ท่ามกลางแดดจ้าของเวลาสายเกือบใกล้เที่ยง หอมนวลพาร่างอ่อนระโหยโรยแรงเดินตามหลังคนตัวสูงใหญ่ไปยังโรงเก็บนมวัวที่เมื่อสามสี่วันก่อนเขาเคยพาเธอมา สถานที่เดิมแต่ความรู้สึกแตกต่างออกไป วันนั้นเขากับเธอเดินเคียงข้างกัน แถมยังสวมเสื้อเหมือนกันเป๊ะ แต่เวลานี้เขาเดินจ้ำอ้าวเหมือนควายหาย ไม่คิดรอเธอแม้แต่นิด มิหนำซ้ำเสื้อก็ยังคนละสีอีกด้วย
‘ไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้’ คนชอบหาเรื่องไล่เธอไปเปลี่ยนเสื้อ เพราะเขากับเธอสวมเสื้อลายและสีเหมือนกันโดยบังเอิญอีกแล้ว
‘แต่ว่าหอมเลือกเสื้อตัวนี้ก่อนคุณเขมนะคะ หอมหยิบมันเข้าห้องน้ำไปด้วยก่อนที่คุณเขมจะเลือกเสื้ออีก’
‘ฉันขี้เกียจเปลี่ยน เธอก็หาเสื้อตัวใหม่สิ’
‘แต่หอมก็ขี้เกียจเปลี่ยนนี่คะ’ หอมนวลแกล้งดื้อดึง เพราะหากยอมเขามากๆ เธอคงต้องปวดหัวตายเป็นแน่
‘ได้! งั้นฉันเปลี่ยนให้’
เขาคิดเร็วทำเร็วเสมอ ว่องไวพอที่จะคว้าตัวเธอไว้ได้ง่ายๆ เหมือนเช่นเคย พร้อมกันนั้นเขาดึงเสื้อเธอทีเดียวกระดุมทุกเม็ดก็หลุดออกจากรังดุมราวกับเสกคาถา หอมนวลเบิกตากว้างกับการกระทำอันเชี่ยวชาญนั่น ก่อนจะลนลานรีบผลักร่างยักษ์ออกจากตัว
‘หอมยอมแล้ว หอมเปลี่ยนแล้วค่ะ’
และนั่นเป็นเหตุให้เธอต้องหยิบเสื้อยีนมาสวมแทนเสื้อลายทางที่เขาชอบสวม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหมือนกันทั้งสีและลวดลาย คอยดูเถอะ วันนี้เธอจะกลับมาเผายกตู้เสื้อผ้าเลย
“ไอ้ใหญ่ ไอ้เล็ก ช่วยพาคนเลี้ยงวัวคนใหม่ไปทำงานหน่อยไป”
เขมราชสั่งลูกน้องคู่หูคู่แสบ หลังจากก้าวเขาไปในโรงงาน พลางชี้นิ้วโป้งไปข้างหลัง ซอมพอกับฟ้าฮ่ามแปลกใจ มองหน้ากันสลับกับนายหญิงอย่างสับสน
“เมียนายนี่น่ารักจังนะ อยากมีสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นสิท่า เลือกเลี้ยงวัวนี่สงสัยเอาใจนาย” ซอมพอยังไม่รับรู้ถึงอารมณ์ของเจ้านาย และแน่นอนว่าฟ้าฮ่ามก็เช่นกัน
“ไม่ต้องไปถึงที่ฟาร์มหรอกครับ ทั้งเหม็นทั้งสกปรก เดี๋ยวพวกเราไปเลือกมาให้ เดือนก่อนเพิ่งมีวัวตกลูก สีขาวจั๊วะเลย รับรองน่ารักถูกใจ”
“ใช้สมองส่วนไหนคิดวะ” เขมราชสวนกลับจนลูกน้องจอมเพ้อเจ้อหุบปากฉับ ยืนตัวตรงแหน็วเหมือนเคารพธงชาติ “เมียเจ้านายพวกแกจะมาช่วยทำงานที่นี่ เป็นนายหญิงฟาร์มแสงอรุณ คงนอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้”
หอมนวลมองแผ่นหลังกว้าง สองมือทำท่าตะกุยแผ่นหลังเขาพร้อมแยกเขี้ยวยิงฟันล้อเลียน แค่ เลี้ยงวัว คงทรมานคนอย่างหอมนวลได้หรอก เพราะอยู่ที่ไร่ดอกไม้จอมนรีเธอก็ทำงานกับดินโคลนและแสงแดดจ้าจนชาชิน นี่แค่เลี้ยงวัวแถมอยู่ในร่ม เธอไม่ได้กลัวเลยสักนิด
ซอมพอกับฟ้าฮ่ามมองการกระทำของนายสาวแล้วกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ ทำให้เขมราชรีบหันหลังกลับไปมอง แต่กลับพบว่าคนตัวเล็กยืนทำหน้านิ่ง จึงหันไปถลึงตาใส่ลูกน้องจากหน้าที่บานเพราะรอยยิ้มหดเหลือสองนิ้ว
หอมนวลถูกพาตัวมายังส่วนของฟาร์มเลี้ยงโคนมขนาดใหญ่ ซอมพอกับฟ้าฮ่ามปล่อยเธอทิ้งไว้กับหัวหน้าโรงเลี้ยงวัวที่รับคำสั่งแบบอึ้งๆ จนเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายซึ่งช่วยยืนยันได้ว่ามือขวาและมือซ้ายของพ่อเลี้ยงฟาร์มแสงอรุณไม่ได้ละเมอเพ้อพกไปเอง
“นายหญิงไม่ต้องกังวลนะครับ แค่ดูแลเรื่องเอกสารก็พอ ไม่ต้องเข้าไปเลี้ยงเองหรอกครับ คนงานเยอะแยะ” ณรงค์ วัยสี่สิบห้าปีกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เขาสั่งแบบไหนก็ทำตามเขาเถอะ” หอมนวลเริ่มหนักใจ เธอไม่ได้กลัวความลำบาก แต่เธอกลัวความคิดของเขมราช เขาคงตั้งใจทรมานให้เธอหมดความอดทนแล้วหนีไปจากที่นี่ ยอมหย่า ปลดพันธสัญญาทุกอย่างเพื่อให้เขากับพี่สาวของเธอได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
ณรงค์จำนนต่อความต้องการของเจ้านายสาว ยอมให้เธอเป็นคนเลี้ยงวัวอย่างเต็มตัว
หอมนวลได้รับหน้าที่แรกคือการเฝ้าวัวนับร้อยตัวที่ออกมากินหญ้ากลางทุ่งกว้าง เธอดูแลวัวเหล่านี้ร่วมกับคนงานอื่นๆ และคอยต้อนพวกมันกลับเข้าคอกเมื่อถึงเวลา
ฟาร์มแสงอรุณมีทุ่งหญ้ามากพอให้เหล่าโคนมได้หาอาหารจนอิ่มหนำ กว้างใหญ่จนกลัวว่าวัวอาจเดินหายจากฝูงไปโดยที่เธอไม่รู้ แต่คนงานบอกว่าวัวพวกนี้ชอบอยู่กับฝูง จะไม่เดินหายไปไหนเพียงลำพังถ้าไม่เจออะไรที่ทำให้มันตกใจ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องกระจายคนล้อมรอบไว้ห่างๆ เพื่อคอยดูแลวัวทุกตัวให้ทั่วถึง เพราะบางครั้งอาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำร้ายพวกมัน เช่น งู หรือสัตว์มีพิษอื่นๆ
กลางทุ่งหญ้ามีธารน้ำตื้นๆ ไหลผ่าน ขนาดความกว้างที่เธอสามารถกระโดดข้ามได้ น้ำเหล่านี้คงมาจากน้ำตกท้ายฟาร์ม แหล่งน้ำสำคัญของคนละแวกนี้ และแน่นอนว่าเป็นแหล่งน้ำของเจ้าวัวทุกตัวที่นี่ด้วย สุดเขตของทุ่งหญ้าเขียวขจีคือภูเขาสูงทะมึนอันเปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติที่ช่วยกั้นเขตแดนของฟาร์มแห่งนี้กับโลกภายนอก แนวของภูเขายาวไปถึงไร่จอมนรีเลยทีเดียว
หอมนวลสวมรองเท้าบูตเดินย่ำไปเรื่อยๆ สมองหนักอึ้งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลักๆ ก็คงจะเป็นเรื่องผู้ชายตัวโตที่เธอรักนักหนาและยังรักอยู่ เธออยากมีเพื่อนร่วมงานไว้พูดคุยและทำให้ลืมเรื่องพวกนี้ไปได้บ้าง ทว่าคนงานคนอื่นๆ กลับไม่ยอมรับสัมพันธไมตรีจากเธอ ถามคำตอบคำ สุดท้ายก็เดินหลีกหนีหายไปกันหมด คงเป็นเพราะเธออยู่ในสถานะเจ้านาย แต่คนพวกนั้นหารู้ไม่ว่า เวลานี้เธอไม่ได้แตกต่างจากพวกเขาเลย อาจต่ำต้อยกว่าด้วยซ้ำ
“ฉันไม่รักคุณเขมแล้ว คุณเขมใจร้าย ไม่เห็นน่ารักเหมือนเมื่อก่อน” ในเมื่อไม่มีใครคุยด้วยเธอจึงหันไปคุยกับเจ้าวัวตัวหนึ่งที่เล็มหญ้าอยู่ใกล้ๆ เสียเลย
“มอออ..” เจ้าวัวขานรับเธอเข้าให้แล้ว
หอมนวลยิ้มกว้าง ขบขันในความบังเอิญที่พอเหมาะพอดี “นี่แกตอบฉันใช่มั้ย”
“มอออ...”
วัวตัวเดิมรับคำเธอเป็นครั้งที่สอง หอมนวลเลยเหมาว่ามันคงจะเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
“แกคิดว่าไงล่ะ แกคิดว่าเจ้านายแกใจร้ายไหม เขาคงดีสำหรับแกสินะ เขาให้ข้าวให้น้ำแก เลี้ยงดูแกมา แต่สำหรับฉันเขาใจร้ายมาก เวลาเจอฉันนะ หน้าหล่อๆ นี่กลายเป็นยักษ์ทุกที เห็นทีไรขนลุกไปทั้งตัว สยองจะตาย แล้วปากเขาก็ร้ายสุดๆ อย่าให้เผลอเชียว ฉันจะเอาเข็มไปเย็บปาก จะได้ไม่ต้องพูดอีกเลย”
“คิดว่าคุยกับวัวแล้วฉันจะไม่รู้ในสิ่งที่เธอคิดงั้นเหรอ”
เสียงของคนที่หอมนวลกำลังวางแผนปองร้ายดังขึ้นข้างหลัง เธอตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าหันกลับไปมอง ภาวนาขออย่าให้เป็นเขา เป็นใครสักคนก็ได้ที่คิดแกล้งเธอด้วยการเลียนเสียงเหี้ยมๆ นั่น
“หันมา”
คำภาวนาของเธอไม่เป็นผล พ่อเลี้ยงจอมโหดยืนอยู่ข้างหลังจริงๆ และเขาอาจกำลังถือเข็มมาเย็บปากเธอก็เป็นได้ หอมนวลหันไปช้าๆ ตัวสั่นจนสังเกตได้
“ต่อหน้าฉันทำเป็นกลัว แต่พอลับหลังคิดทำร้ายฉัน เธอนี่มันหน้าไหว้หลังหลอกทุกสถานการณ์จริงๆ เลยนะ ต่อไปนี้ฉันต้องจับตาดูเธอให้ดี ไม่อยากเข้าข่ายเลี้ยงงูพิษไว้ในบ้าน”
‘นั่นปะไร’ เธอส่งสายตาหาเจ้าวัวคู่หูคน (ตัว) ใหม่ ‘เธอดูเอาแล้วกันว่าฉันพูดผิดหรือเปล่า’
“ทำไม จะให้วัวช่วยหรือไง ที่นี่ฟาร์มฉัน วัวก็วัวฉัน ไม่มีใครอยู่ข้างเธอ แม้แต่วัวตัวนี้”
“คุณเขมคะ หอมไม่ได้เป็นโรคประสาทนะคะที่จะเอาวัวมาเป็นพวก”
วัวพวกนี้มันเพื่อนคุณต่างหากเล่าคุณโคเผือก
“คุณเขมเป็นพวกมันเหรอคะ คุณเขมถึงได้กลัวว่ามันจะกลายมาเป็นพวกเดียวกับหอม”
คำพูดยอกย้อนของคนที่เขมราชคิดมาหาเรื่อง กระตุ้นอารมณ์โกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขาแทบจะบีบคอขาวๆ ให้ขาดใจตายเสียเดี๋ยวนั้น “ปากดีนักนะ”
เขมราชย่างสามขุมเข้ามา ดวงตาวาวโรจน์จับจ้องตาไม่กะพริบ หอมนวลถอยกรูดหวาดหวั่น เธอไม่เคยอยากตบปากตัวเองเท่ากับวันนี้มาก่อนเลย
“อย่าทำอะไรหอมนะ ถ้าคุณเขมทำร้ายหอม พวกคนงานจะต้องเลิกศรัทธาคุณแน่”
“พวกเขาไม่ได้ศรัทธาฉันตรงที่ฉันเป็นคนดี แต่เขาศรัทธาเงินของฉัน เหมือนกับที่เธอทำทุกอย่างเพื่อจะได้แต่งงานกับฉัน ก็เพราะเงินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” เขายังคงสาวเท้าเข้าไปหาร่างของผู้หญิงปากดี
“ไม่ใช่ค่ะ”
“แล้วเพื่ออะไร” พ่อเลี้ยงหนุ่มตะคอกเสียงดัง
หอมนวลตกใจก้าวถอยหลังโดยไม่ทันมองจนสะดุดล้มลงทันที ใช้มือยันพื้นเพื่อเป็นหลักไม่ให้ล้มลงไปเต็มแรง แต่ความเจ็บปวดที่ตามมาก็ทำให้เธอต้องยกมือนั้นขึ้นมาดู เลือดสีแดงสดไหลซึมจากฝ่ามือ เมื่อหันไปมองก็พบว่าตรงที่เธอเท้ามือลงไปเมื่อครู่เป็นเศษหินซึ่งมีแง่งแหลมคม
เขมราชตกใจเมื่อเลือดสดๆ แดงฉานเต็มอุ้งมือเล็ก เขาคว้าร่างที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาประคองไว้ ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาว
“เธอบาดเจ็บหรือเปล่า”
“ก็เห็นอยู่นี่คะ” หอมนวลกระเง้ากระงอด ใบหน้างอง้ำเพราะความเจ็บ
เขมราชไม่ได้สนใจคำพูดกวนโทสะนั่น เขาหันซ้ายหันขวามองหาลูกน้องที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ใครอยู่ตรงนั้นบ้าง เตรียมรถให้ฉันเดี๋ยวนี้ คุณหอมได้รับบาดเจ็บ” เขาสั่งเสร็จก็หันมาดูแผลที่ฝ่ามือของเธอ ผิวที่ขาวจัดตัดกับสีแดงสดของเลือดทำให้ดูเหมือนว่าเลือดไหลออกมาเยอะกว่าความเป็นจริง “เดินไหวไหม ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าต้องเย็บหรือเปล่า”
เขารั้งร่างบางให้เดินตาม แต่หญิงสาวกลับขืนตัวไว้
หอมนวลมองคนร้อนรนเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด เขากำลังห่วงเธอใช่หรือไม่ หรือว่าเธอฝันไป
“เดินไม่ไหวเหรอ หรือจะให้ฉันอุ้ม”
คำพูดประโยคนั้นช่วยตอบข้อสงสัยของเธอ เธอไม่ได้ฝันไป...
“หอมไม่ได้เป็นอะไรค่ะ คิดว่าแค่แผลถลอก แต่ก็ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” สามคำหลังเธอย้ำเสียงแน่นหนัก
เขมราชเริ่มรู้สึกตัวว่าแสดงออกมากเกินไป เขามองมือนั้นอีกครั้ง เห็นว่าเลือดที่ไหลมากในตอนแรกเริ่มหยุดแล้ว ความตื่นตระหนกจึงค่อยคลายลง เขาปล่อยมือจากร่างบางแล้วถอยออกห่างทันที
“ฉันไม่ได้ห่วง” เขมราชปากแข็ง ดวงตาสีสนิมกลอกไปมาอย่างคนโกหก
จังหวะเดียวกับที่ณรงค์วิ่งกระหืดกระหอบมาถึงพอดี จึงเหมือนระฆังช่วยชีวิตผู้ร้ายปากแข็งที่กำลังจนมุม
“นายครับ นายหญิงเป็นยังไงบ้างครับนาย ผมเตรียมรถไว้แล้ว รีบไปเถอะครับ” ณรงค์มองเจ้านายทั้งสองคนสลับกันไปมา
เห็นนายหญิงยังยืนเฉยอยู่ ไม่เหมือนคนได้รับบาดเจ็บสักนิด “นายหญิงไม่ได้เป็นอะไรหรอกเหรอครับ”
หอมนวลยื่นมือที่มีเลือดเลอะอยู่เกือบเต็มฝ่ามือให้ชายวัยกลางคนดู ณรงค์คว้ามือนั้นอย่างรวดเร็วมาสำรวจบาดแผล ไม่ทันได้เห็นแววตาวาววับของเจ้านายหนุ่ม
ไวกว่าความคิด เขมราชคว้ามือบอบบางที่บาดเจ็บมาจับไว้เอง ก่อนส่งสายตาพิฆาตให้ลูกน้องมือไว
ณรงค์เบิกตากว้างพร้อมกับโบกมือไปมาเร็วๆ “ผมไม่ได้คิดอะไรนะครับนาย”
“โอ๊ย! คุณเขม หอมเจ็บนะคะ” หอมนวลประท้วงเมื่อเขาจับข้อมือเธอแน่นเกินไป
เขมราชได้สติ เขาคลายมือที่บีบแน่น นึกโมโหตัวเองที่มักทำอะไรไวกว่าความคิด โดยเฉพาะเรื่องของผู้หญิงข้างกาย
“เอ้อ! แผลที่มือนายหญิงไม่ได้ลึกมาก ผมคิดว่าไม่ต้องถึงโรงพยาบาลหรอกครับ แค่ทำแผลก็พอ ไปที่โรงเรือนก็ได้ครับมีกล่องปฐมพยาบาลอยู่” ณรงค์หันหลังเดินกลับ ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขมราชปล่อยมือเธอลง ดวงตากลมใสมองอย่างค้นหาความหมายแต่ชายหนุ่มกลับหันไปทางอื่นไม่ยอมมองตอบ และดูเหมือนว่าคนเจ็บพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะได้มองเห็นแววตาของเขา
“จะปล่อยให้เลือดไหลหมดตัวก็ยืนอยู่นี่แหละ ฉันจะไปทำงาน” เขมราชต้องดุเพื่อให้เธอหยุดการกระทำอันรบกวนจิตใจนั่น
หอมนวลมองอาการผีเข้าผีออกของคนตัวโตด้วยความสับสน เขาคงเป็นห่วงเธอตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นใครได้รับความเดือดร้อนพ่อเลี้ยงหนุ่มมักยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่เสมอ แม้กระทั่งคนที่เขาเกลียดเข้าไส้อย่างเธอ
แผ่นหลังกว้างไหวไปมาตามจังหวะการเดิน เขาไม่ได้หันกลับมามองเธออีกเหมือนเป็นการย้ำเตือนให้เธอรับรู้สถานะของตัวเอง ความคิดอยากคุยกับแม่เลี้ยงมณีแดงแล่นเข้ามาอีกครั้ง เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้ทุกอย่างจบลง
แสงแดดจ้ายามบ่ายโมงส่งผลต่อร่างกายของหอมนวลเข้าให้แล้ว ความคิดที่ว่าเธอชินกับแดดร้อนๆ คงใช้ไม่ได้กับช่วงเวลานี้ เพราะอาการเมาค้างบวกกับเมื่อคืนได้นอนไปเพียงสามชั่วโมงส่งผลให้ปวดหัวหนักขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะแผลที่มืออีก
ตอนนี้เธอคิดถึงเตียงนอนมากที่สุดเลย
แม้จะเริ่มท้อ แต่คนตัวเล็กยังคงฝืนร่างกายไว้และบอกกับตัวเองว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็หมดวันแล้ว เธอต้องอดทนให้ได้ เขมราชจะได้รู้ว่าความพยายามของเขาไร้ประโยชน์
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงเมื่อตะวันลับขอบฟ้า เธอขยับตัวเดินตามคนงานคนอื่นๆ เพื่อต้อนบรรดาโคนมกลับเข้าโรงเรือน
แสงตะวันอ่อนๆ ยามเย็นสาดกระทบทุ่งหญ้าเขียวขจีปรากฏสีทองเป็นริ้วเหมือนภาพวาดของจิตรกรระดับโลก ลายจุดขนาดใหญ่บนขนสีขาวของวัวนับร้อยตัวเงาวับเมื่อต้องแสงพระอาทิตย์ ความเจ็บปวดที่มือหายไปฉับพลัน คงเหลือแต่แผลในหัวใจที่เธอไม่สามารถหยุดความเจ็บได้แม้แต่วินาที คิดตลอดเวลาว่าเธอต้องหย่ากับเขมราช มันเจ็บปวดจนอยากร้องไห้ออกมา
เธอรักเขามากจริงๆ
หัวหน้าคนงานควบม้าสีน้ำตาลอ่อนเพื่อต้อนวัวให้เดินไปยังทิศทางที่ต้องการ ดึงความสนใจของหอมนวลให้หันไปมอง เธอทำหน้าที่เพียงแค่เดินอยู่ห่างๆ คอยเก็บเกี่ยวความรู้ในหน้าที่ใหม่อย่างตั้งใจ
หอมนวลวักน้ำจากก๊อกล้างใบหน้าโดยไม่ทันห่วงแผลที่มือ เพราะหากไม่ได้รับความเย็นจากสายน้ำในตอนนี้ เธอคงล้มลงไปกองกับพื้นเพราะหน้ามืดเป็นแน่
เวลานี้เธอต้องยอมรับอย่างผู้พ่ายแพ้ว่า เลี้ยงวัวนั้นยากกว่าปลูกดอกไม้เป็นร้อยเท่าพันเท่า
หญิงสาวทรุดตัวลงบนม้านั่งตัวยาวข้างโรงเรือน ผ้าพันแผลเปียกชุ่มทว่าหอมนวลหาได้สนใจไม่ เธอซบศีรษะกับผนังปูนที่เลอะไปด้วยคราบดินเกรอะกรังอย่างไม่รังเกียจ ขอแค่ได้พักร่างกายแม้ครู่เดียวก็ยังดี
“นายหญิงครับ” ณรงค์ค้อมตัวเล็กน้อยเพื่อสนทนากับเจ้านายสาวที่เวลานี้สภาพร่อแร่เต็มที “นายโทร. มาบอกว่าให้นายหญิงรออยู่ที่นี่เดี๋ยวนายจะมารับครับ”
ชายวัยกลางคนมองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ประสบการณ์ชีวิตบอกเขาว่าระหว่างนายกับนายมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันเป็นแน่ แม้การมาของเมียนายจะดูคลุมเครือไม่รู้ที่มาที่ไป ผิดฝาผิดคู่กันอย่างน่าประหลาด แต่เขาก็ไม่คิดว่าเจ้านายผู้มีอัธยาศัยดีอยู่เป็นนิตย์จะเย็นชากับคนที่ได้ชื่อว่าภรรยาถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ตาม เขามีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งเพียงเท่านั้น
หอมนวลผงกศีรษะขึ้นมาพยักหน้าสองทีแสดงให้เห็นว่ารับรู้ ก่อนซบศีรษะลงที่เดิม หลับตาลงหมดสิ้นเรี่ยวแรง
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่ทราบ หอมนวลขยับกายช้าๆ เพราะเจ็บกล้ามเนื้อจากการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน แต่เธอก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อลืมตาขึ้นมาพบกับความมืดมิดยามราตรี หญิงสาวใจหายวาบเมื่อพบว่าบรรยากาศรอบกายเงียบสงัดเหมือนอยู่ในป่าช้า
เขมราชยังไม่มารับเธอ
อารามตกใจทำให้เธอรีบลุกจนเซเกือบหกล้มเพราะทรงตัวไม่ได้ ปวดหัวจัดจนคิดว่าอาจจะระเบิดได้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอเดินช้าๆ ไปด้านหน้าโรงเรือนซึ่งมีแสงไฟอยู่เพียงดวงเดียวเท่านั้น
เกิดอะไรขึ้น...
ฟาร์มที่มีวัวนับพันตัวคงไม่ใช้ไฟแค่ดวงเดียวในเวลากลางคืน อีกทั้งเวรยามก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว ความกลัวแล่นเข้ามาเกาะกุมหัวใจให้เย็นวาบประหนึ่งถูกแช่แข็ง หอมนวลรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแต่แบตเตอรี่ดันหมด กายสาวยิ่งสะท้านไหวและน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณเขม อย่าทิ้งหอมไว้แบบนี้”
หอมนวลส่งกระแสจิตไปให้ผู้ชายคนเดียวที่เป็นดังความหวัง ทว่าเธอรู้ดีว่าคงไม่ได้ผล นอกจากจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อแล้ว ใจเธอกับใจเขาก็ไม่ได้เชื่อมต่อกัน เขาคงไม่คิดถึงเธอสักวินาทีและเวลานี้อาจนอนหลับสนิท ไม่สงสัยว่าเธอหายไปไหน
เมื่อรู้ว่าเขมราชคงทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง หญิงสาวก็ตัดสินใจว่ามีทางเดียว คือเดินฝ่าความมืดเพื่อกลับไปเรือนแสงอรุณ เส้นทางทอดยาวท่ามกลางความมืดมิด แม้มองไม่เห็นแต่เธอมั่นใจว่าไม่หลงทางแน่ เพราะเที่ยวเล่นที่นี่ตั้งแต่เด็กจนรู้ทุกซอกทุกมุม แต่เมื่อคิดคำนวณอย่างถ้วนถี่แล้ว หนทางที่คดเคี้ยวไปมารวมๆ ระยะทางที่ต้องเดินก็เกือบสามกิโลเมตร ไกลจนกลัวว่าอาจถูกงูฉกตายก่อนไปถึงก็เป็นได้
หอมนวลทรุดนั่งหน้าโรงเรือน ภาวนาให้เขมราชไม่ลืมเธอ ไม่ทิ้งเธอไว้ในที่แบบนี้ เขาไม่ใช่คนใจร้าย เขาต้องมารับเธอ
ไม่รู้ว่าแรงอธิษฐานเป็นผลหรือว่าฟ้าดลใจไม่ทราบ เมื่อแสงไฟจากรถสาดเข้ามาปะทะใบหน้าที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตา หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหารถคันดังกล่าวด้วยกลัวว่าเขาจะไม่เห็นเธอ
รถเบรกกะทันหันเมื่ออีกไม่กี่คืบก็จะชนเข้ากับร่างเซอะซะที่วิ่งทะเล่อทะล่าออกมาจากมุมมืด
เขมราชเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงมายืนเต็มร่าง ใบหน้าหล่อเหลาเครียดจัดเพราะเกือบทำให้คนตัวเล็กได้รับอันตราย
“เป็นบ้าอะไรของเธอ พรวดพราดมาแบบนี้ หาเรื่องตายหรือไงกัน”
แทนที่จะโกรธ คนถูกต่อว่ากลับโผเข้ากอดร่างสูงไว้โดยไม่สนใจว่าเขาเต็มใจให้เธอกอดหรือไม่ พร้อมกันนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
คนกำลังโมโหใจอ่อนยวบเมื่อเห็นว่าหอมนวลตัวสั่นเทิ้มสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร แต่เขาทำได้ดีที่สุดคือยืนนิ่งให้เธอได้พักพิง ไม่สามารถใช้สองมือโอบกอดร่างนั้นไว้อย่างที่ใจปรารถนา
“คุณเขม หอมคิดว่าคุณเขมจะไม่มารับหอมแล้ว”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องมารับเธอ”
คำตอบของคนตัวโตทำให้หอมนวลประหลาดใจ เธอผละออกจากร่างอบอุ่นของเขา และสบตาอย่างไม่เข้าใจ
“แต่คุณณรงค์บอกว่าให้หอมรอ คุณเขมจะมารับ”
“ใช่ ฉันพูดแบบนั้น แต่ถ้าเธอเห็นว่าฉันมารับผิดเวลา เธอก็ควรจะหาทางกลับก่อนฟ้ามืด ไม่ใช่นั่งรออยู่แบบนี้”
หอมนวลไม่อยากเชื่อ เธอต้องเป็นคนต่อว่าเขา และเขาควรรู้สึกผิดที่มารับเธอผิดเวลา ไม่ใช่มาต่อว่าเธอแบบนี้ ใช่ละ เขาต้องการแกล้งเธอ แกล้งให้รอและไม่มารับ และเธอยังช่วยให้แผนการของเขาได้ผลมากยิ่งขึ้นด้วยการเผลอหลับไป
“แล้วมารับทำไมคะ” คราวนี้ความกลัวหายไปหมดสิ้น คงเหลือแต่ความโกรธที่พุ่งขึ้นเหมือนปรอทวัดไข้ที่จุ่มลงในน้ำเดือด อีกไม่นานก็คงระเบิดเป็นเสี่ยงๆ “หอมจะกลับเองค่ะ เชิญคุณเขมกลับไปก่อนได้เลย”
“อย่าสะบัดสะบิ้ง รีบขึ้นรถเดี๋ยวนี้” พ่อเลี้ยงหนุ่มสั่งด้วยน้ำเสียงทรงพลัง
ไหล่ไหวเล็กน้อยด้วยความหวาดหวั่น ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงกระโดดขึ้นรถโดยไม่ต้องรอให้เขาสั่งเป็นหนที่สอง
แต่เวลานี้ไม่!
“หอมไม่ไป หอมกลับเองได้”
เขมราชกัดฟันกรอด เขาตั้งใจแกล้งให้เธอรอเพื่อจะได้รู้ว่าสำหรับเขาแล้วเธอไม่มีความสำคัญใดๆ ทั้งนั้น หวังให้เธอรอจนรอไม่ไหวและหาทางกลับด้วยตัวเอง แต่เปล่าเลย ยายเด็กโง่ยังไม่กลับถึงบ้านทั้งที่เลยเวลามากว่าสี่ชั่วโมงแล้ว เดือดร้อนให้คนวางแผนต้องออกมาตามด้วยความร้อนรน
“ขึ้นรถ”
“ไม่ จนกว่าคุณเขมจะขอโทษหอม”
“เธอกล้าต่อรองเหรอ”
“กล้าสิ ก็คุณเขมผิด”
หอมนวลยกมือขึ้นปาดน้ำตา ทำให้เขมราชเห็นว่าผ้าพันแผลที่เคยเป็นสีขาวสะอาด บัดนี้กลายเป็นสีหม่นไม่เหลือสภาพเดิม
“มือเธอ” เขมราชคว้ามือหอมนวลมาสำรวจอย่างไม่ทันรู้ตัวเอง และมันทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อเห็นว่าผ้าพันแผลเปียกชื้นมีคราบดินเลอะเต็มไปหมด เป็นอันตรายอย่างยิ่ง “กลับบ้าน เธอต้องล้างแผล”
“ไม่” หอมนวลขืนตัว ไม่ยอมโอนอ่อนตามแรงดึง
บทจะดื้อเธอก็ดื้อได้อย่างร้ายกาจ เขมราชยกธงขาวยอมแพ้ เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
“เอาละๆ” ชายหนุ่มยกแขนสองข้างตั้งฉากกับพื้น แบมือเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมจำนน “ฉันขอโทษ”
หอมนวลไม่เชื่อในทันที เธอสบตาเขาและพบว่ามันว่างเปล่า เธอแปลความหมายของแววตานั้นไม่ได้ แต่หอมนวลไม่มีทางรู้เลยว่า เขมราชต้องใช้ความพยายามมากเท่าไรเพื่อไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมา
“ไม่ใช่แบบนี้ค่ะ”
“อะไรอีกล่ะ”
“คุณไม่จริงใจ ขอโทษแต่ปาก ดวงตาคุณยังแข็งกร้าวอยู่เลย”
คนไม่จริงใจแทบคลั่ง เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ สะกดกลั้นอารมณ์ แม้จะเริ่มไม่พอใจ แต่แผลที่มือคนดื้อรั้นก็ทำให้เขายอมโน้มศีรษะลงไปให้เธอได้สบตาใกล้ๆ
คราวนี้คนอยากเห็นแววตาถึงกับทำหน้าไม่ถูก เธอเห็นความวาววับในดวงตาสีสนิม แต่เพียงชั่ววินาทีก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีไม่กล้ามอง
“ทำไมไม่มองล่ะ ฉันกำลังแสดงความจริงใจอยู่นะ” เขมราชโน้มตัวลงมาจนจมูกโด่งสัมผัสกับแก้มใสที่เลอะดิน
หอมนวลตกใจรีบเบี่ยงกายหลบ หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะทะลุออกมาจากทรวงอก
“หอมเห็นแล้วค่ะคุณเขม ขึ้นรถได้แล้ว”
ไม่ต้องรอให้เขมราชได้แสดงความจริงใจอีก เธอเดินเร็วๆ อ้อมไปอีกฝั่งของรถแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งหน้าตาเฉย ลืมทั้งความกลัวและความโกรธเมื่อครู่ในทันที
เขมราชหลับตาลงระงับความโกรธ เขาไม่ได้โกรธคนชอบสร้างปัญหาบนรถนั่น แต่เขาโกรธตัวเอง ความพยายามของเขาช่างน้อยนิดสิ้นดี
ความคิดเห็น |
---|