8

ตอนที่ 8


เขมราชจับมือหอมนวลเดินขึ้นเรือน รอยยิ้มยังปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา แม้จะกังวลว่าคนที่มาพบอาจมาด้วยเรื่องร้าย ทว่าหัวใจที่ยังอิ่มเอมไปด้วยความรู้สึกที่เขาบรรยายไม่ได้ก็ทำให้ชายหนุ่มยังอยู่ในอารมณ์ที่ชื่นมื่น ไม่ว่าจะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นอีก ก็คงไม่แย่ไปกว่าเรื่องของจันทร์นรีที่เขาเพิ่งผ่านพ้นมา

                ทว่าในนาทีต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าที่คิดนั้นผิดทั้งหมด เมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้มาเยือนชัดเจน ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา

                “ลูกจันทร์” น้ำเสียงแผ่วเบาปานจะปลิดปลิว

                จันทร์นรีนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกของเรือนแสงอรุณ ใบหน้าหม่นเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เก้าอี้ตัวถัดไปเป็นกรองแก้ว ซึ่งใบหน้าถมึงทึงเหมือนโกรธใครมาเป็นร้อยชาติ

                เขมราชเคยคิดว่าหากวันหนึ่งได้พบกับจันทร์นรีอีกครั้งเขาจะรู้สึกอย่างไร คงมึนงง สับสน โกรธ หรือเจ็บปวด อะไรก็อาจเป็นได้ทั้งนั้น แต่วันนี้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆ กลับไม่ใช่อย่างที่เคยคิด

            เธอไม่ควรกลับมา เขาไม่ยินดีที่ต้องพบเธออีก

            จันทร์นรีมองสองมือที่เกาะกุมกันอย่างขุ่นเคือง เธอแทบควบคุมสติไม่ได้เมื่อต้องพบความจริงที่กลัวมาตลอดชีวิต นั่นคือวันที่หอมนวลสลัดคราบเด็กหญิงเปื้อนโคลนและเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริง ผิวพรรณสะอาดสะอ้านหมดจดอย่างลูกผู้ดีมีเงิน ใบหน้าสวยจัด ดวงตากลมโต และความฉลาดปราดเปรื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างที่หอมนวลมีจะลดคุณค่าของเธอลงจนหมดสิ้น

                วันนี้จันทร์นรีเห็นแล้วกับตา เพียงแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผม หอมนวลก็สามารถฉกผู้ชายที่รักเธอหมดหัวใจไปครอบครองได้อย่างง่ายดาย

                “อธิบายให้ฟังหน่อยได้มั้ย ว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”

                เสียงกร้าวนั้นไม่ใช่เสียงของเขมราชหรือหอมนวล ทว่าเป็นเสียงของจันทร์นรีที่ถามพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู

                กรองแก้วลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน หากว่าเธอยังนั่งอยู่ตรงนั้นอาจจะเผลอทำอะไรที่ไม่ควรทำเอาได้ ประสบการณ์ชีวิตของหญิงสูงวัยทำให้มองปราดเดียวก็รู้ว่าอดีตคนรักของลูกชายประสงค์สิ่งใด

                “แม่ขอตัวแล้วกันนะ” กรองแก้วเดินมาจับแขนเขมราชไว้มั่น ก่อนเอ่ยคำซึ่งคิดว่าจำเป็นสำหรับบุตรชายมากที่สุดในตอนนี้ “ใช้สตินะเขม แม่จะไปทำอาหารเย็นไว้รอ”

                หอมนวลรอจนกรองแก้วเดินลับตาไปจึงแกะมือที่เกาะกุมไว้ออก หญิงสาวเดินมาหาจันทร์นรี ตกใจที่เห็นพี่สาวเอาแต่ร้องไห้จนกลัวว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

                โดยไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องร้ายนั้นจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง

                “พี่ลูกจันทร์ร้องไห้ทำไม ค่อยๆ พูด ใจเย็นๆ แล้วนี่...กลับมาจากเยอรมันเมื่อไหร่ หอมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

                “กลับมาเมื่อไหร่ไม่สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่ว่า ฉันมาไม่ทันได้เห็นน้องสาวแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันรักน่ะสิ”

                คำพูดของจันทร์นรีทำให้ชายผู้เดียวตรงนี้สะท้านไหว แน่นอนว่าเขาหวั่นไหวเมื่อเห็นน้ำตาของผู้หญิงที่เคยรักยิ่งกว่าชีวิต แต่ในเมื่อเธอเลือกคนอื่น เขาก็ยินดีหลีกทางให้อย่างลูกผู้ชาย

                “คือว่า...” หอมนวลอยากอธิบายให้ฟัง ทว่าดูเหมือนจันทร์นรีจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังอะไรทั้งสิ้น

                “คุณเขม” จันทร์นรีเดินมายืนตรงหน้าชายคนรักเก่า ดวงตาที่เคยอ่อนหวานว่างเปล่าจนน่าใจหาย เธอพลาดไปแล้วจริงๆ ชีวิตของเธอมันผิดพลาดไปหมดทุกอย่าง “คุณเขมบอกว่าจะรอลูกจันทร์ไงคะ คุณเขมบอกว่าอีกสองปีเราจะแต่งงานกัน”

                คำถามของจันทร์นรีทำให้โลกหยุดหมุนไปเลย ณ บัดนั้น เขมราชมึนงงเหมือนมีอะไรมากระแทกศีรษะอย่างแรง ในเมื่อจันทร์นรีเป็นคนทิ้งเขาไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แล้วเหตุใดจึงได้มาทวงสัญญาที่เขายึดมั่นยิ่งกว่าสิ่งใดในวันที่เขาทิ้งมันไปแล้ว ครั้นสบตาหอมนวลก็ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไร ระหว่างแปลกใจหรือหวาดหวั่น

                “สัญญาของเรามันสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่คุณแต่งงานแล้วละลูกจันทร์”  

                คำบอกเล่าของเขมราชทำให้คนที่กำลังร้องไห้เพราะเสียคนรักไปต้องหยุดคิด ร่างบางในชุดเดรสสั้นสีเลือดนกหันมามองน้องสาวสลับกับชายคนรัก

                “อะไรนะคะ ลูกจันทร์น่ะเหรอคะแต่งงาน” จันทร์นรีหน้าถอดสี น้ำตาเหือดแห้งไปในทันที จริงอยู่ว่าเธอมีผู้ชายมากหน้าหลายตามาพัวพัน และเธอก็หลงใหลผู้ชายหนึ่งในนั้นจนถึงขั้นบินไปอยู่ด้วยถึงเยอรมนีทั้งที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงสองเดือน ตลอดระยะเวลาสองปีมานี้เธอไม่เคยซื่อสัตย์ต่อเขาเลย

                แต่ถึงอย่างไร...เธอก็ไม่เคยแต่งงาน

                “หอมบอกผมแล้วทุกอย่าง”

                “แล้วคุณก็เชื่อ...” จันทร์นรีหันไปมองคนปากพล่อย เธอรู้จากผู้เป็นป้าว่าเขมราชจดทะเบียนสมรสกับหอมนวลด้วยเหตุผลอะไร แต่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาถึงมีความสัมพันธ์กับน้องสาวเธอได้ ทั้งที่เธอไม่เคยเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้พบกันจนเลยเถิดถึงขั้นเกินเลยกันแบบนี้ เว้นเสียแต่ว่า...ยายลูกคุณหนูผู้ใสซื่อเข้าไปพัวพันกับคนรักของเธอเอง

                ที่แท้เขมราชก็แต่งงานกับหอมนวลเพราะความเข้าใจผิด เขาผิดหวังเพราะเข้าใจผิดว่าเธอแต่งงานกันคนอื่นจนหันไปแต่งงานกับน้องสาวเธอเพื่อประชดรัก แล้วใครล่ะที่ทำให้เขาเข้าใจแบบนั้นถ้าไม่ใช่หอมนวล

                ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่อง วันนี้เธอจะจับเด็กเลี้ยงแกะขึ้นเขียงให้ราชสีห์เชือดกินเป็นอาหาร คิดจะสู้กับจันทร์นรีก็เตรียมตัวรับผลกรรมได้เลย

                “ลูกจันทร์อาจจะมีผู้ชายมาสนใจบ้าง แต่ลูกจันทร์ก็ไม่เคยคิดนอกใจคุณนะคะ ยิ่งเรื่องแต่งงานยิ่งเป็นไปไม่ได้ คุณเขมลองคิดดูสิคะ ถ้าลูกจันทร์แต่งงาน มีหรือที่งานแต่งของหลานสาวแม่เลี้ยงมณีแดงจะเงียบกริบไม่มีใครรู้แบบนี้ เว้นเสียแต่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเลย”

                จันทร์นรีมองน้องสาวที่เคยกลมเกลียวด้วยสายตาเกรี้ยวกราดจนหอมนวลถึงกับขนลุกไปทั้งตัว น่ากลัวจนดูเหมือนว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พี่สาวที่เธอรัก

                “หอมไม่ใช่คนโกหก แล้วเธอก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหก” เขมราชเชื่อใจหอมนวลโดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่รักกับจันทร์นรีมาห้าปี เขาก็ยังคิดว่ารู้จักเธอไม่ดีพอ แต่กับหอมนวล...เขาเพิ่งรู้จักเธอได้ไม่นาน ถ้านับเวลาจริงๆ ก็เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ทว่าเขากลับเชื่อใจเธอมากกว่าอย่างไร้เหตุผล

                “งั้นแสดงว่าลูกจันทร์เป็นคนโกหกอย่างนั้นสิคะ ถ้าคุณเขมไม่เชื่อใจลูกจันทร์ก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ลูกจันทร์ไม่ได้แต่งงาน ไม่เคยแต่ง และไม่มีวันแต่ง ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คุณ”

                จันทร์นรีร้องไห้จนตาบวมช้ำไปหมด เขมราชยืนมองด้วยความสับสน เส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆปวดหัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

                ส่วนหอมนวลนั้นใบหน้าซีดเผือดราวกับเห็นผี เธอยืนตะลึงไม่พูดไม่จา ยิ่งตอกย้ำคำพูดของจันทร์นรีให้มีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก

                “ว่ายังไงหอม จันทร์นรีแต่งงานอย่างที่เธอพูดจริงหรือเปล่า” เขามั่นใจว่าหอมนวลไม่มีทางโกหก แต่ความเชื่อใจของเขากลับสั่นคลอน เมื่อหอมนวลไม่ยอมตอบคำถามของเขา เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา

                “ตอบสิหอม” เขมราชเริ่มไม่พอใจ และเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนคนถูกถามถึงกับสะดุ้ง

                “ไม่พูดเพราะเธอโกหกยังไงล่ะคะ” จันทร์นรีตอกย้ำ

                “ไม่ใช่นะคะ แต่หอมไม่อยากพูด เพราะพี่ลูกจันทร์น่าจะรู้ดีที่สุดว่าอะไรเป็นอะไร” หอมนวลยอมรับว่าจันทร์นรีไม่ได้แต่งงาน แต่ที่เธอต้องโกหกไปแบบนั้น เพราะคิดทบทวนแล้วว่าดีกว่าการบอกความจริงกับเขมราชว่าพี่สาวของเธอมีสัมพันธ์กับผู้ชายไม่เลือกหน้า และไม่มีวันกลับมาหาเขมราชอีก เพราะนั่นเท่ากับเป็นการประจานให้จันทร์นรีเสียหาย มิหนำซ้ำยังสร้างความเจ็บปวดให้เขมราชรุนแรงมากขึ้นไปอีก

                “เธอก็แค่ตอบมาว่าพี่แต่งงานเมื่อไหร่ กับใคร ถ้าพี่แต่งงานจริงๆ แล้วไหนล่ะหลักฐาน”

                หอมนวลร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ เธอไม่มีหลักฐานเพราะเธอสร้างเรื่องขึ้นมา ส่วนจันทร์นรีก็เลี่ยงการโกหกด้วยการไม่พูดความจริงทั้งหมด นั่นเท่ากับว่าพี่สาวของเธอพูดความจริง ในขณะที่ตัวเธอต้องกลายเป็นคนโกหกที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัย

                “ร้องไห้ทำไม ถ้าเธอไม่ได้โกหก เธอจะต้องกลัวอะไร” เขมราชตีความหมายของน้ำตาที่เลอะใบหน้าหวานละมุน ภายในใจหวาดกลัวคำตอบมากกว่าครั้งใดในชีวิต

                “พี่ลูกจันทร์ไม่ได้แต่งงานค่ะ หอมโกหก”

                เหมือนภูเขาน้ำแข็งพังทลายลง เขมราชเข่าอ่อนจนแทบทรุดไปกองที่พื้น

                “แต่ที่หอมทำ ก็เพราะว่า...” หอมนวลอยากอธิบาย แต่จะพูดอย่างไร ในเมื่อตอนนั้นเธอคิดว่าจันทร์นรีไม่มีวันกลับมาหาเขมราชอีกแล้ว เธอไม่คิดว่าความเข้าใจจะคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง จันทร์นรีกลับมา และเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่พี่สาวของเธอจะกลับมาหารักแท้อย่างเขมราช

                เธอต่างหากที่ผิด เธอต่างหากที่เป็นคนฉวยโอกาส

                “หอม เธอทำร้ายพี่ทำไม”

                น้ำเสียงเจ็บปวดรวดร้าวของจันทร์นรีเหมือนมีดกรีดซ้ำรอยแผลในใจของเขมราช แผลที่เพิ่งเกิดสดๆ จากคนที่เขาไว้ใจที่สุด

                “ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเลวได้ขนาดนี้ เธอทำเพื่ออะไร เธอต้องการให้ความรักของฉันกับลูกจันทร์พังเพราะอะไร” เขมราชถามหอมนวลเสียงเย็นเยียบ

                “คุณเขมอย่ามองหอมแบบนั้นได้มั้ยคะ คือว่าหอม...” เหมือนน้ำท่วมปาก ไม่ว่าอย่างไรเธอก็พูดในสิ่งที่จันทร์นรีทำไม่ได้ และถึงเธอพูดไปจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อพี่สาวของเธอไม่ได้แต่งงาน แต่แค่เผลอใจไปกับผู้ชายคนอื่นเท่านั้น ถ้าเธอไม่โกหกว่าจันทร์นรีแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น เขมราชคงไม่เสียใจจนหน้ามืดตามัวมามีอะไรกับเธอ และเกินเลยจนถึงขั้นต้องถูกจองจำด้วยทะเบียนสมรสอย่างตอนนี้  

                ดูอย่างไรก็เหมือนเธอวางแผนจับเขาเป็นสามี ต่อให้ไม่ได้คิดวางแผน แต่รูปการณ์ก็ดูเหมือนว่าเธอจงใจให้ทุกอย่างเป็นเช่นนั้น แต่เธอก็ทนไม่ได้กับสายตาของเขมราชที่มองเธอเหมือนเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจ

                หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปหาผู้ชายที่เพิ่งฝากรอยจูบไว้เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เขากอดเธอ พูดจาอ่อนหวานทำให้เธอหลงละเมอเพ้อพก แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เขากลับยิ่งถอยห่างไปไกลราวกับเธอเป็นตัวเชื้อโรค

                “คุณเขมฟังหอมก่อนค่ะ หอมไม่ได้ตั้งใจโกหกคุณเขมเลย”

                “แล้วเธอทำไปเพื่ออะไรล่ะหอมนวล มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องทำ เธอตอบฉันได้มั้ย”

                ไม่ทันที่หอมนวลจะตอบอะไร จันทร์นรีก็โพล่งความจริงที่ทำให้เขมราชถึงกับพูดไม่ออก

                “เธออยากเป็นเหมือนลูกจันทร์ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา อะไรที่เป็นของลูกจันทร์เธอก็ต้องการทั้งนั้น แต่ไม่นึกเลยว่า...” จันทร์นรียกมือขึ้นปิดปาก ทำทีกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนร่างบางโงนเงนเหมือนกำลังจะเป็นลม ทว่าก่อนที่จะทรุดลงไปกองกับพื้น เขมราชก็คว้าตัวเอาไว้ได้ทันเวลา

                จันทร์นรีหมดสติลงในอ้อมกอดของพ่อเลี้ยงหนุ่ม หอมนวลตกตะลึงในการกระทำของพี่สาว เธอยืนมองนิ่งเพราะรู้ว่านั่นเป็นแค่การแสดงที่พี่สาวเธอทำเสมอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่คิดเลยว่านิสัยเด็กๆ ที่เคยใช้กับแม่เลี้ยงมณีแดงจะถูกนำมาใช้กับเขมราชในวันนี้

                และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลกว่าทุกครั้ง

                เขมราชช้อนร่างที่หมดสติขึ้นมา เขามองหอมนวลด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม ความไว้ใจที่เขาไม่เคยให้ใครง่ายๆ ถูกทำลายลงด้วยผู้หญิงหน้าตาใสซื่อที่เขาหลงคิดว่าเป็นคนดี

                “ไม่ว่าเธอคิดจะทำอะไร รู้ไว้ว่าเธอไม่วันทำสำเร็จ”

                เขมราชเดินจากไปพร้อมร่างของจันทร์นรี ทิ้งให้หอมนวลยืนร้องไห้อยู่แบบนั้น ถ้าเขมราชหัวใจสลาย หอมนวลก็คงเจ็บเจียนตาย เธอทรุดกายนั่งลงกับพื้น หัวใจเจ็บช้ำมากที่สุดในชีวิต

 

                เพล้ง!

                เสียงขวดแก้วใบที่เท่าไรไม่ทราบปะทะเข้ากับกำแพงหินของบ้านสุดหรูใจกลางเมืองเชียงราย มันปลิวละลิ่วจากมือของชายที่เวลานี้เมาจนคอพับคออ่อน ภาคินัยรีบคว้าขวดอีกใบไว้ก่อนที่มันจะแหลกละเอียดด้วยน้ำมือเพื่อนรักจอมอันธพาล แต่กระนั้นเขมราชก็ยังหยิบจานกระเบื้องบนโต๊ะที่ยังมีอาหารอยู่เกือบครึ่งเหวี่ยงไปยังทิศทางเดิม

                ผลคือ...

                เพล้ง!

                จานกระเบื้องราคาแพงแตกละเอียด กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง รวมทั้งเนื้อวากิวย่างฝีมือแม่ครัวประจำตระกูลร่วงแหมะลงบนพื้น ภาคินัยอยากตะกุยหน้าหล่อๆ ของเขมราชนัก แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองแผ่นเนื้อลายหินอ่อนราคาแพงลิบอย่างเสียดายของ

                เขมราชยังหันมากระตุกมุมปากด้านซ้ายให้เพื่อนอย่างผู้ถือชัยชนะ จนภาคินัยอยากตกรางวัลผู้ชนะด้วยฝ่าเท้าหนักๆ สักทีสองที ถ้าหากว่ารอยยิ้มเย้ยหยันนั่นจะไม่หายไปอย่างรวดเร็ว

                “จะทำลายข้าวของหาสวรรค์วิมานอะไรวะ ลำบากคนอื่นต้องมาตามเก็บ นี่บ้านฉันนะโว้ยหัดเกรงใจกันบ้างสิวะ ทำอย่างกับบ้านตัวเอง แล้วนั่นอีก” ภาคินัยชี้ไปที่ซากเนื้อวากิวของโปรด “ของแพง กินยังไม่ทันหมดก็กลายเป็นอาหารหมาไปซะละ”

                “เสียดายทำซากอะไรวะ ฟาร์มฉันมีวัวตั้งหลายพันตัว แกจะกินสักกี่ตัวก็ว่ามาเลย” เขมราชยกกระป๋องเบียร์กระดกเร็วๆ จนน้ำสีเหลืองทองไหลเป็นทางเรื่อยมาจนเลอะเสื้อผ้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ

                “ไอ้เขม แกเอาเวลาที่กินเหล้าจนเมาเนี่ย มาคิดแก้ปัญหาไม่ดีกว่าเหรอวะ”

                “ฉันคิดออกนานละ” คนเมาตอบเสียงเข้ม

                “ยังไงวะ” ภาคินัยรู้จักนิสัยเพื่อนรักดี ทางแก้ปัญหาของเขมราชไม่ใช่หนทางที่น่าพิสมัยแน่

                “แกไม่ต้องรู้หรอก ไม่ได้ซับซ้อนอะไร”

                “ไอ้เขม ฉันบอกตามตรงนะ ตั้งแต่ฉันรู้จักแกมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่แกเฟลขนาดนี้เลย รู้สึกอะไรก็พูดมาบ้างสิวะ ทำแบบนี้ฉันก็เริ่มกลัวนะ”

                “หึ” เขมราชกระตุกยิ้มทั้งที่แววตาหม่น ราวกับจะเยาะเย้ยในความโง่เขลาของตนเองที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนหลอกจนชีวิตพังเละไม่เป็นท่า “ฉันไม่ทำอะไรแกหรอกน่า คนที่โดนไม่ใช่แกแน่นอน”

                “เฮ้ย...หวังว่าแกคงไม่ลุกขึ้นมาเป็นพระเอกละครของพิศาลหรอกนะ แค่นี้ก็น้ำเน่าพออยู่แล้ว”  

                ภาคินัยไม่อยากเชื่อว่าเขมราชจะเกิดเรื่องชิงรักหักสวาทได้ชนิดที่ว่าละครหลังข่าวยังต้องแพ้ น้องสาวผู้ใสซื่อหลงรักแฟนของพี่สาวจนถึงขั้นวางแผนให้ได้มาซึ่งชายหนุ่มที่เธอหมายปอง แม้จะต้องเหยียบย่ำใครต่อใครบ้างก็ตาม

                ภาคินัยหวนนึกถึงวันที่พบเขมราชกับหอมนวลที่ไร่ข้าวโพด ดูอย่างไรหอมนวลก็ยังห่างคำว่านางร้ายอยู่ไกลโข มิหนำซ้ำเขมราชก็ดูรักเธอมาก ไม่นึกเลยว่าเบื้องหลังใบหน้าสวยจะซ่อนแม่มดใจร้ายอย่างแยบยล

                คิดแล้วก็สยอง...

                “ฉันไม่นิยมตอบแทนการถูกตบด้วยการจูบว่ะ” เขมราชกระดกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดกระป๋อง

                เคราะห์ดีที่เจ้าบ้านไหวตัวเปลี่ยนจากเบียร์ขวดเป็นเบียร์กระป๋อง เพราะไม่แตกกระจายกลายเป็นเศษซากให้ยากต่อการเก็บ

                “แล้วนี่คุณลูกจันทร์เป็นยังไงบ้าง”

                “แกคิดว่าผู้หญิงที่ถูกน้องสาวแย่งแฟนไปจะเป็นยังไงวะ” คนพูดขบกราม สะกดกลั้นอารมณ์อย่างถึงที่สุด

                หลังจากจันทร์นรีหมดสติ เขาก็อุ้มเธอขึ้นรถเพื่อพาไปส่งที่ไร่จอมนรี ระหว่างทางหญิงสาวได้สติขึ้นมาเธอก็ร้องไห้อย่างหนัก พร่ำเพ้ออย่างคนที่หัวใจสลาย

                ‘ลูกจันทร์ คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะครับ’ เขมราชรู้ว่าจันทร์นรีเจ็บปวด ทั้งเสียคนรัก ทั้งถูกทรยศหักหลัง เขาเข้าใจเพราะเขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน

                ‘แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะคะ’

                คำถามนั้นเป็นการสนทนาครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะส่งจันทร์นรีกับมือของแม่เลี้ยงมณีแดง นาทีนั้นเขาไม่ได้สนใจสายตาฝ้าฟางของหญิงสูงวัยที่มองมา ไม่แม้แต่จะสบตากับจันทร์นรี เพราะคำถามของเธอ เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้

                ภาคินัยหมดคำถาม หน้าที่ของเขาคือนั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ

                เขมราชจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขาต้องจัดการกับเด็กเลี้ยงแกะให้รู้ซึ้งว่า การโกหก นอกจากจะทำให้แกะต้องตายหมดทั้งฝูง เด็กเลี้ยงแกะก็อาจต้องตายตามไปด้วย  

 

                รุ่งสางของวันใหม่ หน้าเรือนแสงอรุณมีสองหนุ่มคนงานเดินวนเวียนเหมือนหนูติดจั่น ถัดไปบนเรือนเป็นร่างบอบบางของกรองแก้วที่มีสีหน้าวิตกกังวลฉายชัด จันเป็งก็มิวายละทิ้งสำรับอาหารออกมายืนชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟอยู่บนระเบียงบ้าน สายตาสี่คู่ต่างมองไปยังทิศทางเดียวกัน

                “ไอ้ซอมพอ แกดูเวลาสิวะ นายหายไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือยัง จะได้ไปแจ้งความ” ฟ้าฮ่ามถามน้ำเสียงร้อนรน

                “จ้าดง่าว” ซอมพอด่าเพื่อนว่าโง่เป็นภาษาถิ่น “นายหายไปตอนเย็น จะครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ต้องรอให้เย็นสิวะ เคยเรียนคณิตศาสตร์มั้ย รู้จักการนับเวลาหรือเปล่าวะเอ็งน่ะ”

                ฟ้าฮ่ามเกาหัวแกรกๆ สมองค่อนข้างทึบกับเรื่องตัวเลข แต่ก็พอเข้าใจที่เพื่อนพูด

                เสียงเครื่องยนต์ของรถกระบะสี่ประตูดังกระหึ่มมาแต่ไกล สร้างความยินดีให้แก่ผู้รอคอยอย่างยิ่งยวด สองหนุ่มฟังเสียงล้อขนาดยี่สิบสี่นิ้วบดเบียดกับถนนเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดก็พอเดาความเร็วของรถคันดังกล่าวได้ จึงรีบถอยไปยืนชิดขอบทางเพื่อให้พ้นจากรัศมีการถูกชน  

                เอี๊ยดดด!

                เสียงเบรกดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นตลบอบอวลทั่วบริเวณลานหน้าเรือนแสงอรุณ คนขับที่ยังสวมชุดตัวเดิมตั้งแต่เมื่อวานกระโดดลงมายืนบนพื้น ตามด้วยเสียงกระแทกบานประตูรถดังปัง สองหนุ่มลูกสมุนถึงกับหุบยิ้มฉับ ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา กระทั่งร่างสูงของเจ้านายเดินผ่านหน้าไป สองหนุ่มจึงหันมามองหน้ากันแล้วพ่นลมหายใจ

                “ตาเขม หายไปไหนมาทั้งคืนลูก” กรองแก้วรีบปรี่เข้าไปหาลูกชาย สิ่งที่วิตกกังวลทั้งหมดทั้งมวลมลายหายไปสิ้น เหลือแต่เพียงความโล่งใจที่บุตรชายคนเดียวของเธอไม่เป็นอะไร

                “ผมไปอยู่บ้านไอ้ภาคมาครับ”

                “แล้วทำไมไม่โทร. บอกแม่ โทร. หาก็ไม่ติด แม่เป็นห่วงแทบแย่รู้ไหม”

                “ขอโทษครับแม่ ผมไปอาบน้ำนะครับ”

                เขมราชไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเผชิญหน้ากับใคร เขาตัดบทสนทนาด้วยการสาวเท้าเร็วๆ ไปยังทิศทางของห้องนอน แต่ทันทีที่เปิดประตูไม้บานใหญ่ออก เขาก็แทบจะกระแทกมันปิดอีกรอบด้วยแรงโมโห

                “คุณเขม”

                หอมนวลลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ตั้งแต่เมื่อวานยันเช้าโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เขมราชหายไปกับจันทร์นรีตั้งแต่เมื่อวาน เธอยอมรับว่าไม่อยากจินตนาการต่อว่าทั้งคู่หายไปไหนด้วยกันทั้งคืน เพราะมันอาจเป็นเรื่องเพ้อเจ้อที่เธอคิดเองเออเอง แต่ใจก็เชื่อไปเกินครึ่งว่าเขมราชคงอยู่ดูแลพี่สาวเธอทั้งคืน และอาจปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ ส่วนเธอก็แค่นั่งรอให้เขมราชตัดสินคดีที่เธอทำผิดต่อเขา

                “ทำไมยังไม่ไปเรียน”

                คำถามของเขาทำให้ใบหน้าหม่นถึงกับยิ้มได้ที่เขาอุตส่าห์แสดงความห่วงใย แต่ประโยคต่อมาก็ทำเอาเธออยากหูดับไม่ต้องได้ยินอะไรไปเสียเลย

                “เรียนหนังสือซะบ้าง สมองจะได้พัฒนา ไม่ใช่มัวแต่เอาเวลาไปคิดหาวิธีจับผู้ชาย” 

                ดวงตากร้าวมองมาเหมือนจะสาปให้เธอกลายเป็นหิน มันอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชัง

                “คุณเขมจะทำยังไงกับหอมคะ” หอมนวลเอ่ยถามตรงๆ โดยไม่ต้องอ้อมค้อม ถึงเธอจะรู้สึกผิดเพียงใด แต่โดนต่อว่าด้วยคำพูดแรงๆ แบบนี้ก็ชักจะทนไม่ไหวเหมือนกัน

                “คำถามน่าสนใจดีนะ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีล่ะ” เขมราชจ้องเขม็ง

                ร่างบางก้าวถอยโดยอัตโนมัติ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขมราชเห็นเธอเป็นศัตรู แล้วภาพความน่ากลัวตรงหน้าก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจินตนาการถึง

                “ฆ่าเธอทิ้งดีมั้ย”

                คำพูดชวนขนหัวลุกไม่อาจสร้างความหวาดผวาให้คนฟังได้อย่างที่เขมราชต้องการ ต่อให้เขาโมโหรุนแรงเป็นพายุ ในสายตาของเธอเขาก็ยังเป็นสายลมเช่นเดิม

                “คุณเขมไม่ทำหรอกค่ะ”      

                “เธอรู้จักฉันน้อยไป” คราวนี้เขมราชไม่พูดเปล่า เขาคว้าต้นแขนบอบบางแล้วกระชากอย่างแรง นิ้วเรียวกดลงบนผิวเนื้อนุ่มจนหอมนวลถึงกับหน้าเหยเก “ฉันจะฆ่าเธอเมื่อไหร่ก็ได้”

                “คุณเขมจะทำอะไรคะ ปล่อยหอมนะ” จากที่ไม่กลัวก็ชักเริ่มไม่แน่ใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยถูกใครทำร้ายลักษณะนี้มาก่อน แรงสุดก็ตอนอายุสิบขวบที่ถูกเพื่อนผลักตกบันไดจนข้อเท้าแพลง แต่นั่นก็เป็นอุบัติเหตุจากการเล่นกันระหว่างเพื่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอถูกทำร้ายจากคนที่เกลียดชัง

                แรงบีบมหาศาลและสายตาชิงชังทำให้คนถูกกระทำเจ็บปวดจนน้ำตาไหล

                เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเสียน้ำตา เขมราชจึงปล่อยมือด้วยการผลักส่งจนร่างบางเซถลาแทบล้ม ทว่าเคราะห์ยังดีที่เธอทรงตัวได้

                “ถอยไป”

                “คุณเขม” หอมนวลดักทางไว้ก่อนที่เขมราชจะเดินหนี “ถ้าคุณเขมหายโมโหเมื่อไหร่ หอมอยากอธิบายทุกอย่างให้คุณเขมเข้าใจ”

                คนโมโหยืนนิ่ง มองเธอด้วยสายตาที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาความคิด

                “ไม่ต้องรอ อยากอธิบายอะไรก็พูดมาได้เลย และก็ภาวนาให้ฉันเชื่อด้วย”

                หอมนวลรู้สึกว่าการให้โอกาสได้แก้ตัวของเขาครั้งนี้ไม่ต่างจากการปิดโอกาสเลยสักนิด นั่นหมายความว่า แม้เธอจะพูดอธิบายอะไร อย่างไร เขาก็คงไม่เชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีความหวัง

                “เรื่องที่หอมโกหกคุณเขมว่าพี่ลูกจันทร์แต่งงาน หอมยอมรับนะคะว่าหอมผิดที่โกหก แต่เพราะว่าพี่ลูกจันทร์ไม่ซื่อสัตย์กับคุณเขม และหอมก็คิดว่าเธอจะไม่กลับมาหาคุณเขมอีกแล้ว หอมเลยพูดไปแบบนั้นเพื่อให้คุณตัดใจ”

                “แค่นี้ใช่มั้ย”

                “หอมรู้นะคะว่าคุณเขมไม่เชื่อหอม แต่หอมพูดความจริง”

                “เหตุผลเธอฟังไม่ขึ้นเลยนะหอมนวล ถ้าลูกจันทร์ทำแบบนั้นจริงๆ เธอก็แค่บอกฉันว่าลูกจันทร์ไปมีคนอื่น ไม่เห็นต้องโกหกว่าลูกจันทร์แต่งงาน รู้มั้ยว่าวันนั้นฉันเจ็บปวดแค่ไหนที่รู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักมาห้าปีแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น” ดวงตาสีสนิมอ่อนแสงลง แต่ร่องรอยความเจ็บปวดยังฉายชัด

                “คุณเขม...” เธอเอ่ยเรียกเขาเสียงเบา เข้าใจแล้วว่าตัวเองทำผิดมากจริงๆ เธอทำร้ายหัวใจเขมราชอย่างรุนแรง ทำให้เขาเป็นบ้าเป็นบอกับการเข้าใจว่าผู้หญิงที่รักที่สุดไปแต่งงานกับผู้ชายอื่น

                “ถ้าเธอพูดว่าเธอหวังดี มันก็หน้าด้านเกินไปแล้วละหอมนวล”

                หญิงสาวนิ่งงัน หมดทุกคำพูด ปล่อยให้ร่างสูงเดินจากไปโดยไม่คิดรั้งเขาไว้อีก เพราะไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร หรือจะพูดแก้ตัวแบบไหน เธอจำนนต่อความผิดของตัวเองจนยากเกินกว่าจะหาทางใดมาลดโทษทัณฑ์ที่ทำลงไปได้ อย่าว่าแต่เขมราชเลยที่เกลียดเธอ แม้กระทั่งเธอ...ก็ยังเกลียดตัวเอง

 

                บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเรือนแสงอรุณแตกต่างจากวันก่อนลิบลับ ทั้งโต๊ะเงียบสนิท เขมราชไม่ยอมสบตาใคร เขามองตรงไปข้างหน้า จับจ้องแจกันโบราณด้วยแววตาไร้ความหมาย ขณะที่หอมนวลก้มหน้ามองนิ้วมือของตนเองอย่างเซื่องซึม พาเอาคนอื่นสลดหดหู่ไปด้วย เมื่อสถานการณ์ดูว่าไม่ดีขึ้น นายแม่ของฟาร์มแสงอรุณจำต้องเอ่ยประโยคที่เรียกความสนใจของคนร่วมโต๊ะอาหารได้ในฉับพลัน

                “เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว คนเป็นผัวเมียกันก็ควรให้อภัยกัน ประคับประคองกันไป”

                คำพูดแสนธรรมดา ทว่าความหมายของมันกลับมีอานุภาพกัดกินหัวใจของคนฟังได้อย่างร้ายกาจ

                “ประคับประคองอะไรกันครับ หย่าละสิไม่ว่า”

                เขมราชเอ่ยขึ้นมาก่อน ในขณะที่คนนั่งฝั่งตรงข้ามได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

                ‘หย่า’

                หอมนวลไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เธอยังไม่ได้เตรียมใจเลยสักนิด แต่จะเร็วหรือช้าอย่างไรมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี จะเอาแต่มัวเมาลุ่มหลงจนลืมความถูกต้องไม่ได้

                ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้น หอมนวลเป็นทุกข์มากเกินกว่าใครจะเข้าใจ เธอผูกพันกับเขมราชอย่างเงียบๆ มาเป็นระยะเวลายาวนานถึงห้าปีเพียงลำพัง เธอมองเขา เรียนรู้วิธีคิดและวิธีพูดของเขา ทุกท่วงท่าการเดิน นั่ง นอน ยืน เธอจนจำไว้อย่างละเอียด จนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขมราชตกตะกอนอยู่ในหัวใจของเธออย่างที่ใครก็ไม่อาจเข้าใจได้

                เวลานั้นเธอมีความสุขมากดีอยู่แล้ว ทว่าสถานการณ์บางอย่างอาจเกิดขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ล่วงหน้า และนั่นคงเป็นโชคชะตาที่สวรรค์ลิขิตให้พบกับกรรมเก่า เธอได้เลื่อนสถานะจากคนที่เขาไม่รู้จักมาเป็นภรรยาในชั่วพริบตา โดยที่ความรู้สึก ณ ขณะนั้นเป็นความหวั่นวิตกมากกว่าดีใจ เพราะการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักมิใช่ความยั่งยืนที่แท้จริง

                อย่างเวลานี้อย่างไรเล่า...เธอกำลังถูกขอหย่า

                และที่เจ็บปวดมากกว่านั้นคือใจของเธอเปลี่ยนไป จากที่แค่ชื่นชอบกลับกลายเป็นหลงรัก นับแต่นี้ไป หอมนวลไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะสามารถลืมรสจูบของเขาได้หรือไม่ ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเคยมองทั้งยามหลับและยามตื่น ไม่รู้ต้องทำอย่างไรถึงจะลืมได้ลง

                ดูเหมือนว่ามันไม่มีหนทางเลยด้วยซ้ำ 

                “ดิฉันคงยอมไม่ได้”

                น้ำเสียงสั่นเทาทว่าทรงพลังเป็นของแม่เลี้ยงมณีแดง หญิงสูงวัยมองสมาชิกบนโต๊ะอาหารด้วยสายตาแบบเดียวกับที่ใช้ควบคุมคนงานนับร้อยได้อยู่หมัด เธอเดินช้าๆ เข้ามาพร้อมกับสาวใช้ที่ประคองไม่ห่าง

                “ป้ามณี” หอมนวลลุกพรวดอย่างตื่นตะลึงเมื่อเห็นผู้เป็นมาเยือน พร้อมกับคำประกาศกร้าวที่สร้างความขัดใจให้แก่พ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างยิ่งยวด

                ครั้นเมื่อหันไปมองเจ้าของดวงตาสีสนิมก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยฝ่อลงในทันที

                การมาเยือนโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าของแม่เลี้ยงมณีแดงนำมาซึ่งความอึดอัดใจของใครหลายคน โดยเฉพาะหอมนวลซึ่งตอนนี้นั่งแทบไม่ติด เพราะรังสีอำมหิตจากใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยความชราแสดงชัดถึงความไม่พอใจอย่างสูงสุด

                “ผมทบทวนแล้วครับ ผมกับหอมนวลคงต้องหย่ากันตามเหตุผลที่พูดไป” เขมราชสรุปหลังจากเล่าเหตุการณ์ลวงโลกที่เกิดขึ้น

                แม่เลี้ยงมณีแดงรับฟังด้วยความใจเย็น แม้รู้ดีว่าที่เขมราชพูดมานั้นมีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง แต่เธอไม่คิดขยายความเพราะหญิงสูงวัยเห็นเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องไร้สาระของหนุ่มสาวที่คิดฝักใฝ่แต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ นาทีนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของหลานสาวคนเล็กซึ่งไม่ต่างจากยืนอยู่บนปากเหวสูงชันพร้อมจะตกลงไปตายได้ทุกเมื่อ และเขมราชเป็นคนเดียวที่ช่วยต่อชีวิตให้หอมนวลได้

                “ป้าเข้าใจที่คุณเขมพูดนะคะ การที่ยายหอมหลอกลวงคุณแบบนั้นมันร้ายแรงอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับการที่คุณเขมต้องการหย่าตรงไหน คุณเขมลืมไปหรือเปล่าคะ คุณจดทะเบียนสมรสกับยายหอมเพราะอะไร เพราะคุณได้ยายหอมไปแล้วไม่ใช่หรือคุณถึงต้องแสดงความรับผิดชอบ ไม่ว่าลูกจันทร์จะแต่งงานไปแล้วหรือไม่ได้แต่งก็ไม่เห็นเกี่ยว”

                หอมนวลสะอึก เธอนั่งฟังอย่างเงียบเชียบ ก้มหน้างุดจนไม่เห็นแม้แต่แววตากร้าวของเขมราชที่กำลังจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย

                “ผมไม่สามารถอยู่กินกับผู้หญิงที่ทำลายชีวิตผมได้”

                วาจาร้ายของผู้ชายที่เธอรักทำให้คนก้มหน้าต้องเงยขึ้นมาสบตา เห็นเพียงแต่ความว่างเปล่า ไร้หัวใจ

                “ตาเขม พูดอะไรเกรงใจผู้ใหญ่บ้าง” กรองแก้วเอ็ด

                “ผมพูดตามความรู้สึก แล้วที่สำคัญ หอมนวลก็คงไม่ทนอยู่กับผู้ชายที่เกลียดเธอเข้าไส้หรอกครับ ใช่มั้ยหอมนวล”

                “ไม่ทนก็ต้องทน” แม่เลี้ยงมณีแดงประกาศกร้าว

                ทุกคนหันมาสบตาหญิงสูงวัย ซึ่งมาเพื่อแสดงอำนาจอย่างชัดเจน แม้แต่กรองแก้วซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของเรือนแสงอรุณก็ยังต้องยอมแพ้

                “ป้ามณีจ๊ะ หอมผิดเอง หอมจะหย่าให้เขา” หอมนวลโพล่งออกไป แม้ว่าแม่เลี้ยงมณีแดงจะน่ากลัวในสายตาของใครๆ แต่เธอรู้ว่าผู้เป็นป้าจะไม่ทำร้ายเธออย่างแน่นอน

                “ผิดยังไงยายหอม แกเป็นคนไปข่มขืนเขาเรอะ”

                เขมราชสะดุ้งเฮือกกับคำพูดตรงไปตรงมาของหญิงสูงวัย แม้แต่เขาซึ่งเป็นคนพูดตรงยิ่งกว่าขวานผ่าซากยังรู้สึกหน้าชา ขณะที่หอมนวลได้แต่นั่งทำหน้าสลดแล้วยอมรับส่งๆ ด้วยหวังให้เรื่องราวทั้งหมดจบลง

                “ใช่ค่ะ หอมเป็นคนข่มขืนคุณเขม”

                คำตอบของหอมนวลทำให้เขมราชอึ้งอีกเป็นหนที่สอง ทั้งแม่เลี้ยงมณีแดง กรองแก้ว และจันเป็งต่างตกตะลึงไม่แพ้กัน

                หอมนวลบังคับสีหน้าให้เรียบเฉย เขมราชพูดถูก เธอยอมถูกติฉินนินทา ยอมอับอายแม้ว่าต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดิน ยอมไม่มีพื้นที่ยืนในสังคม ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย ดีกว่าต้องทนเห็นสายตาเกลียดชังของเขา ถ้าแลกกับทะเบียนสมรส สำหรับเธอมันไม่คุ้ม 

                “นี่ป้าแกนะ ไม่ใช่เด็กอมมือ”

                “แต่หอมพูดจริงๆ นะคะ หอม...” หอมนวลกลืนน้ำลาย ทำใจก่อนจะต้องพูดเรื่องน่าอายออกไป “หอมยั่วคุณเขมเองค่ะ ตอนนั้นคุณเขมเมามาก หอมก็เลยลักหลับ”

                หา... น้ำเสียงฉงนดังขึ้น พร้อมกับสีหน้ากระอักกระอ่วนของแต่ละคน

                ถ้าสถานการณ์ไม่ตึงเครียด ป่านนี้ทุกคนคงหัวเราะให้แก่ความใสซื่อของหญิงสาว เธอคงไม่เคยรู้เลยว่าโอกาสที่ผู้หญิงจะข่มขืนผู้ชายได้มีน้อยมาก ในขณะที่ ‘การลักหลับผู้ชาย’ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

                “ยายเด็กเลี้ยงแกะ จะโกหกอะไรช่วยโกหกให้เนียนเหมือนตอนโกหกเรื่องลูกจันทร์หน่อยได้มั้ย” เขมราชใจเต้นรัว เผลอหวั่นไหวไปกับความไร้เดียงสา จินตนาการตามคำพูดของเธอทำให้เกิดความรู้สึกวาบหวิวขึ้นในกาย จนต้องเตือนตัวเองว่านั่นเป็นแค่การเสแสร้งที่เหมือนจริงมากต่างหาก

                ยายแม่มดไม่ได้คิดจะหย่ากับเขาจริงๆ

                “ไม่ใช่นะคะ” หอมนวลรีบโบกมือแก้ตัว

                “แกจะทำให้ฉันต้องอับอายชาวบ้านไปถึงไหนยายหอม” แม่เลี้ยงมณีแดงรีบหยุดคำพูดเพ้อเจ้อของหลานสาว ก่อนหันมากล่าวกับเขมราชด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ทว่ายังมีความขุ่นใจเจือปนอยู่ “ถ้ายังไง ป้าขอให้ยายหอมเรียนจบก่อน อีกแค่ปีกว่า หลังจากนั้นถ้าคุณเขมต้องการหย่า ป้าก็จะไม่ห้าม”

                แม้ความไม่พอใจยังแน่นอยู่ในอก แต่คำขอร้องของหญิงสูงวัยก็เพิกเฉยไม่ได้ เขมราชเป็นสุภาพบุรุษ เขาเคยนับถือตัวเองเช่นนั้น แต่มันกลับสั่นคลอนเมื่อถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง เขาเจ็บยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าจันทร์นรีแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น

                “ผมทำตามคำขอร้องของคุณป้าก็ได้ครับ แลกกับการที่คุณป้าจะไม่ขัดขวางเรื่องของผมกับลูกจันทร์ เพราะหลังจากที่ผมหย่ากับหอมนวล ผมจะขอลูกจันทร์แต่งงานทันที เรารักกันมากพอ ไม่ว่าใครก็ทำลายเราไม่ได้”

                คำกล่าวที่ว่า ‘คำพูดฆ่าคนได้’ เห็นจะเป็นเรื่องจริง เพราะหลังจากคำประกาศของเขมราชจบลง หอมนวลก็รู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังล่องลอยออกจากร่าง เธอไม่รับรู้เลยว่าใครพูดอะไรต่อ เพราะทุกคำที่เขมราชเอ่ยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจดังก้องในหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง บังเกิดความรวดร้าวที่หัวใจจนเหมือนจะสลายหายไปต่อหน้า

                หรือนี่เธอจะต้องตายแล้วจริงๆ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น