7
อ่างอาบน้ำสีขาวถูกเติมเต็มทีละน้อย ควันบางเบาลอยกรุ่นจากน้ำอุ่น บาร์ทโฟมกลิ่นหอมหลายชนิดวางเรียงอย่างล่อใจ แต่อันองค์ตัดสินใจไม่ใช้พวกมัน
...เพราะจะเพิ่มความแสบร้อนทรมานในจมูกเวลาสูดเข้าไป
นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้นอนแช่ตัวอย่างผ่อนคลายในอ่าง
นัยน์ตาสีดำจัดเหม่อลอยยามระลึกความทรงจำ...ที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไร
ครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นอ่างอาบน้ำคือ ตอนที่สะดุ้งฟื้นขึ้นมาจากการทำซีพีอาร์ของเวนไตยที่คว้าร่างไร้สติของเธอขึ้นจากก้นอ่าง ประสานสองมือปั๊มหัวใจอย่างบ้าคลั่ง จนเธอสำลักน้ำ ยอมฟื้นกลับขึ้นมา...ไม่งั้นมันคงไม่หยุด
สีหน้าของเวนไตยตอนนั้นเกรี้ยวกราดราวจะฆ่าคนได้...เหมือนทุกครั้งที่เธอคิดหาวิธีใหม่ๆ ได้และทำจวนสำเร็จนั่นแหละ หลังจากวันนั้นเขาก็สั่งถอดอ่างอาบน้ำทุกใบออก ห้องพักทุกห้องที่เตรียมไว้ให้จะไม่มีอ่างอาบน้ำอีก อันองค์ทำปากเบ้ให้ลูกน้องเผด็จการ!
อ้อ...กำลังจะเป็นอดีตลูกน้องแล้ว!
หญิงสาวถอดรองเท้า ถุงเท้า ก่อนหย่อนร่างลงไปในน้ำอุ่นแสนสบายในอ่างราคาแพงที่สร้างมาเพื่อใช้ผ่อนคลาย...และตายอย่างสงบ
ภาพทิวทัศน์เมื่อมองจากใต้น้ำบิดเบือนห้องสีขาวจนเหมือนมีประกายรุ้งพร่าพราย หญิงสาวหลับตาลงใต้สายน้ำอุ่นจัดที่เธอจะไม่ต้องลืมตาอีกแล้ว...ตลอดกาล
อันองค์ปรือตา เธอคายอากาศเฮือกสุดท้ายในปอดออกแลกกับการกลืนน้ำเฮือกใหญ่ ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น เพราะเหนืออ่างอาบน้ำไม่ได้มีแค่เพดานสีขาวว่างเปล่าอีกต่อไป แต่มีร่างสูงใหญ่ทำหน้าถมึงทึงยืนค้ำอยู่ เสื้อสูทที่สวมทำงานมาทั้งวันถูกถอดออกไปแล้ว เขากำลังม้วนแขนเชิ้ตขึ้นเพื่อล้วงแขนลงมาลากเธอขึ้นจากอ่างน้ำมากองที่พื้น
"แค็กๆ" อันองค์สำลัก แต่ไม่ได้หยุดหายใจจนต้องซีพีอาร์เหมือนคราวที่แล้ว กาเบรียลจับเธอคว่ำลง ยกช่วงท้องขึ้นสูง พร้อมสั่งเสียงเข้ม
"คายน้ำออกมา"
คายอะไรล่ะ เธอรับน้ำเข้าไปได้แค่นิดเดียว มีเพียงจมูกและคอที่แสบแทบตายจากการกลืนน้ำเข้าไป...ไม่มาก
ชายหนุ่มรอชั่วพักก่อนจะพลิกตัวเธอหงายขึ้น ผมสีดำยาวเปียกลู่ไปตามดวงหน้าซูบผอม เสื้อสีขาวเปียกแนบร่างบอบบางที่ผอมซะจนท้องแทบจะแนบเป็นเนื้อเดียวกับแผ่นหลัง น่าแปลกใจแต่ภาวะทุโภชนาการอย่างร้ายแรงดันไม่มีผลกับทรวงอกอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจแรงของหญิงสาว เธอนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นกระเบื้องสีขาวเจิดจ้าพร่างพรายจนราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา
เธอยังหายใจอยู่...เป็นความโล่งใจปะปนกับความโมโหจวนจะฆ่าคนได้...ฆ่าคนที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตมาหมาดๆ เนี่ยแหละ ถ้าเขาลงมือเองรับรองว่าเธอไม่มีวันได้ฟื้นขึ้นมาโอดครวญกับเวย์แน่ว่า...ทำไมฉันยังไม่ตาย!
"คุณไม่มีสิทธิ์ฆ่าตัวตายติดๆ กันในคืนเดียวบ่อยขนาดนี้นะ" กาเบรียลขบฟันพูดอย่างโมโห
อันองค์เม้มปาก ปรายตาขุ่นๆ มองเขาเหมือนจะบอกว่าเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดขวางเธอรัวๆ แบบนี้เหมือนกันแหละ
กาเบรียลส่งสายตาขวางมองคนที่มีความพยายามอย่างน่าทึ่งในการฆ่าตัวตายสี่ครั้งติดกัน
"ฆ่าตัวตายเป็นบาปต้องตกนรกนะ คุณนับถือพุทธไม่ใช่รึไง" เขาเอาบาปกรรมมาข่มขู่
"ฉันไม่นับถือศาสนา...เลิกนับถือมานานแล้ว" ตั้งแต่เกิดเรื่องเลวร้าย...อันองค์ก็ไม่นับถือสิ่งใดแล้ว ไม่ว่าพระเจ้า ไม่ว่ากฎแห่งกรรม หรือหลักห่าเหวอะไรทั้งนั้น
"ผมช่วยชีวิตคุณวันนี้สี่ครั้งแล้วนะ คุณติดหนี้ชีวิตผม" ชายหนุ่มทวงบุญคุณ
"หน้าฉันเหมือนคนที่จะทดแทนบุญคุณใครไหมเล่า...ถ้าฉันมัวแต่สำนึกบุญคุณคน ป่านนี้ตายไปหลายรอบแล้ว ศาสนาฉันยังไม่ถือเลย ฉันมันคนเนรคุณ ฉันไม่ทดแทนบุญคุณใครทั้งนั้น" คนพูดยันตัวลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง แต่ยังเถียงไม่หยุด
"คุณจะต้องตายให้ได้เลยใช่ไหม" ชายหนุ่มถามอย่างเหลืออด
"แล้วคุณก็ต้องขัดขวางฉันให้ได้เลยใช่ไหม" อันองค์เถียงฉอดๆ เขาเหลืออดได้คนเดียวหรือไง!
"คุณจะไม่ยอมหยุดใช่ไหม ไม่ต้องการร่างกายนี้แล้วรึไง" กาเบรียลถาม ดวงตาสีเขียวมีรอยหมดความอดทนขณะมองร่างบางที่พอพ้นน้ำอุ่นมาสักพักก็เริ่มปากซีดหนาวสั่น แต่ยังมีแววตาดึงดันไม่ยอมแพ้เหมือนเช่นเดิม
"ใช่!" อันองค์รับคำอย่างดื้อดึง
"ดี!"
กาเบรียลยิ้มมุมปากเหี้ยมๆ ดวงตาสีเขียววาววับเหมือนตาของสัตว์นักล่าสักชนิด นั่นทำให้อันองค์เริ่มผวา หญิงสาวกระถดหนีเมื่อเขาทรุดตัวลงใกล้ๆ หลังจากหันไปหยิบผ้าขนหนูจากกองผ้าที่พับเตรียมไว้มาผืนหนึ่ง
"คะ...คุณจะทำอะไร" อันองค์ถามเสียงสั่น พอๆ กับร่างกายที่หนาวสั่นจากความเปียกปอน
หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียงเมื่อกาเบรียลคว้าชายเสื้อเปียกปอนของเธอ ดึงมันออกทางศีรษะอย่างง่ายดาย ด้วยกำลังและร่างกายของเขาที่ใหญ่กว่ากันเยอะจึงคล้ายเขาถอดเสื้อผ้าให้เด็ก อันองค์รีบกอดอกบังร่างตัวเองไว้ เพราะเขารูดเสื้อชั้นในที่เธอยังไม่ได้ติดตะขอออกไปด้วย
หญิงสาวมัวแต่ระวังทรวงอกเปลือยเปล่า จึงเปิดโอกาสให้กาเบรียลปลดกระดุมกางเกง แล้วลอกกางเกงยีนตัวหลวมออกจากขาเธออย่างง่ายดาย แม้อันองค์จะดิ้นรนต่อสู้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะถนัดถอดเสื้อผ้าผู้หญิงยิ่ง จนการดิ้นรนของหญิงสาวไม่เป็นอุปสรรคต่อเขาสักนิดเดียว
"ดิ้นทำไม" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
"กะ...ก็คุณจะทำอะไรล่ะ" อันองค์กัดฟันถามเพราะเป็นทางเดียวที่จะยื้อสถานการณ์ได้ ร่างบอบบางที่ไม่เหลืออะไรปิดบังงอตัว พยายามซ่อนตัวเองไว้ด้วยแขนขาผอมบาง ผิวขาวของเธอใสจนเห็นเส้นเลือดรางๆ ใต้ผิว มันกำลังสูบเลือดจนทั้งตัวขึ้นสีชมพูระเรื่อ
ดวงตาสีเขียวของกาเบรียลที่มองดุๆ ทอประกายวาววับทันใด
"ในเมื่อคุณอยากตายนัก แถมไม่ต้องการร่างกายนี้แล้ว...ใครจะทำอะไรกับร่างกายคุณ คุณก็ไม่ควรต้องสนใจอีกแล้วนี่" เขายังอุตส่าห์ใจดี (?) อธิบายด้วยสีหน้าชั่วร้าย
‘ฮะ! อะไรนะ! อย่างนี้ก็ได้เหรอ...!!’
คนฟังอ้าปากค้าง ตาค้าง เหตุผลและอารมณ์สับสนอลหม่านอยู่ในสมองที่มึนเบลอจากการไม่ยอมพักผ่อน แต่เธอก็ยังพอมีสติจะถอยหนีเมื่อร่างใหญ่เคลื่อนเข้าใกล้ อันองค์เบี่ยงตัวและปัดมือที่ยื่นมาคว้าต้นแขนเธอไว้
หญิงสาวดิ้นสุดแรงใช้ทุกทักษะที่...ไม่ค่อยจะมี
สมองคิดหาเทคนิคต่อสู้ที่เวนไตยขยันหาครูมาเคี่ยวกรำ หวังว่านายสาวจะได้ใช้ช่วยเหลือตัวเองได้ในยามคับขัน
แม้ว่าอันองค์จะไร้ทักษะการต่อสู้จนน่าอนาถแค่ไหนก็ตาม แต่ความพยายามของเวนไตยก็ยังประสบผลอยู่บ้างเมื่อความกลัวผสมกับความโกรธและอะไรอีกหลายอย่างทำให้หญิงสาวสู้กับกาเบรียลได้อยู่หลายอึดใจ เธอต่อยเขาเต็มแรงได้หลายหมัด เสียงหนักๆ บ่งบอกว่าหมัดนั้นไม่ได้เบาเลย แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรหมียักษ์ที่ทั้งตัวโตขนหนา เอ๊ย! หนังหนาและแข็งแรงสุดๆ ได้ เขาเพียงลูบคางที่โดนต่อยก่อนจะเปิดรอยยิ้มพึงพอใจ ดวงตาสีเขียวมีประกายชื่นชม
"ต่อยได้แรงดี...ไม่น่าเชื่อว่าผอมๆ ข้าวก็ไม่ค่อยกินจะมีแรงแบบนี้ ไปเอาแรงขนาดนี้มาจากไหนกันหือ?" ชายหนุ่มยึดข้อมือบางข้างที่ต่อยเขาเอาไว้ได้ ก่อนจะนิ่วหน้านิดๆ เมื่อมองสำรวจรอยช้ำที่เกิดจากการต่อยเขา ซึ่งสำหรับเธอคงเหมือนต่อยใส่กำแพงไม่มีผิด
"ปล่อยนะ!" หญิงสาวดิ้นรนขณะที่เขาคงเบื่อการต่อสู้กับเธอแล้ว กาเบรียลจึงลากเธอเข้ามาหา ล็อกแขนสองข้างเธอไว้ ก่อนรัดตัวเธอด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ เขาใช้มันห่อแขนเธอจนอันองค์ขยับตัวไม่ได้ ก่อนเขาจะอุ้มร่างที่เขาม้วนไว้อย่างดีจนดิ้นหนีไม่ได้แล้วเดินออกจากห้องน้ำมาที่เตียง
เตียงใหญ่ที่เขาถือวิสาสะเอาเข้ามาตั้งไว้ในห้องเธอนั่นแหละ!
อันองค์ถูกวางลงกลางเตียงกว้าง ร่างของเธอถูกเขาพันธนาการไว้ด้วยผ้าเช็ดตัว และไอ้คนที่อ้างว่าช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้งก็กำลังจะ...
เธอไม่คิดจะอยู่รอหรอกนะว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อ หญิงสาวดิ้นจนดึงแขนออกมาจากที่ถูกผ้าขนหนูม้วนไว้จนหลุดและกระโจนหนี แต่ไม่พ้นคนตัวโตที่อาศัยความตัวใหญ่ตามไปตะครุบไว้ได้อีกรอบ
"เอ้า ไหนว่าอยากตายนัก หนีทำไมล่ะ" เสียงถามกลั้วหัวเราะอย่างผู้ชนะนั้นทำให้คนอยากตายและอยากหนีเลือดขึ้นหน้า เหวี่ยงหมัดใส่คนตัวโตซึ่งปัดป้องได้อย่างง่ายดาย เสียงหัวเราะยั่วเย้าและถ้อยคำยั่วโมโหนั่นทำให้เธอเดือดไม่หยุด แต่กาเบรียลก็ทำเพียงปัดป้อง...แบบแทบไม่ต้องใช้ความพยายามด้วยซ้ำ เขามีทักษะการต่อสู้เหมือนคนที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี
หลังจากปล่อยให้เธอดิ้นรนทุบตีเขาอย่างไร้ผลพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็ใช้เพียงมือเดียวกดร่างเล็กบางลงบนเตียง แล้วเท้าแขนคร่อมล็อกตัวเธอเอาไว้
"เอ้า! อะดรีนาลินหมดแล้วหรือยัง" กาเบรียลถามกลั้วหัวเราะ
คำถามยั่วเย้านั้นทำให้อันองค์กัดฟัน ทั้งๆ ที่หายใจแรง เธอก็ยังยกหัวจะกระแทกใส่ แต่กาเบรียลเบี่ยงตัวหลบเลยโดนแค่เฉียดๆ เขาเจ็บ แต่ก็ยังหัวเราะในคอได้อย่างนึกสนุก พลางมองดวงหน้าขาวใสของอันองค์ที่ค่อยหายซีดเผือดไปได้บ้างจากการออกแรง ดวงตาดำจัดวาววับเปลี่ยนจากลูกแมวน้ำน่าสงสารไปเป็นเสือสาวได้ในพริบตา...แต่ก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่ดี แถมยังน่ารักน่าแกล้งยิ่งกว่าเดิมอีก กาเบรียลลูบเส้นผมดำยุ่งเหยิงที่ล้อมกรอบดวงหน้านั้นเบาๆ เจ้าตัวยังดิ้นรนอย่างไร้ผลอยู่ใต้ร่างเขา ชายหนุ่มแกล้งทิ้งน้ำหนักทับลงไปให้อีกฝ่ายอึดอัดเล่น
อันองค์หยุดมือในที่สุดเมื่อทุบตีจนเหนื่อยแล้ว มือเธอทั้งแดงทั้งเจ็บไปหมด แม้จะทุบสุดแรงหรือฝากรอยข่วนเป็นทางยาวด้วยเล็บสั้นกุดไว้ แต่คนตัวโตไม่ได้สะดุ้งสะเทือนและไม่ตอบโต้ เขาเพียงแค่กักตัวเธอไว้ในอ้อมแขนนิ่งๆ เท่านั้น แถมยังเว้นระยะไว้พอควรด้วย ถ้าไม่นับสารรูปน่าอายของเธอที่ผ้าผ่อนไม่มีติดตัวสักชิ้นและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว...มันยังไม่มีอะไรที่น่ากลัวเกิดขึ้นเลย!
"มันหนัก ลุกไปเดี๋ยวนี้นะ!" อันองค์ตะโกนบอกเขาเสียงสั่นปนหอบๆ
"คนตายหนักได้ที่ไหนกัน" กาเบรียลถามยิ้มๆ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดิ้นรนจนหมดแรงไปเอง ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นพร้อมลากร่างบางๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยกันบนที่นอนกว้าง เขาคว้าผ้าขนหนูอีกผืนที่หยิบติดมือมาคลุมลงบนหัวเปียกๆ ของคนที่เริ่มสูดจมูกฟุดฟิดก่อนขยี้แรงๆ ให้ผมแห้งเร็วๆ
บอกไม่ถูกว่าสีหน้างงๆ ปนหวั่นระแวงของคนตรงหน้านั้นทำให้เขาพึงใจแค่ไหน
ดวงตาดำจัดของลูกแมวน้ำบ่งบอกว่าเธอไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหมีเจ้าเล่ห์เย้าหยอกหลอกล่อ...จะตะปบกินลงท้องในทีเดียวก็สงสาร แต่จะปล่อยไปก็...
ดวงตาสีเขียวทอประกายมุ่งมั่นแบบที่บอกกับตัวเองว่า ไม่มีทาง!
เพราะเขายึดห้องนี้ไว้เป็นห้องพักส่วนตัว ภายในห้องจึงไม่มีเสื้อผ้าชุดประจำเตรียมไว้ให้อันองค์เปลี่ยนเหมือนห้องอื่นๆ กาเบรียลจึงหยิบเชิ้ตของตนเองมาให้หญิงสาวสวม แล้วหาหวีมาช่วยสางผมยาวให้หายยุ่งเหยิงหลังจากช่วยเช็ดผมให้เธอจนแห้ง
ชายหนุ่มค้นพบว่าการเล่นตุ๊กตาบาร์บี้นั้นสนุกน่าสนใจอย่างนี้เอง...โดยเฉพาะบาร์บี้ร่างบอบบาง เอวรูปตัวเอส และมีอกตูมๆ ซึ่งดันทรงอยู่ใต้เชิ้ตไหมสีขาวของเขา ซึ่งยาวคลุมเกินครึ่งขาอ่อนของเธอ
ปกปิด...แต่เย้ายวนยิ่งกว่าเปิดเผยจนหมดเสียอีก ชายหนุ่มคิดขณะช่วยพับแขนเสื้อที่ยาวเกินไปให้หญิงสาว ดวงตาสีเขียวของเขาปกปิดรอยพึงพอใจไว้ไม่มิดเมื่อมองสบดวงตาดำจัดที่มองตอบมาอย่างขัดเคือง
"ทำไมคุณถึงกลับมาเร็วขนาดนี้" อันองค์ถามอย่างแค้นๆ ที่แผนการที่วางไว้ดิบดีถูกทำลาย...เป็นครั้งที่สี่ในคืนนี้
ไม่บ่อยนักที่แผนที่เธอวางไว้มันจะพังทลายไม่เป็นท่า...แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับทำเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ
อยากรู้เป็นบ้าเลยว่าทำไมเขาถึงกลับมาทันลากเธอขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ ทั้งๆ ที่ควรใช้เวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง
"ผมลืมชื่อยา" กาเบรียลบอกง่ายๆ
ง่ายจนคนฟังตาค้างสบถในใจ...WTF!
"ชื่อยาแค่ไม่กี่ชื่อแค่นี้คุณลืม! สมองคุณเป็นปลาทองรึไง!" อันองค์ตะโกนอย่างอดไม่อยู่ ที่จริงอยากด่าแรงกว่านี้ แต่จนใจที่ไม่ถนัดด่าใครแรงๆ...นอกจากด่าเวย์
"โอเค...ใครจะไปฉลาดเหมือนคุณล่ะ ไอน์สไตน์ เอาละ มาว่ากันที่ปัญหาของคุณดีกว่า...ทำยังไงคุณถึงจะเลิกคิดทำอะไรบ้าๆ นี่เสียที"
ในที่สุดบทสนทนาก็วนกลับมาที่เรื่องเดิม...เรื่องที่ไม่มีคำตอบเป็นอื่น อันองค์เบือนหน้าหนี ไม่ยอมตอบคำถาม
กาเบรียลไม่เดือดร้อนกับท่าทีขัดขืนนั้น...เงียบให้ตลอดก็แล้วกัน คิดแล้วรอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดพรายขึ้นบนริมฝีปากสีสด ขณะที่เขี่ยปลายนิ้วไปตามสาบเสื้อเชิ้ต แม้ว่ามันจะเป็นเสื้อเนื้อดีราคาแพง ตัดเย็บอย่างประณีต แต่ก็ไม่มีทางทนทานต่อการกระชากแรงๆ ได้ไหวหรอก
อันองค์เริ่มรู้ตัว หญิงสาวหันมาตะปบมือเขาไว้ ขณะที่กาเบรียลส่งภาษากายและสายตาว่าเขาไม่สนหรอก ถ้าเธอยังไม่พูด...ไม่รับรองหรอกนะว่าเขาจะยังใจดีอย่างนี้อยู่ถึงเมื่อไร ในที่สุดอันองค์ก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเองเมื่อเขาใช้อีกมือขยุ้มสาบเสื้อด้านหนึ่งไว้แน่นพร้อมดวงตาสีเขียววาววับ หญิงสาวประเมินสถานการณ์อันย่ำแย่ของตัวเองแล้วพบว่า...ตัวเองพ่ายแพ้อย่างหมดทางสู้จริงๆ
"ฉันเหนื่อย..." อันองค์พูดเสียงอ่อนแล้วทอดถอนใจ น้ำเสียงในคำพูดต่อมาติดจะวิงวอน "คุณปล่อยฉันไปไม่ได้เหรอ...ในโลกนี้มีคนตายตลอดเวลา มีคนฆ่าตัวตายนาทีละตั้งหลายคน มันเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย... ก็แค่คนไม่รู้จักกันตายไปคน มันไม่กระทบกระเทือนอะไรกับชีวิตคุณเลยสักนิด"
"กระทบ" กาเบรียลขัดขึ้นเสียงห้วน ไม่สนใจเหตุผลที่เธอยกมายาวเหยียด ทำเอาคนโดนขัดต้องกัดฟัน พยายามกล่อมเขาต่อ
"ฉันป่วย...ฉัน...ไม่ปกติ ฉันนอนไม่ได้ ฝันร้ายตลอดเวลา แม้แต่งีบหลับไปยังฝันร้ายเลย คนมีอาการทางจิตควรได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงการการุณยฆาตนะ เวย์ให้คุณดูแล้วไม่ใช่เหรอ...วิดีโอนั่น...ตอนอายุสิบหกฉันโดนผู้ชายสามสิบกว่าคนลากไป..." เจ้าตัวพูดไม่ทันจบก็โดนนิ้วแข็งๆ ดีดใส่หน้าผากจนต้องร้องโอ๊ย ยกมือกุมหน้าผากที่เป็นรอยแดงขึ้นทันตาเห็น
กาเบรียลไม่เห็นใจสักนิด เขาชี้หน้าคนที่ทำหน้าย่นใส่
"อย่าดรามา คุณยังไม่โดนใครทำอะไรทั้งนั้น เวย์เข้าไปช่วยคุณทัน"
"ไม่ทัน!" หญิงสาวเถียงเสียงดุเดือด สีหน้าทั้งสิ้นหวัง ทั้งเจ็บปวด...เจ็บ...ที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะเจ็บปวดได้
กาเบรียลจ้องคนตรงหน้าด้วยดวงตาสีเขียวล้ำลึกเหมือนบึงน้ำอันไร้ก้นบึ้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา ไม่มีทั้งสงสารเห็นใจ ไม่ทั้งเยาะหยัน หรือเหยียดหยาม
"คนที่ถูกทำร้ายตรงนั้นไม่ใช่คุณ...แม้จะบาดเจ็บสาหัส แต่คุณรอดมาได้แล้ว"
"ไม่!" หญิงสาวเค้นคำออกมา คล้ายหูยังแว่วเสียงกรีดร้อง เสียงหัวเราะอันกักขฬะหยาบช้า ภาพ...อันติดตาซึ่งตามมาหลอกหลอนให้เธอคลั่งแทบทุกครั้งที่หลับตา
"แล้วไง คุณคิดว่าจะลงโทษเวย์ที่มาช่วยคุณช้า ทั้งๆ ที่เขาก็เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยคุณอย่างงั้นหรือ" กาเบรียลถาม
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเวย์" หญิงสาวกัดฟันตอบเขาเสียงขุ่น
"เกี่ยวสิ...ที่จริงเป็นเรื่องของเวย์คนเดียวเลยด้วยซ้ำ ถ้าคุณตายลงแล้วไง...อะไรจะเกิดขึ้น อรรถก็คงสมใจเท่านั้นเอง พ่อคุณ...อาจรู้สึกบ้าง แม่คุณล่ะ คุณตายลงแล้วนอกจากแม่คุณจะเสียใจ คิดบ้างไหมว่าต่อไปท่านจะอยู่ยังไง" กาเบรียลว่าให้อย่างใจร้าย ก่อนถามต่อ "ที่คุณเจอมันเลวร้าย แต่ที่คุณอยากตาย...มันแค่การโยนความผิดให้เวย์เท่านั้น คุณคิดจะใช้ความตายลงโทษเวย์ให้เขาต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต"
"ไม่จริง" อันองค์เถียงเสียงสั่น ความวูบไหวในดวงตาทำให้เขารู้ว่าเธอคิดตามและรู้สึก
"เวย์ไม่ผิด...เท่าๆ กับที่คุณไม่ผิดนั่นแหละ สิ่งที่คุณพยายามทำมันคือการหนีปัญหาโดยโยนความผิดและภาระทุกอย่างไว้ที่เวย์...โลกนี้ไม่ยุติธรรมกับคุณ คุณเลยต้องไม่ยุติธรรมกับคนอื่นด้วยงั้นหรือ" กาเบรียลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น
หญิงสาวนิ่งเงียบไป มีแววยอมรับและความรู้สึกผิดอยู่ในสีหน้า ทำให้สายตาของคนที่เฝ้ามองอยู่ฉายความพึงพอใจออกมา
"พรุ่งนี้...ไปปรับความเข้าใจกับเวย์ซะ ส่วนเรื่องอรรถกับพ่อคุณเป็นปัญหาของผม...แม่คุณด้วย...แล้วถ้าคุณอยากตายจริงๆ มีวิธีนึงที่ตายแน่ๆ และไม่ทรมานอีกต่างหาก.."
หญิงสาวมองเขาอย่างกังขา ตั้งแต่ที่เขาบอกว่าอรรถเป็นปัญหาของเขา สีหน้าเธอไม่เชื่อถือเขาสักนิด กาเบรียลหลุบตา ปล่อยให้คนตรงหน้าสงสัยจนอดไม่ไหว
"ยังไง" อันองค์ถามขึ้น
"มีความสุขจนตาย..." กาเบรียลบอกสีหน้านิ่งๆ ไม่มีเค้าล้อเล่น
ถ้าก่อนหน้านี้หญิงสาวดูกังขา ตอนนี้เธอมองเขาเหมือนเป็นตัวประหลาด
"คนบ้าอะไรจะมีความสุขจนตาย" อันองค์ถามอย่างยังไม่เกต
"ที่จริงมันมีหลายร้อยวิธีทีเดียวนะที่จะทำให้เป็นแบบนั้น ลองดูสักสองสามวิธีกันก่อนไหมล่ะ" กาเบรียลอธิบายคลุมเครือก่อนย้อนถาม ดวงตาเปล่งประกายวาววับแปลกๆ
อันองค์ไหวตัวทัน แต่ไม่มีปัญญาหนีไปไหน เมื่อหมียักษ์ขยับตัวนิดเดียวก็รวบร่างเธอไว้ได้ จนร่างบอบบางจมหายไปในอ้อมแขนของเขาทั้งตัว
"อือ..." เสียงของหญิงสาวที่เตรียมแผดร้องถูกผนึกไว้ด้วยริมฝีปากผ่าวร้อน เขาดูดกลืนทั้งเสียงและลมหายใจเธอไปจนหมด
ริมฝีปากอุ่นของกาเบรียลเคล้าคลึงช้าๆ บังคับอย่างอ่อนโยนให้ริมฝีปากนุ่มที่เขาเข้ายึดครองยอมเผยอออกให้จูบได้ลึกซึ้งขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่เธอคิดว่าถูกเขาประกบปากแย่งลูกปืนนั่นเรียกว่าจูบ นั่นช่างห่างไกลความจริงไปเยอะ...เพราะที่เขากำลังทำนี่ต่างหากล่ะ ที่เรียกว่าจูบ!
จูบ...ที่เหมือนดูดกลืนกินวิญญาณและสติสัมปชัญญะทั้งมวลไปจนหมด
จูบที่...ทำให้เธอเข้าใจได้แล้วว่าทำไมในนิทานเจ้าหญิงนิทราจึงถูกปลุกได้ด้วยจูบจากเจ้าชาย
จูบของกาเบรียลเป็นจุมพิตที่ปลุกกระชากสโนว์ไวต์ให้ฟื้นคืนจากความตายได้ด้วยซ้ำ!
จูบของเขาให้รสชาติลุ่มลึก...ชวนมึนเมาเหมือนแชมเปญผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงที่เธอเคยลองกรอกปากรวดเดียวครึ่งขวด มันกระชากสติสัมปชัญญะไปหมดสิ้น จนหัวสมองว่างเปล่าไปหมด
สิ่งเดียวที่คิดออกตอนนี้คือ...นิทานก่อนนอนพวกนั้นควรถูกเซนเซอร์ด้วยเรต 20+ ให้หมด ถ้าจูบในนิทานพวกนั้นจะอีโรติกได้ขนาดนี้!
ความคิดที่จะดิ้นรนขัดขืนลอยหายไป หัวสมองของอันองค์ว่างเปล่าเหมือนถูกหมอกควันสีขาวปกคลุม ทุกสิ่งในหัวพร่าเลือนหมด ยกเว้นเพียง...สัมผัสจากริมฝีปากและมือผ่าวร้อนของชายหนุ่มที่แตะต้องสำรวจไปจนทั่ว มันชัดเจนขึ้นทุกที กระตุ้นเร้าให้เธอรู้สึกเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันเท่า โลกของหญิงสาวที่เคยควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพสั่นสะเทือนจนพลิกคว่ำคะมำหงาย ทุกตารางนิ้วของผิวที่เขาสัมผัสอัดแน่นด้วยความรู้สึก
กาเบรียลถอนจูบออกราวกับยอมให้เธอได้หายใจหายคอบ้าง เขาละจากริมฝีปากเห่อช้ำ ไล่จุมพิตผ่าวร้อนไปทั่วแก้ม หน้าผาก เลื่อนลงซอกคอ ทิ้งร่องรอยร้อนผ่าวสีแดงไว้อย่างห้ามใจไม่อยู่ ริมฝีปากและลมหายใจร้อนนั้นเคลื่อนต่ำลง ก่อนซุกไซ้หาทรวงอกอวบ สัมผัสสัดส่วนอันอ่อนไหวที่ยั่วตาล่อใจเขามาตลอดคืนอย่างหลงใหล
อันองค์พยายามตั้งสติ บังคับตัวเองสูดลมหายใจลึกเพื่อให้สมองมีออกซิเจนพอจะคิด แต่อากาศที่เวียนวนอยู่รอบกายเธอกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของบุรุษเพศที่เปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดอันมหาศาล เป็นกลิ่นโคโลญผู้ชาย กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ปนกับกลิ่นสะอาดเหมือนแสงแดดที่ทั้งอบอุ่น ทั้งแผดเผา เสียงห้ามปรามที่เธอเพียรเค้นออกมาจึงแผ่วหวิวกลายเป็นเสียงครางผะแผ่ว ริมฝีปากร้อนนั้นวกมาประกบจูบดูดดื่มอีกครั้ง คราวนี้สติสัมปชัญญะทั้งมวลของเธอหลุดลอยหายจนไม่อาจกู้คืน ปล่อยให้คนตัวโตจูบเอาๆ อย่างหื่นหิวราวไม่ได้สัมผัสผู้หญิงมาเป็นเดือนเป็นปี
ทรวงอกนุ่มถูกสำรวจถ้วนทั่ว ก่อนมือใหญ่จะเคลื่อนต่ำลงไป ทิ้งร่องรอยของสัมผัสต้องห้ามไว้ตามเชิ้ตผ้าไหมหลุดลุ่ยที่แหวกออก แต่ยังไม่ได้เปิดเปลือยเนื้อหนังทั้งหมด ทว่ากลับยิ่งกระตุ้นให้ความรู้สึกรุนแรงขึ้น ยิ่งเมื่อเขาแตะต้องเธออย่างแผ่วเบาด้วยปลายนิ้ว มอบสัมผัสแปลกใหม่ที่เธอคงไม่เคยรู้สึก และสร้างอารมณ์แปลกประหลาดที่หญิงสาวน่าจะไม่เคยรู้จัก
แล้วความนุ่มนวลก็แปรเป็นเร่าร้อน พาให้ลมหายใจเธอขาดห้วง ร่างบางกระตุก สั่นเทาอย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ขึ้นทุกที อารมณ์ไต่ระดับจนสูงลิบแทบจะขาดใจ
ไม่มีใครที่ถูกจูบนี้เข้าไปแล้วจะคิดถึงความตายได้เลย...อย่างที่เขาบอกจริงๆ
ความคิดเห็น |
---|