5

บทที่ 5


5

ร่างสูงสมาร์ตของเฟอร์นันโดยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างรถยนต์คันหรู ท่าทีเรียบเรื่อยต่างจากความร้อนรุ่มภายในใจ ดวงตาคมทอดมองบริเวณประตูทางออกอยู่ตลอดเวลา ราวกับกลัวว่าจะพลาดจังหวะที่คนที่กำลังรอคอยเดินออกมา

เขาเกลียดที่นี่! เพราะมันคอยย้ำให้รู้อยู่ตลอดเวลาว่าวีรินทร์ยังเด็ก...เด็กมาก! หากเทียบกับเขาตอนนี้ เธอเป็นเพียงแค่นักเรียนชั้นมัธยมปีสุดท้าย ในขณะที่เขาก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารของเดรอสซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เฟอร์นันโดค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคนที่เฝ้ารอเดินปะปนออกมากับนักเรียนกลุ่มใหญ่ ดวงตาคมทอดมองร่างระหงพร้อมทั้งเพ่งพิศอย่างลึกซึ้ง วีรินทร์งดงามนักแม้อยู่ในวัยแรกรุ่น สาวน้อยของเขาดูจะสูงกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่พอสมควร อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นลูกครึ่งที่เหมือนจะรวมเอาจุดเด่นของชาติพันธุ์ของบิดามารดามารวมไว้ที่ตัวเองอย่างลงตัวที่สุด

เขาเฝ้ามองพัฒนาการของเธอมาโดยตลอด วีรินทร์ในตอนนี้เปรียบเหมือนกุหลาบแรกแย้ม สวยสดงดงามเสียจนเขาแทบจะหมดสิ้นการควบคุมตัวเอง หวาดกลัวอยู่ในส่วนลึกว่าคนอื่นๆ จะมองเธอเช่นเดียวกับที่เขากำลังมอง ยิ่งคิดเช่นนี้ความหวงแหนก็ยิ่งล้นอก

เธอเป็นของเขา! เป็นตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก นั่นเป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันยอมให้มันเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด!

“สวัสดีนางฟ้า”

เสียงทุ้มลึกที่จารจำในหัวใจซึ่งเอ่ยทักทาย ทำให้สาวน้อยที่เดินกอดกระเป๋าหนังสือเดินเหม่อๆ ปะปนออกมากับกลุ่มนักเรียนถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้

“พี่...นายน้อย!” เสียงหวานใสเกือบจะหลุดปากเรียกชื่อที่คุ้นเคยออกไป ชื่อที่หากไม่นับจูเลียตแล้ว เขาก็อนุญาตให้เธอเรียกได้อีกเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ตะกอนความรู้สึกบางอย่างทำให้สาวน้อยยั้งปากเอาไว้ได้ในที่สุดและเรียกขานเขาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ดวงตากลมโตมองเขาด้วยความรู้สึกสับสน ตื่นเต้น ดีใจ รวมถึงหมางเมิน

คิ้วเข้มของเฟอร์นันโดขมวดมุ่นกับการเรียกขานเช่นนั้น อันที่จริงเขาคุ้นกับสรรพนามที่ทุกคนเรียกดี ทว่ากลับรู้สึกแปลกๆ เมื่อคำว่า ‘นายน้อย’ ผ่านออกมาจากปากวีรินทร์ แทนที่จะเป็นคำว่า ‘พี่ฮอว์ค’ ดังเช่นที่ผ่านมา

“สวัสดีจ้ะวี” เฟอร์นันโดเลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน และทักทายสาวน้อยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอยังเอาแต่จ้องเขาเหมือนกับไม่เคยเห็น

“ค่ะ สวัสดี” วีรินทร์ยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มทันทีเมื่อตั้งสติได้

“ขึ้นรถเถอะ พี่มารับ” เฟอร์นันโดชักชวน แต่คราวนี้สาวน้อยกลับไม่ก้าวตามมาง่ายๆ อย่างเคย

วีรินทร์กวาดตามองหาคนขับรถที่มีหน้าที่รับส่งเธอเป็นประจำทันที

“มองหาคนขับรถของเราเหรอ เขาไม่มาหรอก วันนี้พี่มารับเราเอง” เฟอร์นันโดเอ่ยราวกับรู้ว่าเธอกำลังมองหาใคร กำลังจะเดินไปเปิดประตูให้นางฟ้าของตน แต่อีกฝ่ายก็เงียบจนทำให้เขาถึงกับชะงักไป ดวงตาสีสนิมมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์กว่าเดิมพร้อมทั้งย้ำอีกครั้ง “มาสิจ๊ะวี”

วีรินทร์เม้มริมฝีปากแน่น มีความรู้สึกอยากจะกรีดเสียงใส่คนตัวโตตรงหน้าตามความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ เมื่อรู้ว่าเขาเจ้ากี้เจ้าการไล่คนของเธอไป เธอรู้ดีว่าด้วยอำนาจที่มีทำให้เฟอร์นันโดสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้สบายๆ แต่ก็ไม่กล้าทำอย่างนั้น เนื่องจากสายตาหลายคู่ที่เริ่มมองมาอย่างสนใจ เพราะบุคลิกอันโดดเด่นสะดุดตาของเขานั่นเอง

นี่ผู้ชายคนนี้ไม่รู้ตัวบ้างหรืออย่างไรว่าตนเองเป็นที่สนใจของคนทั่วไปมากแค่ไหน มันคงไม่ดีนักถ้าเธอจะหาเรื่องทะเลาะกับเขาที่ตรงนี้ เธอรู้จักเฟอร์นันโดดีเช่นกัน คนอย่างเขาไม่คุ้นชินกับการที่มีคนขัดใจ จึงจำใจก้าวตามเขาไปในที่สุด

ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้ม เมื่อเห็นคนตัวเล็กขยับตัว มือแกร่งเอื้อมไปเปิดประตูรถฝั่งเบาะนั่งข้างคนขับให้อย่างเอาอกเอาใจชนิดที่ว่าไม่เคยทำให้ใครเช่นนี้มาก่อน เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายได้รับบริการจากคนอื่นแทบจะตลอดเวลา แต่ก็นั่นละ วีรินทร์อยู่เหนือกฎเกณฑ์เหล่านั้นเสมอ

“เหนื่อยหรือเปล่า ทำไมท่าทางเราดูแปลกๆ” เฟอร์นันโดเปิดฉากสนทนาก่อน เมื่อเข้ามาอยู่กันตามลำพังในรถเรียบร้อยแล้ว และสาวน้อยก็ยังนั่งนิ่งอยู่

“นายน้อยมาที่นี่ทำไมคะ” เธอไม่ตอบคำถามของเขา แต่เลือกที่จะตั้งคำถามกลับไปบ้าง

เพียงเท่านั้นเฟอร์นันโดก็รู้ว่าจะต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงตั้งคำถามกลับคืนไปเช่นกัน “ใครสอนให้เรียกพี่แบบนั้น”

“ทำไมจะต้องมีใครสอนคะ วี...ดิฉันโตพอที่จะรู้แล้วว่าควรปฏิบัติตัวกับใครแบบไหน” สาวน้อยเอ่ยเสียงเรียบ ปลายคางมนเชิดตรงขึ้นอีกนิดโดยที่ไม่รู้ตัว

“ดิฉันงั้นเหรอ มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว! นี่วีโกรธอะไรพี่ ถึงมาพูดจาบ้าบออะไรอย่างนี้!” เฟอร์นันโดตวาดลั่นอย่างที่แทบจะไม่เคยทำ คนอย่างเขาเก็บงำความรู้สึกต่างๆ ได้มิดชิดเสมอ

“สิ่งที่ดิฉันทำมันถูกต้องแล้วค่ะ” สาวน้อยยังคงยืนยันเสียงเรียบ

ความหงุดหงิดทำให้พญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีอยากจะจอดรถแล้วคว้าเอาคนอวดดีมาสำเร็จโทษเสียให้เข็ด แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ให้สงบลง บอกกับตัวเองว่าเธอยังเด็กนัก อาจจะใช้อารมณ์เหนือเหตุผลไปบ้าง เขาต่างหากที่โตกว่า และจะต้องเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ ไม่ใช่เต้นไปตามเกมของเธอ

“ไม่พอใจเรื่องอะไร” คราวนี้น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มกลับกลายเป็นราบเรียบเช่นเดียวกับที่ใช้กับคนอื่นๆ

“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้ไม่พอใจอะไร”

ดวงตาสีสนิมชำเลืองมองคนที่นั่งคางเชิดแวบหนึ่งแล้วหันไปสนใจการจราจรบนถนนต่อ กรามแกร่งบดกันแน่นอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงปัญหาคาใจที่ทำให้เขาต้องแล่นมาถึงนี่ “ทำไมไม่ไปอิตาลีกับอามาร์ค”

เป็นธรรมเนียมที่มาร์คัสจะพาครอบครัวไปเยี่ยมเยียนเจ้านายทุกๆ ปี มันเป็นช่วงเวลาซึ่งเขารอคอยที่จะได้พบกับวีรินทร์อยู่เสมอ แต่ปีนี้ปรากฏว่านางฟ้าของเขาไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยอย่างทุกครั้ง แต่นั่นยังไม่ร้ายแรงเท่าการที่เธอไม่แม้แต่จะรับโทรศัพท์จากเขา นี่เองที่ทำให้เฟอร์นันโดทนไม่ได้จนต้องบินมาถึงเมืองไทยทั้งที่หาเวลาว่างแทบไม่ได้ แล้วคำตอบจากคนที่เขาแสนโหยหากลับทำให้พญาเหยี่ยวแทบสะอึก

“ไม่ว่างค่ะ”

ริมฝีปากหยักสวยเม้มแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ก่อนจะเอ่ยถามต่อไปอีก “เรียนหนักเหรอ”

เพราะเป็นปีสุดท้ายของชั้นมัธยมและกำลังเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย บางทีวีรินทร์อาจจะต้องใส่ใจกับการเรียนเป็นพิเศษ ก็เหมือนที่เขาเคยเป็น เฟอร์นันโดพยายามหาเหตุผลมาแก้ต่างให้สาวน้อยอยู่ในใจ

ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติกของคนตัวเล็กก็ถูกเม้มไม่ผิดกัน เมื่อนึกขึ้นมาว่าก็เพราะเขานั่นละ ที่ทำให้เธอแทบไม่เป็นอันเรียนอยู่ช่วงหนึ่ง มีเพียงความมุ่งมั่นที่ไม่ต้องการให้ครอบครัวผิดหวังในตัวเธอเท่านั้นที่ทำให้รวบรวมสติกลับมาได้ แต่ก็ยังเจ็บแปลบอยู่ทุกครั้งที่คิดถึงผู้ชายคนนี้ จึงตอบรับไปส่งๆ เพราะไม่ต้องการจะสนทนากับเขา “ค่ะ”

“แต่ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่รอ อีกอย่าง ไม่ว่างขนาดที่ว่าแม้แต่โทรศัพท์ก็รับไม่ได้อย่างนั้นเชียวเหรอ”

“ไม่อยากจะสนใจเรื่องอื่นค่ะ นายน้อยเองก็น่าจะไม่ว่างเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ ดิฉันแน่ใจว่าคุณคงจะยุ่ง!”

“วีรินทร์!” เฟอร์นันโดตวาดเสียงดัง เมื่อการที่เขาอ่อนข้อให้ กลับทำให้สาวน้อยยิ่งก่อกำแพงมาขวางกั้นระหว่างเขากับเธอ ผลักไสเขาออกไปแบบไม่รักษาน้ำใจแม้แต่น้อย

ทว่าคนที่ผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจอย่างที่สุดมาแล้ว กอปรกับความหุนหันพลันแล่นของวัยเยาว์ก็หาได้กลัวเกรง ทุกคนภายใต้ปีกของเดรอสซีอาจจะกลัวเขา แต่นั่นย่อมไม่ใช่เธอ เขาทำเรื่องที่เธอกลัวที่สุดลงไปแล้ว! ปากเล็กๆ จึงไม่ลังเลที่จะเชือดเฉือนเขาให้สาสมกับที่เขาเฉือนหัวใจเธอเสียจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี!

“มีอีกเรื่องที่ดิฉันอยากจะขอร้องนายน้อย”

“ว่ามา! พี่จะให้ทุกอย่าง ถ้ามันจะทำให้เราเลิกทำตัวอย่างที่กำลังทำอยู่นี่เสียที” เฟอร์นันโดเอ่ยเสียงหนักและหมายความตามนั้นทุกคำ

“อย่ามาหาดิฉันที่โรงเรียนอีก” เสียงของสาวน้อยก็เน้นหนักไม่แพ้กัน

ประโยคสั้นๆ แต่ไม่ผิดกับการสาดน้ำมันลงในกองเพลิง เฟอร์นันโดหักพวงมาลัยเพื่อนำรถไปจอดเทียบข้างทางทันที เพราะไม่มีสมาธิที่จะขับต่อไปได้อีก หันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่กล้าออกคำสั่งกับเขาด้วยดวงตาวาวโรจน์ พร้อมทั้งยิงคำถามกลับไปทันทีทันควัน “ทำไม!”

“ดิฉันไม่ต้องการตกเป็นเป้าสายตาใคร” สาวน้อยหันไปต่อปากต่อคำอย่างไม่ลดละเช่นกัน

“พี่ไม่เคยแคร์” คนตัวโตเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ คนอย่างเขาไม่เคยต้องใส่ใจสายตาคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องของวีรินทร์! เขาไม่เคยคิดจะปิดบัง แถมยังพอใจหากใครๆ จะเข้าใจว่าเธอเป็นของเขา

“ค่ะ! คนอย่างนายน้อยไม่เคยแคร์ อาจจะไม่เคยแคร์ใครเลย แต่ดิฉันแคร์”

“ใครล่ะวี! ใครที่เราแคร์สายตามันมากจนต้องมาห้ามพี่อย่างนี้”

“ดิฉันไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องให้นายน้อยทราบ” สาวน้อยเอ่ยพร้อมทั้งพยายามจะเมินหน้าหนี เพราะไม่อาจสบตากับดวงตาสีสนิมที่เวลานี้คล้ายจะมีเปลวไฟลุกเรืองอยู่ในนั้นได้อีก ทว่ามือแข็งแรงกลับยึดคางมนไว้มั่น

“ตอบมาวีรินทร์!” เสียงทุ้มคาดคั้นเอาความ เหมือนต้องการให้รู้ว่าจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ

“ทำไมดิฉันต้องบอก” สาวน้อยเค้นเสียงถามบ้าง ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้บอกเธอทุกเรื่องเช่นเดียวกัน

“ลืมไปแล้วกระมังว่าตัวเองเป็นของใคร” เฟอร์นันโดคำรามเสียงต่ำ มีความรู้สึกอยากจะลงโทษคนอวดดีอย่างที่สุด ปากจมูกที่เชิดขึ้นนั่นก็ราวกับจะท้าทาย ถ้าเพียงแต่เธอไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบนักเรียน บางทีเขาอาจจะสาธิตให้นางฟ้าตัวน้อยรู้ก็ได้ว่าทำไมเธอต้องบอกทุกเรื่องกับเขา

“ดิฉันไม่เคยเป็นของใคร” สาวน้อยยังยืนยันเสียงแข็ง

“โกรธอะไร...บอกมาสิ วีของพี่ไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เราน่ารัก ไม่ได้เกเรอย่างนี้เสียหน่อย” น้ำเสียงในตอนท้ายทอดอ่อนเอาใจ

เขาอาจจะเคยชินกับการใช้อำนาจ แต่ไม่เคยคิดจะใช้สิ่งนั้นกับวีรินทร์ ที่เธอโอนอ่อนตามใจเขามาตลอดหาใช่เพราะถูกข่มขู่บีบบังคับ แต่เป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้ว่าสำหรับเขาแล้วเธออยู่เหนือกว่าคนอื่นเสมอต่างหากละ แล้วอะไรกันที่ทำให้สาวน้อยแสนน่ารักของเขาลุกขึ้นมาต่อต้านแข็งขืนอย่างที่กำลังเป็นอยู่

วัยที่แตกต่างรวมถึงระยะทางที่ห่างไกลทำให้เขากังวลใจอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของวีรินทร์มักส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อจิตใจเขาทุกครั้ง เขาที่ควบคุมทุกอย่างได้ง่ายดายและเฉียบขาดเสมอกลับทำอย่างนั้นกับสาวน้อยคนนี้ไม่ได้ และจะให้ใครรู้จุดอ่อนนี้ไม่ได้เลย!

“ดิฉันคิดว่าตัวเองตอบนายน้อยไปแล้วนะคะว่าไม่ได้เป็นอะไร ถ้าจะกรุณา ช่วยไปส่งที่บ้านด้วยค่ะ ดิฉันมีรายงานที่ต้องส่งวันพรุ่งนี้ และต้องการเวลาส่วนตัวค่ะ” สาวน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ต่างกับอีกคนที่ร้อนรุ่มไปทั้งหัวใจ

เฟอร์นันโดมองซีกหน้างดงามของสาวน้อยที่ไม่ปรายตามองเขาเลยแม้แต่สักแวบ กิริยาแข็งขืนเช่นนี้หากเป็นคนอื่นก็แน่ใจได้เลยว่าจะได้รับการตอบแทนจากเขาอย่างสาสมที่สุด! แต่กับวีรินทร์ การลงทัณฑ์เพียงอย่างเดียวที่เขาคิดจะมอบให้เธอนั้นถูกกำหนดไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

ดวงตาคมมองเครื่องแบบที่เธอสวมอยู่ด้วยแววตาเย็นชาราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเกลียดอย่างที่สุด แล้วก็เลื่อนสายตาไปมองวงหน้างดงามนั้นอีกครั้ง ใช่! เรื่องนี้ต้องใช้เวลา และคนอย่างเขาไม่เคยเสียเวลาฟรีๆ!

“ได้สินางฟ้า เราจะได้เวลาส่วนตัวอย่างที่ต้องการ จงใช้มันซะให้คุ้มค่า เพราะเมื่อถึงเวลาของพี่บ้างก็หวังว่าเราจะเข้าใจเหมือนกัน”

เฟอร์นันโดเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าดวงตาสีสนิมเข้มลึก เขาจะให้ในสิ่งที่วีรินทร์เรียกร้อง นั่นก็คือเวลาส่วนตัวที่เธอต้องการมันนักหนา เขาจะมอบให้ไปจนกว่าเธอจะสลัดไอ้เครื่องแบบบ้าๆ นี่ไปให้พ้นกาย ซึ่งมันก็คงจะเป็นการดีทั้งสองฝ่าย บางคนอาจจะคิดว่ายาวนาน แต่สำหรับพญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับมนุษย์ ในเมื่อเขายอมที่จะเสียมันไปจนกว่าวีรินทร์จะเรียนสำเร็จ นั่นก็หมายความว่าเขาได้บวกดอกเบี้ยของการรอคอยรวมเข้าไปแล้ว และเมื่อหมดเวลานั้น คำเดียวเธอก็ไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์!

น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้คนที่นั่งหน้าเชิดและตั้งใจว่าจะไม่ปรายตามองเขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองในที่สุด เพราะแม้น้ำเสียงนั้นจะไม่มีวี่แววคุกคาม แต่ก็เต็มไปด้วยความหมายมาด คล้ายกับประกาศิตของเขาเลยทีเดียว ดวงตาสีสนิมและดวงตาสีน้ำตาลสบกันอีกครั้ง ต่างก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายคล้ายจะให้ทะลุไปถึงความคิดของคนที่กำลังสบตากันอยู่ แล้วคนที่อ่อนประสบการณ์กว่าก็เป็นฝ่ายเมินหลบไปอีกครั้ง

มุมปากหยักสวยยกขึ้นคล้ายจะยิ้มกับกิริยากึ่งๆ ค้อนของคนตัวเล็ก มันเป็นรอยยิ้มที่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็น เพราะเจ้าตัวกำลังพึงพอใจอะไรบางอย่าง มันเป็นละอองของความพอใจท่ามกลางความขุ่นเคืองที่กำลังเป็นอยู่

‘เป็นสาวแล้วสินะ!’

พญาเหยี่ยวรำพึงอยู่ในใจ เพราะถ้าหากเป็นเด็กหญิงวีรินทร์ คงไม่มานั่งค้อนเขาแบบนี้กระมัง สิ่งที่กำลังคิดทำให้มีกำลังใจที่จะรอคอยมากขึ้น วันที่วีรินทร์สำเร็จการศึกษาเขาจะกลับมาทวงสิทธิ์คืนทันที!

ความตั้งใจอันแรงกล้าเปรียบเสมือนแรงผลักดันที่ทำให้ชายหนุ่มสามารถถอนสายตาจากร่างแน่งน้อยของนางฟ้าได้ เฟอร์นันโดหันกลับไปประจำตำแหน่งแล้วออกรถด้วยอาการเยือกเย็นเช่นเดิมอีกครั้ง ไม่สนใจเสียงประท้วงของคนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ที่เริ่มโวยวายเมื่อสังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอ

“นายน้อยจะพาดิฉันไปไหน บอกแล้วไงคะว่าอยากกลับบ้าน พาดิฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”

“เราสั่งพี่หรือวี”

น้ำเสียงเยือกเย็นนั้นทำให้สาวน้อยชะงักไปนิดหนึ่ง รู้ดีเช่นกันว่าตนเองก้าวล้ำเส้นมากไป

ใช่สิ! ใครล่ะจะออกคำสั่งกับเขาได้ มีแต่เขานั่นละที่คอยบัญชาการคนอื่น วีรินทร์คิดแล้วเงียบเสียงลงทันที เบนสายตาออกไปอีกด้านคล้ายกับว่าไม่อยากเห็นหน้าเขา รวมถึงไม่เปิดปากพูดอะไรอีกเลย ไม่ถามแม้สักคำว่าเฟอร์นันโดจะพาไปที่ไหน

คนตัวโตมองฤทธิ์เดชของนางฟ้าที่เวลานี้คล้ายจะหยิบปีกสีดำมาสวมใส่แล้วส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ถอนใจลึกเมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เขาไม่มีเวลามากกว่านี้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถปรับความเข้าใจ รวมถึงหาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงของวีรินทร์ได้ แต่การได้เห็นหน้าเธอในวันนี้ แม้จะไม่ถึงชั่วโมง แต่ก็พอจะทำให้หัวใจของเขาสงบลงได้บ้าง

พญาเหยี่ยวคิดพร้อมทั้งเหยียบคันเร่งเพิ่มระดับความเร็วขึ้นอีกเพราะเวลากระชั้นเข้ามาทุกที เมื่อเธอไม่เอ่ยอะไร คนที่มีบุคลิกเงียบขรึมเป็นทุนเดิมก็พลอยเงียบไปด้วย และเป็นเช่นนั้นตลอดการเดินทาง

เฟอร์นันโดขับรถเข้าไปจอดยังจุดนัดหมาย ชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำเรียบกริบปราดเข้ามาเปิดประตูให้ทันทีราวกับรอเวลาอยู่แล้ว ชายหนุ่มก้าวลงไปแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งที่นางฟ้าของเขานั่งอยู่ ก้มหน้าลงไปมองคนที่เงยหน้าขึ้นสบตาเขา แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดปากถาม

เขาถอนใจลึกเมื่อเห็นความใจแข็งของฝ่ายนั้นจึงได้แต่ออกคำสั่งเรียบๆ “ลงมาก่อนวี”

วีรินทร์มองดวงตาสีสนิมนั้นอีกครู่หนึ่งก่อนจะยอมก้าวลงมาตามคำสั่ง แขนทั้งสองข้างกอดกระเป๋าหนังสือไว้แนบอกราวกับจะใช้เป็นสิ่งป้องกันตัว

เฟอร์นันโดถอนหายใจเมื่อเห็นกิริยาแบบนั้น ไม่พูดจาให้มากความ จัดการดึงต้นแขนของสาวน้อยให้เข้าไปนั่งที่เบาะหลังของรถยนต์คันงาม วีรินทร์ไม่มีสิทธิ์ไปนั่งคู่กับใครทั้งนั้น! พอคนตัวเล็กเข้าไปนั่งเรียบร้อยตามที่ต้องการ ร่างสูงก็โน้มลงไปหาพร้อมทั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจอกันอีกครั้งเมื่อครบกำหนดเวลาที่วีต้องการ พี่จะนับวันรอเวลาของพี่นะนางฟ้า”

ดวงตาสีสนิมและดวงตาสีน้ำตาลสบกันอีกครั้งด้วยความตั้งใจที่ไปคนละทิศทาง คนหนึ่งอยากหนี อีกคนอยากพันธนาการ ดวงตาของคนอยากหนีที่มองมาราวกับกำลังประเมินกำลังทำให้พญาเหยี่ยวยิ้มมุมปาก ไม่อยากจะเอ่ยให้เธอเสียขวัญ ว่าไม่มีวันที่เธอจะหลุดพ้นจากปีกของเขาได้ ความจริงวีรินทร์ไม่ควรแม้แต่จะคิดที่จะทำอย่างนั้นเสียด้วยซ้ำ!

เฟอร์นันโดยืดกายขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง หันไปสั่งคนของตัวเองเรียบๆ แต่ทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองของเดรอสซีย่อมทราบดีว่านี่คือประกาศิตที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด “พาคุณผู้หญิงไปส่งที่บ้านโดยปลอดภัยที่สุด”

“ครับนายน้อย”

พญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีเหลียวกลับไปมองนางฟ้าที่เวลานี้นั่งนิ่งอยู่ที่เบาะหลังอีกครั้งราวกับห้ามความอาลัยอาวรณ์ในหัวใจไม่ไหว ก่อนจะตัดใจในที่สุด พร้อมกับปิดประตูรถให้แบบที่ไม่เคยปฏิบัติต่อสตรีคนไหนนอกจากมารดา จากนั้นก็เดินตรงไปยังรถยนต์อีกคันที่จอดอยู่ข้างๆ ซึ่งซานติโนนั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งพลขับรออยู่แล้ว เนื่องจากอยากมีเวลาอยู่กับวีรินทร์ตามลำพังเขาจึงได้สั่งการให้ทุกคนรออยู่ที่นี่

เฟอร์นันโดก้าวขึ้นไปนั่งยังเบาะที่มีคนคอยเปิดประตูรถรอไว้อยู่แล้วด้วยกิริยาเยือกเย็นที่ทุกคนเห็นจนชินตา พอขึ้นไปนั่งเรียบร้อยก็ออกคำสั่งกับซานติโนทันที “ไปสนามบิน”

ภาพพาหนะที่จอดอยู่ข้างเคียงซึ่งเคลื่อนตัวออกไปก่อน ทำให้คนที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่นานทอดสายตามองตามไปจนสุดสายตา วีรินทร์มองตามรถยนต์คันงามด้วยดวงตาที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ เขามาแล้ว...และเวลานี้ก็จากไปแล้วเช่นกัน

‘พี่ฮอว์ค’

เสียงเรียกชื่อนั้นดังก้องไปทั้งหัวใจ แต่กลับไม่มีเสียงใดลอดผ่านริมฝีปากงามของสาวน้อยเลยแม้แต่คำเดียว!

เสียงเคาะกระจกที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้วีรินทร์หลุดจากภวังค์ และคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง จึงรีบกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อคลอให้ไหลย้อนกลับไป จัดการลดกระจกลงแล้วหันไปมองชายในชุดสูทสีดำราวกับจะตั้งคำถามว่าฝ่ายนั้นต้องการอะไร

“คุณผู้หญิงต้องการให้ผมไปส่งที่บ้านเดี๋ยวนี้เลยหรือเปล่าครับ” หนึ่งในทีมบอดีการ์ดของเฟอร์นันโดถามขึ้นอย่างนอบน้อม

วีรินทร์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเอง เธออายุเพียงแค่สิบแปด พอถูกเรียกว่าคุณผู้หญิงจึงรู้สึกแสลงหูจนบอกไม่ถูก แต่ก็คร้านที่จะเอ่ยปากห้ามปราม เธอรู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่ฟังคำสั่งของคนอื่นนอกจากเฟอร์นันโด เมื่อเขาให้เรียกเธออย่างนี้ คนพวกนี้ก็คงไม่ยอมเปลี่ยนตามใจเธอหรอก จึงได้แต่พยักหน้าตอบ เวลานี้สิ่งที่เธอต้องการที่สุดก็คือการได้อยู่ตามลำพังเงียบๆ เพราะกำลังหมดแรงที่จะต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าใครๆ อยู่รอมร่อ

“ได้ครับ” บอดีการ์ดร่างสูงรับคำอย่างว่องไวเมื่อเห็นวีรินทร์พยักหน้า การรับใช้เฟอร์นันโดทำให้พวกเขาชินต่อการออกคำสั่งโดยไม่ใช้คำพูดเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงตรงไปประจำตำแหน่งพลขับและออกรถทันที

วีรินทร์มองเหม่อออกไปแบบไม่มีจุดหมาย แต่ก็มีบางครั้งที่สาวน้อยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า...ท้องฟ้าที่เป็นอาณาจักรของพญาเหยี่ยว มองขึ้นไปราวกับจะค้นหาคนที่เพิ่งผลักไสให้เขาพ้นไปจากชีวิต ความรู้สึกในส่วนลึกขัดแย้งกันเองจนเจ็บปวดไปหมด

 

เช่นเดียวกับใครอีกคนหนึ่งที่เพิ่งจากไปเมื่อสักครู่ เฟอร์นันโดนั่งหลับตาและจมลึกอยู่ในภวังค์ของตนเองเงียบๆ กิริยาเย็นชาค่อนข้างไปทางต่อต้านของวีรินทร์ทำให้รวดร้าวไปทั้งอก ชายหนุ่มบดกรามแน่นเมื่อนึกถึงท่าทีเอียงอายและการให้โอกาสจากเธอที่มีให้ก่อนหน้านี้ หรือว่านั่นเป็นเพียงแค่คำสัญญาตามประสาเด็กเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใด แต่เขาไม่มีวันยอมให้เธอเปลี่ยนใจเด็ดขาด! เขาจะทำให้วีรินทร์เข้าใจเองว่า ใต้ปีกของเขา ภายในหัวใจของเขา เมื่อก้าวเข้ามาแล้วจะคิดหันหลังกลับไปง่ายๆ ขอบอกว่าไม่มีทาง!

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ส่งคนไปคอยดูแลคุณผู้หญิง แต่อย่าให้เธอรู้ตัว ฉันต้องการรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธอ” เฟอร์นันโดเอ่ยขึ้นเมื่อตัดสินใจเด็ดขาด นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “โดยเฉพาะเรื่องคนที่เข้ามาเกาะแกะวอแว จำเอาไว้ให้ดี ต่อไปวีรินทร์จะเป็นนายหญิงของพวกแก คงรู้นะว่าต้องทำยังไง”

ซานติโนนิ่งขึงไปครู่หนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อว่าตำแหน่งนายหญิงคนต่อไปของเดรอสซีได้ถูกวางตัวไว้แล้ว แถมยังเป็นเด็กสาวที่ยังอยู่เพียงแค่วัยมัธยมอีกด้วย ทีแรกเขาก็แค่คิดว่าผู้เป็นนายเอ็นดูวีรินทร์เป็นพิเศษ เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แถมบิดาของเธอยังเป็นเพื่อนรักกับท่านประธานและบิดาของเขา ที่ไหนได้ กลับเป็นถึงว่าที่นายหญิงของเขาเลยทีเดียว จึงรีบรับคำอย่างหนักแน่น “ทราบแล้วครับนายน้อย”

“ดี” เฟอร์นันโดเอ่ยสั้นๆ พร้อมกับยิ้มมุมปาก

ห่างกันคนละซีกโลกแล้วอย่างไร หรือวีรินทร์คิดว่าระยะทางเท่านี้จะทำให้เขาเอื้อมมือไปถึงเธอไม่ได้ เขาบอกว่าจะให้เวลา แต่ไม่เคยพูดสักคำว่าจะให้อิสระ เมื่อถึงเวลาที่สมควร เขาจะลั่นดาลปิดกรงด้วยมือตัวเองเลยทีเดียว

ในขณะที่วีรินทร์คิดว่าทุกอย่างคงจบสิ้นลงแล้ว สำหรับเฟอร์นันโดมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ใครจะนิยามความรักว่าเป็นการเสียสละหรืออะไรเขาก็ไม่สนใจ เพราะสำหรับเขาต้องได้มาครอบครองเท่านั้น วีรินทร์เป็นของเขามาตั้งแต่ต้น และเขาก็ไม่ใจบุญพอจะเสียสละให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น เขาจะผูกไว้ด้วยรัก เขาจะล่ามไว้ด้วยพิศวาส ขอบเขตของวีรินทร์คืออาณาจักรใจของเขาเท่านั้น นั่นละอิสระของเธอ

“เอาละ บินเล่นซะให้พอใจ ถึงเวลาพี่จะมารับ” พญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีพึมพำ เสียงแผ่วเบา ทว่าปณิธานแรงกล้าราวกับอยากตอกย้ำประโยคนี้ไปถึงใครบางคน

คนที่นั่งอยู่ในรถอีกคันสะท้านเฮือก วีรินทร์ยกมือขึ้นลูบลำแขนเรียวเสลาของตัวเองเบาๆ เมื่ออยู่ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาวูบหนึ่ง หนาวเยือก ทว่ากลับกระวนกระวายใจแปลกๆ มีลางสังหรณ์คล้ายๆ กับถูกใครบางคนมุ่งร้ายหมายขวัญอยู่ สาวน้อยพยายามสงบอกสงบใจ บอกกับตัวเองว่าคิดมากไปเอง ทั้งหมดทั้งมวลก็คงเพราะใช้พลังงานในการเผชิญหน้ากับเฟอร์นันโดมากเกินไปนั่นเอง

พอคิดถึงอีกฝ่าย ใบหน้างดงามก็หมองลงอีกครั้ง การจะลืมคนที่เทิดทูนมาทั้งชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เพราะทุกครั้งที่พยายามลืม ก็คือทุกครั้งที่คิดถึงนั่นเอง แต่ถึงจะยากเพียงใดเธอก็ต้องทำให้ได้

ในห้วงคิดของทั้งวีรินทร์และเฟอร์นันโดมีเพียงกันและกัน ทว่าความตั้งใจกลับไปคนละทิศละทาง คนหนึ่งปรารถนาจะหลีกหนีไปให้ไกล ส่วนอีกคนปรารถนาจะพันธนาการไว้ตลอดไป...

 

ห้าปีต่อมา

ภายในห้องทำงานกว้างของรองประธานบริหารเดรอสซีกรุ๊ป ณ เวลานี้ มีชายคนหนึ่งกำลังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แม้ว่าจะผ่านการฝึกฝนจนสามารถทนทานกับแรงกดดันทั้งทางกายและทางจิตใจจนสามารถขึ้นมายืนในแถวหน้าในวงการนี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีก็ยังอดครั่นคร้ามไม่ได้ โดยเฉพาะเวลานี้ที่กำลังรู้สึกราวกับว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวเย็นเยียบลงกว่าเดิมไม่รู้อีกกี่เท่า

“พูดใหม่อีกทีซิ”

ประโยคนั้นของผู้เป็นนายเหนือหัวทำให้บอดีการ์ดหนุ่มหลุดจากภวังค์ ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะแน่ใจว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เพราะปกติแล้วเฟอร์นันโดเป็นคนที่เข้าใจอะไรอย่างรวดเร็ว ไม่บ่อยครั้งนักที่จะให้คู่สนทนาทวนซ้ำข้อความเดิม

“ดูเหมือนคุณวีรินทร์จะตกลงคบหากับพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ชื่อกรวิกแล้วครับ”

เฟอร์นันโดบดกรามจนเป็นสันนูนไม่ผิดกับตอนที่ได้ยินรายงานนี้เป็นครั้งแรก เพราะไม่อยากจะเชื่อ ถึงได้ให้ลูกน้องทวนซ้ำอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ผิดกับการราดน้ำเกลือลงไปบนแผลสด ทั้งเจ็บและแสบจนเกินบรรยาย

“ออกไปได้แล้ว” พญาเหยี่ยวสั่งกับคนสนิทสั้นๆ

คนที่ได้รับอนุญาตถึงกับลอบถอนใจด้วยความโล่งอก ค้อมศีรษะลงเพื่อทำความเคารพเจ้านาย ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องไป

ปราณสังหารอบอวลไปทั่วห้องทำงานกว้าง ดวงตาของเจ้าของห้องแทบจะเรียกได้ว่าวาวโรจน์ราวกับมีทะเลเพลิงอยู่ในนั้น

‘กรวิก’

ชื่อของศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งถูกทวนซ้ำอยู่ในใจไปมาคล้ายจะเตือนตัวเองให้มั่นใจ ว่าใครคือเป้าหมายที่ต้องกำจัดไปให้พ้นทาง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับรายงานเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ เขาทราบว่าอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของวีรินทร์มาก่อน และพยายามเสนอตัวเข้ามาใกล้ชิดนางฟ้าของเขามาแต่ไหนแต่ไร ทว่าเขาก็ไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งนัก เพราะยังเชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่าอย่างไรเสีย วีรินทร์ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าเธอเป็นสมบัติของใคร อีกทั้งยังมีสัญญาเรื่องที่เขาจะให้เวลาส่วนตัวกับเธอค้ำคออยู่อีกอย่างหนึ่ง จึงได้แต่จับตามองอยู่ห่างๆ

จนกระทั่งในวันนี้ที่สายรายงานมาว่าเธอตกลงคบหาดูใจกับผู้ชายคนนั้น นั่นเองที่ทำให้ความอดทนของพญาเหยี่ยวเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด วีรินทร์จะไปเป็นของผู้ชายอื่นอย่างนั้นหรือ! รอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเสียก่อนเถอะ!

“กล้าให้โอกาสผู้ชายอื่นอย่างนั้นหรือนางฟ้า คงลืมไปกระมังว่าตัวเองเป็นของใคร” เสียงทุ้มลึกถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักสวยราวกับจะคาดโทษคนที่กำลังนึกถึง

ชายหนุ่มวางมือลงบนโต๊ะทำงาน มือที่เล่าลือกันว่าเฉียบคมที่สุดในเรื่องการต่อสู้ ไม่แพ้ความเฉียบแหลมของสมองที่ใช้ต่อกรในเกมธุรกิจ มือที่ว่ากันว่ากุมชะตาของคนกว่าครึ่งค่อนประเทศไว้ด้วยปีกอันยิ่งใหญ่ของเดรอสซีที่ครอบคลุมธุรกิจแทบจะทุกแขนงในอิตาลี ก่อนจะเคาะปลายนิ้วชี้เป็นจังหวะช้าๆ อย่างที่เจ้าตัวชอบทำยามใช้ความคิด

ดวงตาคู่คมที่แสนลึกลับพริ้มหลับลงเมื่อคิดถึงใครคนหนึ่งที่อยู่ไกลอีกซีกโลก ใครคนหนึ่งที่ไม่เคยอยู่ไกลหัวใจของเขาเลยแม้เพียงสักวัน

‘ปีกของเราไม่ได้มีเอาไว้บินหรอกนะนางฟ้า มันมีไว้ประดับร่างกายแสนสวยเท่านั้นละ มีไว้เพียงแค่ให้พี่ชื่นชม พี่จะเป็นคนเด็ดปีกนั่นเอง หากเราคิดจะใช้มันโผบินไปจากพี่’

คำคาดโทษซึ่งคนที่อยู่ไกลอีกซีกโลกคงไม่มีโอกาสได้รับรู้คำรามก้องอยู่ในใจ ดวงตาคู่คมอันแสนเจิดจ้าลืมขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับวลีที่คล้ายจะข่มขวัญถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักสวยของพญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซี

“พี่จะทำให้เรารู้จักกับ เฟอร์นันโด เดรอสซี ให้ลึกซึ้งถึงแก่นเลยเชียวละนางฟ้า!”

พอเอ่ยประโยคนั้นจบเฟอร์นันโดก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้โดยแรง ท่าทางขุ่นมัว ผิดกับความเยือกเย็นที่ทุกคนเห็นจนชินตาอย่างสิ้นเชิง บ่งบอกให้รู้ว่าเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้เมื่อสักครู่นั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขามากเพียงใด ชายหนุ่มสืบเท้าตรงไปที่ประตู และออกจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงาน ซึ่งถือว่าผิดปกติวิสัยเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีคำสั่งใดก่อนจากไป ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความงุนงงให้แก่เลขานุการสาวใหญ่ที่รับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่เขาเริ่มเข้ามาบริหารงานแทนบิดามากยิ่งขึ้นไปอีก จนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าอะไรคือสาเหตุให้คนที่มีตารางชีวิตแบบที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่คลาดเคลื่อนอย่างเจ้านายของเธอ มีท่าทางคล้ายกับระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกอย่างให้เป็นจุณเช่นนั้นได้

เฟอร์นันโดก้าวขึ้นไปนั่งในรถยนต์คันหรู ปิดเปลือกตาลงทันทีที่พลขับออกรถ ปล่อยความคิดล่องลอยไปถึงใครคนหนึ่งที่คิดถึงอย่างสุดหัวใจ หวนคิดถึงวันที่ได้พบกันครั้งแรก ความรู้สึกของการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครสักคน ความผูกพันลึกซึ้งแนบแน่น รวมถึงความรักใคร่อย่างไม่คิดจะไถ่ถอนหัวใจไปจากใครคนนั้นเลย...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น