19

ตอนที่ 19

 

                   การจากบ้านไปนานทำให้เดฟเริ่มหาร้านรวงต่างๆ ในเออร์วิงตันไม่เจอ ร้านอาหารที่เคยตั้งอยู่ตรงแยกไม่ไกลจากริมแม่น้ำฮัดสันก็หายไป กว่าจะเจอร้านเสื้อผ้าผู้หญิงที่อยู่บนถนนเลียบริมแม่น้ำก็เสียเวลาไปนานพอสมควร

                นายทหารรับจ้างหนุ่มจอดรถแล้วเปิดประตูเข้าไปในร้าน แต่นี่คือเออร์วิงตัน เมืองเล็กๆ ที่คนค่อนเมืองรังเกียจเขาเพราะโศกนาฏกรรมเมื่อหลายปีก่อน เพียงแค่เขาปรากฏตัวในร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง ทุกคนก็ล้วนมองเขาด้วยสายตารังเกียจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปี คนพวกนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง และเดฟก็ชินเสียแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจคนพวกนี้แต่อย่างใด

                ตาคมกริบมองชุดที่อยู่บนตัวหุ่น เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนง่ายๆ สองสามชุดคือเป้าหมาย จากที่เคยรบรากับแมคเคนซี่หลายครั้งเมื่อคราวที่อยู่แมนฮัตตัน ทำให้เขากะสัดส่วนของเธอได้ ไม่นับตอนที่ซักชุดให้อีกต่างหาก จะว่าลามกก็ได้ แต่เขาเก็บข้อมูลสัดส่วนเธอไว้หมดแล้ว

                ท่าทางคล่องแคล่วยามเลือกซื้อชุดชั้นในผู้หญิงยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ โรคจิต’ ของเดฟให้มีน้ำหนักกว่าเดิม แต่เขาจะสนหรือก็ไม่ อยากมองก็มองไป อยากคิดอะไรก็ตามสบาย เขาไม่สนอยู่แล้ว

                นายทหารรับจ้างหนุ่มหอบทั้งเสื้อผ้าและชุดชั้นในสตรีนำไปคิดเงิน เขาถูกมองด้วยสายตารังเกียจแกมหวาดระแวงตลอดเวลาที่ยืนรอ

                “ขอบคุณ” พนักงานบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับต้องการไล่ตะเพิดเขาออกไปให้ไวที่สุด...ทำอย่างกับเขาอยากอยู่ตายละ

                เดฟออกมานอกร้าน ก้าวขึ้นบิ๊กไบค์ กำลังจะขับออกไปแท้ๆ แต่กลับมีสายโทร. เข้ามา

                “ไงวะแดน” ปากก็พูดโทรศัพท์กับเพื่อน ทว่าตาคมกริบกลับมองไปยังพนักงานร้านขายเสื้อผ้าที่กำลังลอบมองเขาอยู่หลังกระจกร้าน ท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย

                “ฉันเจอข้อมูลผู้ชายสองคนที่ตามล่าแม็กกี้ของนายแล้ว”

                “ส่งมาให้ฉันเลย”

                “มันมีอะไรมากกว่านั้นน่ะสิวะ” ปลายสายมีน้ำเสียงค่อนข้างเป็นกังวล เสียงลมที่ดังเข้ามาในสายทำให้เดฟรู้ทันทีว่าแดเนียลกำลังมาหาเขา

                “ฉันอยู่ที่บ้าน”

                “เออ รออยู่นั่นแหละ ฉันออกจากบรุกลินไฮนานแล้ว ใกล้ถึงเออร์วิงตันแล้วด้วย” แดเนียลตัดสายอย่างรวดเร็ว มาเร็วเคลมเร็วยิ่งกว่าประกันเสียอีก

                ทหารรับจ้างหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วแล้วก้าวขึ้นบิ๊กไบก์ไทรอัมพ์ สแครมเบลอร์คันเก่ง ระหว่างที่กำลังสวมหมวกกันน็อก เขาก็ปรายตามองไปยังพนักงานคิดเงินเจ้าปัญหา และพบว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แอบมองเขาอีกต่อไปแล้ว

                เดฟใช้เวลาขี่รถไม่นานนักก็ใกล้ถึงจุดหมาย แต่แล้วดวงตาคู่คมก็หรี่แคบลง สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมยิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกถึงความเงียบงันมากขึ้นเท่านั้น ทำเอาหัวใจของอดีตนักบินหนุ่มกระตุกวูบด้วยความกังวลว่าแมคเคนซี่จะได้รับอันตรายหรือไม่ ทำไมบ้านถึงได้เงียบถึงเพียงนี้ ราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ข้างในเลยก็ไม่ปาน

                เดฟจอดรถแล้วก้าวลงไปอย่างเร่งรีบจนลืมถอดแม้กระทั่งหมวกกันน็อกและถุงมือหนัง เขารีบเปิดประตูเข้าไปในบ้านแล้วกวาดตามองหาหญิงสาวคนสำคัญ แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา ไม่ว่าจะในห้องนั่งเล่นที่ใช้เป็นห้องนอนไปแล้ว หรือจะในห้องครัว หลังบ้าน ล้วนไม่มีใครอยู่เลย

                “แม็กกี้!” สุดท้ายเดฟก็ทนเงียบไม่ไหว เขาตะโกนเรียกชื่อเธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด ทำเอาชายหนุ่มร้อนใจแทบบ้า วิ่งไปที่หน้าบ้านแล้วมองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอ ไม่ว่าจะหน้าบ้าน หลังบ้าน หรือแม้แต่ที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำฮัดสันก็ไม่มีแม้เงาของแมคเคนซี่

                ชายหนุ่มพยายามโทร. หาเธอ แต่ไม่มีใครรับสาย โทร. หาโจนาธานเพื่อจะถามว่าอยู่กับแมคเคนซี่หรือไม่ แต่ก็ติดต่อไม่ได้ แล้วจะไม่ให้เขาร้อนใจได้อย่างไร

                เสียงกุกกักดังมาจากชั้นบนของตัวบ้าน เรียกความสนใจจากเดฟได้ในที่สุด

                ทหารรับจ้างหนุ่มคว้าปืนจากสายสะพายใต้เสื้อแจ็กเกต ปลดเซฟปืนและยกขึ้นส่องตรงหน้า แล้วก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างระแวดระวัง เกรงว่าจะมี แขกไม่ได้รับเชิญ’ บุกมาถึงบ้านเขาเสียแล้ว

                เสียงดังกล่าวดังมาจากทางห้องนอนเก่าของน้องสาวเขา เดฟหรี่ตาลงด้วยความสงสัยว่าจะเป็นใครไปได้ ถ้าเป็นโจนหรือฝ่ายตรงข้ามจริงจะมาสนใจอะไรกับห้องนอนเก่าๆ ของเด็กผู้หญิงที่ตายไปแล้วตั้งหลายปี แต่อย่างไรเสียก็ไม่ควรประมาท เพราะเป้าหมายของพวกศัตรูนั้นเล่นงานถึงชีวิตทีเดียว

                เสียงกุกกักเมื่อครู่หายไปแล้วราวกับว่า ข้างใน’ ก็รับรู้ถึงการมาถึงของเขา ยิ่งทำให้อดีตนักบินรบพิเศษหนุ่มต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มือหนึ่งกำลูกบิดประตูแล้วบิดช้าๆ ส่วนมือที่ถือปืนเล็งไปตรงหน้าแน่วแน่ ปลายนิ้วแตะไกปืนพร้อมจะลงมือตลอดเวลา เมื่อแน่ใจว่าประตูไม่ได้ล็อก เขาก็ผลักประตูเข้าไปเต็มแรง

                คนที่อยู่ด้านในสะดุ้ง เดฟเองก็ตกใจเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนที่เขาตามหาแทบตาย และเขาก็เกือบจะยิงเธอไปแล้วด้วย

                “แม็กกี้!” เดฟถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่คนร้าย และโล่งใจที่ตัวเองไม่ได้ยิงเธอไปก่อนด้วย

                “คะ?” นักศึกษาสาวถอดหูฟังที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ออก สีหน้าเธอยังงงๆ แล้วจ้องมาที่ปืนของเขาเขม็ง

                ท่าทางซื่อๆ ที่บ่งบอกว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยทำเอาเดฟโกรธจนอยากจะจับเธอมาเขย่าแรงๆ ให้รู้ตัวเสียทีว่าเขาห่วงเธอแค่ไหน กลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายหรือถูกใครจับไปอีก แต่ที่ไหนได้ แม่เจ้าประคุณกลับมานั่งรื้อของเก่าๆ ของน้องสาวเขาอย่างนั้นหรือ มันน่าจับตีก้นเสียให้เข็ด!

                “คุณมีปืนด้วยหรือคะ” แมคเคนซี่ถามเสียงซื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยประกายอยากรู้อยากเห็น

                “ใช่” เขาตอบอย่างเสียไม่ได้ ขึ้นเซฟปืนแล้วเก็บไว้ด้านในเสื้อแจ็กเกตเหมือนเคย แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาตำหนิของแมคเคนซี่

                “ฉันไม่เคยรู้เลย”

                “เพราะผมไม่เคยบอกไง” เดฟเก็บปืนไว้ในที่ลับตาแมคเคนซี่เสมอ และพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลาโดยไม่บอกเธอ

                “อันตรายจะตายไป”

                “และมันก็ช่วยคุณจากอันตรายได้ด้วย”

                “ไหนคุณบอกว่าอยู่แต่ในบ้านจะไม่มีอันตรายไงคะ”

                “ป้องกันไว้ก่อนไง” หนุ่มเจ้าของบ้านกอดอกพิงกรอบประตู แล้วมองสาวตรงหน้าด้วยตาคมกริบ “แล้วคุณขึ้นมาทำอะไรในห้องน้องสาวผม รู้ไหมว่าผมหาคุณตั้งนาน”

                “ก็กลัวว่าคุณจะไม่ได้เสื้อผ้ามาไงคะ เลยลองๆ เดินเข้ามาหา คุณไม่ได้ล็อกห้องนี้ ฉันก็เลยเข้ามา”

                “ผมคงลืมน่ะ” เดฟตอบไปส่งๆ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกเธอว่ามีอาวุธซ่อนอยู่ตรงไหน เพราะบอกไปเธอก็ใช้ไม่เป็น ดีไม่ดีอาจจะเป็นเครื่องมือให้คนร้ายใช้เล่นงานเธอได้อีก

                “แล้วได้เสื้อผ้ามาไหมคะ”

                “ได้มาสิ” 

                ชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง แล้วชะโงกหน้ามาดูว่าแมคเคนซี่กำลังทำอะไร เห็นเธอเก็บลังเสื้อผ้าน้อยนิดกลับเข้าตู้เสื้อผ้าไปแล้ว

                “คุณคงสนิทกับน้องมาก ป่านนี้ยังเก็บของของน้องไว้อยู่เลย”

                “ของพ่อแม่ก็ยังอยู่ เสื้อผ้าที่ใส่อยู่นี่ก็ของพ่อผมทั้งนั้นแหละ”

                “แต่ฝุ่นเขรอะเลยนะคะ”

                “ผมไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่มารีน่าตาย”

                “คุณหายไปไหนคะ”

                “ทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน...ชีวิตก็มีแค่นี้แหละแม็กกี้” เดฟยักไหล่ พยายามบอกตัวเองว่าไม่แยแส แต่ก็ต้องยอมรับว่าการตอบคำถามของเธอทำให้หัวใจของเขาหน่วงๆ จึงรีบปัดความรู้สึกนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

                “คุณทำงานอะไรหรือคะ” เธอถามอีกครั้ง และครั้งนี้เดฟรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น

                ปกติแล้วแมคเคนซี่แสดงอารมณ์ทุกอย่างผ่านแววตา ไม่ว่าเธอจะโกรธ ไม่พอใจ หรือว่ากลัว เธอไม่เคยซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้เลยสักครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน

                “ก็ผมบอกแล้วไงว่าถ้าได้หลักฐานแน่ชัดแล้วและรู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป...ผมจะบอกคุณ”

                “แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ” คนฟังยังมีแววตาเคลือบแคลง แต่ก็ไม่ว่าอะไรไปมากกว่านั้น

                “เร็วๆ นี้แหละ”

                “แล้วเราจะไปไหนต่อคะ”

                “รอเพื่อนผมมาถึงที่นี่ก่อน แล้วผมจะบอกคุณทุกอย่าง...แต่ว่าตอนนี้เราลงไปข้างล่างกันเถอะ บนนี้มีแต่ฝุ่นทั้งนั้น”

                “ก็ได้ค่ะ” แมคเคนซี่ลุกขึ้น ปัดเศษฝุ่นที่กางเกงทิ้งแล้วเดินตามเดฟไปอย่างว่าง่าย

                ออกจากบ้านคราวนี้เดฟได้ของติดมือกลับมา ทั้งเสื้อผ้าและของสดอีกนิดหน่อย แต่แค่นิดเดียวเท่านั้น ทำเอาแมคเคนซี่ได้แต่มองด้วยความสงสัย เขาควรจะตุนของไว้มากกว่านี้ไม่ใช่หรือ หรือว่ามีแผนจะไปที่อื่นต่อ

                ทุกคำถามแสดงออกทางแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของแมคเคนซี่เหมือนเคย แค่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเดฟ ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากถาม เขาก็บอกออกมาเสียก่อน

                “เพื่อนผมบอกว่าจะมาหาที่นี่ แสดงว่าได้เบาะแสที่สำคัญแล้ว เราไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่นาน”

                “แล้วเราจะไปไหนคะ”

                “แล้วเราก็จะรู้เอง”

คำตอบกำกวมของเขาทำเอาหญิงสาวผู้เคยใจเย็นราวกับน้ำแข็งเริ่มโมโห เขาไม่รู้ตัวเลยหรือไรว่าท่าทางมีลับลมคมในแบบนี้ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่เธอเพิ่งได้รับรู้มาเสียเหลือเกิน

                แมคเคนซี่นึกย้อนไปถึงตอนที่เอฟบีไอมาที่บ้าน

                ‘ผมมีหลักฐานที่เชื่อมโยงกันระหว่างเดฟกับพวกกัสซาโน จากหลักฐานการโอนเงินค่าจ้างจำนวนมากจากบัญชีตัวแทนมากมายหลากหลายบัญชี แต่ตรวจสอบแล้ว...ของพวกกัสซาโนไม่ผิดแน่ โคลิน...เจ้าหน้าที่เอฟบีไอกล่าวแล้วยื่นหลักฐานการโอนเงินดังกล่าวส่งให้แมคเคนซี่

                หญิงสาวก้มลงมองหลักฐานทั้งภาพถ่ายและสำเนาจากบัญชีของเดฟอย่างละเอียด เธอเชื่อในสิ่งที่พวกเอฟบีไอพูด แม้จะผิดหวังที่เดฟหลอกเธอ แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าพวกเขาทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร

                พวกเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่คะ

                เรื่องคดีสุดท้ายของบรูซครับ คุณคือคนที่สนิทกับ บรูซ เกรย์สัน มากที่สุด จึงตกอยู่ในอันตรายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คลินท์...หนึ่งในลูกน้องของโคลินบอก

                ข้อมูลนี้ตรงกับที่เดฟเคยบอก แมคเคนซี่เงยหน้าขึ้นมองเจ้าหน้าที่เอฟบีไอแต่ละคน  โคลิน คลินท์ จอห์น และทิม ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังและน่าเชื่อถือ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเชื่ออย่างสนิทใจ แต่ต้องไม่ใช่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาเยอะจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้งขนาดนี้

                ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ฉันปฏิเสธหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะกับเดฟหรือกับคุณ ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะ

                เขาไม่ทิ้งอะไรไว้ให้คุณเลยหรือครับ

                เขาจะให้อะไรฉันไว้ทำไมล่ะคะ ฉันไม่ได้เป็นญาติเขาด้วยซ้ำ แมคเคนซี่ตอบไปตามจริง แค่คนรู้จักกันธรรมดาจะไปรู้เรื่องงานเชิงลึกของเขาได้อย่างไรกัน

                ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะไม่ปลอดภัยจนกว่าผมจะจัดการกับมาเฟียพวกนั้นได้

                ‘ของที่ว่ามันคืออะไรหรือคะ’

                ‘หลักฐานการทำคดีครับ’ โคลินตอบ

                ‘ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็จะหามันได้จากสำนักงานทนายความของเขา’

                ‘ไม่มีครับ และคิดว่าคงไม่อยู่ที่นั่นด้วย มันจะต้องหาย พวกกัสซาโนถึงได้พยายามตามหามันเหมือนกัน’

                ที่โคลินพูดก็มีเหตุผล ยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งเข้าเค้า กระนั้นก็ยังดูน่าสงสัยอยู่ดี แต่แมคเคนซี่ไม่พูดอะไร เธอเอาแต่นิ่ง และรอฟังโครงการคุ้มครองพยานที่โคลินเสริมให้ฟัง

                ‘ตอนนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้ เกรงว่าคุณจะไม่ปลอดภัย’ เจ้าหน้าที่เอฟบีไออาวุโสสรุป

                นักศึกษาสาวยังไม่ตอบโต้ เพราะกำลังเรียบเรียงความคิดและการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อดี ฟังจากที่โคลินเล่าก็มีเหตุผลทุกอย่าง แต่ก็มีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

                ‘ขอบคุณสำหรับข้อเสนอค่ะ แต่ฉันยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่รู้จริงๆ ว่าบรูซทำอะไรที่ไหนยังไง ไว้ถ้าฉันรู้ความคืบหน้าอย่างไรฉันจะแจ้งคุณอีกทีนะคะ

                ‘หมายความว่าคุณจะไม่ไปกับผมจริงๆ หรือครับ โคลินมีท่าทีทั้งแปลกใจและเป็นกังวลไปพร้อมๆ กัน และเมื่อแมคเคนซี่พยักหน้า เขาก็ขมวดคิ้วและถามต่อไปด้วยความสงสัย ขอโทษนะครับ ผมไม่คิดว่าคุณยังคิดจะอยู่กับเดฟอีก ในเมื่อเขาก็ทำงานให้คนที่คิดจะเอาชีวิตคุณ’

                ‘ฉันไม่อยู่กับใครทั้งนั้นแหละค่ะ แมคเคนซี่ตอบแล้วยิ้มบางๆ  ‘ฉันกับเขาก็แค่คนรู้จักกันเท่านั้น ฉันจะแวะไปหาคนรู้จักก่อนแล้วจะกลับไปที่ห้องอีกที ถ้ามีอะไรคืบหน้าฉันจะบอกคุณนะคะ’

                ‘เอาอย่างนั้นหรือครับ’

                หญิงสาวพยักหน้าหนักแน่น ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือเป็นกังวลให้เห็น และนั่นทำให้โคลินและลูกน้องล่าถอยไป ก่อนกลับยังบอกว่าจะติดต่อมาเรื่อยๆ หากได้ความคืบหน้าเรื่องคนร้ายทั้งสองคนที่ตามคุกคามเธอ

                เสียงเคาะประตูดังอย่างต่อเนื่องทำให้แมคเคนซี่ได้สติในที่สุด หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยแล้วมองหน้าเดฟ ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็กำลังจ้องเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน

                “เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่นอนแม็กกี้” เดฟบอกเสียงดุ

                การต้องอยู่ด้วยกันหลายวันรวมทั้งรู้จักเขามาในระดับหนึ่ง ทำให้แมคเคนซี่ไม่ได้กลัวเดฟเหมือนวันแรกๆ อีกแล้ว หญิงสาวใช้ความนิ่งสงบสยบความแข็งกร้าวของเดฟ

                เดฟเดินไปเปิดประตู คนที่รออยู่ด้านนอกเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำไว้หนวดเครารกรุงรังพอกัน ต่างกันที่คนมาใหม่สวมแว่นสายตา และนั่นทำให้แมคเคนซี่จำได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร

                คนที่ลักพาตัวเธอมาให้เดฟ!

                “อรุณสวัสดิ์ครับแม็กกี้” ผู้มาเยือนถือโอกาสทักทายทั้งยังเรียกชื่อเล่นเธอราวกับว่าสนิทกันมานานเหลือเกิน ทั้งที่เขาเกือบทำเธอหัวใจวายตายมาแล้ว!

                “นี่แดเนียลเพื่อนผม” เดฟแนะนำชื่อเสียงเรียงนามของเพื่อนอีกครั้ง “เรียกว่าแดนก็ได้”

                “ฉันจำคุณได้ค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แสดงออกทางสายตาชัดเจนว่าไม่ชอบหน้าแดเนียลเท่าไรนัก

                “ผมดีใจนะที่คุณจำผมได้”

                “ตามสบายนะคะ” เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ล้างแก้วน้ำของพวกโคลินและทีมของเขา หวังว่าเดฟคงจะไม่เดินไปในครัวแล้วสังเกตเห็นหรอกนะ

                “มีแขกมาบ้านหรือแม็กกี้” 

                คำถามของเดฟทำเอาหญิงสาวชะงัก หายใจไม่ทั่วท้องในทันที ไม่คิดว่าเขาจะสังเกต กระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมตอบและไม่ยอมหันหน้ากลับไปหา

                “ใครมาหรือแม็กกี้”

                แมคเคนซี่ได้แต่ยืนเกร็งแล้วกำมือแน่น ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ แล้วตอบเสียงเรียบ “ตำรวจค่ะ เขาแค่แวะมาหานิดหน่อย”

                “งั้นหรือ”

                น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าเดฟไม่เชื่อ แต่แมคเคนซี่ไม่กล้าหันกลับไปมองเพราะกลัวว่าถ้าหันไปจะยิ่งทำให้เดฟจับพิรุธได้

                “ไว้ค่อยคุยกันก็ได้ คุณไปทำอะไรก็ไปเถอะ”

                ได้ยินคำอนุญาตแล้วแมคเคนซี่ก็ถอนหายใจโล่งอก แล้วรีบเข้าไปจัดการหลักฐานทันที ไม่รู้ว่าเดฟจะเชื่อคำโกหกของเธอหรือไม่ ก็ได้แต่หวังให้เขาเชื่อก็แล้วกัน

                “เธอโกหก” แดเนียลพูดเป็นคำแรกทันทีที่แมคเคนซี่เดินหายเข้าไปในครัวแล้ว

                “ฉันรู้” อดีตนักบินหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ แล้วหันมาสบตาที่มองลอดแว่นของเพื่อน “เลิกทำกวนตีนได้แล้วแดน ได้อะไรมาบ้างวะ”

                “เพียบ” แดเนียลไม่รอช้า รีบเข้าเรื่องทันที เขาหยิบโน้ตบุ๊กออกมาจากกระเป๋าเป้และเชื่อมต่อกับโทรศัพท์และพีดีเอทันที แล้วเปิดแฟ้มข้อมูลที่เจาะมาได้ทั้งหมดให้เดฟดู

                “อะไรบ้างวะนั่น”

                “เยอะมาก แต่เริ่มจากสองคนที่นายให้ตามหาก่อนก็ได้ คนที่ฆ่าเพื่อนของแม็กกี้แล้วก็ตามล่าเธอ” พูดพลางรัวคีย์บอร์ดเปิดไฟล์อย่างคล่องแคล่ว ไม่นานไฟล์ข้อมูลของสองคนนั้นก็ปรากฏที่หน้าจอ

                “พวกเดริตโต”

                “ใช่” แดเนียลพยักหน้าพร้อมชี้ให้ดูข้อมูลคร่าวๆ ในจุดที่เชื่อมโยงกัน “ยุคที่มาเฟียนิวยอร์กยังเฟื่องฟู แต่ละแก๊งจะมีชื่อตามนามสกุลของผู้นำ เดรอตติ กัสซาโน เดริตโต มอตตา ปาเรโร”

                “อิตาลีล้วนๆ”

                “ก็สมัยอพยพกันมาตั้งรกรากไง”

                ทหารรับจ้างหนุ่มพยักหน้าช้าๆ แม้ว่าเออร์วิงตันจะอยู่ชานเมืองนิวยอร์ก แต่ตำนานก็อดฟาเธอร์พวกนี้ถูกเล่าขานมามายมาก ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว

                “แต่บ้านนอกอย่างนายอาจจะไม่เคยเห็นตัวจริง” แดเนียลว่าเข้าให้ และผลคือถูกเดฟผลักศีรษะอย่างแรง

                “หุบปากแล้วเล่ามาให้หมด”

                “ก็...ย้ายมาแล้วเอาตัวรอดมาได้ก็มีแค่ห้ากลุ่มนี้ คุมกันคนละเขต สร้างอิทธิพลจนกระทั่งเริ่มมีการกวาดล้างมาเฟียในนิวยอร์ก ต่างคนต่างต้องเอาตัวรอด บ้างก็โดนขึ้นศาล ล่มสลายไปเลยก็มี อย่างพวกเดรอตติ...เมื่อก่อนก็เป็นใหญ่น่าเกรงขาม แต่ถูกลากขึ้นศาลทั้งข้อหาอาชญากรรมและยาเสพติด ไหนจะเรียกค่าคุ้มครอง แต่พวกกัสซาโนยื่นมือมาช่วย จนเดรอตติกลายมาเป็นคนของกัสซาโน”

                “คนที่เข้ามาจ้างฉันคนแรกคือ ลอเรนโซ กัสซาโน ตัวจริงสินะ แต่มาในชื่อของ ดิเอโก เดรอตติ”

                “ใช่” อดีตพลสื่อสารตบบ่าเพื่อนแรงๆ “ฉันคิดว่านายจะโง่ถูกหลอก ว่าจะบอกนายหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้บอกสักที”

                “ฉันไม่ได้โง่”

                “เออๆ ไม่โง่ก็ไม่โง่”

                “แล้วพวกอื่นล่ะ ไหนจะไอ้พวกเดริตโตนี่อีก ไอ้ห่าสองคนนั้นที่มันตามแม็กกี้ของฉันเกี่ยวอะไรกับพวกเดริตโต”  

                “พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าแม็กกี้ของฉัน” แดเนียลหัวเราะเจ้าเล่ห์ แล้วรีบยกมือห้ามเมื่อเห็นเดฟทำตาดุใส่ “เออๆ กำลังจะบอกนี่ไง”

                “ก็อย่าลีลาท่ามากสิวะ”

                “ยุคที่พวกเอฟบีไอกวาดล้างอาชญากรรมในนิวยอร์ก ลากคอพวกมาเฟียทั้งหมดขึ้นศาล ปิดตำนานมาเฟียให้นิวยอร์กลับมาใสสะอาด”

                “มันแค่สิ่งที่หวัง” อิทธิพลที่สั่งสมมานานไม่ได้จะหายไปได้ง่ายๆ แม้จะกวาดล้างประกาศว่านิวยอร์กปลอดมาเฟียและอาชญากรรม แต่ในความเป็นจริงทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอิทธิพลเถื่อนพวกนี้ยังอยู่ แค่กระจัดกระจายไปในที่ทางที่ปลอดภัยเท่านั้น

                “ใช่...สุดท้ายก็ยังมีกลุ่มอิทธิพลพวกนี้อยู่ดี อย่างน้อยก็กัสซาโนกับเดริตโต พวกนี้ยังอยู่ได้เพราะ...”

                “ส่วย”

                “บิงโก!” แดเนียลตบมือชอบใจ

                “แล้วไงต่อ”

                “ก็...พวกเดริตโตเนี่ยโดนหนักเลย เพราะปกติก็ไม่ใช่ตัวใหญ่อยู่แล้ว และสองคนที่ตามล่าแม็กกี้ก็ถูกจับในฐานะมือสังหารของพวกเดริตโต”

                “มือสังหารเลยหรือ” ดูจากทักษะแล้วน่าจะเป็นแค่ลูกไล่ธรรมดามากกว่ามือสังหาร จัดการผิดเป้าหมายง่ายเกินไป ทำอะไรไม่คิด ตกเป็นเป้าให้โดนจับได้ มือสังหารจริงๆ ไม่ประมาทแบบนี้แน่

                “ฉันก็สงสัยอยู่ มือสังหารอะไรโคตรโง่ สั่งมาให้ฆ่าแม็กกี้ยังฆ่าผิดคน ในบาร์มันไม่ได้มืดขนาดนั้นเสียหน่อย”

                “นายจะบอกว่าอะไรวะแดน”

                “ก็...ฉันได้กลิ่นแปลกๆ ระหว่างพวกนี้กับพวกเอฟบีไอ” แดเนียลทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ท่าทางเครียดมากผิดวิสัยขี้เล่นสบายๆ ของเจ้าตัว

                “ฉันก็เหมือนกัน” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เดฟสงสัยพฤติกรรมบางอย่างของพวกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ทั้งที่ควานหาตัว ทนายบรูซ เกรย์สัน แทบตาย บอกว่าเกรย์สันทำคดีสุดท้ายของพวกมาเฟีย แต่เมื่อพบศพทนายคนดังกล่าว กลับปิดคดีรวดเร็วเสียจนน่าสงสัย

                “ถ้าสองคนนี้ทำงานให้พวกเดริตโตจริง...” เดฟตั้งข้อสังเกต

                “ถ้า’ อย่างนั้นหรือ”

                “ใช่” ทหารรับจ้างหนุ่มพยักหน้า “ถ้าใช่จริง แรงจูงใจคืออะไร”

                “อยากกำจัดพวกกัสซาโนไง”

                “ควรจะทำนานแล้วไม่ใช่หรือ”

                “มันอาจจะเพิ่งมีช่องทางก็ได้”

                “ช่องทางที่ว่ามันคืออะไรล่ะ” 

                “นั่นสิ” แดเนียลเกาหัวแกรก “แต่เดี๋ยวนะ...นี่มันงานนายไม่ใช่เรอะ”

                “เดี๋ยวเลี้ยงเหล้า”

                “งั้นมาคิดกันต่อ” อดีตพลสื่อสารผู้ล้างมือจากวงการรัวคีย์บอร์ดรัวเร็ว เปิดแฟ้มคดีการเสียชีวิตของ แบรนดอน เชลเลอร์ ผู้ช่วยของ โคลิน คอนโนลลี่ ขึ้นมา

                “โคลินเคยพูดถึงคนคนนี้กับฉัน”

                “จะมาบอกนายทำไมวะ” หนุ่มแว่นย้อนถามด้วยความสงสัย 

                “ใครจะรู้” เดฟยักไหล่แล้วถามต่อไปว่า “ตายยังไง”

                “ก็...”

                เสียงเคาะประตูขัดจังหวะการพูดของแดเนียลเสียก่อน ทำเอาสองหนุ่มสบตากันด้วยความสงสัย และต่างคนต่างก็คว้าปืนของตัวเองขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ประตูอย่างระแวดระวัง

                เดฟทำสัญญาณมือบอกให้แดเนียลไปยืนอีกฝั่งประตูเตรียมรับมือทุกสถานการณ์ ในขณะที่เขาจะเป็นคนเปิดประตู พยักหน้าแล้วนับถอยหลัง สาม...สอง...หนึ่ง...

                “ใจเย็นสิคุณ” ผู้มาใหม่คือชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีน้ำเงินและเสื้อโคตตัวยาว ใบหน้าปรากฏริ้วรอยแห่งประสบการณ์และกาลเวลา แววตาเหี้ยมเกรียมดุดัน

                ผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับที่บอกว่าตัวเองคือ ลอเรนโซ กัสซาโน แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ชายคนนี้คือ ดิเอโก เดรอตติ มือขวามาเฟียและทายาทของพวกเดรอตติต่างหาก

                “ดิเอโก เดรอตติ” เดฟลองเสี่ยงเรียกชื่อชายตรงหน้าตามข้อสันนิษฐานของตัวเอง

                เจ้าของชื่อพยักหน้า เป็นสิ่งยืนยันว่าสิ่งที่เดฟสงสัยคือความจริง

                “วางปืนลงก่อนไหม” ดิเอโกตัวจริงยิ้มมุมปาก ยิ่งเสริมให้ใบหน้าเหี้ยมเกรียมน่ากลัวขึ้นอีกเท่าตัว สมแล้วที่เป็นทหารเก่ากันทั้งนั้น”

                “คุณมาได้ยังไง” อดีตนักบินรบหนุ่มลดปืนลงก็จริง แต่ก็ยังไม่เก็บปืน ตาคมยังมองออกไปข้างนอกเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาอีก

                “จากข้อความของเพื่อนคุณไง” ดิเอโกก้าวเข้ามาในบ้าน แล้วถอดเสื้อโคตตัวนอกออกวางพาดกับแขนด้วยอิริยาบถสบายๆ แต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจอย่างที่ลอเรนโซ ทายาทมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดในตอนนี้ยังเทียบไม่ได้

                “ผมก็ลุ้นอยู่นานว่าพวกคุณจะเข้าใจไหม” แดเนียลยักไหล่ เก็บปืนแล้วกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

                “เพื่อนคุณฉลาดมาก”

                เดฟพยักหน้ารับแล้วกลับมาสู่เรื่องที่คุยค้างไว้ “ว่าไงแดน แบรนดอน เชลเลอร์ ตายยังไง”

                “ฆาตกรรม” คนที่ตอบไม่ใช่แดเนียล แต่กลับเป็นมือขวามาเฟียที่ตอบคำถามนี้เสียเอง 

                “ยังไง”

                “ก็...รถชนระหว่างที่กำลังหาเบาะแสเรื่องของพวกผม แต่เชื่อไหม...นั่นไม่ใช่อุบัติเหตุ” 

                “จากพวกคุณหรือ” ทหารรับจ้างหนุ่มถามเสียงเครียด แบรนดอนเป็นเอฟบีไอ อยู่ๆ ถูกฆาตกรรม ต่อให้จะสรุปคดีว่าเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่แล้ว

                เพียงแต่ว่า...ฝีมือใคร

                คนถูกถามเลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะลงคอ แล้วส่ายหน้าไปมา “ผมจะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อพวกเรามีทนายที่เก่งที่สุดอย่าง บรูซ เกรย์สัน ทำงานให้ อย่างไรเราก็รอด คุณก็ลองคิดดูสิว่าใครที่ต้องการกำจัดเรา”

                “ศัตรูของคุณหรือเปล่า”

                “ฉันว่าเรื่องนี้เราหาคำตอบได้นะเดฟ” แดเนียลละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์

                “ทำไม”

                “พอแบรนดอนตาย ลูกเมียก็ย้ายออกจากแมนฮัตตันกลับไปอยู่บ้านเก่าแถบชานเมือง...ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย แค่เมืองสลีปปี ฮอลโลว์นี่เอง”

                “ถ้าอย่างนั้นก็ไป” เดฟลุกขึ้นเก็บข้าวของอันน้อยนิดอย่างรวดเร็ว แดเนียลก็เช่นกัน

                “แมคเคนซี่อยู่ที่ไหน” ดิเอโกถาม ทำเอาสองหนุ่มชะงัก

                “เธออยู่ในครัว” เจ้าของบ้านบอก แต่แล้วก็ต้องชะงัก เริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้บ้านเงียบมาก เงียบ...ราวกับไม่มีใคร นอกจากพวกเขาสามคน 

                ชายหนุ่มร่างสูงก้าวพรวดเดียวถึงห้องครัว ทว่าสิ่งที่พบกลับมีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของหญิงสาว แม้แต่เงายังไม่พบด้วยซ้ำ

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น