2

บทที่ 2

2


ณ ห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมระดับไฮคลาสสไตล์ไทยโมเดิร์น ด้านในตกแต่งอย่างสวยงามอลังการงานสร้าง สมกับเป็นงานแต่งงานของทายาทตระกูลดังที่รวยติดอันดับท็อปของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บรรดาแขกเหรื่อซึ่งทยอยเข้ามาในงานจนครบต่างก็พูดคุยและเอ่ยปากชมเจ้าบ่าวเจ้าสาวอย่างไม่ขาดปาก เพราะทั้งคู่สวยหล่อสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

เสียงกีตาร์คลาสสิกและไวโอลินคลอเบาๆ บวกกับเสียงร้องนุ่มละมุนที่ผสานกันอย่างไพเราะและทรงพลังของนักร้องสาวคู่หูดูโอ ผู้ชนะจากรายการประกวดร้องเพลงชื่อดังซึ่งมีฉายาว่าเจ้าแม่งานแต่ง บรรเลงประกอบวิดีโอพรีเซนเทชันซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของคู่บ่าวสาวตั้งแต่เล็กจนโต 

ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพนิ่ง และเป็นภาพคู่ทั่วไปไม่ได้สวีตหวานหรือหวือหวาแต่อย่างใด เช่น รูปในงานวันเกิดคุณปู่เมื่อสี่ปีก่อนที่เขาและเธอบังเอิญยืนติดกัน ภาพงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทในเครือที่มีญาติพี่น้องคนอื่นรวมอยู่ด้วย โดยมีเขาและเธอนั่งข้างกัน เธอกำลังฟังเขาพูดอะไรบางอย่างด้วยความสนใจ 

หรือจะเป็นภาพที่ไปเที่ยวต่างประเทศของสองครอบครัวซึ่งเธอกับเขากำลังหยอกล้อกับหลานแฝดตัวน้อย ในภาพนั้นปวีรายิ้มสดใส เธอกำลังป้อนไอติมแฝดน้อง ส่วนอังกูรกำลังอุ้มแฝดพี่ที่ตั้งท่าจะโผมาแย่งไอติมน้อง อย่างกับครอบครัวสุขสันต์อย่างไรอย่างนั้น 

ปิดท้ายด้วยไฮไลต์ที่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดและฮือฮาจากทั่วทุกทิศ นั่นคือภาพเด็กชายอังกูรในวัยสิบขวบอุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง

ปวีราหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย ส่วนเจ้าบ่าวก็ยืนหน้านิ่งเหมือนเคย มีเพียงใบหูที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ 

เขากำลังเขิน ปวีรารู้ดี 

ช่วงเวลาสองทุ่มครึ่ง คู่บ่าวสาวก็มาปรากฏตัวบนเวที ปวีราซึ่งดูงดงามในชุดราตรีสีแชมเปญ มีดีเทลด้วยลูกไม้ที่ปักอย่างประณีต ให้ความรู้สึกอ่อนหวานระคนเซ็กซี่ด้วยการเว้าหลังๆ นิดๆ แสดงถึงตัวตนของคนใส่ได้เป็นอย่างดี ส่วนเจ้าบ่าวก็ดูหล่อเหลาอย่างเป็นทางการในชุดสูทแบรนด์ดังของฝรั่งเศส

“ขอเสียงปรบมือให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวแสนสวยของเราหน่อยค่า” สิ้นเสียงพิธีกรก็ตามมาด้วยเสียงปรบมือและเสียงโห่แซวเป่าปากจากทางฝั่งเพื่อนเจ้าบ่าว

ปวีราประหลาดใจไม่น้อยที่ผู้ชายบ้างานมากกว่าผู้หญิงอย่างพี่พร้อมจะคบหากับกลุ่มเพื่อนมาดแบดบอย และดูท่าจะเจ้าชู้ชนิดปลาไหลเรียกพ่อ เรียกได้ว่าสองในสามของเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นถ้าไม่คบหาดูใจอยู่กับพวกนางแบบ ก็แต่งงานไปกับดาราดัง ส่งผลให้ในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของเธอและเขาคลาคล่ำไปด้วยบรรดาผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ขนาด ‘แพตตี้ ภารตา’ ซุปตาร์ชื่อดังก็ยังมาร่วมงานทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว

“คำถามแรกเป็นคำถามยอดฮิตเลยนะคะ ใครไปงานแต่งบ่อยๆ ๆ ต้องเคยได้ยินคำถามนี้แน่นอน ไม่ทราบว่าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวพบรักกันได้ยังไงคะ”

ปวีราที่ถูกไมค์จ่อปากยืนนิ่งเป็นขอนไม้ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรถึงจะเหมาะสม จะตอบออกไปได้อย่างไรว่าเธอกับเขาถูกกำหนดให้แต่งงานกันตั้งแต่ต้น หรือจะบอกว่าเธอรอคอยให้วันนี้มาถึงนานแค่ไหน พูดไปคงได้โดนหาว่าบ้าไม่ก็เพ้อเจ้อ 

แต่ทุกอย่างคือเรื่องจริง ถ้าไม่ใช่พี่พร้อม ชาตินี้เธอคงไม่แต่งกับใคร 

ขณะที่ด้านล่างเวทีพากันส่งเสียงแซวเกรียวกราว เพราะคิดว่าเจ้าสาวเกิดอาการเขินกับคำถามจนไม่รู้จะตอบยังไง 

“พูดไปตามที่คิด ไม่ต้องกังวล” 

อังกูรกระซิบบอก เขาบีบมือบางคล้ายส่งกำลังใจ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาแม่ยกได้อีกหน

“เรื่องของเรามันยาวจนไม่รู้เล่ายังไงเลยค่ะ ปัณเกิดมาก็คุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้เสียแล้ว” ปวีรายิ้ม เธอมองหน้าคนที่อยู่ข้างกายแล้วกล่าวต่อ “สำหรับปัณ พี่พร้อมเปรียบเสมือนพี่ชาย บางครั้งก็เป็นเพื่อนเล่น ถ้าปัณดื้อก็จะกลายร่างเป็นคุณพ่อ”

ประโยคหลังเรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งงาน

“รองจากครอบครัวก็มีพี่พร้อมนี่แหละค่ะที่คอยดูแลและปกป้องปัณมาตลอด”

“เพราะอยู่ใกล้กันก็เลยหวั่นไหวอย่างนั้นสินะคะ” 

พิธีกรสาวออกปากชงจนปวีราหน้าแดงอย่างไม่ต้องแสดง เพราะพิธีกรดันตบมุกได้ตรงใจ

“จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เพราะถึงพี่พร้อมจะไปเรียนต่อต่างประเทศ พี่พร้อมก็ยังนึกถึงปัณเสมอ”

ความจริงเธอก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะคิดถึงหรือนึกถึงเธอ เหมือนที่เธอคิดถึงเขาบ้างไหม แต่อย่างน้อยพี่พร้อมก็ไม่เคยลืมวันเกิดเธอเลยสักครั้ง 

เกือบหกปีที่เขาจากบ้านไปเรียนต่างแดน ไม่มีสักครั้งที่เขาจะลืมส่งของขวัญพร้อมการ์ดอวยพรมาให้ ถึงจะเป็นถ้อยคำห้วนสั้น แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความหวังดีผ่านตัวอักษรไม่กี่ตัวเหล่านั้น 

“ตลอดยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา...” 

เสียงคนพูดสั่นเครือด้วยความตื้นตันใจ เรื่องราวในวันวานอัดแน่นอยู่ในหัวใจดวงน้อย 

ทุกความรัก...ความปรารถนาดีของเขา เธอจำได้ไม่มีลืม 

ดวงตาคู่สวยวาวรื้น เธอไม่ได้อยากจะร้องไห้ แต่ไหงมันถึงร้อนผ่าวในดวงตาก็ไม่รู้

อายคนชะมัด!

“ไม่มีวันไหนเลยที่พี่พร้อมหายไปจากชีวิตปัณ เพราะอย่างนี้มั้งคะ ปัณเลยมั่นใจว่าพี่พร้อมจะดูแลปัณได้ และจะไม่ทิ้งปัณไปไหน”

มือบางปาดน้ำตาข้างแก้มลวกๆ ไม่ต่างกับกองเชียร์ข้างล่าง ชลิดาร้องกระซิกๆ ด้วยความอินไปกับคำพูดของเพื่อนรัก

“ทิชชูมั้ย” ตุลธรถามด้วยความหวังดี แต่กลับโดนสาวสวยแว้ดใส่

“ไม่ต้องมายุ่ง”

“คนอุตส่าห์หวังดี”

“เชิญไปหวังดีกับสาวอื่นเถอะค่ะ ชลลี่ไม่หลงกลพี่ง่ายๆ หรอกนะ” 

ชลิดาสะบัดหน้าพรืดด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เจ้าพ่อวงการธุรกิจก่อสร้างส่ายหน้า 

เยอะ!

เกิดมาเพิ่งเจอผู้หญิงที่เยอะ แถมยังกล้าเมินเขาอีกต่างหาก 

“ว้าว ช่างเป็นความรักที่ลึกซึ้ง ดิฉันฟังแล้วน้ำตาคลอตามเจ้าสาวเลยทีเดียว” พิธีกรสาวทำท่าซับน้ำตา ซึ้งจริงร้องจริงแบบไม่ต้องใช้สแตนอิน ก่อนจะปล่อยให้พิธีกรชายถามความรู้สึกเจ้าบ่าวบ้าง

ปวีราแทบจะกลั้นหายใจ อยากรู้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องของพวกเธอสองคนยังไง ในเมื่อมันไม่มีจุดเริ่มต้นใดๆ ตั้งแต่แรก ทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ไม่มีความรัก ไม่มีเรื่องราวโรแมนติกเหมือนคู่อื่นๆ 

“ก็อย่างที่น้องบอกแหละครับ เรารู้จักกันมาทั้งชีวิต ข้อดีและข้อเสียของน้องทุกข้อเป็นสิ่งที่ผมรับได้” อังกูรทอดสายตามองร่างบางสงบนิ่ง นัยน์ตาคมขรึมอ่อนแสงลงหลายส่วน

“ปัณอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุด แต่เพราะเธอเป็นแบบนี้ ผมถึงต้องการจะดูแลเธอให้ดีที่สุด...”

แววตาและสีหน้าคนพูดจริงจัง จากนั้นชายหนุ่มก็หันมามองเธอที่ยังอึ้งกับคำพูดเขาไม่หายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ซึ่งน้อยครั้งจะปรากฏให้เห็น 

ครั้งล่าสุดที่ยิ้มแบบนี้ เห็นทีจะเป็นตอนที่อายุห้าขวบ จำได้ว่าเธอเล่นซนตกชิงช้าจนได้แผล หนุ่มน้อยอังกูรในวัยสิบหกปีรีบทิ้งเกมในมือแล้ววิ่งมาปลอบใจเธอ

‘โอ๋ หนูปัณคนเก่ง ไม่ร้องไห้นะคะ พี่สัญญา ต่อไปพี่พร้อมจะดูแลน้องเอง’

ประโยคนี้ของเขาฝังลงไปในหัวใจของเธอมาเนิ่นนาน และลึกซึ้งเกินกว่าใครจะรู้ เพราะเธอแอบซ่อนมันเอาไว้ กลัวว่าถ้าเขารู้ แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

เขาชูนิ้วก้อยมาข้างหน้า ปวีรายื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวโดยอัตโนมัติ

“และจะดูแลตลอดไปครับ” 

ดวงหน้าสวยแต้มสีแดงระเรื่อขึ้นโดยอัตโนมัติ 

พี่พร้อมเกี้ยวก้อยสัญญากับเธอ เหมือนวันนั้นไม่มีผิด...

ถัดจากช่วงสัมภาษณ์บ่าวสาวก็เป็นเวลาอวยพรของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูล ท่านประธานในวันนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล ท่านพิพัฒน์ คุณปู่ของเจ้าบ่าวนั่นเอง 

ชายสูงวัยท่าทางแข็งแรงอวยพรสองหนุ่มสาวที่เห็นมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยง ด้วยท่าทีขึงขังและเฉียบคมตามแบบฉบับ โดยได้กำชับให้หลานชายดูแลหลานสาว (นอกไส้ที่รักมาก) ให้ดี และนำพาความสงบสุขมาสู่ครอบครัว ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมีชีวิตคู่ที่ยั่งยืนสืบไป จากนั้นก็ตามด้วยญาติผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาว 

เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาอันเป็นทางการก็เข้าสู่ความสนุกสนาน นั่นคือการตัดเค้กและโยนช่อดอกไม้แก่กลุ่มสาวโสด กลุ่มเพื่อนชายโฉดของอังกูรเอาแต่ตะโกนเชียร์ให้ปวีราทาบมือเหนือมือใหญ่ เป็นนัยว่าให้ข่มสามีไว้แต่เนิ่นๆ 

แน่นอนว่าปวีราที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนในวงแขนกว้างหรือจะกล้า และอังกูรน่ะหรือจะยอมให้เธอทำแบบนั้น เจ้าสาวคนสวยผู้ว่านอนสอนง่ายจึงอยู่ภายใต้อาณัติของเจ้าบ่าวเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดชีวิต 

อังกูรป้อนเค้กที่ตัดแบ่งแล้วเข้าปากเธอหนึ่งคำ ปวีราเองก็ป้อนเค้กคำที่สองให้แก่เขาพอเป็นพิธี และสุดท้ายก็แจกจ่ายให้ญาติผู้ใหญ่ตามลำดับ

“เอาละค่ะ และแล้วช่วงเวลาที่สาวๆ ทุกคนรอคอยก็มาถึง ขอเสียงสาวๆ ที่อยากได้ช่อดอกไม้เจ้าสาวหน่อยค่า”

สาวน้อยสาวใหญ่ที่ยังครองตัวเป็นโสดพากันส่งเสียงและออกมาออกันอยู่หน้าเวที ปวีราจับช่อดอกไม้แน่น หวังจะเล็งไปที่เพื่อนสนิทอย่างชลิดา เธอพยายามส่งสัญญาณให้คนเสน่ห์แรงที่มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาคุยตลอดเวลา ทว่าสุดท้ายแล้วช่อดอกไม้กลับพลาดเป้าไปตกอยู่ในมือเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างตุลธรเสียอย่างนั้น

“อ้าวเฮ้ย ไอ้ยักษ์ สงสัยงานนี้มึงต้องได้แต่งเมียแล้วว่ะ เลือกเอาสักคนสิเพื่อน” เพื่อนในกลุ่มไฮโซเปิดปากแซว ตามด้วยการตบมุกอย่างผิดจังหวะของพิธีกร

“ได้ข่าวว่าเพื่อนเจ้าสาวอย่างน้องชลลี่ยังโสดนะคะคุณยักษ์”

“ไม่มีทาง!” 

ตุลธรลั่นวาจา เขาอยากแต่งเมีย ไม่ได้อยากได้แม่คนที่สอง

“อี๋ ฝันกลางวันไปเถอะ!” 

ฟากชลิดาก็ทำท่าขนลุกขนพอง ทั้งสองมองเขม่น ก่อนจะสะบัดหน้าหนีกันไปคนละทาง

จบจากงานนี้อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย!

แต่ใครเล่าจะรู้อนาคต...

 

สี่ทุ่มกว่าๆ เป็นเวลาของงานอาฟเตอร์ปาร์ตี ทว่าเจ้าสาวกลับนั่งสัปหงกมองนักร้องชื่อดังที่ทีมออร์แกไนซ์จ้างมาอย่างเบื่อๆ ขณะที่เจ้าบ่าวออกไปสนุกสนานและดื่มกินกับเพื่อนฝูง ชนแก้วแล้วชนแก้วอีก 

อังกูรผู้ไม่นิยมแตะของมึนเมา แต่ตอนนี้เขากลับดื่มไวน์ไม่ต่างกับน้ำเปล่า

“พี่ปัณ มานั่งจับเจ่าอะไรอยู่ตรงนี้ พี่เป็นเจ้าสาวนะ ปะ ไปแดนซ์กัน พี่ชลลี่รออยู่” น้องสามีพยายามฉุดร่างบางให้ลุกออกจากโต๊ะ แต่ดูเหมือนปวีราจะปักหลักไม่ยอมลุกไปไหน

“แกไปเถอะ พี่ง่วง อยากนอน” 

ปวีราอ้าปากหาว เธอง่วงจริงจัง คนขี้เกียจแบบเธอทนอยู่ได้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว

“ระวังเถอะ ผู้หญิงคนอื่นจะงาบสามีตัวไปกิน”

เท่านั้นแหละ คนที่ทำท่าจะหลับก็ตาลุกวาบขึ้นโดยพลัน

“แหม ทีนี้ละตาลุกเชียวนะ พริ้งแซวเล่นหรอก พี่พร้อมอยู่กับแต่กับพวกเพื่อนผู้ชาย ยายดอกเตอร์แทบไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้าใกล้”

“ก็แล้วไป” ปวีรายักไหล่เบาๆ ในเมื่อพี่พร้อมปลอดภัยจากฝูงชะนี เธอก็สบายใจ

“พูดยังกับถ้าพี่พร้อมอยู่กับผู้หญิงแล้วตัวจะกล้าเข้าไปอาละวาดงั้นแหละ”

“เหอะ คนแบบฉัน ไม่ทำอย่างนั้นให้โง่หรอกย่ะ” ปวีราเบ้ปาก

พี่พร้อมรักหมา รักแมว แต่รำคาญผู้หญิงที่สุด อย่างเขาจะไปยุ่งกับใครได้ 

หญิงสาวคว้าแก้วไวน์มาดื่มสองแก้วติดอย่างไม่ยี่หระ

“วางๆ เดี๋ยวพี่พร้อมก็เข้ามาเห็นหรอก” คนที่ร่วมขบวนการมาตั้งแต่ต้นรีบออกปากเตือน

“มืดๆ แบบนี้ใครจะเห็น ถึงจะหนีก็ไม่ทันแล้วจ้ะ พี่ชายแกน่ะเสร็จฉันแล้ว”

“ว้ายตายแล้วววว แอ๊บแตก คุณหนูปัณคนดีหายไปไหนไม่ทราบ”

“ปล่อยมันไปพักบ้างเถอะ บางทีฉันก็เหนื่อยนะแก” 

ปวีราบอกแล้วเอื้อมมือหยิบไวน์แก้วที่สามมาจิบอย่างสบายอกสบายใจ แต่พลันต้องตกใจผุดลุกหน้าตื่น มือบางวางแก้วทรงสูงเรียวลงแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ คนที่เพิ่งถูกพาดพิงก็โผล่หน้ามาให้เห็นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว อาณดาหัวเราะเยาะก่อนจะเอาตัวรอดด้วยการชิ่งหนีหายเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ

ร่างสูงย่างกรายเข้ามาใกล้ เขาหรี่ตามองเธออย่างสังเกต ปวีราจึงยิ้มหวานกลบเกลื่อน

“มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว ชลลี่ก็หาเราอยู่ ทำไมไม่ออกไปสนุกกับเพื่อน หรือว่าเหนื่อย?” คนพูดน้อยถาม

“ปัณเมื่อยน่ะค่ะ เลยมานั่งพัก พี่พร้อมมีอะไรหรือเปล่าคะ” ปวีราตีหน้ามึน เรื่องสตอเบอแหลขอให้บอก เธอถนัดนักละ

“คุณปู่ให้คนมาตาม ท่านรอส่งเราเข้าหออยู่ข้างบน นี่เราดื่มไวน์เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่” คนจมูกไวมองเจ้าสาวหมาดๆ อย่างจับสังเกต

“ปัณลองจิบไปนิดหน่อยเองค่ะ ค้มขมนะคะ” คนที่เพิ่งกระดกไวน์ไปสามแก้วรวดโกหกตาใสกิ๊ง

“ไว้พี่จะสอนดื่ม ออกงานสังคมบางครั้งต้องยอมฝืนใจตัวเอง”

ปวีราพยักหน้ารับความหวังดีด้วยสีหน้าใสซื่อตามเคย

ชั้นบนสุดของโรงแรมถูกจัดเป็นเรือนหอส่งตัวชั่วคราว ด้วยเหตุผลว่ากว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ดึกมากแล้ว การเดินทางไปมาระหว่างโรงแรมกับเรือนหอจะเป็นการเสียเวลาและสร้างความยุ่งยากให้แก่คู่แต่งงานใหม่

“เจ้าปัณเข้ามาใกล้ๆ ปู่” ท่านพิพัฒน์กวักมือเรียกหลานสาวสุดที่รัก

ร่างบางคลานเข่าเข้าไปหาท่านพิพัฒน์ มือเหี่ยวย่นแต่ยังแข็งแรงคว้ามือเธอไปกุมกับฝ่ามือหนาของอังกูร แล้วตบหลังมือของทั้งสองเบาๆ นานทีปีหนลูกหลานจะเห็นรอยยิ้มของท่าน 

“พี่เขาทำงานหนัก ปัณต้องคอยดูแลสามีดีๆ อะไรที่ไม่เคยทำหรือทำไม่เป็นก็ต้องหัดต้องลองทำ ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่ แต่ต้องมีเหตุผลและให้อภัยกัน เข้าใจที่ปู่พูดไหม” ผู้อาวุโสให้โอวาท

“เข้าใจค่ะปู่”

“หนูปัณของย่าเป็นเด็กดี พร้อมต้องรักษาน้ำใจน้อง ห้ามทำน้องร้องไห้เป็นอันขาด” คุณหญิงรำไพกำชับหลานชาย

“ถ้าน้องดื้อพร้อมก็ต้องดุครับ”

อังกูรกล่าวกับผู้เป็นย่า ทุกคนต่างทราบดีว่าหลานชายคนรองของตระกูลมีนิสัยเถรตรงเพียงใด 

คุณหญิงรำไพตีหลังมือหลานชายอย่างไม่จริงจังนัก อังกูรชอบขัดใจคนแก่อยู่เรื่อย

“พี่พร้อมพูดถูกค่ะคุณย่า ถ้าปัณดื้อ อนุญาตให้พี่พร้อมดุได้ค่ะ” 

ปวีราเอียงคอพยักหน้าคล้อยตามสามีอย่างน่ารักน่าชัง แต่ภายในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความเบิกบานใจ 

อย่างพี่พร้อมหรือจะกล้าดุกล้าว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ เขาแค่ตีหน้าดุใส่เธอไปอย่างนั้นแหละ ดวงหน้าหงอยเหงาเหมือนเด็กถูกทิ้งประกอบกับดวงตาแสนเศร้าเคล้าน้ำตา เอาชนะใจเเข็งดุจหินผาของเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

“เราก็เข้าข้างพี่เขาอยู่เรื่อย”

คนเข้าข้างสามีอยู่เรื่อยยิ้มเอียงอาย 

“ก็ดีแล้ว เป็นเมียต้องเชื่อฟังผัว” คุณปู่พิพัฒน์เห็นด้วยกับหลานชาย ทำเอาคนเป็น ‘เมีย’ หมาดๆ หน้าแดงกับสรรพนามใหม่

อาการเห่อร้อนแล่นจับผิวแก้ม คุณปู่ละก็...เธอเขินเป็นเหมือนกันนะ!

“พร้อม ยายฝากน้องด้วยนะลูก” คุณอัมพุช ผู้เป็นยายของปวีราเอ่ยฝากฝัง

“ไม่ต้องห่วงครับคุณยาย พร้อมจะดูแลน้องเป็นอย่างดี”

“ปัณต้องเชื่อฟังพี่เขานะลูก”

“ค่ะคุณยาย” ปวีรารับคำอย่างคนว่าง่าย บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น เพราะมีแค่คนในครอบครัว 

เปรมวราโอบกอดน้องสาว ตั้งแต่เด็กไม่เคยต้องแยกจากกัน แต่วันนี้ปวีราต้องเป็นคนแรกที่ออกจากบ้านไป ถึงไม่ได้ไปไหนไกล แต่ก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี

“กลับมานอนบ้านบ้างนะยายปัณ พี่คิดถึง”

“ตีปากตัวเองเดี๋ยวนี้ พูดแบบนั้นได้ไงเปรม น้องออกเรือนแล้ว”

“ออกเรือนแล้วกลับมานอนที่บ้านไม่ได้เหรอคะคุณยาย” คนไม่มีสามีถาม

“มันดูไม่ดี คนเพิ่งออกเรือน ห้ามพูดจาเป็นลาง”

“ค่า ขอโทษค่า เปรมผิดเอง”

“ยังจะมาประชดยายอีก”

สองยายหลานผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานเตรียมจะลับฝีปากกันอีกหน แต่ท่านพิพัฒน์ขัดคอขึ้นเสียก่อน 

“เอาละ ลงนามบนทะเบียนสมรสเถอะ นายทะเบียนรอนานแล้ว”

ในสายตาของปวีรา กระดาษสองแผ่นตรงหน้าคล้ายกับมีแสงเปล่งประกายออกมา สุกสว่างเจิดจ้าและน่ายึดครอง 

อังกูรกำลังจะเป็นของเธออย่างสมบูรณ์แบบ ฝันของเธอกำลังจะกลายเป็นจริงในไม่ช้า

‘โตขึ้นปัณจะเป็นเจ้าสาวของพี่พร้อม พี่พร้อมต้องกินกับข้าวฝีมือปัณอีกนะคะ’ 

เด็กหญิงปวีรายื่นอาหารพลาสติกรููปทรงเค้กในสามีวัยสิบหก เธอเป็นแม่ของลูกตุ๊กตาหมาแมว

อังกูรเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเตรียมสอบในมือ หยิบพลาสติกสีสันสดใสมาทำท่าเคี้ยวง่ำๆ อย่างตัดรำคาญก่อนจะออกปากชมพร้อมยกนิ้ว

'อื้อหือ อร่อยมากเลย'

จากนั้นอีกสองปี เขาก็จากเธอไปไกลอีกซีกโลกหนึ่ง อเมริกาสำหรับคนกลัวความสูงจับใจอย่างเธอนั้นถือว่าไกลสุดขอบฟ้า 

เขาทิ้งเธอกับลูกๆ หมาแมวให้อยู่ด้วยกันอย่างหงอยเหงา นานๆ จะกลับมาพร้อมกับของขวัญ จากของเล่นแปรเปลี่ยนเป็นของใช้ เป็นเครื่องประดับสวยงาม ทุกชิ้นที่เขามอบให้ ปวีราเก็บไว้อย่างดี 

 วันเวลาผันผ่าน ทุกคนต่างเติบโต แต่ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นตั้งแต่วันนั้น มันมาตอนไหน เธอก็ไม่แน่ใจ แต่รู้ตัวอีกทีก็หยุดไม่ได้แล้ว

จากความผูกพันพัฒนากลายเป็นความรัก เพราะความรักเธอจึงเริ่มปรารถนาอยากได้เขามาครอบครอง แต่ก็รู้ว่าเป็นไปได้ยาก พี่พร้อมไม่มีวันรักเธอแบบชู้สาว เธอไม่ใช่สเปกเขา ข้อนี้ปวีรารู้ดีแก่ใจ แต่เธอก็ยังแอบหวัง และรอคอยด้วยความอดทน 

จนกระทั่งเธออายุครบสิบแปดปี ปวีราก็แอบได้ยินผู้ใหญ่คุยถึงเรื่องการแต่งงานของพี่พร้อม และได้ยินชื่อของตัวเองจากปากท่านพิพัฒน์ ตอนนั้นเธอดีใจจนแทบจะเก็บอาการไม่ไหว อยากจะเข้าไปหอมคุณปู่สักสิบฟอด 

แต่เมื่อได้สติ เธอก็มานั่งขบคิด แต่ไหนแต่ไรอังกูรไม่ชอบให้ใครวิ่งตาม บรรดาผู้หญิงที่วิ่งตามเขาไม่มีใครได้หัวใจเขาไปครองสักคนเดียว และในเมื่อเขาไม่ชอบ เธอก็ควรจะอยู่เฉยๆ รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางตามวิถีของมัน 

อังกูรไม่ใช่พระอิฐพระปูน แม้ระหว่างทางจะมีคนแวะเข้ามาอยู่ในใจเขาบ้าง แต่กฎของแรงโน้มถ่วงก็ผลักใครคนนั้นออกไปจากชีวิตเขา อังกูรกลับมาหาเธอโดยที่เธอไม่ต้องเสียเวลาวิ่งตาม ไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ

สองหนุ่มสาวจดปากกาเซ็นชื่อลงในกระดาษหนึ่งแผ่นที่เรียกว่า ‘ทะเบียนสมรส’

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ใบเบิกทางชั้นดีที่จะเปลี่ยนสถานะ ‘น้องรัก’ เป็น ‘เมียรัก’ อยู่ในกำมือเธอแล้ว!

แม้การแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่จัดให้ โดยที่เธอกับเขาไม่เคยรักกันฉันคนรักมาก่อน แต่การทำลูกต้องร่วมด้วยช่วยกันทำ!

ปวีราจึงพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น เมื่อท่านพิพัฒน์เอ่ยประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานออกมาว่า...

“เจ้าปัณ สัญญากับปู่สิว่าจะมีหลานให้ปู่ไม่ต่ำกว่าสี่คน”  

กิจการของธาดาพิพัฒน์และวัฒนานนท์นั้นหากไม่นับรวมบริษัทหลักทรัพย์และธนาคาร ก็ยังมีทั้งห้างร้านและโรงแรมในเครืออีกมากมาย ถึงอังกูรจะเป็นหลานชายคนรอง แต่ก็เป็นลูกหลานสายตรง ท่านจึงต้องการให้ชายหนุ่มมีลูกเยอะๆ เพื่อสืบทอดความเจริญรุ่งเรืองของวงศ์ตระกูล

“ปัณจะพยายามค่ะปู่” ปวีราพยักหน้าหงึกๆ

“เข้าใจมั้ยเจ้าพร้อม” 

อังกูรไม่มีปากเสียงใดๆ ชีวิตเขาเป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้เสมอ และเห็นด้วยว่าตนเองควรมีลูกหลายๆ คน 

“ครับปู่ ผมจะพยายาม”

แต่หากปวีรารู้เรื่องล่วงหน้าถึงขั้นตอนการทำลูก ‘สี่ห้าคน’ เธอจะไม่มีวันตอบรับคำขอนี้เป็นอันขาด

ใครจะรู้ว่าหลังจากแต่งงาน หนุ่มอนามัย กินร้อน ช้อนกลางอย่างพี่พร้อม จะกลายเป็นคนกินไม่เลือกที่ ไม่เว้นแม้แต่หน้าทีวี และหน้าตู้เย็น!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น