4

แผนเอาชนะใจ

แผนเอาชนะใจ

 

“ขอบคุณนะคะพี่ดวงที่ช่วยวิวจัดของจนเสร็จ” 

วาดฟ้ายกมือกระพุ่มไหว้ พร้อมคลี่ยิ้มสดใสตามสไตล์คนร่าเริง ดวงตากลมโตมองสำรวจไปรอบๆ ห้องนอนขนาดใหญ่อีกครั้ง โทนห้องเป็นสีขาวเรียบๆ เฟอร์นิเจอร์ใหม่แกะกล่องหลายชิ้นก็เป็นโทนสีเดียวกัน 

“คุณภีมเธอเลือกของตกแต่งให้คุณวิวเองเลยนะคะ คุณวิวชอบมั้ยคะ” ดวงพรถามยิ้มๆ

“พี่ภีมเขาคงให้เลขาฯ เลือกให้ ไม่ก็เลือกเองแบบส่งๆ มากกว่าค่ะ พี่ดวงไม่ต้องมาพูดให้วิวดีใจร้อก” 

หญิงสาวสั่นศีรษะจนผมลอนสีดำกระเพื่อม พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งบนโต๊ะทำงานใกล้หน้าต่างบานกระจก เธอลุกขึ้นเดินไปดูมันใกล้ๆ

“อันนี้คุณภีมบอกพี่ว่าตอนเด็กๆ คุณวิวชอบมาก” 

วาดฟ้าหยิบลูกแก้วหิมะมาพิจารณาดู ตัวฐานทำจากเหล็กเนื้อดี ภายในลูกแก้วเป็นเกล็ดหิมะสีขาวระยิบระยับน่าเอ็นดู 

พี่ภีมจำได้ว่าเธอเคยอยากได้ลูกแก้วหิมะในสมัยวัยเด็ก แต่ตอนนั้นเขาไม่ยอมซื้อให้เพราะกลัวเธอทำแตก

หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกเต็มตื้นในอกเมื่อรู้ว่าเขายังใส่ใจ ยังจดจำทุกรายละเอียดของเธอได้ แม้ว่าเขาตีตัวออกหากเธอไปนานแสนนาน

“เป็นโคมไฟได้ด้วยนะคะ คุณภีมเธอสั่งแยกมาต่างหาก พี่เป็นคนรับพัสดุเองค่ะ” 

“ดูท่าพี่ภีมจะเตรียมพร้อมมากเลยเนอะพี่ดวง ใช้เวลาไม่กี่วัน เตรียมห้องนอนข้าวของตกแต่งพร้อมเชียว คงไม่อยากให้วิวย้ายไปนอนด้วย” 

วาดฟ้าทำปากยื่น วางลูกแก้วหิมะไว้ตรงที่เดิมของมัน ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้องนอนซึ่งเชื่อมกับทางเดินสู่ห้องโถงรับแขกโดยมีดวงพรเดินตามออกไป  

“คุณภีมนอนคนเดียวมาหลายปีคงยังไม่ชินมั้งคะ คุณวิวอย่าคิดมากเลยค่ะ”

สาวใหญ่พยายามปลอบใจ ถึงเธอจะเป็นแค่ลูกจ้าง แต่เธอก็รับรู้เรื่องราวทุกอย่างของเจ้านายและครอบครัว เธอรู้ว่าวาดฟ้ามีศักดิ์เป็นน้องบุญธรรมของภาวัฒน์ กระทั่งมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น วาดฟ้าจึงได้เลื่อนขั้นจากน้องบุญธรรมไปเป็น ‘ว่าที่ภรรยา’ ของชายหนุ่ม

“ฮ่าๆ วิวเลยจุดที่จะคิดมากไปแล้วละค่ะพี่ดวง” เสียงหวานหัวเราะในลำคอ

“วิวน่ะอยากใช้เวลาสามเดือนกับพี่ภีมให้มีความสุขที่สุด ต่อให้ถึงตอนนั้นเราต้องจบกัน วิวก็ว่าวิวได้กำไรมากแล้วค่ะ”

“สู้ๆ นะคะคุณวิว พี่เป็นกำลังใจให้” ดวงพรยิ้มบางพลางแตะมือที่ต้นแขนขาวเนียนเป็นการให้กำลังใจ

“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว วิวขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะพี่ดวง พอดีนัดเพื่อนเอาไว้ เดี๋ยวเย็นๆ จะกลับมาทำเมนูแซ่บๆให้พี่ภีมทาน รบกวนพี่ดวงเตรียมวัตถุดิบตามนี้ให้วิวด้วยค่ะ” 

วาดฟ้าส่งลิสต์วัตถุดิบกับส่วนผสมต่างๆ ที่โน้ตเอาไว้ในสมาร์ตโฟน ส่งให้ดวงพรในแชตไลน์ ขั้นแรกของการเอาชนะใจคงหนีไม่พ้นเรื่องอาหารการกิน เห็นพี่ภีมของเธอทำนิ่งๆ เย็นชาแบบนั้น จริงๆ แล้วเขากินเก่งอย่าบอกใคร โดยเฉพาะอาหารประเภทรสจัด

เอาละ เย็นนี้ก็มาลองใช้วิชาเสน่ห์ปลายจวักของร้านอาหารบิดาเธอดูสักตั้ง ถึงตอนอยู่ร้านเธอจะอยู่ดูแลต้อนรับลูกค้าเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายในส่วนของครัวก็เถอะ...

 

เดอะแก๊งของวาดฟ้ามีสถานที่นัดพบปะกันเป็นประจำคือคาเฟ่กึ่งร้านหนังสือข้างมหาวิทยาลัย พวกเธอสามสาว อลิน ลดา และวาดฟ้า ใช้สถานที่นี้สิงสถิตมาตลอดสี่ปีที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งทำรายงาน อ่านหนังสือ เมาท์มอยเรื่องต่างๆ แถมยังเป็นจุดส่องผู้ชายชั้นเยี่ยม แม้พวกเธอจะเรียนจบต่างแยกย้ายกันไปทำงานแล้ว แต่ก็มักหาโอกาสนัดเจอกันอยู่เสมอ

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่สามสาวเดอะแก๊งจำเป็นต้องนัดรวมตัว เพื่อประชุมสุดยอดปัญหาหัวใจของตัวเอง

“อะไรนะ! พี่ภีมเขาพูดกับแกขนาดนั้นเลยเหรอ!”

อลินเผลออุทานออกมาเสียงดังพร้อมกับตบฝ่ามือลงบนโต๊ะด้วยความโมโห จนคนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองเป็นตาเดียว

“เบาๆ หน่อยดิวะ อายชาวบ้านเขามั้ย แกจะโวยวายเพื่อ?” ลดารีบปรามเพื่อนสาวขาวีน 

“เอ้า! ก็มันน่าโมโหอะ พูดออกมาได้ยังไงว่าสามเดือนมันจะเปลี่ยนอะไรได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำเรื่องที่มันมากกว่าพี่น้องไปแล้วน่ะนะ”

“ก็เขาไม่ได้ตั้งใจนี่ ถ้ามันเกิดจากความตั้งใจยังว่าไปอย่าง แต่นี่เกิดเพราะความเมา ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าสรุปแล้วใครเริ่มก่อนกันแน่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ ดูฟุ้งๆ เหมือนความฝัน”

วาดฟ้าพูดติดตลก หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น เธอก็ได้แค่เกริ่นเรื่องราวบางส่วนลงในกรุ๊ปไลน์ให้เพื่อนๆ รับรู้ เพราะยังไม่มีเวลาคุยมากนัก กระทั่งวันนี้มานัดเจอกันเธอจึงได้เล่าทุกๆ อย่างให้เพื่อนฟัง เป็นเชิงปรับทุกข์และปรึกษาไปในตัว

แม้ภาวัฒน์จะห้ามไม่ให้เธอบอกเรื่องนี้กับคนนอก แต่อลินกับลดาไม่ใช่คนนอกนี่นา เป็นเพื่อนรักที่เธอเต็มใจจะเล่าทุกอย่างในชีวิตให้ฟัง ยกเว้นเรื่อง ‘เหนือธรรมชาติ’ และเธอเองก็เชื่อว่าภาวัฒน์จะต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเพื่อนๆ ของเขาเช่นกัน

ดังนั้นก็ถือว่าวิน-วิน ทั้งสองฝ่ายเนอะ 

“แล้วถ้าเรื่องมาหักมุมทีหลังว่าแกไปปล้ำพี่ภีมก่อนอะ ก็แกคลั่งรักเขามาตั้งนาน” ลดาว่า

“แหม ทำอย่างกับแกไม่คลั่งรักเลยเนอะไอ้ดา พี่ชายฉันอะ แกแทบจะควักหัวใจใส่พานถวายให้”

วาดฟ้าหัวเราะให้แก่คำเปรียบเปรยของอลินจนตัวโยก ในขณะที่ใบหน้าของลดาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะถูกจี้จุด แน่ละ ก็ลดาแอบรัก ‘พี่ไอซ์’ พี่ชายสุดหล่อของอลินมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ตามรักตามจีบมาหลายปี พี่ไอซ์ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะรับรักตอบ

เอาเป็นว่าเธอกับลดาชะตากรรมเดียวกัน คือแอบรัก เอ่อ...ไม่เชิงแอบ รักแบบเปิดเผยนั่นละ ลดาอาจจะโชคดีกว่าตรงที่พี่ไอซ์อยู่ให้จีบเสมอ และมีอลินคอยช่วยเป็นแม่สื่อให้ ส่วนพี่ภีมของเธอน่ะเหรอ ตีตัวออกหากเธอตั้งแต่สารภาพความในใจนู่นแล้ว

“ใครจะไปเหมือนแกล่ะคะคุณอิงค์ ไม่ต้องไปวิ่งไล่ตามจีบตามผู้ชาย ก็มีผู้ชายวิ่งไล่ตามจีบเป็นพรวนแล้ว” ลดาจีบปากจีบคอพูดแกมประชด

“ธรรมดาของคนสวย” อลินยักไหล่ ก่อนจะหันไปทางผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ ที่กำลังจ้องมองเธอไม่วางตาราวกับมีจิตสัมผัส ผู้ชายคนนั้นหน้าแดงรีบก้มหน้าก้มตาหลบทันที

“พูดไม่ทันขาดคำ” วาดฟ้าคลี่ยิ้มน้อยๆ พลางสั่นศีรษะ อลินเป็นเซเลบคนดังซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มรูปแบบ ด้วยรูปร่างหน้าตาสะสวยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบวกกับความมั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องตกหลุมรัก

“แล้วภายในสามเดือนนี้แกจะยังไงต่อวะวิว จะอยู่กับเขาเฉยๆ รอครบกำหนดเสร็จก็แยกย้ายงี้” ลดาเอ่ยถาม หลังจากที่นอกประเด็นกันมาพอสมควร

“ถ้าอยู่เฉยๆ มันก็ไม่ใช่ฉันอะดิ” วาดฟ้ายิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นตั้งใจ

“ฉันจะเอาชนะใจพี่ภีม พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าฉันสามารถเป็นมากกว่าน้องสาวได้”

“อะ พลอตเดียวกับไอ้ดาอีกแล้ว ฉันล่ะปวดหัวกับพวกแกจริงๆ ถ้าเขาจะรักยืนเฉยๆ เขาก็รักป้ะวะ ไม่เห็นต้องไปพยายามทำอะไรเลย” 

อลินขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เห็นด้วย แม้ไม่ชอบเห็นเพื่อนวิ่งไล่ตามความรัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คอยซัปพอร์ต คอยเป็นแม่สื่อให้ลดามาหลายปี เพราะลึกๆ หวังให้พี่ชายของเธอได้ลงเอยกับเพื่อนรัก

“เอาน่าอิงค์ ให้ฉันลองพยายามดูสักตั้งเถอะ นี่เป็นโอกาสเดียวของฉันเลยนะ”

“เออๆ ไหนขอฟังแผนเอาชนะใจของแกหน่อย แผนมีว่า?”

“ก็...” 

วาดฟ้าเล่าแผนการที่เธอคิดไว้ในหัวให้สองสาวฟังแบบครบถ้วนกระบวนความ จริงๆ มันก็เป็นแค่แผนระยะสั้นวันต่อวัน เธอไม่ได้วางแผนระยะยาว

“เดี๋ยวๆ ไอ้ทำอาหารฉันพอเข้าใจอยู่หรอก เพราะมันคือมุกเบสิกของละครไทยที่ฉันเองก็ทำ แต่ไอ้แผนการต่อไปของแกเนี่ยมันไม่หื่นเกินไปหน่อยเหรอ” ลดาแย้งพร้อมกับทำหน้าเบ้

“แต่ฉันว่าแผนนี้ผ่าน แกอย่ามาไอ้ดา แกไม่เคยคิด 18+ กับพี่ชายฉันเลยว่างั้น” อลินเลิกคิ้ว

“ก็...เคยนิดหน่อย แต่ฉันไม่จู่โจมเหมือนไอ้วิวป้ะ”

“แกไม่มีโอกาสจู่โจมมากกว่าล่ะสิ” เซเลบสาวกรอกตามองบน ก่อนจะหันมาพูดกับเพื่อนรักอีกคนต่อ

“แกจู่โจมเลยเว้ยวิวถ้าแกอยาก การมีเซ็กซ์มันก็วิน-วิน ทั้งสองฝ่ายแหละ ผู้หญิงไม่ได้เป็นฝ่ายเสียหายตลอดเหมือนที่ผู้ใหญ่เขาพูดกัน แกคิดดูนะ แกไม่ได้ใจเขา แต่แกได้กินเขาคนที่แกคลั่งไคล้นักหนาตั้งสามเดือน ถึงจบกันฉันก็ว่ากำไรล้วนๆ ในกรณีที่แกต้องป้องกันด้วยนะ ให้พี่ภีมใส่ถุงยางทุกครั้งเพื่อเป็นการเซฟตัวแกเอง” 

‘นั่นสิ อิงค์พูดถูก’ วาดฟ้าคิด แม้ว่าสุดท้ายเธอจะไม่ได้หัวใจเขาเลย แต่เธอก็ได้กินหนุ่มหล่อสุดแซ่บซึ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆ อย่างพี่ภีม เพราะถึงยังไงเธอก็กลับไปเป็นเหมือนพี่น้องกับเขาไม่ได้อยู่แล้ว วันไนต์สแตนด์คืนนั้นเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ภีมไปตลอดกาล 

งั้นในระหว่างเอาชนะใจเขาด้วยลุคหญิงสาวผู้น่ารัก เธอก็ขอเป็นหมาป่าตะครุบแกะหนุ่มรูปงามด้วยในคราวเดียวแล้วกัน!

 

ใช่ว่าทุกความทรงจำและความสามารถในอดีตชาติของคนเราจะติดตัวมาทุกอย่าง

วาดฟ้าเพิ่งตระหนักได้ในวันนี้ ว่าถึงแม้อดีตเธอเคยเป็นหญิงไทยใจงามปี พ.ศ. 2490 ผู้มีสกิลด้านการทำอาหารเป็นเลิศ แต่ปัจจุบันนี้เธอคือวาดฟ้า ผู้มีสกิลการทำอาหารในระดับง่ายๆ จำพวกเมนูไข่กับแกงจืด ไม่เคยหัดทำเมนูระดับฮาร์ดคอร์แบบในร้านอาหารของครอบครัวเธอเลยสักครั้ง

นี่เป็นครั้งแรก...

“ฮัดชิ้ว!” 

หญิงสาวจามออกมาเสียงดังอย่างสุดจะกลั้น กลิ่นฉุนของพริกแกงรวมทั้งเครื่องเทศต่างๆ ทำเอาเธอเวียนหัวไปหมด ใบหน้าสวยหวานที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเอาไว้มันเยิ้ม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาก็มิปาน

“คุณวิวไหวมั้ยคะ ให้พี่ทำให้มั้ย” ดวงพรถามเสียงอู้อี้ขณะใช้มือบีบจมูกป้องกันกลิ่นฉุน ร่างท้วมในชุดเมดถอยห่างมายืนไกลถึงประตูห้องครัว

“วิวไหวค่ะ วิวทำได้ ฮัดชิ้ว!” คราวนี้เชฟฝึกหัดจามน้ำตาไหล แต่ก็ฝืนที่จะทำต่อไปให้สำเร็จ ไม่ยอมให้เสียชื่อลูกสาวเจ้าของร้านอาหารจักรรักษ์ไทยชื่อดังเด็ดขาด

“โถ แม่เจ้าประคุณทูนหัว ช่างพยายามอะไรเพื่อคุณภีมขนาดนี้นะ”

สาวใหญ่รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ เฝ้าดูว่าที่ภรรยาของเจ้านายปลุกปล้ำกับเมนูอาหารรสเด็ดและเครื่องใช้ทั้งหลายในครัว เสียงโครมครามดังขึ้นสลับกับเสียงจามเป็นพักๆ ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน

เวลา 18.30 น.

พอถึงเวลาเลิกงาน ภาวัฒน์ก็รีบขับรถจากบริษัทกลับมาที่คอนโดของตนเองทันที เขาต้องการมาดูความสงบเรียบร้อยของยายจอมแสบหลังจากย้ายของเข้ามาอยู่กับเขาแล้ว โดยตั้งใจว่าช่วงดึกๆ จะออกไปดินเนอร์กับณัฐชา เพื่อนรู้ใจคนสนิทของเขาในภัตตาคารโรงแรม

ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ผ่านห้องรับแขกเข้าไปในห้องนอน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงขลุกขลักดังมาจากห้องครัวก็คิดว่าดวงพรคงกำลังเตรียมอาหารเช่นทุกวัน ชายหนุ่มจัดการวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดบนออก ก่อนจะเดินกลับออกไปข้างนอกเพื่อบอกแม่บ้านคนสนิทว่าวันนี้ให้เตรียมอาหารสำหรับน้องสาวนอกไส้ของเขาแค่คนเดียว ส่วนตัวเขามีนัดรับประทานข้าวนอกบ้านแล้ว

“พี่ดวงครับ วันนี้...”

“อ้าวพี่ภีม! กลับมาแล้วเหรอคะ รีบมาทานข้าวเร็ว วิวทำอาหารแซ่บๆ แบบที่พี่ภีมชอบด้วย”

ภาวัฒน์อ้าปากค้างเมื่อเห็นสภาพของวาดฟ้าที่เปิดประตูออกมาจากห้องครัว ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับเยิน แถมบางจุดมีรอยเปื้อนคราบอาหารอีกต่างหาก ถึงแม้มีสภาพคล้ายคนใกล้ตาย แต่ใบหน้ามันเยิ้มก็ยังคงส่งยิ้มแหยๆ มาให้เขา 

“แหะๆ สภาพวิวตอนนี้ดูไม่ได้เลยใช่มั้ยคะพี่ภีม ความจริงพี่ดวงก็บอกให้วิวใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วแหละ แต่วิวไม่ใส่เอง”

หญิงสาวว่าพลางวางจานอาหารลงบนโต๊ะรับประทานอาหารตัวยาวกลางห้องรับแขก แอร์เย็นๆ ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นราวกับสรวงสวรรค์ ช่างต่างกับห้องครัวแสนร้อนอบอ้าวอันเปรียบได้ดั่งนรกอเวจี ซึ่งมันจะไม่นรกขนาดนี้เลยหากเธอไม่ท้าทายพญามัจจุราชด้วยการทำเมนูอาหารเผ็ดร้อนระดับพริกร้อยเม็ด

“ผัดเผ็ดปลาดุกทอดกรอบกับผัดพริกแกงกุ้ง แล้วก็ยำหอยแครงกำลังตามมาค่ะ วิวให้พี่ดวงจัดใส่จานอยู่”

“...” 

“งั้นเดี๋ยววิวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ พี่ภีมทานไปก่อนเลยก็ได้”

เขาได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ยายจอมแสบพูดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วเดินจากไป ไม่นานนักดวงพรก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานยำหอยแครงตกแต่งด้วยผักสดอย่างดีนำมาวางรวมไว้กับอาหารอีกสองชนิดบนโต๊ะ

“คุณภีมจะรับข้าวเลยมั้ยคะ” แม่บ้านประจำคอนโดเอ่ยถามคนเป็นเจ้านาย

ใบหน้าหล่อเหลาคมคายสั่นไปมาเล็กน้อย “ยังไม่ต้องครับ รอวิวอาบน้ำเสร็จก่อนดีกว่าค่อยกินพร้อมกัน”

“ค่ะ มื้อนี้ท่าจะเผ็ดน่าดูเลย คุณภีมต้องทานเยอะๆ นะคะ คุณวิวเธออุตส่าห์ตั้งใจทำมากๆ เธอทนจามน้ำหูน้ำตาไหลอยู่ในครัวมาสองชั่วโมงแล้ว”

ชายหนุ่มคิดภาพตามแล้วก็ใจอ่อนยวบ วาดฟ้ารู้ว่าเขาชอบรับประทานอาหารรสจัดจึงสรรหาเมนูมาทำให้ ทั้งที่เจ้าตัวยังรับประทานอาหารรสจัดไม่ค่อยได้เท่าไรนัก

ยายจอมแสบลงทุนทำเพื่อเขาขนาดนี้ เขาจะมีกะจิตกะใจที่ไหนไปดินเนอร์ข้างนอก...

 

วาดฟ้าใช้เวลาอาบน้ำสระผมแต่งตัวเพียงยี่สิบห้านาทีเท่านั้น ด้วยถูกฝึกจากบิดาให้มีนิสัยคล่องแคล่วว่องไวตั้งแต่เด็ก ดังนั้นหญิงสาวจึงเดินออกมาในชุดเสื้อยืดเอวลอยกับกางเกงขาสั้นสบายๆ เส้นผมที่ผ่านไดร์เป่าแห้งสนิทมัดรวบหางม้าสูง ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปสติกสีพีช เฉดสีโปรดประจำตัว

“ทำไมพี่ภีมยังไม่ทานข้าวอีกล่ะคะ” 

“พี่ก็รอทานพร้อมวิวนี่แหละ” เจ้าของเสียงเข้มที่นั่งกอดอกอยู่บนโต๊ะอาหารตอบ

“ดีใจจัง สามีรอทานข้าวด้วย” หญิงสาวยิ้มทะเล้นพลางเข้ามานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับว่าที่สามี

“ทีหลังไม่ต้องทำอาหารหรอก ถ้ามันจะทำให้วิวต้องลำบากขนาดนี้น่ะ ให้พี่ดวงเขาทำเถอะ”

“ไม่ลำบากเลยค่ะ วิวเต็มใจทำให้พี่ภีมมากๆ”

“แต่พี่ลำบากใจไง เข้าใจมั้ย พี่ไม่อยากเห็นวิวตกอยู่ในสภาพนั้นเพราะต้องทำอาหารให้พี่ทาน”

“ครั้งแรกมันก็เละเทะแบบนี้แหละค่ะพี่ภีม ทุกคนมีช่วงเวลาลองผิดลองถูก อีกอย่างวิวไม่ได้บอกว่าจะทำกับข้าวแบบนี้ให้พี่ภีมทานทุกวันนี่คะ อย่าคิดมาก”

วาดฟ้ากล่าวด้วยท่าทางชิลชิล ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ตัวตนของพี่ภีมเป็นแบบนี้ทุกภพชาติ ปฏิเสธเก่งเวลาเธอหยิบยื่นน้ำใจหรือทำอะไรให้ ไม่รู้เพราะเขาเป็นห่วงเธอจริงๆ หรือรำคาญสิ่งที่เธอทำให้กันแน่นะ

ดวงพรตักข้าวสวยร้อนๆ มาเสิร์ฟเจ้านายทั้งสอง รินน้ำส้มคั้นใส่แก้วซึ่งเธอคิดว่าน่าจะช่วยแก้อาการเผ็ดได้ยื่นให้ และไม่ลืมนำไข่เจียวมาเสริมอีกเมนูหนึ่งอย่างรอบคอบ

“เป็นไงบ้างคะพี่ภีม อร่อยมั้ย” หญิงสาวลุ้นระทึก ขณะที่ภาวัฒน์ตักผัดเผ็ดปลาดุกทอดกรอบเข้าปาก

“อืม ก็ดี” ชายหนุ่มตอบพร้อมเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ 

“ก็ดีนี่หมายถึงอร่อย หรือพอทานได้คะ” เธอเลิกคิ้ว

“ทั้งสองอย่าง” เขาพยักหน้า และคลี่ยิ้มออกมา

ณ วินาทีนั้นวาดฟ้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ รอบๆ ตัวเธอมีดอกไม้บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอยู่เต็มไปหมด 

พระเจ้า...พี่ภีมยิ้ม กี่ปีแล้วนะที่ใบหน้าหล่อๆของเขาไม่ได้ส่งยิ้มมาให้เธอเลยสักครั้ง หากไม่บึ้งตึงใส่ก็เรียบเฉยราวกับหุ่นปั้น แม้เป็นยิ้มที่ไม่มากนัก แต่ก็มีอิทธิพลรุนแรงต่อหัวใจเธอเหลือเกิน

‘แบบนี้ แปลว่าเรายังมีหวังใช่ไหม’

ครึ่งชั่วโมงต่อมาอาหารทุกอย่างถูกจัดการจนหมดเกลี้ยงโดยคนทั้งสอง วาดฟ้ารับประทานอาหารรสเผ็ดไม่ได้มากนัก จึงตักแต่ไข่เจียวทานคำใหญ่ๆ และตักอาหารรสเผ็ดคำเล็กๆ แกล้มให้พอมีรสชาติ ส่วนภาวัฒน์นั้นค่อนข้างเจริญอาหารเป็นพิเศษ มื้อนี้เขารับประทานข้าวถึงสองจานทั้งที่ปกติแค่จานเดียวก็อิ่ม

ชายหนุ่มอาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยจึงเตรียมสะสางงานที่คั่งค้างต่อ ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมนอนสีดำเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดแมคบุ๊คแล้วหยิบแว่นกรองแสงออกมาสวม

พลันจู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกณัฐชาเรื่องยกเลิกนัดดินเนอร์ในคืนนี้ มือหนารีบคว้าสมาร์ตโฟนมากดโทร. ออกหาเธอ

“ฮัลโหลแนท คืนนี้เราคงไปดินเนอร์กับแนทไม่ได้แล้วอะ พอดีเราติดธุระด่วน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ไว้คราวหน้านะ”

เสียงเข้มชี้แจงเหตุผลที่ต้องยกเลิกนัดให้แก่คนปลายสายฟัง อีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรนอกจากบอกเขาอย่างใจเย็นว่าไม่เป็นไรเช่นกัน

“เฮ้อ”

ภาวัฒน์ถอนหายใจ เขารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ปิดบังความจริง

จุดประสงค์ของการดินเนอร์แท้จริงแล้วคือเขาตั้งใจไปขอจบความสัมพันธ์กับณัฐชา เพื่อนรู้ใจคนสนิทของเขาที่มีความสัมพันธ์ฉัน ‘friend with benefit’ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ‘เพื่อนนอน’ ซึ่งความสัมพันธ์นี้สามารถพูดคุยกันได้ ปรึกษากันได้แบบเพื่อน มีอะไรกันได้ในกรณีที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีพันธะ และจะไม่เอาใจลงไปเล่นเด็ดขาด

แต่มาบัดนี้เขาไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกแล้ว ยายจอมแสบเป็นพันธะของเขา แม้ว่าเขาไม่ได้รักเธอแบบคนรัก แต่เขาก็ไม่อยากเอาเปรียบด้วยการคบคนอื่นด้วยในระหว่างทดลองศึกษาดูใจกับเธอตามที่ตกลงกันไว้

รอจบสามเดือนเมื่อไร เขาก็จะกลับไปไร้พันธะทันที ภาวัฒน์มั่นใจ และไม่มีทางเปลี่ยนใจ ยายจอมแสบจะยังคงเป็นเหมือนน้องสาวของเขาตลอดกาล ไม่มีทางได้เลื่อนขั้นมาเป็นอื่นเด็ดขาด

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น