บทที่ 5

5

          อชิระแทบคลั่ง ไม่อาจหักห้ามแรงปรารถนาที่มีต่อเธอ ถ้อยคำเหล่านั้นราวกับวสุวียกโลกทั้งใบของเธอวางไว้ในมือเขา สิ่งใดจะสร้างความสุขได้เท่าการตอบสนองยินยอมจากคนที่เราเรียกร้องโหยหา เธอทำให้เขาเสียการควบคุม กับเธอแล้วความรู้สึกของเขาไม่เคยแผ่วเบา ยิ่งเข้าใกล้กันมากเท่าไรก็มีแต่จะยิ่งทวีคูณรุนแรง

                ชายหนุ่มประกบริมฝีปากลงบนปากนุ่มทำให้เธออุ่นซ่านไปทั้งเรือนกาย ปลายนิ้วของเขาเร่งปลดกระดุมเสื้อออกจนกระทั่งสาบเสื้อทั้งสองแยกจากกัน อชิระพบกับบราลูกไม้สีหวานโอบอุ้มทรวงอกอวบอิ่ม สองเต้าเต่งตูมเบียดดันจนเนินอกล้นปริ่มเย้ายวนใจ ชายหนุ่มสูดหายใจแรงลึกเมื่อเห็นรอยจูบที่ประทับไว้บนตัวเธอ หัวใจเขาถูกแผดเผาด้วยเพลิงปรารถนา

                “คุณกำลังทำให้ผมเป็นบ้า” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ มือช้อนใต้ศีรษะดันท้ายทอยเธอขึ้นเพื่อรอรับจูบ

                วสุวีส่งเสียงครางพอใจในลำคอ สอดปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมอย่างเคลิบเคลิ้ม ขณะที่อชิระย้ายขยับลงมาเกลือกกลิ้งใบหน้ากับเนื้อนุ่ม สูดกลิ่นหอมกรุ่นจากทรวงสาว เสียงแหบห้าวพร่ำรำพันชมเชยอย่างหลงใหล ฝ่ามือใหญ่โลมลูบไม่ห่าง ก่อนจะอ้อมไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอบราออกปล่อยอกอวบให้เป็นอิสระ ไม่นานบราตัวนั้นก็ถูกโยนทิ้ง คราวนี้ก็ไม่มีอะไรบดบังความงามของเธอจากสายตาเขาได้อีก

                “คุณช่างสวยงาม หอมหวาน น่ากินไปทั้งตัว” อชิระตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความลุ่มหลง ริมฝีปากอุ่นจัดพรมจูบลงไปตามส่วนโค้งของทรวงอก สองมือกอบกุมคลึงเคล้า สายตาเขาเต็มไปด้วยความร้อนแรงหิวกระหาย ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็ปลุกเร้าเลือดทุกหยดในกายสาวให้เดือดพล่าน 

                วสุวีไม่อาจทานทนเมื่อถูกเขากระตุ้น ความปรารถนาที่เธอเพิ่งค้นพบได้ไม่นานเริ่มทวีความรุนแรง ทุกส่วนในร่างกายตื่นตัวตอบสนองและเพลิดเพลินพอใจกับการถูกเขาเล้าโลมปรนเปรอ

                “คุณเสือ” เสียงเธอสั่นพร่า บอกไม่ได้ว่ากำลังจะคัดค้าน หรือสนับสนุนการกระทำของชายหนุ่ม

                แต่อชิระรู้ดี วสุวีคงจะไม่ค้านขณะที่สองแขนโอบรัดเขาแน่นแบบนี้ ชายหนุ่มยิ้มพอใจ จูบไซ้ไปตามแนวไหล่ละมุน เลาะเล็มชิมรสผิวนุ่มตรงฐานของลำคอ ก่อนจะหมุนวนปลายลิ้นในแอ่งชีพจร ดื่มด่ำกับรสชาติหวานล้ำคละเคล้าเสียงครางรัญจวน

                เมื่อคืนวสุวีเมา เขาเองก็ไม่ต่างกันนัก อาจจะไม่ได้หนักจนประคองตัวไม่อยู่ แต่ก็ไม่ได้มีสติครบถ้วนอย่างตอนนี้ รายละเอียดปลีกย่อยของการร่วมรักครั้งแรกจึงถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เขาควรถนอมเธอให้มาก ปลุกเร้าให้เธอผ่อนคลาย แต่กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดทุกอย่างก็สายเกินแก้ เขาฝากฝังความเป็นชายเข้าไปอยู่ในกายเธอแล้ว แม้ไม่ได้รุนแรง แต่ความใจร้อนของอชิระก็ทำให้เธอสะดุ้งและเจ็บปวด แววตาคู่สวยฉ่ำวาวทั้งปวดร้าวและหวาดหวั่น ภาพนั้นยังติดตาฝังใจ

                อชิระลืมมันไม่ได้ อยากแก้ตัวใหม่อีกสักครั้ง

                เขากับวสุวีกำลังจะเริ่มต้นกันใหม่ มันจะต้องสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าที่เคยผ่านมา เขาจะทุ่มเทบรรเลงเพลงรักขับกล่อมเธอ หลอมละลายให้เธอเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ทำให้เธอมีความสุข สุขเจียนคลั่งเหมือนอย่างที่เขาเป็น

                มือใหญ่กอบกุมความนุ่มหยุ่นของทรวงสาว นวดเน้นหนักเบาราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของ สายตาจดจ้องปลายถันที่แข็งชันเป็นตุ่มไต สีสันของมันเข้มจัดน่าลิ้มลอง

                “คุณเสืออย่าค่ะ” 

                แผ่นหลังหญิงสาวโค้งรับริมฝีปากร้อนที่เคลื่อนเข้าครอบครอง ปลายลิ้นชื้นลื่นพลิ้วตวัดไปมาหยอกเย้า จุดประกายไฟแห่งรักให้ลุกลาม ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปยังซอกหลืบซ่อนเร้น หน้าท้องแบนราบหดเกร็งอย่างรอคอย

                วสุวีเหมือนเกลียวเชือกที่บิดขันจนแน่นขึง แรงปรารถนาพาเธอโลดแล่นในห้วงหฤหรรษ์ ซ่านสยิวไปกับปากลิ้นที่เขาใช้ปรนเปรอ สัญชาตญาณของเธอเรียกร้องหาการปลดปล่อย มันเป็นไปตามกฎของธรรมชาติที่ยากจะขัดขืน ราวกับตัวเธอตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว ไม่ว่าอชิระจะบงการให้ทำสิ่งใดเธอก็ยินยอมพร้อมใจไปกับเขาทุกอย่าง

                “ปากคุณไม่ตรงกับใจ ในขณะที่คุณห้าม แต่ร่างกายของคุณกำลังเรียกร้องให้ผมทำอีก...ทำมันอีก”  ริมฝีปากเขาปัดผ่านริมฝีปากเธอแผ่วเบาเย้ายวน เขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันจนรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจแต่ละฝ่าย “บอกสิว่าผมควรเชื่อในสิ่งที่คุณพูดหรือเชื่อฟังร่างกายคุณ”

                “ฉัน...”

                อชิระสอดมือลงใต้ขอบกระโปรงของเธอ ก่อนจะหยุดปลายนิ้วที่ใจกลางความชุ่มฉ่ำ แค่เพียงขยับกรีดกรายเบาๆ ตามรอยแยก ตัวเธอก็สั่นสะท้าน

                “ยอมรับความจริงแล้วมีความสุขกับมันเถอะวสุวี ผมรับรองว่ามันต้องดีกว่าเมื่อคืนแน่”

                แววตาเขาวับวาวเปี่ยมด้วยความต้องการท่วมท้น ต่อให้เธอห้ามเขาก็ไม่คิดจะหยุด ไม่มีเหตุผลจูงใจให้ทำโง่ๆ แบบนั้น ในเมื่อเธอต้องการเขา และเขาก็ต้องการเธอแทบใจจะขาดเช่นกัน

                “อย่ากลัวผม”

                “คุณไม่น่ากลัว”

                “ใช่ และคุณก็น่ารักที่สุด” อชิระมอบจูบแสนหวานให้คนน่ารัก วสุวีไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น “ปล่อยตัวตามสบายแล้วเราจะมีความสุขด้วยกัน”

                รอยยิ้มของเขาชวนอบอุ่นสบายใจ ช่วยให้วสุวีคลายความกังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หัวใจเธอไหวสะท้าน ขณะหลับตาลงรับจูบปลอบประโลมที่เปลือกตา

                “พร้อมให้อาหารเสือหรือยังครับ”

                “ฟังดูน่ากลัวจังค่ะ”

                “ไม่หรอก เสือกินอิ่ม คุณก็จะมีความสุขด้วย”

                “ฉันเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม”

                “เชื่อได้ตราบเท่าที่คุณเชื่อใจตัวเอง จะกินแล้วนะครับ” ชายหนุ่มแกล้งงับเนื้อตัวเธอเล่น 

วสุวีหัวเราะคิกก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงคราง “อื้อ...คุณเสือ”

                ริมฝีปากร้อนครอบครองทรวงอกเธออีกครั้ง ดูดดึงราวกับคนกระหายน้ำ ลิ้นอุ่นปาดเลียยอดถันเบ่งบาน ความเสียวซ่านแล่นพล่านตั้งแต่หัวจดเท้า หญิงสาวห่อไหล่ครวญคราง 

                หากนี่คือหนึ่งในวิธีของนักล่า อชิระก็นับว่าโหดเหี้ยมเหลือใจ เลือกใช้วิธีแสนร้ายกาจทรมานเธอ วสุวีบิดกาย หอบหายใจไหวสะท้าน สอดปลายนิ้วแทรกในกลุ่มผมดกดำของเขา ขยำขยี้ตามแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าจนมันยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง 

          “อย่ากัดตรงนั้นค่ะ อ๊ะ!” หญิงสาวอุทานเสียงหลงเมื่อยอดอกถูกคมฟันเขาขบเม้ม เนื้อตัวเธอสั่นระริกด้วยแรงกำหนัด โอบรัดกายเขาแนบแน่น แผ่นหลังแอ่นขึ้นเสนอให้เขาอย่างลืมตัว

                “หวาน...อร่อย” ชายหนุ่มสบตาเธออย่างร้อนแรง ค่อยๆ ปาดปลายลิ้นไปตามริมฝีปากช้าๆ เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาโปรดปรานรสชาติของเธอมากเพียงใด 

                “แต่กินตรงนี้ไม่ถนัด”

                โซฟาคับแคบเกินไปสำหรับคนสองคนและเธอก็แทบจะบี้แบนเพราะถูกเขาทับไว้ทั้งตัว ครั้งนี้อชิระปรารถนาจะมอบประสบการณ์ร่วมรักที่สมบูรณ์แบบให้แก่วสุวี เขาอยากได้พื้นที่ที่กว้างขวางพอให้โลดโผนโจนทะยานไปกับเธอ เขาอยากให้เธอค้นพบความสุขที่แท้จริงและหวังจะตักตวงความสุขนั้นกลับมาให้ตัวเองเช่นกัน

          “เราย้ายที่กันเถอะ” เขาเอ่ยชวน กระแสเสียงสั่นพร่า ริมฝีปากปัดโบกยอดทรวงเหมือนแกล้ง

                ไม่นานชายหนุ่มก็ยันตัวขึ้นนั่ง ดวงตาหรี่ลงมองคนที่ยังนอนหายใจรวยริน อกอวบกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบ เขาดึงเธอให้นั่ง ใบหน้างามแดงก่ำ ขัดเขิน ท่อนบนของเธอเปลือยเปล่าจนต้องรีบเอาแขนไขว้ปิดบังอกอวบจากสายตาโลมเลียม ท่อนล่างเหลือกระโปรงตัวเดียว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถูกกำจัดออกไปตอนไหน

                “บนเตียงดีกว่า แล้วผมจะรีวิวให้ว่าได้กี่ดาว”

                ยังไม่ทันตั้งตัวทั้งร่างของวสุวีก็ลอยหวือเข้าสู่อ้อมแขนอชิระ เขาโอบอุ้มหญิงสาว มองเธอด้วยสายตาร้อนเร่า ร่างกายและจิตใจของเขาตื่นเต้นสั่นระทึกกับการที่จะได้กกกอดและผสานเป็นส่วนหนึ่งกับเธออีกครั้ง เป็นความมุ่งมาดปรารถนาที่เพิ่งเกิดกับวสุวีเป็นคนแรก 

                เขาร้อนรนแทบทนไม่ไหว แก่นกายขยายใหญ่จนปวดร้าว ก้าวขายาวๆ ไปยังจุดหมาย วางเธอลงข้างเตียง หนุ่มสาวยืนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกหลากหลาย อชิระขยับถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อถอดทึ้งเสื้อผ้า มือเขาสั่นจนน่าขัน ไม่ต่างกับไอ้หนุ่มเพิ่งหัดริรักสาว แววตาเธอที่จ้องมองมายิ่งทำเขาแทบบ้า ทำไมเขาถึงได้ต้องการเธอมากมายขนาดนี้ แล้วดูเธอสิ

                คิ้วเข้มของชายหนุ่มม้วนตัวหากันอย่างแปลกใจระคนขบขัน วสุวีเอาแต่ยืนจ้องเขม็งตรงกลางลำตัว มองความเป็นชายดวงตาแทบถลน ลูกชายเขาก็รับมุกเธอดีเหลือเกิน รีบโก่งตัวชูชันทักทาย 

                อชิระระบายรอยยิ้มหวานล้ำเอาใจ เดินเข้าไปใกล้เธอ วางมือตรงเอวคอดเหนือขอบกระโปรง

                “เห็นคุณจ้องเอาๆ แบบนี้ ผมใจคอไม่ดีเลยนะ”

                “ฉันก็แค่...เพิ่งเคยเห็นชัดๆ” เธอตอบเขินๆ แล้วเมินหนี 

                อชิระหัวเราะเอ็นดู จับคางเธอให้หันกลับมา ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ “อยากลองชิมมันดูไหม”

                สองแก้มวสุวีแดงก่ำด้วยความอาย กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ริมฝีปากแห้งผากจนต้องไล้เลียเพิ่มความชุ่มชื้น ตัวตนของเขาเต้นเร่าท้าทาย เธอเคยสัมผัสเขาอย่างใกล้ชิด แต่การใช้ปากกับตรงนั้นของเขายังเร็วเกินไป เธอไม่กล้าหาญชาญชัยถึงขั้นนั้น

                “ฉันไม่กล้า”

                “แต่ผมอยากให้คุณลอง เอาไว้คราวหน้าจะสอนให้ ตอนนี้ศึกษาดูงานจากผมไปก่อน” ชายหนุ่มยิ้มให้กำลังใจ ไม่คะยั้นคะยอ แล้วเขาก็ทุ่มความสนใจมาที่กระโปรงเธอ เพียงไม่กี่วินาทีมันก็ร่วงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า นิ้วเขาเกี่ยวเข้ากับขอบชั้นในตัวน้อย

          “จะทำอะไรคะ”

                เสียงเธอฟังดูทั้งตกใจและตื่นเต้น อชิระกดไหล่ให้หญิงสาวนั่งลงบนขอบเตียง ทิ้งขาสองข้างห้อยลงพื้น จากนั้นเขาก็ย่อกายคุกเข่า ค่อยๆ รูดปราการด่านสุดท้ายของเธอออก

                วสุวีล่อนจ้อนในวินาทีถัดมา ขาทั้งสองถูกเขาดันแยกแล้วแทรกลำตัวนั่งกลางหว่างขา หญิงสาวกัดปาก เนื้อตัวแดงก่ำ ความสาวที่ชุ่มฉ่ำตอดรัดเรียกร้องอย่างหน้าไม่อาย

                “คุณเสือคะ” วสุวีพยายามบีบต้นขากลับ แต่การมีเขานั่งขวางอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เธอกับเขาใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น แค่ไอร้อนของลมหายใจที่เขาเป่ารดต้นขาก็ทำให้เธอผวาด้วยความกระสัน หากใกล้กันยิ่งกว่านี้ เกรงว่าวสุวีจะไม่อาจทนทานความเสียวซ่านที่เขาสร้างมันขึ้นมา

                เธอรู้ว่าเขาจะทำสิ่งใด ถึงจะน่าอาย แต่เมื่อได้คิดถึงสัมผัสของปลายลิ้นเร่าร้อนที่ปาดละเลงบนกลีบเนื้อนุ่ม ความสาวของเธอก็เต้นระทึกรอคอยให้มันเกิดขึ้นจนแทบทนไม่ไหว

          “รู้ใช่ไหมว่าผมจะทำอะไร” เขาเริ่มจูบต้นขาอย่างเชื่องช้า รุกคืบเข้ามาใกล้ความสาว “ไม่ต้องอาย คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว”

                “อื้อ” วสุวีหลับตาพริ้ม เหยียดสองแขนไปด้านหลังยันกายที่ไหวเอน

                ปลายจมูกโด่งถูไถต้นขานุ่ม ริมฝีปากร้อนรุ่มกดจูบลึกล้ำหนักหน่วง ใบหน้าหญิงสาวเงยหงาย กัดริมฝีปากแน่นสกัดกั้นเสียงครางที่น่าขัดเขิน แยกขาออกกว้างพลางเสนอกายให้เขาอย่างลืมตัว 

                อชิระจูบไซ้เข้าใกล้ความสาว ยิ่งใกล้หัวใจยิ่งเต้นรัว เร่งโบกสะบัดปลายลิ้นลงบนเนินเนื้อร้อนฉ่าแผดเผาเธอด้วยไฟปรารถนา วสุวีครางระส่ำ ใจจะขาดเสียให้ได้กับความเสียวซ่านทรมานนั้น

                “อ๊า...” 

                หญิงสาวสิ้นไร้เรี่ยวแรงทิ้งกายนอนราบลงบนเตียงนุ่ม สองมือขยุ้มผ้าปู อชิระจับสะโพกเธอไว้อย่างมั่นคง ลงลิ้นตวัดพลิ้วบนยอดเกสรที่พองตัวสั่นไหวท่ามกลางกลุ่มแพรไหมเปียกปอน ลุ่มหลงอยู่ในวังวนพิศวาส ปาดเลียลิ้นร้อนตามรอยแยก ดูดดื่มรสชาติของหญิงสาวที่หวานล้ำจับใจ

                เสียงเธอเร่งเร้าให้เขาชิดใกล้ บดขยี้ปลายลิ้นในเรือนกาย ทำให้เธอหมุนคว้างท่ามกลางคลื่นลมของความเสน่หา ถึงจะไม่มีประสบการณ์ แต่วสุวีก็เรียนรู้โอนอ่อนไปตามสัญชาตญาณอันร้อนแรง ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอ...น่ากินไปทั้งเนื้อทั้งตัว

                ก็ถูกของเธอที่ความไม่ประสีประสาเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง และอชิระก็ชอบมันมากจนถึงขั้นกระโจนลงไปในหลุมพรางเสน่ห์ของเธอ

                อยู่ดีไม่ว่าดีอยากเป็นเสือมีเจ้าของ

                แต่อชิระไม่เดือดร้อนหรอก ในเมื่อคนเลี้ยงเสือหวานฉ่ำออกปานนี้ ถึงจะมีเงื่อนไขนิดหน่อย บวกลบคูณหารดูแล้วเขาก็ยังพอมีช่องทางแสวงหาความสุขเป็นกำไรได้อยู่ดี

                “อืม...”

                เสียงแหบห้าวดังกระหึ่มในลำคอ ห่อลิ้นจุ่มจมในแอ่งสวาทที่ชุ่มโชก ดื่มกินเธอทำให้เธอดิ้นพล่าน สะโพกส่ายไปมาอย่างมีชีวิตชีวา มือนุ่มละจากผ้าปูเตียงมาดึงทึ้งเส้นผมของเขา เดี๋ยวขยำเดี๋ยวผ่อนคลาย สุดแท้แต่ความรัญจวนใจจะบัญชา

                ชายหนุ่มยังคงทรมานเธอด้วยการเกร็งลิ้นเข้าออกเป็นจังหวะ เธอครางเสียงหวาน ลมหายใจหอบกระชั้น เรียวขายกแยกออกจากกันมากขึ้น อชิระกดลึก เร่งระรัว เนื้อตัววสุวีบิดเร่ารอรับคลื่นความสุขที่ถาโถมเข้ามา กล้ามเนื้อเธอตอดรัดสะโพกแอ่นหยัดขึ้นหาปากเขา กายสาวเกร็งกระตุกพร้อมปลดปล่อยความสุขสมออกมาให้เขากลืนกิน

                อชิระหายใจกระชั้น เลื่อนกายขึ้นไปจูบเธอ แบ่งปันรสชาติความสุขสมซาบซ่าน เขาลุกขึ้นเพื่อหยิบซองถุงยางที่เอาออกจากกระเป๋าวางทิ้งไว้มาฉีก ค่อยๆ สวมปลอกให้ตัวเองอย่างตื่นเต้น สายตาคมวาวไม่คลาดคลาไปจากใบหน้าเธอ 

                แรงกระสันทำให้เขาร้อนเร่าไปทั้งกายใจ ตอนนี้ขอแค่ได้ปลดเปลื้องความต้องการแสนทรมานนี้ออกไป ไม่เช่นนั้นเขาคงขาดใจตายแน่

                วสุวียังนอนพาดสะโพกครึ่งๆ กับขอบเตียง อกอวบไหวกระเพื่อมตามแรงหอบ อชิระกลับเข้ามาเบียดกายเข้าไปยืนชิด ยกขาเรียวคู่งามขึ้นพาดบ่า สะโพกเธอลอยขึ้นนิดๆ ความสาวเร้าใจของเธอตรงกับท่อนเนื้อแข็งกร้าวของเขาพอดิบพอดี 

                อชิระสบตาหญิงสาวอย่างร้อนแรง มือแกร่งจับความแข็งขึงดุนดัน แตะไล้เล่นกับยอดเกสร ก่อนกดลึกล่วงล้ำเข้าสู่ภายในนุ่มนวลอย่างช้าๆ ซึมซับความรู้สึกร้อนผ่าวที่หลอมละลายเธอกับเขารวมเป็นหนึ่ง กายสาวคลี่ขยายโอบรัด ความชุ่มฉ่ำไหลชโลมหล่อเลี้ยง แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของเขาก็ยังทำให้เธอรู้สึกตึงแน่นและอึดอัด 

                วสุวีแข็งเกร็ง วางมือยึดแขนเขาที่เท้าคร่อมพลางฝังเล็บลงไประบายความเสียวซ่าน

          “คุณเสือ...” คำเรียกขานหวานกระเส่าทำเอาอชิระจวนคลั่ง วสุวีเซ็กซี่เหลือเกิน

                ชายหนุ่มครางเสียงสั่นพร่า สองกายสอดประสานเข้าหากันอย่างลึกซึ้ง เขานิ่งรอให้เธอปรับตัว รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมแก่นกาย

                “ไว้ใจผม”

                ชายหนุ่มปลอบประโลม ค่อยๆ ถอดถอนกายแกร่งออกมาอย่างเชื่องช้าแล้วย้อนกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง เนิบนาบแต่หนักแน่นจนเธอต้องครางออกมา ความอึดอัดเริ่มคลี่คลาย ชายหนุ่มเร่งจังหวะตอกย้ำหนักหน่วง จับขาเรียวลดลงมาเกี่ยวเอว แล้วกระซิบสั่ง

                “กอดผม”

                ใบหน้าคมซบลงกับซอกคอเธอ ลมหายใจร้อนรุ่มด้วยเพลิงปรารถนา จูบไซ้นวลเนื้ออย่างลุ่มหลง จนกระทั่งพบกับปากเธอ วสุวีจูบตอบตามสัญชาตญาณ ปลายลิ้นเกี่ยวพันกันอย่างวาบหวาม ขณะที่ช่วงล่างขยับโยกถี่ระรัว

                อชิระสูดหายใจแรง ฝ่ามือบีบเคล้นทรวงสาวระบายความเสียวซ่าน ดูดดึงเม็ดยอดสีชมพูเข้ม เน้นฟันขบเม้มจนเธอร้องครางไม่เป็นภาษา สะโพกเพรียวขยับใส่เนินสาว บดขยี้คลึงเคล้าเร้าอารมณ์ สองเสียงครางประสานแข่งกับเสียงหน้าขาที่กระทบกันดังเป็นจังหวะ

                ความสาวตอดรัดแก่นกายส่งสัญญาณว่าใกล้ถึงปลายทาง อชิระเร่งเอวระรัวนำพาเธอสู่ห้วงหฤหรรษ์จนมองเห็นขอบสวรรค์รำไร เธอเกือบจะไปถึง แต่เขากลับถอดถอนแก่นกายออก

                “คุณเสือ!” วสุวีผวาเฮือกไขว่คว้า อชิระสบตาเธอแล้วดันร่างขึ้นไปกลางเตียง

                “หมอบลงไปคนสวย” เขาจับเธอนอนคว่ำ ใบหน้างามแนบกับที่นอน เข่าสองข้างคู้เข้าหากัน สะโพกกลมกลึงถูกดึงดันขึ้นจนบั้นท้ายลอยเด่น

                อชิระตามมาประกบแนบชิดจับท่อนเนื้ออุ่นจัดแตะไล้กลีบสาวที่แยกแย้ม กายแกร่งโจนจ้วงเข้าสู่เธออีกครั้ง เขารั้งเอวเธอแนบชิด ชายหนุ่มสูดปากครางซี้ดเสียวซ่านสุดใจ 

                เธอเข้ากับเขาได้เป็นอย่างดีและการเติมเต็มครั้งนี้มีแต่ความเร่งร้อนรัวแรง วสุวีครางกระท่อนกระแท่น การแนบชิดกันในท่านี้ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงตัวตนของเขาอย่างชัดเจน มือเขาจับเอวเธอดึงดันเข้าออกเป็นจังหวะ ทุกแรงกระแทกอัดเน้นเข้ามา ทำให้เธอร้อนฉ่าราวกับลาวาที่กำลังปะทุ ปรารถนาการปลดเปลื้องแสนสุขสม เธอเรียกชื่ออชิระอย่างตื่นตะลึง เมื่อเขาดึงมือทั้งสองข้างไปด้านหลังและควบขับถี่รัว

                เสียงห้าวครางครึ้ม เร่งจังหวะกระชั้น สองมือช้อนร่างเธอขึ้นให้อยู่ในท่านั่งคุกเข่าซ้อนทับบนตักเขา อชิระโอบกอดเธอเอาไว้ ลูบไล้ผิวกายเนียนลื่น แผ่นหลังเธอเบียดชิดกับแผงอกกว้าง ฝ่ามือใหญ่บีบขยำทรวงอก สะโพกเขายังขยับเร่งเร้า วสุวีเอี้ยวตัวหันกลับไปมองหน้าเขา แล้วอชิระก็จูบเธอ พร้อมสองมือที่ฟอนเฟ้นอกอวบอย่างเมามัน

                หญิงสาวแอ่นบั้นท้ายตอบรับอย่างวาบหวาม ครวญครางประสานเสียงต้อนรับความสุขสันต์ที่ม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นพัดโหมกระหน่ำ ก่อนจะสาดซัดใส่หนุ่มสาวอย่างเร่าร้อนรุนแรง

                “อื๊อ...” อชิระดึงเธอมาจูบดูดดุนเรียวลิ้นอย่างเสียวซ่านขณะที่เขาทะยานสู่จุดสุดยอด 

                สองแขนกอดเธอแน่น สะโพกกระตุกยึกยักกับบั้นท้าย ก่อนพากันซบลงบนที่นอนนุ่ม ความแข็งขึงลื่นไถลหลุดจากกายสาว วสุวีสูดปากด้วยความเสียวซ่าน ชายหนุ่มถอดปลอกที่สวมครอบตัวตนทิ้งไป ก่อนจะกลับมานอนเบียดกายก่ายกอดเธออย่างสนิทสนม ความเป็นชายของเขากดแนบกับบั้นท้ายเธอ

                “อืม...ตรงนี้นุ่มดีจัง”

                เสียงหอบเบาลงแล้ว แต่ผิวกายชื้นเหงื่อยังคงลื่นเลื่อม มือของอชิระลูบเล่นบนเนื้อตัวหญิงสาว กรีดปลายนิ้วไปตามแนวกระดูกสันหลัง ขนอ่อนทุกเส้นบนร่างกายวสุวีลุกซู่

                “จะทำอะไรคะ” เธอถามอู้อี้ทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่

                “หลังจากออกกำลังกายมาอย่างหนัก คุณต้องวอร์มดาวน์เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อนะ” เขาพูดแล้วก็ลงมือนวดบั้นท้ายหนั่นแน่น ค่อยๆ เพิ่มแรงที่ฝ่ามือจนวสุวีตัวสั่นขึ้นมาอีกรอบ

                “ฉันเหนื่อยแล้วค่ะ”

                “แต่ว่าเสือยังไม่อิ่มเลย อยากได้อีกจัง” อชิระออดอ้อน จูบแผ่นหลังเธออย่างอดใจไม่ไหว ลิ้นอ่อนนุ่มลากย้อนขึ้นด้านบน อ้าปากแกล้งงับหัวไหล่นวลเนียน “ไม่อยากรู้เหรอผมให้คะแนนเตียงโรงแรมคุณเท่าไหร่”

                “อุ๊ย!”

                เขาจับเธอพลิกหงาย ก่ายเกยทาบทับ หน้าท้องแบนราบเบียดกับความเป็นชาย หญิงสาวตาโต หน้าแดงจัดเมื่อสัมผัสถึงความแข็งกร้าว

                “ด็อกกีดีมากเลย แต่ตอนที่เหลียวหลังมาจูบกับผมนั้น สีหน้าคุณ...โคตรเซ็กซี่” 

                วสุวีหน้าแดงแจ๋ เขินอายกับการรีวิวเตียงของเขา

                “นะ...นั่นมันคะแนนความสามารถของฉันต่างหาก” หญิงสาวเถียงอ้อมแอ้ม หลบตาเขาอย่างเอียงอาย ความใกล้ชิดระหว่างกันกำลังส่งสัญญาณร้องเตือน

                “อันนี้ก็ถูก คุณจะเก่งขึ้นก็ไม่แปลกหรอก ผมทุ่มเทสอนให้ทุกกระบวนท่าขนาดนี้” สายตาอชิระเล้าโลมหญิงสาว เขายังคงหิวกระหาย ร่างกายเขาร่ำร้องถวิลหาความหวานฉ่ำจากเธอ “คุณทำให้ผมนิสัยเสียรู้บ้างไหม”

                “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”

                “ทำสิ ทำให้ผมไม่รู้จักคำว่าพอ”

                วสุวีมองตาเขาแล้วก็นึกหาคำพูดไม่ออกไปเสียดื้อๆ แล้วเขาก็ยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเธออ่อนยวบ

                “อีกรอบคุณไหวไหม” เขากระซิบก่อนจะเม้มติ่งหูนุ่มนิ่ม

                “คะ...คะ...คุณหิวอีกแล้วเหรอคะ”

                “ถามจริง คุณไม่รู้สึกเลยเหรอ ผมหิวโซเชียวละ” อชิระยอมรับอย่างไม่เดือดร้อน เขาไม่ค่อยเกิดอาการแบบนี้กับใคร แต่จะแก้ตัวว่าไม่อยากได้อีกก็ใช่ที่ ไอ้ตัวดีสั่นงึกๆ กับซอกขาเธออยู่นั่น 

                “มันยังไม่อิ่มเลย”

                “ตะกละตะกลาม” วสุวีว่า ใบหน้าแดงจัด 

อชิระหัวเราะชอบใจ ยื่นหน้าจุ๊บปากเธอแล้วแกล้งขบริมฝีปากล่างอย่างยั่วเย้า

                “เอาน่า ขุนผมให้อิ่มจะได้นอนหลับสบายไม่กวนใจคุณอีก มาทบทวนบทเรียนกันหน่อย เมื่อคืนผมสอนอะไรไปบ้าง คุณจำได้ไหม ยังมีของใหม่เมื่อกี้ด้วย”

          “เมื่อคืนฉันเมา” เธอเสไปมองทางอื่น จึงไม่เห็นรอยยิ้มของคนเจ้าเล่ห์

                “แปลว่าจำไม่ได้ ว้า...ถ้างั้นผมก็ต้องสอนใหม่สิ”

                “ก็มะ...เมื่อกี้ไง” หญิงสาวอึกอัก เขาส่ายหน้ายิ้มๆ

                “เมื่อกี้ไม่นับ นั่นมันสนธิสัญญาว่าด้วยการเลี้ยงเสือ”

                “ว่าไงนะคะ” หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่รู้จะหาทางรอดตรงไหน ทำไมเขาถึงเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างนี้นะ “ฉันคิดไม่ผิดใช่ไหมคะ ที่ตัดสินใจเลี้ยงเสือตะกละอย่างคุณ”

                “ไม่ผิดหรอกน่า คุณตัดสินใจแล้วก็แค่ขุนผม เอ๊ย! เชื่อมั่นในตัวผม แล้วเมื่อกี้เราก็มีความสุขกันมากไม่ใช่เหรอ”

                “ขยับนอนดีๆ ได้ไหมคะ คุณทับแบบนี้ ฉันหนัก หายใจไม่ออก” แถมตรงนั้นของเขาก็สั่นระทึกน่าหวาดหวั่น

                อชิระเหยียดยิ้มยอมตามใจ พลิกกายนอนหงายสอดแขนเข้าใต้ศีรษะให้เธอหนุนแทนหมอน วสุวียินยอมขยับร่างเข้าหาเขา วางมือข้างหนึ่งบนอกกว้าง อชิระตัวใหญ่กว่าเธอ พอซุกในอ้อมแขนเขาอย่างนี้ก็รู้สึกเหมือนมีป้อมปราการคุ้มกันภัย วสุวีพยายามปลอบตัวเองว่าอย่าคิดมาก อย่าได้เสียดายอะไรที่มันเสียไป ก็อย่างที่เขาบอก ในเมื่อเธอเลือกจะเสี่ยง เธอก็ต้องเชื่อมั่นในความสามารถของเขา

                “จะประชุมบอร์ดบริหารอีกเมื่อไร” เขาเอ่ยถาม 

                อย่างน้อยอชิระก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญของเธอ เริ่มมีสัญญาณที่ดีแล้ว วสุวีใจชื้นขึ้นมาบ้าง 

                “วันอังคารค่ะ” 

                “อืม...พอมีเวลาเตรียมตัวอยู่” อชิระพึมพำพร้อมคำนวณในใจ ธนูน่าจะจัดการเรื่องเอกสารซื้อขายทัน “คุณอยากให้ผมทำอะไรบ้าง”

                “ยึดอำนาจบริหารจากพ่อเลี้ยงฉันคืนกลับมา อุ๊ย! คุณเสืออย่าซนสิคะ” เธอดุเบาๆ พร้อมกับคว้ามือที่สะกิดปลายยอดถันเอาไว้ 

เสือจอมซนหัวเราะชอบใจ ไม่มีท่าทีสำนึกเลยด้วยซ้ำ “คุณบอกให้ยึด ผมก็ยึด ฟังเพี้ยนไปหน่อย ยึดอำนาจเนาะ ไม่ใช่ยึดอันนี้”

                “คุณเสือ...” เธอเสียงสั่น เมื่อเขาทำการยึดอันนี้ จูบเบาๆ ที่ปลายยอดถัน มันเบ่งบานชันแข็ง วสุวีรีบตะแคงกายเข้าหาเขา ถึงร่างกายจะใกล้ชิด แต่ก็พอจะปกปิดหลีกหนีสายตาซอกแซกเขาได้บ้าง “ฉันกำลังคุยเรื่องสำคัญกับคุณอยู่นะคะ”

                “คุณให้ผมยึดอำนาจมาจากพ่อเลี้ยง ผมฟังอยู่หรอกน่า” เขากล่าวทวนให้เธอรู้ว่าเขายังฟังอยู่ แม้จะมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า

                “ใช่ค่ะ”

                “นั่น...ก็หมายความว่าผมจะเป็นคนกุมอำนาจนั้นต่อจากเขา เป็นเจ้าของโรงแรมคุณเลยนะ” อชิระแตะปลายคางให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรทำให้คุณไว้ใจผมถึงขนาดนี้”

                “ที่จริงแล้วฉัน...” 

                วสุวีมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด จะอย่างไรเธอกับเขาก็แทบจะไม่รู้จักกันในแง่อื่น เซ็กซ์เท่านั้นที่ไปกันได้ เธออยากได้หลักประกันการันตีว่าเขาจะไม่ฮุบโรงแรมเธอ แต่นั่นคือความคิดที่ต้องกลั่นกรองอีกหลายชั้น

                “ที่จริงฉันก็อยากขอหลักประกันเพิ่มความมั่นใจค่ะ ฉันรู้ว่าคุณมีทุกอย่างพร้อมแล้ว อีกอย่างโรงแรมเก่าๆ ใกล้เจ๊งของแม่ฉัน คงไม่อยู่ในสายตาคุณ แต่สำหรับฉันมันคือทั้งหมดของชีวิต พ่อสร้างมันขึ้นมาและแม่รักษามันจนลมหายใจสุดท้าย ทุกตารางนิ้วของที่นี่มีความทรงจำดีๆ ของครอบครัวฉัน”

                “และทุกตารางนิ้วบนตัวคุณคือความประทับใจของผมเช่นกัน คุณอยากได้อะไรเป็นหลักประกันล่ะ”

                แม้จะย้ำกับตัวเองว่าต้องรอบคอบและคิดให้รอบด้าน แต่พอเขาถามเหมือนเปิดทางให้อย่างนี้ วสุวีก็เริ่มลังเล ลองหยั่งเชิงไปคงไม่เสียหายหรอกมั้ง ได้ไม่ได้ก็ช่างมัน

                “คุณจะจดทะเบียนสมรสกับฉันได้ไหมคะ”

                “หือ...” อชิระอึ้งไปเหมือนกันเมื่อได้ยิน 

วสุวีหน้าเสีย เธอควรให้เวลาเขาอีกสักหน่อย ไม่ใช่จู่โจมเข้าประเด็นรวดเร็วอย่างนี้

                “ฉันขอโทษค่ะที่ทำให้ตกใจ”

                “ไม่หรอก ผมแค่แปลกใจน่ะ ทะเบียนสมรสมันจะช่วยอะไรคุณได้”

                “ก็ช่วยให้ฉันมั่นใจและรู้สึกมั่นคงว่าจะไม่ถูกคุณโกงไงคะ ฉันรู้ค่ะว่าคุณเสี่ยงมากกว่าฉัน แต่ฉันสัญญาว่าจะหย่าให้ทันทีที่คุณยึดอำนาจจากอาภพได้แล้ว โดยที่ฉันไม่เรียกร้องอะไร นอกจากขอโรงแรมคืนให้ฉันเท่านั้น”

                “เป็นหลักประกันที่แพงอยู่นะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” 

                อชิระบอกแล้วจูบหน้าผากมน นึกโมโหตัวเองเหมือนกัน พอเห็นเธอหน้าซีดเข้าหน่อยละใจอ่อน ยังไงเขาก็ต้องเหลือทางเลือกให้ตัวเองบ้าง

                “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ขอให้ผมคิดดูก่อนแล้วกันนะ ไม่ใช่ว่าผมจะกลัวคุณฮุบสมบัติหรอก แต่มันเป็นเรื่องที่ปุบปับไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม ผมไม่เคยคิดว่าจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนมาก่อน”

                เขายิ้มบางเมื่อคนในอ้อมกอดพยักหน้าเข้าใจ จะว่าไปข้อเสนอของเธอก็ไม่เลว การมีตัวตนของวสุวีจะช่วยลดแรงกดดันเรื่องทายาทอสูรของแม่ใหญ่ได้

                ตัวเขาไม่คิดยึดติดกับสถานภาพอะไรพวกนี้หรอก จะโสดหรือเป็นม่ายชื่อเสียงเขาก็ยังขายได้ตลอด อชิระเป็นที่ต้องการของหญิงสาวเสมอ แล้วนี่วสุวีก็บอกเองว่าพร้อมหย่าให้ แสดงว่าเธอก็เตรียมใจเป็นม่ายเอาไว้แล้วเช่นกัน แค่ลงทุนควักเงินซื้อโรงแรมแล้วใช้เล่ห์เหลี่ยมนิดหน่อยงัดข้อกับภพธร คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ถือซะว่าซื้อเวลาไป แม่ใหญ่กับพี่ปลาจะได้เลิกตามราวีเขา

                “ฉันรู้ค่ะ มันไม่ใช่ธุระที่คุณจะมาเสี่ยง แต่ขอให้เชื่อใจฉัน ฉันไม่อยากได้อะไรนอกจากโรงแรมวิรงรอง เรื่องทะเบียนสมรสคุณใช้เวลาคิดได้ตามสบายเลยค่ะ ฉันรอได้ แต่เรื่องโรงแรมอย่าคิดนานนักนะคะ” มือของวสุวีลูบมาที่อกด้านซ้ายของชายหนุ่ม

                หัวใจอชิระเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขาอาจจะติดตรงนี้ การจดทะเบียนสมรสไม่เป็นผลดีต่อเขาแน่นอน เพราะเขาเสียเปรียบเต็มประตู ถึงแม้เธอจะจริงใจ ไม่อยากได้ใคร่ดีอะไรของเขา แต่จะให้เขาเชื่อเธอทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันสองครั้งและมีเซ็กซ์กันสองหนมันก็คงไม่ง่าย วสุวียกศีรษะขึ้น แนบจุมพิตตรงจุดตั้งของหัวใจเขาราวกับให้คำสัตย์สาบาน

                “คุณจะเชื่อฉันสักครั้งได้ไหมคะ” 

                แววตาเว้าวอนอ่อนหวานนั่นทำใจเขาสั่นไปเลย แม้อชิระจะเพิ่งรู้จักวสุวี แต่ท่าทางแบบนี้เขาย่อมรู้ได้ถึงความจริงใจของเธอ

                “วสุวี...คุณเคยลองหยุดถามตัวเองบ้างไหม ทำไมถึงต้องยอมแลกทุกอย่างกับโรงแรมนี้”

                “เพราะมันคือสิ่งสุดท้ายที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ายังมีพ่อกับแม่อยู่”

                “ผมขอโทษที่ไม่อินกับโมเมนต์ครอบครัวอบอุ่น”

                “ฉันเข้าใจค่ะ” 

                วสุวีไม่แปลกใจเลย เจ้าสัวอรุณมีเมียสามคน ถึงจะเสียชีวิตไปแล้วหนึ่ง แต่อีกสองคนที่เหลือต้องแบ่งปันสามีกันใช้จะให้อบอุ่นก็แปลกแล้ว เธอคิดว่าเขาน่าจะเติบโตมาท่ามกลางความขัดแย้งของผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ

                “อยากฟังเรื่องครอบครัวอบอุ่นของผมไหม” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น

          “ถ้าคุณเต็มใจเล่าให้ฉันฟังนะคะ”

                “ผมเต็มใจเพราะมันก็เป็นเรื่องทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษลึกซึ้ง ฟังจบแล้วคนที่ครอบครัวอบอุ่นแบบคุณอาจอึ้งไปเลยก็ได้”

                เรื่องของอชิระไม่ใช่ความลับ ทุกคนในวงสังคมรับรู้ เพียงแต่รายละเอียดปลีกย่อยอาจจะแตกต่างบิดเบือนจากความเป็นจริงบ้าง แต่เขาไม่เคยแจกแจงความรู้สึกให้ใครฟัง ยิ่งกับสาวๆ ที่นอนด้วยนั้นยิ่งไม่คิดจะปริปาก ทว่าวสุวีต่างจากคนอื่น เธออยากเอาชีวิตมาผูกติดกับเขา เอาความหวังของเธอมาฝากไว้ในมือเขาเพื่อแลกกับทะเบียนสมรส เพราะฉะนั้นเธอจำเป็นต้องรู้เอาไว้ว่าสังเวียนที่กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นอย่างไร

                อชิระมีทัศนคติติดลบกับคำว่าครอบครัว เขาไม่มีความทรงจำอบอุ่นแบบเดียวกับเธอ วสุวีต้องรู้เรื่องนี้ อย่างน้อยก็เพื่อให้เธอได้สร้างภูมิคุ้มกันหัวใจเอาไว้แต่เนิ่นๆ ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอเป็นเพียงแค่เรื่องธุรกิจและผลประโยชน์

                “ผมเป็นลูกบ้านเล็กที่หัวหน้าครอบครัวขยันหาเมียเพิ่ม ก็เลยไม่ค่อยซาบซึ้งตรึงใจกับคำว่าครอบครัวมากนัก มีหัวหน้าครอบครัวที่ขยันหาสมาชิกเพิ่มแบบป๊า ผมว่าอย่ามีมันเลยดีกว่า ตัวคนเดียวไม่วุ่นวาย” 

                เพราะแบบนี้อชิระเลยไม่คิดว่าการมีครอบครัวจะเป็นเรื่องที่ดี เขามีปัญหา เขาก็ยอมรับตรงๆ และจะไม่ขวนขวายหาทางแก้ไขด้วย

                “พูดไปแล้วผมก็เหมือนเด็กมีปัญหา แต่พอโตมาเป็นผู้ใหญ่มองย้อนกลับไปมันน่าขำไม่น้อย”

                เสียงหัวเราะของเขาไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย วสุวีรู้สึกได้ถึงความขื่นขม เขาไม่ตลกหรอก คนเรามีหลายวิธีที่จะปกปิดความเศร้าไม่ให้คนอื่นรู้ ไม่ว่าจะตอนเด็กหรือตอนนี้อชิระก็ยังเจ็บปวด มือเธอลูบไปบนอกเขาอย่างอ่อนโยน 

                “แม่คุณใจดีกับคุณไหมคะ ฉันเดาว่าส่วนใหญ่คุณน่าจะอยู่กับแม่มากกว่าท่านเจ้าสัว”

                “ไม่รู้เหมือนกันว่าดีไหม” อชิระส่ายหน้า “แม่เสียตั้งแต่ผมยังเล็กๆ ร่างกายของท่านไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่อุ้มท้องผมแล้ว แต่ท่านก็ยังฝืนแลกชีวิตเพื่อเด็กคนหนึ่ง พอคลอดผมออกมาได้ไม่นานท่านก็...”

                จู่ๆ อชิระก็เงียบไป เขากอดเธอแน่น นิ่งกันอยู่สักครู่เขาก็เริ่มเล่าต่อ

                “พอแม่เสีย ผมถูกส่งต่อให้แม่ใหญ่เลี้ยง ท่านก็คงรักผมนั่นแหละ ถึงผมจะเป็นหอกข้างแคร่ก็เถอะนะ แต่แม่ใหญ่ฉลาดเป็นกรด ท่านรู้วิธีที่จะใช้ผมเรียกร้องความสนใจของป๊า ต่อรองกับป๊าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ ถ้าหาความหมายของคำว่าครอบครัวสำหรับผม ที่พอจะนึกออกก็คงเป็น...ความวุ่นวายชนิดหนึ่ง”

                อชิระหยุดเล่า เรื่องครอบครัว เขาไม่มีความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น ใครอยากมีก็มีไป แต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะสร้างครอบครัวกับใครทั้งนั้น 

                ชายหนุ่มคิดเปลี่ยนหัวข้อ “คุณเป็นคนใจถึงนะ”

                “นี่คุณชมฉันเหรอคะ” วสุวีแค่นเสียงหัวเราะหยันตัวเอง “ฉันเหมือนหมาจนตรอกมากกว่า”

                “อย่าคิดอย่างนั้น คนเราก็ต้องดิ้นรนทำทุกทางเพื่อให้ผ่านปัญหา แม่คุณรักคุณมากนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยกโรงแรมนี้ให้ทั้งหมด”

                “ฉันไม่เคยสงสัยในความรักของแม่ และก็คิดว่าแม่คงเริ่มระแคะระคายอาภพบางแล้ว เขาอยากให้โรงแรมนี้มีคลับกาสิโนรับเฉพาะลูกค้าวีไอพี แต่บ่อนก็คือบ่อนจะลูกค้าระดับไหน ทำให้มันเป็นความลับยังไง สักวันความจริงมันก็ต้องเปิดเผย แม่ฉันไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ อาภพเองก็ทำตัวสงบเงียบเรียบร้อย อดทนสะสมอำนาจจนทุกอย่างโยกย้ายไปอยู่ในมือเขา”

                เธอขยับศีรษะที่หนุนแขนเขา ถอนหายใจยืดยาว ลูบมือเล่นไปบนอกกว้างอย่างเลื่อนลอย

                “ฉันเคยคิดว่าจะไม่ยึดติดกับอะไร แต่การปล่อยให้คนพรรค์นั้นมาย่ำยีความทรงจำสุดท้ายของพ่อแม่ ฉัน...ทำใจไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

                “คุณเลยคิดจะไปเป็นเมียน้อยของป๊าผม”

                “คุณคิดจริงๆ เหรอเนี่ย บ้าจัง” กำปั้นเล็กของวสุวีทุบอกเขาดังอั้ก “คิดได้ยังไงคะ”

                “อ้าว...ผมจะไปรู้เหรอ ผมลบคลิปของเราแล้ว เรื่องที่คุณจะจับผมก็คงยาก พอเห็นคุณบุกไปหาป๊าที่วีพีกรุ๊ปจะให้ผมคิดเป็นอย่างอื่นได้ไงล่ะ แล้วป๊าผมน่ะร้อยวันพันปีเคยให้ใครเจอง่ายๆ ซะที่ไหน เข้าไปเห็นคุณอยู่กับท่าน ผมก็หูอื้อตาลาย แค้นใจจนอยากจับหักคอ หน็อย...เมื่อคืนยังนอนอยู่กับผม ตกบ่ายจะเลื่อนขั้นมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย มันก็ไม่ใช่ปะล่ะ”

                “ก็ไม่ใช่นะสิคนบ้า” เธอทุบเขาอีกที คราวนี้แรงกว่าเดิมเพิ่มความหมั่นไส้ไปด้วย “ฉันจะเอาหลักฐานว่าคุณทำฉันเสียหายไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าสัวต่างหาก”

                ส่วนไอ้เรื่องพลีกายเป็นเมียน้อยเจ้าสัวนั่นคงเป็นความคิดสุดท้าย ท้ายแบบสุดๆ เลยด้วย

                “ผมลบคลิปไปแล้ว คุณจะงัดหลักฐานอะไรมาอีก”

                “ถึงจะไม่มีคลิปนั้น แต่ฉันก็ยังเหลือภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม ฉันเชื่อว่าท่านเจ้าสัวคงรู้นิสัยคุณดี คุณหิ้วฉันเข้าโรงแรมไปแบบนั้น ต้องทำฉันเสียหายแน่นอน”

          วสุวีเม้มปาก นึกกระดากใจที่จะพูดต่อ แต่เขาก็รบเร้าอยากรู้ไม่เลิก

                “ฉันน่ะเสียตัวให้คุณแล้ว เรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้ถูกฟันฟรี แม่ฉันรู้จักกับท่านเจ้าสัว จะมาทำเบลอปล่อยผ่านคงไม่ได้ ฉันได้ชื่อว่าเป็นลูกสะใภ้ของท่านแล้ว สะใภ้เดือดร้อนจะใจดำไม่ช่วยเหลือก็เกินไปหน่อยละ ลูกชายท่านก็ไม่เอาเรื่องเอาราว ไม่รับผิดชอบฉันแล้วนี่”

                “โห...คุณนี่คิดได้เป็นฉากๆ เลย อ่านนิยายมากไปเปล่าเนี่ย แล้วยังไงต่อ”

                “ก็ลองท่านเจ้าสัวออกหน้าเอง รับรองได้อาภพคงไม่กล้าหือ อาภพน่ะโลภมากร้ายกาจก็จริง แต่เขาเป็นคนตาขาวถึงต้องเลี้ยงพวกพ้องเอาไว้เยอะๆ เขาจะไม่เสี่ยงสู้กับท่านเจ้าสัวเด็ดขาด ผิดนักฉันจะขอให้ท่านเจ้าสัวซื้อโรงแรมมาทุบทิ้งแล้วก็หลบไปใช้ชีวิตเงียบๆ”

                “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”

                “ฉันจะขอให้ท่านเจ้าสัวใช้อิทธิพลบีบอาภพจนทนอยู่ต่อไปไม่ได้ แลกกับอิสรภาพของคุณ”

                “ถ้าผมไม่ลบคลิป คุณจะเอาให้ป๊าดูจริงดิ” เขาถามยิ้มๆ ดวงตาจับนิ่งที่ใบหูแดงจัดของเธอ

                “ฉันไม่ได้กล้าขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ภาพจากกล้องวงจรปิดตอนที่เราเข้าโรงแรมและเวลาที่คุณออกจากโรงแรมก็พอแล้ว คลิปนั่นจะเป็นหนทางสุดท้าย”

                “ตอนนี้คุณไม่มีหนทางสุดท้ายแล้ว เอางี้ไหม” อชิระพลิกร่างตะแคงเข้าหาเธอ เอ่ยชวนอย่างซุกซน “เราถ่ายกันใหม่อีกรอบ ผมให้ความร่วมมือเต็มที่เลย เอากล้องมาเดี๋ยวผมหามุมเหมาะๆ ให้”

                “ฉันไม่บ้าจี้ไปกับคุณหรอก”

                อชิระหัวเราะเสียดาย เขาก็คิดว่าเธอจะกล้า แววตาชายหนุ่มอ่อนแสง มีความเอ็นดูเธอมากขึ้น วสุวียังอ่อนต่อโลกจริงๆ นั่นละ ต่อให้เอาคลิปตอนมีเซ็กซ์กันจะจะไปให้ป๊าดู หลักฐานนั้นก็ใช้จับเขาไม่ได้หรอก ยิ่งเวลาเข้าออกโรงแรมยิ่งแล้วใหญ่ ใครจะเชื่อเธอ ถ้าจะจับโจรก็หลุดคดี

                “ป๊าจะไม่เชื่อคุณ ต่อให้คุณเอาคลิปเต็มให้ท่านดู ท่านก็จะหาวิธีกำจัดคุณได้ง่ายดายเหมือนปอกกล้วย คุณน่ะยังไม่รู้จักความเลือดเย็นของคนในตระกูลวรปัทม์ดีพอ”

                “จริงหรือคะ” วสุวีหน้าซีดลงทันตา “แล้วอย่างนี้คุณจะยังช่วยฉันไหม คุณจะหาวิธีกำจัดฉันด้วยหรือเปล่า”

                “ตอนนี้ผมกำจัดคุณไม่ลงหรอก ระหว่างเราผมขอย้ำเงื่อนไขเดิม” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เชยคางเธอขึ้น บอกย้ำสัญญาด้วยเสียงกระเส่า “ขุนเสือให้อิ่ม ผมช่วยคุณ คุณช่วยผม แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

                อชิระจูบเธออีกครั้งราวกับจะผนึกสัญญาให้แน่นหนา วสุวีจูบตอบ ส่งปลายลิ้นหยอกเย้าแบบที่เขาเคยทำ ถึงอชิระจะยังไม่มีความชัดเจน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รังเกียจเธอ ในเมื่อเขาอยากได้ เธอก็จะให้เขาอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก 

                ใช่ว่าอชิระจะกินอิ่มคนเดียวซะที่ไหน ถึงเขาจะกลืนกินเธอ แต่เขาก็ยังสร้างความสุขแปลกใหม่ให้เธอ วสุวีได้เรียนรู้ถึงความสุขอีกรูปแบบหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้จัก ความสุขที่เกิดจากความใกล้ชิดของหญิงชาย

                เขากล่าวหาว่าเธอเป็นตัวการทำให้เขาเสียนิสัย ไม่รู้จักพอ หญิงสาวนึกอยากจะตอกหน้ากลับไปนัก เขาเองก็ไม่ใช่ย่อย ดูอย่างมือที่กำลังคลึงหน้าอกเล้าโลมปลุกอารมณ์เธออยู่นั่นไง อชิระก็ชักจะทำให้เธอนิสัยเสียเหมือนเขา

                กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม ไม่พอ

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น