ก็ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของเขาอีกเลย
...
เวนไตยพลิกตัวเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง
ใครจะเคยคิดว่า 'งานยาก' ในครั้งนั้นจะกลายเป็นเรื่องพัวพันจนดิ้นไม่หลุดถึงทุกวันนี้ ชายหนุ่มร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงตัวเองพลางจ้องเพดานสีขาว แม้ห้องอื่นๆ นอกจากชั้นสามที่อันองค์อยู่จะอนุโลมให้ไม่ต้องทาสีขาวเหมือนห้องที่หญิงสาวขังตัวเองอยู่ก็ตาม แต่ห้องของเวย์นั้นเป็นสีขาวแบบเดียวกันกับห้องพักของอันองค์...สีขาวและว่างเปล่าเฉกเช่นเดียวกัน...
เหมือนเขาต้องการจะร่วมรับรู้ความรู้สึกของหญิงสาว หรือไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องการจองจำตัวเองด้วยทัณฑ์ทรมานในห้องสีขาวเฉกเช่นเดียวกัน
แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตามสิ่งหนึ่งที่เขามีส่วนร่วมด้วยอย่างแน่นอนคือ...การนอนไม่หลับ
ความคิดเห็น |
---|