8

8

8

 

อีกไม่กี่อึดใจก็จะเช้า...แต่คนที่เข้านอนก่อนเจ้านายที่เป็นโรคนอนไม่หลับกลับยังพลิกตัวอยู่บนเตียง

แม้จะเข้านอนนานแล้ว...

แม้จะปากแข็งว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่หลายค่ำคืนในหลายปีมานี้เวย์ก็มีสภาพแทบไม่ต่างกับหญิงสาวผู้เป็นเจ้านาย เหตุการณ์วันนี้ยิ่งกระตุ้นให้นึกย้อนไปถึงเรื่องราว...เรื่องราวที่เกือบทำเป็นลืมๆ ได้มาตลอด...

ตะกอนความทรงจำตีขึ้นมาให้เขานึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับอันองค์

วันนั้นเขาเดินตามคุณแก้วเข้าไปในห้องสีขาว คุณแก้วเป็นหญิงสาวอายุราวยี่สิบกลางๆ รูปร่างผอมบาง ผิวขาวสะอาดหมดจดเหมือนทุกอย่างในห้องนั้นที่เป็นสีขาว พื้น ผนัง เพดาน ผ้าม่านสีขาว แม้แต่ผิวของเด็กหญิงอายุแปดขวบที่อยู่บนเตียงก็ขาวใสจนดูราวโปร่งเมื่อแสงสว่างจากหน้าต่างด้านหลังส่องเข้ามา แม้แต่บนศีรษะเด็กน้อยก็ยังมีแถบผ้าก๊อซสีขาวผืนใหญ่พันอยู่ และแขนซ้ายก็เข้าเฝือกสีขาวไว้

สมัยนั้นโรงพยาบาลยังตกแต่งด้วยสีขาวเรียบๆ ยังไม่ตกแต่งหรูหราเหมือนโรงแรมเพื่อโขกราคาผู้ป่วยด้วยเรตราคาของการเข้าพักโรงแรมห้าดาวเหมือนในสมัยนี้ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูซีดไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ดวงหน้าเล็กๆ ที่ยังมีแววตื่นตระหนก และมีความหวาดระแวงอยู่ในดวงตาสีดำจัด

‘กะโหลกร้าวและแขนหักจากการตกบันได’

นั่นเป็นข้อมูลแรกที่เขารู้

ต่อมา...เขาก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ และไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กหญิงบาดเจ็บสาหัส...ด้วยสาเหตุที่...ไม่ปกติ

นั่น...เป็นจุดเริ่มต้นของเขาในการหาข่าวเพื่อดูแลใครบางคนให้รอดปลอดภัย

เขาอายุสิบสามปีเมื่อพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ส่วนแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะก็จากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ญาติสนิทไม่มีเหลือ ญาติห่างๆ ต่างปฏิเสธที่จะรับดูแลเขาต่อ แต่ก่อนที่เขาจะถูกส่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อนสนิทของพ่อซึ่งทำงานอยู่กับเจ้าสัวอัคราก็พาเขามาพบคุณกมลวรรณหรือคุณแก้ว ภรรยาคนที่แปดของเจ้าสัว คุณกมลวรรณต้องการคนดูแลอันองค์ ลูกสาวคนเดียวซึ่งเป็นทายาทลำดับที่สิบเอ็ดของตระกูลใหญ่

คุณกมลวรรณคงรู้ถึงความไม่ปลอดภัยของบุตรสาวเพียงคนเดียว เธอตัดสินใจส่งอันองค์วัยแปดขวบข้ามทวีปไปอยู่กับอนันต์ พี่ชายคนที่สองของตระกูล ซึ่งไปตั้งรกรากอยู่ที่อังกฤษ เปิดศูนย์วิจัยและสถาบันการศึกษาที่ทันสมัยที่สุดอยู่ที่นั่น โดยมอบหมายให้เขาซึ่งอายุไล่เลี่ยกันเป็นผู้ติดตามคอยดูแลเด็กหญิง

เวนไตยจำได้ดีถึงร่างบอบบางของคุณกมลวรรณที่หันมา ดวงหน้าสวย ดวงตาเศร้าใต้แพขนตาหนาจ้องมองเขานิ่งนาน เธอเม้มปากนิดหนึ่ง น่าแปลกที่ลิปสติกสีกลีบบัวฉ่ำหวานกลับทำให้เธอดูเศร้าสร้อยกว่าเดิม

‘เวนไตย...ฝากเธอดูแลน้องอันด้วยนะ’ เสียงคุณกมลวรรณแผ่วเบายามเอ่ยฝากฝังสิ่งสำคัญ

นั่นคือการเริ่มต้นของความสัมพันธ์แบบเจ้านาย ลูกน้อง...ผู้พิทักษ์...ที่ยังไม่ค่อยดีเท่าไร

เวนไตยยิ้มอย่างขมขื่นใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในห้องเก็บข้อมูลซึ่งเขาเปิดเทปให้กาเบรียลดู

...

ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย อันองค์จึงไม่ได้ไปโรงเรียนปกติแบบเด็กทั่วไป แต่ก็ทดแทนด้วยการเรียนรู้ในศูนย์วิจัยของอนันต์ที่ทันสมัยที่สุดในยุโรป ซึ่งรวบรวมนักวิจัยชั้นหัวกะทิจากทุกทวีปทั่วโลกเอาไว้ และในตอนหลังยังเปิดเป็นสถาบันการศึกษาให้คนลงทะเบียนเรียนทางไกลผ่านทางออนไลน์ เหล่าอาจารย์ก็คือบรรดานักวิจัยที่มีอยู่มากมายเหล่านั้นแหละ

อันองค์และเวย์จึงได้เรียนโฮมสกูลจากสุดยอดนักวิจัยระดับโลกที่แล้วแต่ใครจะมีเวลาว่าง

เด็กหญิงสามารถเข้าไปนั่งฟังวิชาที่สนใจได้ทุกเรื่องทุกภาษาและถ้านั่นยังไม่เจ๋งพอ ยังมีครูใหญ่เป็นศาสตราจารย์จอห์นที่เป็นผู้อำนวยการสถาบัน เป็นหุ้นส่วนของอนันต์ และเป็นพ่อของเจนนิเฟอร์...ภรรยาของอนันต์อีกด้วย เขาเป็นครูพิเศษผู้สอนทุกวิชาอย่างใจเย็นและเอ็นดูเด็กหญิงชาวเอเชียตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นพิเศษ

ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมของสถาบันวิจัยที่ล้ำสมัยที่สุดในยุโรป อันองค์มีชีวิตที่ปลอดภัยและเป็นสุขอยู่ได้แปดปี 

ตอนนั้นเป็นตอนที่แองเจิล หลานสาวของเธอ ซึ่งเป็นลูกของอนันต์และเจนนี่อายุได้สี่ขวบ

เด็กหญิงลูกครึ่งที่สวยงามน่ารักราวนางฟ้าสมชื่อแองเจิล เธอเกิดมาเพื่อเป็นที่รักและชื่นชมของทุกคนรวมถึงเจ้าสัวอัคราด้วย เพราะเป็นหลานสาวคนแรก เจ้าสัวอัคราเรียกร้องจนอนันต์ต้องพาเจนนี่และลูกสาวไปเยี่ยม อันองค์จึงติดสอยห้อยตามพี่ชายกลับเมืองไทยไปด้วย

นั่นเป็น...การเริ่มต้นของฝันร้าย

หลังจากกลับมาเยี่ยมบ้านได้หนึ่งสัปดาห์ ครอบครัวของอนันต์ก็ถูกลักพาตัวไปขังไว้ที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง อันองค์โดนลูกหลงถูกจับไปด้วย...จากนั้นคือเรื่องราวในเทปวิดีโอที่อัดจากเหตุการณ์จริงความยาวสองชั่วโมงเศษที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและภาพที่น่ากลัวราวอยู่ในนรก

ตลอดเวลาที่วิดีโอนั้นเล่นอยู่จะมีเสียงของคนคนหนึ่งคอยสั่งการพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสนุกสะใจเป็นระยะๆ ขณะที่ชายหลายสิบคนในวิดีโอปฏิบัติตามคำสั่งนั้น อนันต์ที่โดนซ้อมจนอาการสาหัสและโดนกดอยู่ที่พื้นให้เฝ้ามองดูภรรยาตัวเอง...โดนทำร้ายอย่างทารุณโดยผู้ชายหลายสิบคน

อีกมุมอันองค์ก็มีอาการแทบไม่ต่างกัน ผิวขาวๆ ของเด็กสาวเต็มไปด้วยเลือดและรอยช้ำ แต่ยังพยายามกอดร่างเล็กๆ ไว้กับอก แม้ชายหลายคนรุมทำร้ายเธอ แต่อันองค์ยังขดตัวงอกอดร่างหลานตัวน้อยไว้แน่นพร้อมพยายามปิดตาเด็กน้อยไว้ไม่ให้เห็นภาพอันโหดร้ายตรงหน้า โดยเฉพาะภาพของแม่

หญิงสาวชาวต่างชาติที่ถูกรุมทารุณกรรมมานานแน่นิ่งไปแล้ว คราวนี้เดนมนุษย์พวกนั้นหันมาทางเด็กสาวที่กอดร่างเล็กจ้อยไว้ พวกมันกระชากร่างแองเจิลออกไปจากอ้อมแขนอังองค์ เสียงกรีดร้องที่ดังมาตลอดเกือบสองชั่วโมงนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของพวกมันเลย

วินาทีนั้นอนันต์ฝืนร่างอันบอบช้ำจนแย่งปืนได้ เขายิงสู้คนร้ายไปหลายนัด แต่ก็ถูกสยบด้วยกำลังคนที่มากกว่า แต่ก่อนจะจนมุม อนันต์ก็เหวี่ยงอาวุธที่เสี่ยงชีวิตยื้อแย่งมาได้ไปให้น้องสาว

ผู้สังเกตการณ์ที่คอยสั่งการอยู่ด้านนอกแต่ติดตามเหตุการณ์อย่างประชิดติดจออุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ ก่อนจะหัวเราะบ้าคลั่ง เสียงของมันดังผ่านลำโพงที่ติดตั้งไว้จนเหมือนอยู่ร่วมในเหตุการณ์เข้ามาในกล้อง

‘แกจะยิงงั้นหรือ ฮ่ะๆๆ กระสุนแกมีกี่นัดกัน ยิงหมดแมกซ์ก็ไม่พอจะฆ่าลูกน้องฉันหมดหรอกนะ ฮ่าๆๆ’ อรรถหัวเราะเย้ยหยัน

อันองค์หยิบปืนขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา เด็กสาวก็รู้ว่าเธอไม่มีทางยิงคนร้ายได้หมดทุกคนแน่ พอเงยขึ้นมองไปที่อนันต์ พี่ชายเธอกลับตะโกนว่า

‘อัน! ยิงให้พี่ที! ยิงแองเจิล! อย่าให้มันได้ตัวหลานไป...ได้โปรดยิงที’ อนันต์พูดได้แค่นั้นก็โดนลูกน้องอรรถรุมทำร้ายอีกรอบจนแน่นิ่งไป

‘ไม่!’ อันองค์ตะโกนก่อนใช้อาวุธในมือยิงสุ่มๆ เข้าไปในกลุ่มคนที่กลุ้มรุมพี่ชายเธอสามนัด ชายสองคนทรุดลง แต่ที่เหลือหันมาที่เธออย่างมาดร้าย เด็กสาวรู้ในนาทีนั้นว่าอาวุธที่เธอมีไม่อาจทำให้ตัวเองรอดพ้นสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปได้ ทางหนีจากความโหดร้ายนี้เหมือนมีอยู่ทางเดียว

...ทางที่พี่ชายของเธอบอก!

เด็กสาวหันไปยกมืออันสั่นเทาเล็งไปทางหลานสาวตัวน้อยที่ถูกฉุดกระชากอยู่ท่ามกลางเดนทรชนซึ่งเป็นลูกน้องของพี่ชายคนที่สี่ แต่ยังไม่ทันลั่นไก พวกมันก็ชะงักเสียก่อน

‘อ้าว! แม่ง...ตายแล้วนี่หว่า’ เสียงสบถแหบห้าวดังขึ้น

‘ยังไม่ทันทำอะไรเลย บ้าฉิบหาย’ ถ้อยคำหยาบคายตามมาอีกหลายประโยค ขณะพวกมันเขย่าร่างที่สภาพเหมือนตุ๊กตาผ้ารุ่งริ่งนั้นอย่างไม่เบามือ

ทว่า...ร่างน้อยที่เผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายนั้นแน่นิ่งไปนานแล้ว เหลือเพียงเธอที่เป็นเป้าหมายให้เดนนรกทั้งหมดหันมามอง

อันองค์ยกมือสั่นๆ ขึ้น จ่ออาวุธเข้าที่หัวตัวเอง เด็กสาวหลับตา ปล่อยให้น้ำตาของความข้นแค้นรินไหล

แต่อย่างน้อยความตาย...คงจะปลดปล่อยเธอจากคนพวกนี้...

แชะ!

นั่น...เป็นเสียงที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของอันองค์

...น่ากลัวเสียยิ่งกว่าเรื่องเลวร้ายทั้งมวลที่เธอเผชิญมาตลอดทั้งคืน

ไม่เหลือลูกกระสุนนัดสุดท้าย

ไม่มีความตายให้เธอหลบหนีจากความทารุณที่ดำเนินมากว่าสองชั่วโมง และเธอเป็นเหยื่อคนสุดท้ายที่ยังไม่ตาย หลายมือเข้ายื้อยุดฉุดกระชากร่างเธอท่ามกลางเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของอรรถ ก่อนเสียงนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงสบถเมื่อประตูโกดังถูกทำลาย เวนไตยพุ่งเข้ามาพร้อมผู้ช่วยหลายคน

ภาพในจอตัดไป ไฟล์วิดีโอถัดไปเล่นต่อทันที มันปรากฏภาพซากศพน่ากลัวโผล่เข้ามา แต่เวนไตยรีบกดปิดมันก่อนหันมาบอกกาเบรียล

‘น่าเสียดายที่เราได้เทปนี้มาช้าเกินไป...ถ้าได้มาตอนขึ้นศาล...’ เสียงเขาขาดหายไป เหมือนมีช่วงเวลาที่ไม่อยากจดจำและลำบากใจที่จะเล่าเช่นเดียวกัน เพราะทั้งเสียงกรีดร้องของเด็กสาว ทั้งสภาพน่าอเนจอนาถในห้องที่เขาเข้าไปเมื่อเกือบสายเกินยังหลอกหลอนเขาอยู่ 

‘ผมเข้าไปช่วยอันไว้ได้ทัน...แต่คนที่เหลือไม่รอด...’ เวนไตยเล่าต่อ ‘อันต้องรักษาแผลที่ตัวอยู่หลายเดือน...กับอีกหลายปีสำหรับสภาพจิตใจและยังมีอาการ PTSD[1] ขั้นรุนแรง ผมเชื่อว่าผมไปทัน...แต่สำหรับอัน...มันไม่ทัน...จิตใจของอันไม่เคยหลุดออกมาจากห้องนั้น และยังฝังใจอยู่กับกระสุนนัดสุดท้ายนัดนั้น’ 

นั่นคือสาเหตุที่เธอมักถามหากระสุน...กระสุนนัดเดียวนัดสุดท้ายนั้น...สำหรับตัวเอง!

สำหรับอันองค์...คงมีเพียงกระสุนนัดนั้นเท่านั้นละมั้งที่จะปลดปล่อยเธอได้

‘พวกคนในเทป...’ กาเบรียลถามเรียบๆ 

‘เสียใจด้วย ไม่เหลือแล้ว’ เวนไตยตอบพร้อมยักไหล่

ทุกรายชื่อที่อยู่ในห้องนั้นถูกหมายหัวอย่างเงียบๆ พวกเขาในตอนนั้นไม่มีเงิน ไม่มีอิทธิพลและกำลังคนพอที่จะไปโต้ตอบฉับพลันอย่างสาสมใจ ทุกคนจึงได้แต่กล้ำกลืนความขมขื่นคั่งแค้นที่ทรมาน...มันเผาหัวใจให้หม่นไหม้มาเนิ่นนาน แต่ในที่สุดไฟแค้นนั้นก็ไล่เผาผลาญสัตว์นรกเหล่านั้นได้ครบทุกตัว

‘งั้น...คนที่อยู่ในเทปที่สนามบินเมื่อกี้ล่ะ’ พอรู้ว่าเป้าหมายแรกถูกกำจัดหมดแล้ว กาเบรียลก็ถามหาเป้าหมายถัดไป 

เวนไตยส่ายหัว ‘เร็วไป ตอนนี้เราเคลื่อนไหวลำบาก ถ้าทำเลยมันจะรู้ทันที’

‘ไม่ได้บอกให้คนของนายทำนี่...พวกนายแค่ชี้เป้าก็พอ’ กาเบรียลกัดไม่ปล่อย

หมอนี่คงไม่ชินกับการถูกปฏิเสธ คิดแล้วเวนไตยก็จุปาก ส่ายหัวให้พลางคิดว่า

‘ทำไมไอ้สองคนนี้มันถึงเหมือนกันราวกับแกะขนาดนี้วะ’

ชายหนุ่มปลงที่ตนเองมีคนให้ต้องมาคอยรองรับอารมณ์ และยัดเยียดตัวเองเข้ามาให้เขาปวดหัวเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว


[1] โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-traumatic Stress Disorder) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นหลังเจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยเห็นภาพเหตุการณ์หรือฝันถึงบ่อยครั้งจนกระทบกับชีวิตประจำวัน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น