6
อันองค์เดินปึงปังขึ้นชั้นสามอย่างโมโห...โมโหคนที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านเป็นที่สุด
จริงๆ นะเวย์กำลังจะไปนอนอยู่แล้วเชียว ถ้าหมอนั่นไม่ทักขึ้น...คนคิดเบ้ปากเมื่อนึกถึงสีหน้าถมึงทึงของลูกน้องที่เดินปึงๆ มายืนค้ำหัวเธอ แล้วแบมือมาตรงหน้า เขาไม่เอ่ยอะไรสักคำ แต่สีหน้าเหมือนจะกินหัวคนนั้นทำให้เธอจำต้องควักของออกมาส่งให้
กระสุนปืนหนึ่งนัดที่อุตส่าห์ขอจากอเล็กซ์มาได้อย่างยากเย็น เธอทั้งปลอบทั้งขู่อยู่ตั้งนานกว่าที่บอดีการ์ดหน้าโหดจะยอมยื่นลูกปืนเม็ดกระจิ๋วหลิวนั้นให้อย่างงงๆ...ถูกเอาคืนไปซะงั้น
ชิ!
อันองค์เขย่าลิ้นชักทุกอันของครัวสีขาวบนชั้นสาม พบว่าเวนไตยไม่ลืมล็อกมัน แถมยังล็อกอย่างแน่นหนา...หมอนี่มันทำงานดีจริงๆ ละเอียดรอบคอบไม่มีตกหล่น ไม่พลาดเลย...
เสียแต่มันไม่เคยยอมทำตามคำสั่ง...บางอย่างของเธอนี่สิ!
หญิงสาวล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบคลิปลวดที่ซ่อนไว้ออกมา แม้เวนไตยจะทำงานได้เพอร์เฟกต์แค่ไหน แต่ก็ไม่อาจป้องกันคนที่จ้องรอโอกาสอยู่ได้หรอกน่า หญิงสาวยิ้มเหี้ยมให้ตัวเอง เมื่อยืดเส้นลวดคลิปหนีบกระดาษออกเป็นเส้นยาวตรง ก่อนพับลวดบางๆ นั้นให้หงิกงอพอจะสอดเข้าไปในรูกุญแจของลิ้นชักที่ถูกล็อกไว้ได้ เขย่าไปมาอยู่ชั่วพักกลอนล็อกที่ไม่ซับซ้อนก็คลายออกอย่างง่ายดาย
อันองค์ค้นกุกกัก ได้โลหะมาหลายชิ้น
‘เครื่องครัวนี่มันดีจริงๆ เต็มไปด้วยอุปกรณ์มหัศจรรย์ซึ่งนำมาประกอบเป็น...’
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อข้อมือถูกคว้าหมับ เมื่อหันหลังกลับไป กำลังจะไปตวาดใส่เวนไตยว่าทำไมมันไม่ไปหลับไปนอนซะ อดหลับอดนอนอย่างนี้ พรุ่งนี้มันจะคุ้มครองเธอได้ยังไงก็พบว่า...
ท่าทางเวนไตยน่าจะเข้านอนแล้วอย่างแน่นอน เพราะผู้ชายที่ยืนหน้าถมึงทึงอยู่ด้านหลังเธอคือ...หมียักษ์ขี้โมโห!
อ้อ...น่าจะต้องเพิ่มเป็นขี้ฟ้องอีกอย่าง
ที่เวนไตยรู้ว่าเธอมีอะไรต้องเป็นเพราะหมอนี่แหละไปฟ้อง...แถมยังขี้สงสัยสุดๆ อีกต่างหาก
"ทำอะไร" กาเบรียลถามขณะหรี่ตาสีเขียวมองอย่างคาดโทษ
"ปะ...เปล่าสักหน่อย" คนเถียงเสียงสั่น ดวงหน้าขาวซีดที่มีร่องรอยอิดโรย ใต้ตาคล้ำแสดงความอ่อนล้า ทว่าเธอยังปากแข็งอยู่ แม้จะโดนปลดของในมือออก
กาเบรียลมองชิ้นเหล็กหลายขนาด สปริง และนอตตัวเล็กๆ อีกหลายตัวที่ไม่รู้ว่าเธอไปหามาจากไหนอุปกรณ์ประดามีหลายขนาดหลายรูปทรงนั้นทำให้เขาเริ่มเข้าใจแล้วถึงสิ่งที่เวนไตยห้าม
เมื่อตอนบ่ายก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องเก็บข้อมูลกับเวนไตย เขาหันไปทันเห็นหญิงสาวที่ปรี่ไปหาบอดีการ์ดคนสนิทของเขาและยิ้มกว้างให้หมอนั่น รอยยิ้มนั้นไม่อาจหลุดรอดสายตาเขา เมื่อกาเบรียลเอ่ยถามกับอเล็กซ์ในภายหลังก็ได้รู้ว่าคำเตือนของเวนไตยนั้นจริงจังแค่ไหน
'อันประกอบปืนได้...จากวัสดุเหลือใช้อะไรก็ได้ ปืนใช้แล้วทิ้ง สำหรับยิงครั้งเดียว...' เวนไตยบอกพลางยกมือเป็นรูปปืนมาจ่อขมับ ทำท่ายิงให้ดูว่าอันองค์จะใช้ของชิ้นนั้นแบบไหน
'กระสุนนัดเดียวก็เกินพอ' เวนไตยบอกหลังจากที่เขาเตือนให้ยึดลูกกระสุนที่อันองค์ขอจากอเล็กซ์คืนได้สำเร็จ
แต่...นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น...
"ลูกกระสุนไม่มีแล้ว คุณจะเอาของพวกนี้ไปทำไม"
หญิงสาวกลอกตา คิดหาข้อแก้ตัว แต่คนรู้ทันก็ยื่นมือมาแบรอตรงหน้าด้วยท่าเดียวกันกับเวนไตยเปี๊ยบ แถมยังทำหน้าถมึงทึงเหมือนหมีกริซลีขี้โมโหที่กำลังโกรธจัด
จะโกรธอะไรกันนักกันหนานะ....ก็แค่...แค่กระสุนนัดเดียวแค่นี้...หวงอะไรมากมาย อยากได้นักก็เอาคืนไปสิ
อันองค์ทำปากเบ้ หันหลังให้เมื่อจำต้องควักของสำรองที่เธอแอบขอมาจากลูกน้องคนอื่นของกาเบรียล หญิงสาวซ่อนมันไว้มิดชิดในบราเซียร์ ก่อนหันกลับมายัดกระสุนปืนนัดหนึ่งใส่มือเขา
กาเบรียลเลิกคิ้ว ยังทำท่ารอคอย
"อะไร!? ไม่มีแล้ว" หญิงสาวกัดฟันบอก เธอจะไม่ยอมเสียอะไรมากไปกว่านี้แล้วนะ
มือ...ที่แอบกำลูกกระสุนอีกนัดไว้เหงื่อซึมหน่อยๆ
แต่...ก็คิดว่าซ่อนไว้ดีแล้วนา เขาไม่น่าจะรู้นี่
...
ดวงตาคู่สีเขียวของชายหนุ่มลุกวาว โกรธยายลูกแมวน้ำเจ้าเล่ห์ที่แผนสูงหลอกเวนไตยได้สำเร็จ
แถมยังทำเป็นโมโหยามยื่นคืนลูกปืนให้แก่ลูกน้องตัวเอง รอจนเวนไตยตายใจ แล้วแอบย่องมาค้นหาอุปกรณ์ประกอบปืนลับหลัง นี่ถ้าเขาไม่คาดคั้นจนลูกน้องสารภาพว่าคนที่ให้ลูกปืนแก่เธอไปไม่ได้มีแค่อเล็กซ์ และถ้าเขาไม่คอยจับตาดูไว้ละก็...
ความคิดนั้นทำให้ดวงตาสีเขียววาวโรจน์ขึ้นจนคนถูกมองหวาดผวา
"จะให้ผมค้นตัวคุณตรงนี้ไหม" คงต้องค้นชนิดละเอียดลออเลยมั้ง ถ้าจะให้มั่นใจว่าเธอไม่ได้ซุกซ่อนอะไรที่อันตรายกับตัวเองไว้อีก ชายหนุ่มหันไปสั่งบอดีการ์ดคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านหลังว่า
"อเล็กซ์ ค้นตู้พวกนี้ทุกชั้น เอาของออกไปไว้ข้างล่างให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่สปริงบานเลื่อนนะ" พูดจบเขาก็ลากคนข้อมือเล็กตรงไปที่ห้องหนึ่ง...หนึ่งในหลายห้องที่เหมือนๆ กันหมดนั่นแหละ เขาเปิดประตูลากเธอเข้าไปก่อนปิดประตูล็อกกลอน!
อันองค์เบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก
แย่แน่ๆ แล้ว หมอนี่จะทำอะไร!?
ค้นตัวเธอ!? ซ้อมเธอ!? เวรเอ๊ย!?
...เวย์! ช่วยด้วย!!
ลืมไป...เวย์มันนอนไปแล้ว!
คนที่ลืมไปแล้วว่ามนุษย์ต้องพักผ่อนคิดอย่างท้อแท้เมื่อหมดตัวช่วย
ร่างผอมบางถูกดันติดผนัง ท่าเดียว...ท่าเดิมกับที่เขาค้นตัวเธอเมื่อวันก่อนเป๊ะ
มือใหญ่ตะปบสำรวจไปทั่ว ทว่าไม่พบอะไร นอกจากผ้าเนื้อบางที่ไม่ได้ซุกซ่อนอะไรไว้
"เจออะไรไหมเล่า" หญิงสาวโมโหหน้าตาแดงไปหมดเมื่อโดนค้นตัวแบบไม่ไว้หน้า
กาเบรียลจ้องดุๆ กลับมาด้วยนัยน์ตาสีเขียววาววับ เขาจับเธอหมุนตัวกลับมาก่อนเอื้อมมือโอบหลังเธอ
อันองค์งงไปวูบหนึ่งก่อนแทบกรี๊ดเมื่อมือใหญ่นั่นสอดเข้ามาในเสื้อเพื่อปลดตะขอบราเซียร์ของเธอออก ค้นหาในส่วนที่เมื่อครู่ควานหาไปไม่ถึง!
หมอนี่จะต้องหากระสุนอีกนัดหนึ่งให้ได้เลยใช่ไหมนี่!
หญิงสาวอยากจะบ้าตายเมื่อเขาสำรวจจนแน่ใจว่าในเสื้อชั้นในตัวจิ๋วไม่มีสิ่งซุกซ่อนอยู่ ก่อนกดสายตาลงไปที่ตำแหน่งกลางลำตัว อันองค์รีบตะปบคว้ามือใหญ่ไว้เมื่อเดาออกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร
"หยุดนะ!"
กาเบรียลมองดวงหน้าที่เคยซีดเซียวแต่ตอนนี้เลือดสูบฉีดจนแดงก่ำไปหมด ดวงตาดำจัดวาววับอย่างดื้อรั้น สีหน้าแบบยอมตายแต่ไม่ยอมจำนนนั้นทำให้เขาอยากเขย่าคอเค้นถามเหลือเกิน...ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเธอต้องเคยเจอกับอะไรมาบ้าง...
กาเบรียลคำรามในคอเมื่อค้นตัวไม่เจอ แต่เขาก็สังเกตเห็นว่ามือซ้ายของเธอกำไว้แน่น เมื่อเขาเหลือบมองหญิงสาวที่ระแวงอยู่แล้วก็รู้ตัว เธออาศัยจังหวะที่เขาไม่ทันยึดมือนั้นไว้โยนกระสุนโลหะนัดสุดท้ายในมือเข้าปาก
ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าเป็นตายยังไงก็ไม่มีวันให้เขาแย่งไปได้แน่ๆ
ซึ่ง...เมื่อมาคิดได้ทีหลังว่าก็พบว่ามันเป็นการกระทำที่โคตรสิ้นคิดเลย
แต่ตอนที่ถูกดันหลังชนผนังห้อง แถมมีหมียักษ์เท้าแขนกักตัวไว้แน่นหนาในห้องปิดล็อก แถมคนคน เดียวที่หวังว่าจะช่วยได้ก็ดันนอนหลับไปแล้ว นาทีนั้นเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากเม้มปากแน่น สูดลมหายใจลึกคิดว่าเอาวะ! เป็นไงเป็นกัน อย่างมากเธอก็แค่กลืนมันลงคอ
อย่ากระนั้นเลย...กลืนแม่งลงไปเลยละกัน!
เหมือนชายหนุ่มจะรู้ไปหมดว่าเธอคิดอะไร เขาคว้าหมับเข้าที่คางเธอ มือแข็งๆ ราวคีมเหล็กบีบขากรรไกรหญิงสาวไว้ไม่ให้กลืนก้อนโลหะนั้นลงคอได้ อันองค์รีบยกมือขึ้นกันมือเขาอีกข้างไว้เมื่อเขาจะล้วงเข้าไปในปากเธอ...ฝันไปเหอะ!
นาทีที่อันองค์เผลอคิดว่าชนะแน่แล้ว เพราะเธอทำให้สองมือของเขาไม่ว่าง จนไม่มีปัญญาใช้มือควักลูกปืนออกจากปากเธอ นาทีนั้นหญิงสาวก็ได้เรียนรู้ว่า...คนเราสามารถช่วงชิงของจากในปากคนอื่นได้โดยไม่ต้องอาศัยมือด้วยซ้ำ!
"อื๊อ... !?" อันองค์ได้แต่ครางอึกอักในคอ เพราะเมื่อสองมือไม่ว่าง เขาดันใช้ปากแทนซะนี่!?
มือของเขาที่ล็อกคางเธอไว้บีบขากรรไกรให้เธอเผยอริมฝีปาก ก่อนลิ้นผ่าวร้อนจะรุกรานเข้ามา หญิงสาวตกใจเกินกว่าจะคิดไปในทางชู้สาว เธอเพียงพยายามที่จะนำกระสุนนัดนั้นหลบจากการช่วงชิง ซึ่งไม่เป็นผลใดเลย กาเบรียลยิ่งบดขยี้ริมฝีปากเธอ ปาดลิ้นเกี่ยวกระหวัดราวเป็นอวัยวะอีกชิ้นส่วนของร่างกายเธอ
ใช้เวลาอยู่ชั่วพักกว่าที่อันองค์จะรู้สึกว่าตัวเอง...โดนเขา...จะ...จูบ!
รสชาติของชิ้นโลหะเล็กจิ๋วในปากแทบถูกเลือนไปเมื่อปากถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากเร่าร้อน
สำหรับอันองค์ อย่าว่าแต่จูบเลย แค่สัมผัสริมฝีปากกับเพศตรงข้ามเธอยังไม่เคยด้วยซ้ำ เมื่อตระหนักได้ในที่สุดว่าตัวเองกำลังถูก...จูบอยู่ เธอจึงได้แต่อึ้ง อ้าปากค้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายรุกรานเอาตามใจ
กาเบรียลรุกล้ำสำรวจไปทั่วด้วยลิ้นอย่างเปี่ยมประสบการณ์ ควานจนเจอชิ้นโลหะที่ซ่อนไว้ในโพรงปากนุ่ม เขาตวัดลิ้นชิงมันออกมาได้ง่ายดาย
เมื่อถอนริมฝีปากออก ชายหนุ่มเบือนหน้านิดเดียวเพื่อบ้วนวัตถุชิ้นน้อยนั้นทิ้ง ก่อนหันมามองหน้าแดงก่ำของคนที่ตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่ในอ้อมแขน
เสียงกระสุนโลหะชิ้นเล็กกระเด็นกระดอนลงพื้นทำให้อันองค์ได้สติ หญิงสาวพยายามเอนตัวออกห่างให้เขาเห็นว่ารังเกียจ ทั้งๆ ที่ทำได้ยากเย็น เพราะแขนสองข้างของเธอถูกมือเขาที่ละจากคางเธอจับไปรวบไว้ด้านหลัง กลายเป็นอ้อมกอดที่รัดร่างบางแบะยกตัวลอยขึ้นมาชิดร่างสูง ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
อ้อมแขนนั้นรัดแน่นจนอึดอัดไปหมด แต่...น่าแปลกชะมัดที่ไม่มีส่วนไหนของเธอเจ็บปวดจากการถูกคุกคามนี้ นั่นทำให้อันองค์ทำตัวไม่ถูก จะดิ้นหนีก็...ดูจากสภาพนี้ไม่มีทางเลย แถมอีกฝ่ายยังตัวใหญ่และแข็งแรงราวกับหมีกริซลี แค่ออกแรงเบาๆ ก็คงหักเธอเป็นสองท่อนได้แล้ว
ทว่า...นอกจากกักเธอไว้แล้ว เขาไม่ได้กระทำรุนแรงอื่นใดอย่างที่หญิงสาวหวั่นกลัว...แต่ดวงตาสีเขียวยังส่องประกายวาววับคุกคามสุดๆ
"ปะ...ปล่อยนะ" อันองค์ฝืนใจสั่งเขาเสียงสั่น
ใครจะรู้ล่ะว่าอยู่ๆ กาเบรียลก็คลายแขน ปล่อยร่างบางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวให้ไถลพรืดทรุดลงกับพื้นจริงๆ
อันองค์กะพริบตาปริบๆ เมื่อพบว่าตัวเองกองอยู่ที่พื้นห้อง แข้งขาสั่นจนทำได้แค่ทรงตัว นั่งหลังพิงผนัง เธอลุกไม่ขึ้น แล้วคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งยองๆ ชะโงกเงื้อมอยู่เหนือร่างเธอ หญิงสาวหลุดจากอ้อมแขนที่คุกคามมาได้ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าถูกคุกคามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก...รู้สึกเหมือน...ชีวิตนี้จะไม่สามารถหลีกหนีจากผู้ชายตัวโตคนนี้ได้อีกแล้ว!
"อยากเจรจามั้ย?" คำถามนั้นเรียกแววตาขุ่นขวางจากผู้ที่เขาคุกคามได้เป็นอย่างดี
เจรจา! หมอนี่ต้อนเธอจนมุม ข่มขู่ คุกคามให้เธอต้องยอมจำนนทุกอย่าง แล้วยังมีหน้ามาเรียกร้องการเจรจา!
เป็นวิธีเจรจาที่...โคตรอเมริกันเลย!
"หรือจะไม่เจรจาก็ได้นะ" เจ้าของเสียงห้าวๆ ที่ดูเหมือนชักรำคาญเริ่มข่มขู่ขณะเท้าแขนสองข้างลงกับผนังข้างๆ แก้มเธอ พร้อมกับวางเข่าลงจนชิดต้นขาเธอ
"เจรจา! เจรจาสิ" อันองค์กัดฟัน ตะโกนเสียงหลง ดันสองมือใส่อกกว้างที่...เข้ามาชิดเกินไปแล้วนะ เธอกลืนความขุ่นแค้นลงไปในอกเมื่อสบตาสีเขียวที่ทอประกายแบบผู้ชนะนั่น
"ห้ามคุณถามใครถึงกระสุนปืนอีก..." กาเบรียลสั่งเสียงเรียบ
คำสั่งนั้นทำเอาดวงตาดำจัดเบิกกว้าง มองเขาอย่างตัดพ้อ เหมือนเขาไปยื้อแย่งของรักของหวง ดวงตาสีเขียวของชายหนุ่มจึงจ้องตอบอย่างข่มขู่
"ไม่ว่ากับใครไม่ว่ากี่ลูก กี่นัดก็ตาม เข้าใจไหม"
อันองค์ทำปากเบ้ สีหน้าขัดขืน แต่ยังฉลาดพอจะไม่ต่อต้านตรงๆ แค่พึมพำในคอ
"งก!"
กาเบรียลยิ้มร้ายขณะบอก "ธรรมดาผมไม่หวงกระสุนหรอกนะ...เพียงแต่พวกที่ได้รับไปจากผมมักไม่มีใครอยากได้...ส่วนใหญ่อ้อนวอน ปฏิเสธไม่ยอมรับด้วยซ้ำ"
...ส่วนที่เหลือไม่มีโอกาสปฏิเสธ เพราะไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองได้รับอะไรเข้าไป
ดวงหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขณะขู่ต่อ "ผมไม่ชอบฟังคำปฏิเสธ...อย่าให้ผมรู้ว่าคุณละเมิดข้อตกลง..."
อันองค์หรี่ตาลง...ถ้างั้นก็แค่ทำโดยที่เขาไม่รู้...
มือใหญ่เชยคางเธอขึ้นมาสบสายตาคมดุที่ฉายแววรู้ทันพร้อมสำทับ
"อย่าแม้แต่คิดจะแอบทำตอนผมไม่เห็น อย่าคิดว่าผมจะไม่รู้" คำขู่นั้นทำให้อันองค์กะพริบตาปริบๆ อย่างสงสัย
"คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอะไร"
กาเบรียลยิ้มมุมปาก ไม่ตอบให้เธอหายสงสัยหรอกว่านอกจากเวลาที่ดื้อรั้นกวนประสาทแล้ว เธอดูออกได้ง่ายแค่ไหน
อาชีพของเขาทำให้ต้องคอยวิเคราะห์ภาษากายและจับสังเกตสีหน้าคู่สนทนาเพื่อหาจุดอ่อนในการทำธุรกิจอยู่เสมอ บวกกับตลอดสองวันมานี้เขาจับสังเกตกิริยาท่าทางเธอแทบจะทุกอิริยาบถ ทั้งเวลาที่หญิงสาวตีหน้าซื่อๆ เนียนๆ หรือหรี่ตาอย่างครุ่นคิดเจ้าแผนการ หรือแม้แต่ท่าทางตื่นตระหนกปนสงสัยแบบที่เป็นอยู่นี่
"ตกลงเราคุยกันรู้เรื่องแล้วใช่ไหม" กาเบรียลรวบรัด
สมาธิของเขาเริ่มไขว้เขวเมื่อเห็นคนจนมุมที่เขากักตัวไว้เงยมองด้วยดวงหน้าไร้เครื่องสำอางแต่งเติม หรือปกปิด เผยผิวขาวซีด และดวงตาสีดำจัดที่มีรอยช้ำจากการอดนอน ซึ่งไม่ช่วยให้ดวงหน้านั้นดูดีขึ้นสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมพอมองริมฝีปากบางที่แดงระเรื่อและเห่อบวมจากการที่ถูกเขา 'แย่งชิง' ลูกกระสุนนั้น ถึงทำให้จิตใจชายหนุ่มเตลิด ชักไม่อยากแค่เจรจาเสียแล้ว
"อื้อ..." อันองค์รับคำส่งๆ เมื่อเห็นนัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นทอประกายแปลกๆ ดูไม่ปลอดภัยอย่างไรก็ไม่รู้ ยิ่งสายตาจับที่ริมฝีปากเธอ...มันชวนให้คิดไปถึง...
คนคิดเผลอยกมือป้ายริมฝีปาก เหมือนจะปาดเอาสัมผัสจาบจ้วงเมื่อครู่ให้หลุดไปจากความทรงจำ...แต่ความเห่อร้อนยังติดตรึงไม่จางจากผิว
กาเบรียลลุกขึ้นพร้อมดึงไหล่เธอให้ลุกขึ้นด้วย คนที่ขายังสั่นรีบปัดมือเขาออก เธอเอนหลังอิงผนังไว้เมื่อรู้สึกตัวว่าอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยขนาดไหน...นอกจากจะโดนเขาจู...แย่งของในปากไปแล้ว เสื้อชั้นในยังถูกปลดเสียหลุดลุ่ย
"ฉันจะเข้าห้องน้ำไปใส่...เอ่อ...ล้างหน้า คุณออกไปจากห้องฉัน..." เจ้าของห้อง...เจ้าของบ้านที่หันไปจะเปิดประตูห้องน้ำรีบร้อนไล่แขกไม่ได้รับเชิญ แต่ต้องชะงัก กะพริบตาปริบๆ เมื่อกวาดตาไปพบความผิดปกติในห้อง
"นั่นไม่ใช่เตียงฉันนี่!" อันองค์ร้องขึ้น ชี้เตียงมหึมากลางห้องซึ่งใหญ่กว่าเตียงที่เธอคุ้นเคยไปเป็นฟุต
"เตียงคุณเล็กไป ผมนอนไม่ถนัด" กาเบรียลบอกหน้าตาเฉยด้วยถ้อยความที่...ชวนให้คิดแปลกๆ นิดหน่อยนะ
"ใครให้คุณมานอนเตียงฉัน" อันองค์หันมาตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างโมโห
"เวย์บอกให้นอนห้องไหนก็ได้" กาเบรียลโยนความผิดให้คนที่ห้ามแล้ว แต่เขาไม่สนใจฟัง
‘ไอ้เวรเวย์!’ หญิงสาวสบถในใจ พยายามแทบตายในการข่มอารมณ์และเจรจาให้รู้เรื่อง
"ข้างล่างมีห้องเยอะแยะ ทำไมไม่ไปอยู่"
กาเบรียลทำปากเบ้ มองเธอเหมือนมองตัวประหลาด น้ำเสียงในคำพูดเหมือนถูกหมิ่นเกียรติอย่างร้ายแรง
"จะให้ผมไปอยู่รวมกับพวกบอดีการ์ดเนี่ยนะ"
คนฟังกะพริบตาปริบๆ
"ทำไมถึงจะอยู่ไม่ได้? เวลาหาที่นอนไม่ได้ ฉันยังนอนห้องเดียวกับเวย์กับบอดีการ์ดพวกนั้นทั้งฝูงได้เลย" อันองค์บอกซื่อๆ ทื่อๆ มึนๆ
ไม่รู้ว่าทำไมคำบอกนั้นถึงทำให้สีหน้าคู่สนทนาถมึงทึงขึ้นทุกที...สงสัยโกรธที่จะให้เขาไปนอนกับเวย์...กับบอดีการ์ดเป็นฝูงแหงๆ แต่ที่จริงด้านล่างนั่นมีห้องพักตั้งหลายสิบห้องแทบไม่ต่างจากโรงแรมชั้นดี ไม่ได้จะให้เขาไปอยู่ร่วมกะใครเสียหน่อย ทำไมหมอนี่เข้าใจอะไรยากเย็นนักนะ
"คุณไปทำอะไรมา ถึงได้ต้องไปนอนห้องเดียวกับเวย์กับบอดีการ์ดพวกนั้น" คำถามด้วยน้ำเสียงเข้มข้นดุเดือดนั้น เหมือนบอกว่าคนพูดพร้อมจะเข้ามาเค้นคอเธอได้ทุกเมื่อ
อันองค์ถอยหลังช้าๆ พาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำอย่างไม่รู้ตัว นึกหวั่นหมียักษ์ที่อยู่ๆ ก็โกรธอะไรขึ้นมาอีกก็ไม่รู้ หญิงสาวตัดสินใจว่าคงต้องยอมถอยให้มันสุดๆ ไปเลย
"เออ โอเค...ไม่อยากนอนก็ไม่ต้องนอน เดี๋ยวฉันย้ายไปนอนกับพวกนั้นเองก็ได้"
โครม! ความโกรธของชายหนุ่มคงทะลุจุดเดือดไปหลายองศา จนเขาทุบบานเลื่อนประตูห้องน้ำแทบแหลกเป็นเสี่ยง โลหะที่ใช้ทำกรอบประตูบิดงอตามรูปมือ
โชคดีที่ตัวบานกระจกเป็นวัสดุพิเศษที่แตกยาก แต่อันองค์ไม่ได้หันมาห่วงสวัสดิภาพบานประตูห้องน้ำอะไรแล้ว หญิงสาวหวีดร้อง ถอยจนชนผนังด้านหลังตัวสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่
ความกลัว...เป็นสิ่งเดียวที่เธอควบคุมไม่ได้ ไม่เคยควบคุมได้เลย เสียงดัง การคุกคาม การถูกทำร้าย ความรุนแรงทุกรูปแบบ สิ่งเหล่านั้นราวจะผลักดันให้เธอตกลงไปในหุบเหวไร้ก้นบึ้ง พอมันถาโถมเข้ามา พายุอารมณ์ก็จะพัดเธอสู่ภวังค์แห่งความทรงจำที่ตามหลอกหลอน ย้อนเอาความเจ็บปวดที่ฝังใจกลับคืนมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เหมือนเชื้อโรคร้ายที่ลุกลามเข้ากลืนกินสติสัมปชัญญะจนหมดสิ้น
กาเบรียลเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปเมื่อมองร่างสั่นเทาที่งอตัว เธอยกแขนป้องเหมือนหวาดกลัวการโดนทำร้าย ดวงตาสีดำจัดเบิกกว้างมองเขาด้วยสายตาเหมือนสัตว์บาดเจ็บที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ภาพความรุนแรงที่ผ่านตาเมื่อตอนกลางวันย้อนกลับคืนมาในสมอง กระแทกเตือนสติเขาว่าคนตรงหน้าผ่านความเลวร้ายมามากมายแค่ไหน ความพยายามของเวนไตยที่จะควบคุมสถานที่รวมถึงสถานการณ์ทุกอย่างเพื่อประคับประคองอันองค์ไว้...บ่งบอกให้รู้ว่าอาการของหญิงสาวนั้นรุนแรงเพียงใด
"อัน..." เสียงเรียกนั้นทำให้หญิงสาวหวาดผวา ร่างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ แล้วกระถดตัวหนีเขาไปจนชนผนัง
"คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า" เขาบอกพร้อมยื่นมือมา แต่ยิ่งทำให้หญิงสาวผวาเยือก
"อะ...อรรถก็พูดแบบนี้แหละ ก่อนจะยิง แทง ให้ลูกน้องซ้อมฉัน จับฉันกดน้ำ ผลักฉันจากบันได"
กาเบรียลขบฟันแน่นจนกรามขึ้นสันทำให้ดวงหน้านั้นดูดุดันขึ้นไปอีก ดวงตาสีดำที่เบิกกว้างจึงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง หญิงสาวกวาดตามองหาทางหนีและเพิ่งพบว่าเธอพาตัวเองถอยมาอยู่ในห้องน้ำ กาเบรียลยืนขวางประตูอยู่
ถ้าเธอยิ่งถอยหนีเข้าไปข้างใน จะไม่ยิ่งจนมุมหรือ
อันองค์นิ่งขึงไปเมื่อสอดส่ายสายตาหาทางหนีทีไล่ไปพบสิ่งแปลกปลอมอีกอย่างอยู่ในห้องน้ำกว้าง...นอกจากเตียงซูเปอร์ไซซ์ที่เขาถือวิสาสะเอาเข้ามาในบ้านเธอแล้ว กาเบรียลยังติดตั้งอ่างอาบน้ำไว้ในห้องน้ำของเธอ!
หญิงสาวรีบดึงสายตากลับมา การค้นพบหันเหความสนใจเธอออกจากความกลัวได้ชั่วครู่ ก่อนเธอจะพบว่าดวงตาคู่สีเขียวของกาเบรียลอ่อนแสงลงหลายส่วน...เหมือน...มีความสงสารหรือสำนึกผิดในนั้นด้วยซ้ำ...เมื่อเขาถามด้วยน้ำเสียงไร้การข่มขู่
"จะต้องให้ทำยังไงคุณถึงจะหายกลัว..." ...ผม ชายหนุ่มละคำสุดท้ายไว้
"อย่ามายุ่งกับฉัน" อันองค์บอกสิ่งแรกที่ต้องการ
"ไม่ได้ เอาอย่างอื่น คุยกันให้รู้เรื่อง...ผมไม่ทำร้ายคุณ และไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณด้วย"
คำรับรองหนักแน่นนั้นไม่ได้เข้าหัวหญิงสาวสักเท่าไร เพราะเธอกำลังหลุบตา ไตร่ตรองหาวิธีที่จะให้เขาออกไป และทิ้งเธอไว้คนเดียวในนี้
"ฉันป่วย...เยอะมากๆ...เวย์คงบอกคุณแล้ว ฉันควบคุมความกลัวไม่ได้...และฉัน...ต้องกินยา...คุณช่วย...ลงไปเอายาที่เวย์ให้หน่อยได้ไหม" อันองค์ลงทุนเอียงคอ ช้อนตาอ้อนวอนราวกวางน้อยใส่...หวังว่าจะดูน่าสงสารบ้างนะ
"เวย์นอนไปแล้ว ให้ผมปลุกเขาไหม" กาเบรียลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
ดวงตาคนฟังส่องประกายแวววามขึ้นวูบหนึ่ง...อย่างพึงใจสุดๆ
“อา...จริงสิ...งั้นไปขอแทนก็ได้ ฉันอยากได้ยา...” ชื่อยาอันตรายใช้เฉพาะทางซึ่งหญิงสาวคุ้นเคยสักห้าหกชนิดออกมาจากปากเธออย่างคล่องปร๋อ
อันองค์ทวนชื่อยาให้เขาฟังอีกสองครั้งก่อนที่ชายหนุ่มจะยอมถอยออกจากห้องไปหายามาให้เธอ
ยาที่...มีหลายตัวที่เธอแน่ใจว่าไม่มีอยู่ที่นี่ และด้วยเวลาที่...ดึกมั้ง...ช่างเหอะ...เอาแค่ว่าถ่วงเวลาได้สักพักก็พอ กว่าเขาจะได้ยากลับมาคงไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง
อันองค์คิดพร้อมเปิดรอยยิ้มเบิกบานใจเมื่อเปิดน้ำใส่จากุซซี เกือบจะฮัมเพลงคลอด้วยซ้ำเมื่อมองระดับน้ำที่ค่อยๆ เติมเต็มอ่างด้วยดวงตาประกายแวววาว
มีหลากหลายอารมณ์อยู่ในดวงตาดำจัดคู่นั้น ทั้งความพึงพอใจ ทั้งความโศกเศร้าจางๆ ความเสียใจ และความอาลัยอาวรณ์อีกนิดหน่อย
แต่...อารมณ์พวกนั้นคงจะไม่อยู่นานไปกว่านี้แล้วละ
ความคิดเห็น |
---|