5

จู่โจม

จู่โจม

 

หลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ภาวัฒน์ปิดไฟเข้านอนตามปกติ แต่แปลกตรงที่ว่าตกดึกคืนนั้นเขาฝันไป...

         “คืนนี้มีงานวัดนี่หว่า เอ็งไปกับข้ามั้ยไอ้แสน ข้าละอยากไปเจอพวกสาวๆ สวยๆ จะแย่”

ชายร่างเล็กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงครื้นเครง ใบหน้าคร้ามแดดฉีกยิ้มกว้างขณะก้าวเท้าเดินไปตามทางดินเล็กๆ ในป่า โดยมีชายร่างสูงใหญ่กำยำอีกคนสะพายข้องใส่ปลาเดินตามหลัง จุดหมายปลายทางคือหมู่บ้านข้างหน้าที่พวกเขาอาศัยอยู่

“เอาสิ ข้าจะชวนนวลไปด้วย”

“นวลไหนวะ นวลตาน่ะหรือ” บุญยืนเลิกคิ้ว 

“ใช่” แสนกล้าตอบ ส่วนเพื่อนรักส่ายหน้าหวือ

“อูย อย่าหวังเด็ดดอกฟ้าเลยไอ้แสน นังนวลมันคนสวย หนุ่มบ้านเหนือบ้านใต้แวะเวียนมาจีบหัวกระไดไม่แห้ง” 

นวลตาเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน ฐานะค่อนไปทางปานกลางเช่นเดียวกับแสนกล้าที่เป็นหนุ่มรูปงาม ฐานะทางบ้านปานกลางเช่นกัน ถึงจะศีลเสมอกัน แต่พ่อแม่สาวเจ้าคงอยากมองหาคนที่อยู่สูงกว่านี้ให้ลูกสาวตัวเอง

“แล้วไง ข้าไม่สนหรอก ก็ข้ารักของข้า นวลก็รักข้าเหมือนกัน” แสนกล้าว่า 

“แล้วเอ็งรู้ได้ไงว่ามันรักเอ็ง”

“เอาเป็นว่าข้ากับนวลรักกันอยู่ เอ็งอย่าถามให้มากความเลย”

“พุธโธ่เพื่อนกู เก็บไปฝันมากกว่ากระมัง” บุญยืนหัวเราะ

“ไม่ได้ฝันโว้ย เดี๋ยวพ่อจะเตะให้” แสนกล้าทำท่าจะยกเท้าขึ้นตามปากว่า หนุ่มร่างเล็กอย่างบุญยืนรีบกระเด้งตัวออกห่าง เพราะกลัวจะโดนลูกเตะนั้น

“เออ ไม่ฝันก็แล้วไป ข้าจะรอดูว่าเอ็งจะได้แต่งกับมันมั้ย แต่พนันได้ นังนวลมันไม่เอาเอ็งร้อก”

“ทำไมฮะไอ้ยืน ข้าไม่ดีตรงไหน” แสนกล้าขมวดคิ้ว เท้าสะเอวชี้หน้าเพื่อนรัก

“ไม่ใช่ว่าไม่ดีโว้ย แต่นังนวลมันมีผู้ชายมาให้เลือกเยอะ ดูอย่างไอ้เฉลิมพลนั่นปะไร เป็นถึงลูกเศรษฐีอีกตำบล หน้าตาก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ พ่อแม่นังนวลมันชอบออกจะตาย อยากได้เป็นลูกเขย”

คราวนี้ชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องดังกล่าวว่ามีลูกเศรษฐีคนหนึ่งมาชอบนวลตา แต่เพราะเชื่อมั่นในตัวของคนรักสาวที่บอกว่าไม่ได้รักชอบผู้ชายคนนั้น เขาจึงไม่ใส่ใจอะไร

“ข้าว่าเอ็งตัดใจจากนังนวลมันซะเถอะ หันไปรักคนที่เขารักเอ็งมากดีกว่า อย่างน้องลำดวนนั่นไง เห็นส่งกับข้าวให้เอ็งมาเป็นปีแล้ว” 

บุญยืนเอ่ยยิ้มๆ หากเป็นน้องลำดวนแล้ว เขาภาวนาสุดใจให้ได้เป็นคู่เรียงเคียงหมอนของเพื่อนรัก 

“ข้าไม่เอาหรอก ข้าเห็นมันแก้ผ้าเล่นน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นมันเป็นน้องเป็นนุ่ง ข้าชอบมันไม่ลง” แสนกล้านิ่วหน้า

“เอ็งก็เลิกมองน้องลำดวนแบบน้องนุ่งสิวะไอ้แสน ลองมองแบบน้องไม่นุ่งบ้างปะไร” 

“ไอ้ยืน! ทะลึ่งแล้วนะเอ็ง” 

ชายหนุ่มว่าเสียงเข้มพลางถีบเข้าที่ก้นของอีกฝ่ายจนหกล้มหน้าคว่ำคะมำหงาย โทษฐานบังอาจมาชักชวนให้เขาคิดอกุศลกับคนที่เขาเห็นเป็นน้องสาว เนื่องจากบ้านอยู่ติดกัน มีเพียงแค่ดงกล้วยคั่นกลาง ทำให้เขาเห็นพัฒนาการของเธอมาตลอดตั้งแต่เล็กจนย่างเข้าสู่วัยสาว พี่ชายข้างบ้านอย่างเขาจึงไม่สามารถรักชอบเธอแบบคนรักได้จริงๆ ไม่ว่าเธอจะพยายามตามตื๊อเขาแค่ไหน

...

“พี่ภีม”

“...”

“พี่ภีมคะ!!!” 

เสียงเรียกของยายจอมแสบปลุกภาวัฒน์ที่กำลังนั่งเท้าคาง สายตาเหม่อลอยให้ตื่นจากภวังค์ เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับเสียงเรียกของเธอเบาๆ

“หืม?” 

“วิวเสร็จแล้วค่ะ เราจะไปกันได้หรือยัง” วาดฟ้าถามพลางกระชับสายกระเป๋าสะพายคล้องไหล่ไว้มั่น เช้านี้เธอต้องไปช่วยงานที่ร้านอาหารของครอบครัวเป็นปกติโดยให้ภาวัฒน์ขับรถไปส่ง ส่วนขากลับเธอจะขับรถของตัวเองกลับมาที่คอนโด

“ไปสิ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สูดลมหายใจเข้าลึก สั่นศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากสมอง

ความฝันเมื่อคืนของเขามันช่างแสนประหลาด เขาฝันเห็นตัวเอง...ไม่สิ ตัวเองในร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ‘แสนกล้า’ ต่างหาก ความฝันนั้นเหมือนจริงจนน่ากลัว เขาจำได้ทุกบทสนทนา สภาพแวดล้อมในความฝัน กระทั่งความรู้สึกนึกคิดของแสนกล้า ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน

‘ไม่หรอกมั้ง เมื่อคืนเราคงกินมากไป กินมากก็ฝันมาก’ 

ภาวัฒน์ตัดสินใจบอกตัวเองแบบนั้นเพื่อจะได้ไม่ต้องเก็บความฝันประหลาดนี้มาคิดมากอีก

 

บรรยากาศในร้านอาหารจักรรักษ์ไทยวันนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก เสียงสนทนาเป็นภาษาจีนของผู้คนจำนวนมากดังเซ็งแซ่ทั่วอาณาบริเวณโดยรอบ พนักงานเสิร์ฟในชุดฟอร์มผ้าไทยประยุกต์วิ่งเข้าออกห้องครัวกันขวักไขว่ แลดูชุลมุนวุ่นวายนัก

หญิงสาวร่างเล็กผมยาวดัดลอนดูจะเป็นที่สนอกสนใจของบรรดานักท่องเที่ยวชาวจีนเหลือเกินในยามนี้ รอยยิ้มแสนน่ารักบวกกับชุดมินิเดรสสีสันสดใส ส่งให้เธอดูโดดเด่นเกินใคร 

“หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทุกท่านสามารถเดินชมรอบๆ ได้นะคะ ร้านอาหารของเรามีสวนผลไม้หลายชนิด เก็บผลไม้รับประทานได้เลยค่ะ”

เสียงหวานเอ่ยเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยดูแลความเรียบร้อยของแขกตามโต๊ะต่างๆ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

“พี่แพรวคะ โต๊ะสี่ขอช้อนเพิ่มคันหนึ่งค่ะ พอดีเขาทำตกพื้น”

วาดฟ้าร้องบอกพนักงานเสิร์ฟสาวรุ่นพี่ เธอทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาจีนช่วยมัคคุเทศก์ไปโดยปริยาย เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเธอจึงหลบมายืนพักเหนื่อยหน้าพัดลมตัวใหญ่บริเวณเคาน์เตอร์ของร้าน

“คุณวิวเก่งจังเลย ไม่สนใจอยากลองเปลี่ยนมาทำอาชีพไกด์แบบพี่ดูบ้างเหรอคะ” 

มัคคุเทศก์สาวคนหนึ่งของบริษัททัวร์ที่ชื่อวิสกี้เดินเข้ามาพูดคุยด้วยท่าทีเป็นมิตร

“ไม่ละค่ะพี่กี้ วิวชอบทำงานแบบนี้มากกว่า อยู่กับบ้าน มีกิจการเป็นของตัวเอง มันอิสระดี” 

วาดฟ้าเอ่ยด้วยท่าทีสนิทสนมตอบกลับ เนื่องจากเคยเจออีกฝ่ายมาแล้วสามสี่ครั้งตอนพาทัวร์จีนมารับประทานอาหารที่ร้าน จึงคุ้นเคยกันพอสมควร

“ก็จริงนะคะ เป็นนายตัวเองมันดีแบบนี้แหละค่ะ วันไหนขยันมากก็ทำมากหน่อย วันไหนเราขยันน้อยก็ทำน้อย”

“ซึ่งส่วนใหญ่วิวจะขยันน้อยมากกว่าค่ะ ที่เห็นวันนี้คือร้อยวันพันปีจะฮึกเหิมขึ้นมาที” หญิงสาวป้องปากกระซิบกระซาบ ดวงตาซุกซนและรอยยิ้มแบบมีเลศนัย สร้างเสียงหัวเราะให้คู่สนทนาจนตัวโยน

“คุณวิวนี่มีอารมณ์ขันนะคะเนี่ย ทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมยังอัธยาศัยดีอีก”

“ขอบคุณนะคะ พี่กี้ชมวิวซะจนวิวแทบจะลอยได้แล้ว จริงๆ วิวก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์ขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังมีหลายจุดที่ต้องพัฒนาอีกเยอะ”

วาดฟ้าไม่ได้ถ่อมตัวแต่อย่างใด เธอพูดความจริง เรื่องรูปร่างหน้าตาหลายคนนิยามว่าสวยเธอก็ขอบคุณ แม้จะคิดเสมอว่าเธอแค่มีหน้าตาพิมพ์นิยมของสมัยปัจจุบันที่ผู้คนมองว่าแบบนี้ ‘สวย’ ทั้งที่คำจำกัดความของคำสวยนั้นไม่มีอยู่จริง ผู้หญิงทุกคนล้วนมีความสวยงามในแบบของตัวเอง 

ส่วนเรื่องความสามารถด้านบริการลูกค้าในร้านเธอฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ความสามารถด้านภาษาเธอก็ต่อยอดมาจากการเรียนคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาจีนของมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยปานกลาง

“งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวไปรับประทานอาหารก่อนนะคะน้องวิว ไว้เจอกันค่ะ” มัคคุเทศก์สาวขอตัวลา หลังจากที่สนทนาจนลืมความหิวไปชั่วขณะ

“เชิญค่ะพี่กี้ มีอะไรให้ช่วยก็บอกวิวได้เลย” วาดฟ้าพยักหน้าให้เล็กน้อย อีกฝ่ายจึงหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารร่วมกับบรรดาเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

เสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นรัวๆ จากสมาร์ตโฟนในมือ เธอหยิบมันมากดเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความจากกรุ๊ป ‘ว.อ.ด’ ย่อมาจาก วิว อลิน ลดา ซึ่งเป็นชื่อย่อของแต่ละคนในแก๊งเพื่อนสนิทของเธอเอง

 

อ.อิงค์ : ไอ้วิว เมื่อคืนได้จู่โจมยัง

อ.อิงค์ : ต้องเมาท์แล้วป้ะ

ด.ดา : แกจะบ้าเหรอไอ้อิงค์ เรื่องแบบนี้ใครเขาเล่าให้ฟังกัน

ด.ดา : แต่ก็เล่ามาเถอะ ฉันอยากรู้ด้วยคน 555+

 

บทสนทนาในแชตกรุ๊ปทำให้วาดฟ้ากลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

 

ว.วิว : ไม่เลย กินข้าวเสร็จแยกย้ายนอน

อ.อิงค์ : โธ่เอ๊ย ฉันก็นึกว่าพี่ภีมเสร็จแกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

ว.วิว : ใจเย็นเดี๋ยวแกะตื่น

ด.ดา : เขามีแต่ไก่ไม่ใช่เหรอ

ว.วิว : ก็พี่ภีมเหมือนแกะมากกว่าอะ

อ.อิงค์ : ส่งรูปภาพ

 

ดวงตากลมโตเพ่งมองรูปภาพที่อลินส่งมาในกรุ๊ปแชต มันคือแอกเคานต์ร้านชุดนอนไม่ได้นอนในอินสตาแกรม หน้าแอกเคานต์ระบุว่าพร้อมส่ง และสามารถนัดรับได้ตามสถานที่ต่างๆ ในตัวเมืองกรุงเทพฯ โดยบวกอัตราค่าบริการส่งเพิ่มด้วย

 

อ.อิงค์ : ราคาอาจจะแพงไปนิด แต่รับประกันคุณภาพ

อ.อิงค์ : ญาติฉันที่เพิ่งแต่งงานแนะนำมา

ด.ดา : น่าสนใจ แต่คงต้องรอให้ฉันแต่งงานกับพี่ไอซ์ก่อนนะ เฮ้อ

อ.อิงค์ : มโน ให้ไอ้วิวมันซื้อนู่นไม่ใช่แก

ด.ดา : ชิ ขอมีความสุขในจินตนาการหน่อยก็ไม่ได้

ว.วิว : ขอบใจนะแก ไว้ฉันจะลองเข้าไปดู

 

วาดฟ้ากดออกจากแอปพลิเคชันไลน์เข้าไปที่อินสตาแกรม เซิร์ชหาชื่อแอกเคานต์ร้านชุดนอนไม่ได้นอนดังกล่าว มีให้เลือกทั้งแบบคอสเพลย์ แบบวาบหวิว แบบเซ็กซี่ลูกไม้หวานๆ พอกดจิ้มเข้าไปดูราคาใต้รูปภาพก็ปรากฏว่ามันราคาสูงทีเดียว

หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น กอดอกยืนครุ่นคิดอยู่นานว่าจะซื้อดีหรือไม่ ใช่ว่าเงินในบัญชีไม่พอซื้อ แต่เธอค่อนข้างละเอียดรอบคอบในการซื้อของแต่ละครั้ง 

‘หรือจะรอเงินเดือนออกอาทิตย์หน้าก่อนดีนะ’ 

เธอหมายถึงเงินเดือนจำนวนหนึ่งหมื่นเจ็ดพันบาทซึ่งบิดาจ่ายให้เธอแต่ละเดือนตั้งแต่เรียนจบมาช่วยกิจการร้านอาหารอย่างเต็มรูปแบบ 

ในขณะที่กำลังคำนวณตัวเลขอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง วาดฟ้าหยิบมันมาเปิดดู คราวนี้เป็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีธนาคารจำนวนถึงห้าหมื่นบาท!

“ใครโอนเข้ามาเนี่ย” เสียงหวานพึมพำ ดวงตาเบิกกว้าง ไม่นานนักก็มีแจ้งเตือนข้อความจากภาวัฒน์ตามมาติดๆ วาดฟ้ากดเข้าไปดู ปรากฏว่าเขาส่งสลิปการโอนเงินจำนวนห้าหมื่นบาทเมื่อครู่มาให้

 

ภีม : ขอบคุณสำหรับกับข้าวเมื่อคืนนะ

ภีม : พี่ให้ เก็บไว้ใช้ซื้อของที่วิวอยากได้

 

“โอ๊ย ป๋ามากค่ะพี่ภีม” 

เธอกรีดร้องในลำคอเบาๆ พร้อมกับผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก พี่ภีมของเธอคงไม่รู้สินะว่ากำลังยื่นอาวุธให้เธอใช้จู่โจมตัวเขาเอง!

 

ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มราคาแพงค่อยๆ ยืดแผ่นหลังนั่งตัวตรง ดวงตาหรี่แคบลงจ้องมองข้อความในแชตไลน์ที่ยายจอมแสบตอบกลับมา 

 

ว.วิว : ขอบคุณนะคะ

 

ตามด้วยรูปภาพมีมสุนัขพันธุ์ชิวาวาหน้าเจ้าเล่ห์ ซึ่งดูเผินๆ เหมือนกำลังยิ้มเยาะอะไรบางอย่างอยู่

‘ยายวิวต้องกำลังคิดวางแผนทำอะไรอยู่แน่ๆ’ 

ภาวัฒน์คิด ทว่าไม่ได้ใส่ใจจึงปิดสมาร์ตโฟนลงแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ไม่ว่าเธอจะวางแผนอะไรมันก็ไม่สำเร็จกับเขาอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ

ก๊อกๆ...

“เข้ามาได้ครับ” เสียงเข้มเอ่ยอนุญาต หลังจากเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นสองครั้งติด

คนที่เปิดประตูเข้ามานั้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของภาวัฒน์สักเท่าไร เป็น ‘ทิพย์กมล’ เลขานุการของเขานั่นเอง เธอหอบแฟ้มในอ้อมแขนมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขาเหมือนอย่างเคย

“บ่ายโมงครึ่งมีประชุมผู้บริหารนะคะคุณภีม” เลขาฯ สาวกล่าวเสียงนุ่มนวล

“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ยังคงคร่ำเคร่งกับเอกสารงบประมาณในมือ จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนก้าวเข้ามาในห้อง และเลขาฯ ของเขากล่าวสวัสดีคนคนนั้น

“สวัสดีค่ะท่านประธาน เพิ่งมาถึงเหรอคะ จะรับน้ำกับกาแฟมั้ย”

“ขอเป็นชาอู่หลงสักแก้วดีกว่าคุณทิพย์ ช่วงนี้หมอให้ผมงดกาแฟ”

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

วศิน อนันต์ธาดา ประธานกรรมการบริหารผู้ก่อตั้งบริษัท อนันต์ธาดา จำกัด (มหาชน) ซึ่งตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการเติบโตสูงและใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ชายนักธุรกิจวัยหกสิบปีผู้มีอารมณ์ขันผู้นี้คือบิดาแท้ๆ ของภาวัฒน์นั่นเอง

“ไงลูกชาย ไม่เห็นหน้าค่าตามาเกือบอาทิตย์แน่ะ” 

วศินทักทายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ร่างท้วมในชุดสูทมีผ้าพันคอสีอ่อนพันรอบคอไว้หลวมๆ เดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟารับแขก

“ผมก็ยังหล่อเหมือนเดิม” เขาพูดเสียงเรียบ “ว่าแต่ที่ไปดูโครงการที่จะทำร่วมกับจีนเป็นยังไงบ้างครับ”

“ก็โอเค ไม่มีปัญอะไรหรอกเรื่องนั้นน่ะ ไว้คุยทีเดียวในที่ประชุม เอาเรื่องแกก่อนดีกว่า” 

“เรื่องผม?” คิ้วหนาเลิกสูงขึ้นเป็นเชิงคำถาม

“ใช่ แกคิดอะไรอยู่กันแน่ฮึภีม ถึงได้เมาจนพลาดท่าไปมีอะไรกับเจ้าวิวแบบนั้น” 

ภาวัฒน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขนาดบิดาของเขาไปไกลถึงประเทศจีนยังรู้เรื่องนี้รวดเร็วนัก และคนส่งข่าวคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมารดาของเขา

“ผมจะคิดอะไรได้ล่ะครับคุณพ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นนี่ วิวก็เหมือนกัน” 

“เฮ้อเด็กสมัยนี้ ประมาทกันจริงๆ” ประธานผู้กุมบังเหียนบริษัทใหญ่สั่นศีรษะ 

“แล้วนี่แกวางแผนจะแต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ พ่อจะได้จัดการให้”

ปากกาในมือของภาวัฒน์มีอันต้องชะงักกึกเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว พอเงยหน้าสบตาบิดา...ไม่มีคำว่าล้อเล่นอยู่ในแววตาคู่นั้นเลยสักนิดเดียว

“ผมยังไม่แต่งหรอกครับ ผมตกลงกับวิวแล้วว่าจะทดลองอยู่ด้วยกันก่อนสามเดือน ถ้ามันเวิร์กเราก็ค่อยแต่งงาน แต่ถ้าไม่ก็แค่แยกย้าย”

“อ่า ตายๆ มันจะเข้าท่าเหรอแบบนี้ แกจะตกลงทำอะไรนึกถึงใจผู้ใหญ่ด้วยนะภีม ไอ้จักรมันเป็นเพื่อนรักของพ่อแถมยังเป็นลุงของแกอีก”

วศิน จักร และ ประไพเป็นเพื่อนรักที่สนิทสนมกันยาวนานมาตั้งแต่สมัยเรียน ภายหลังวศินชอบพอกับเจนเนตรน้องสาวของจักร จึงได้แต่งงานกัน กลายมาเป็นบิดาและมารดาของภาวัฒน์ในปัจจุบัน ส่วนจักรกับประไพก็แต่งงานกันในเวลาต่อมา เข้าตำรารักแท้แพ้ใกล้ชิด

“คุณลุงกับคุณป้ารับรู้แล้วครับ พวกท่านไม่ว่าอะไร ทุกคนต้องเข้าใจว่าผมกับวิวมีสถานะเป็นเหมือนพี่น้องกันมาตลอด อยู่ดีๆ จะให้มาแต่งงานปุบปับคงไปไม่รอด อย่างน้อยให้เวลาเราได้ลองปรับตัวเข้าหากันหน่อยก็ยังดี”

ภาวัฒน์พูดกับบิดา แม้จะรู้ปลายทางตอนจบของเรื่องนี้อยู่แก่ใจดี

“ถ้ามันเวิร์กได้แต่งงานกันก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ แกเตรียมหาทางออกเรื่องนี้ให้ดีที่สุดเลยนะภีม เพราะมันจะไม่จบแค่ต่างคนต่างแยกย้าย แต่แกกับเจ้าวิวจะกลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว”

‘นั่นสินะ’ ชายหนุ่มฉุกคิดทบทวนในใจ ที่ผ่านมาเขาคิดตื้นๆ ว่าหากผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้เขากับยายจอมแสบก็คงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้

เขาไม่อยากได้วาดฟ้าเป็นภรรยาก็จริง แต่เขาก็ไม่พร้อมที่จะผลักเธอออกไปจากชีวิตตลอดกาลอย่างที่ทำมาแล้วห้าปี แล้วเขาจะทำอย่างไรในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีตรงกลางให้เลือกเลย

 

เวลาสามทุ่ม ร่างขาวนวลเนียนเปียกชุ่มก้าวขาออกมาจากอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ กลิ่นกายหอมฟุ้งจากสบู่เหลวยี่ห้อดี เธอพันกายด้วยผ้าขนหนูเดินมาหยุดอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ในห้องน้ำ เอื้อมมือหยิบชุดที่เตรียมไว้บนเคาน์เตอร์มาสวม

แสงไฟสีเหลืองนวลในห้องน้ำส่องสว่างรำไรเผยให้เห็นร่างเล็กทว่าอวบอิ่มในชุดนอนสายเดี่ยวผ้าบางเบาสีดำ แต่งระบายลูกไม้น้อยๆ บริเวณขอบอกกับชายกระโปรงที่สั้นเสมอต้นขา

“เลิศมากแม่!” เสียงหวานร้องขึ้นหลังจากลองสวมชุดดังกล่าวเสร็จ

วาดฟ้ามองภาพสะท้อนของตนเองในกระจกด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ เธอแสนเซ็กซี่...แบบที่ไม่คิดว่าจะเซ็กซี่ได้ในชีวิตนี้ ต้องขอบคุณอลินเพื่อนรักที่หาวาร์ปร้านชุดนอนไม่ได้นอนมาให้ ซึ่งร้านดังกล่าวก็บริการดีมาก จัดส่งด่วนถึงมือเธอทันทีหลังทำการสั่งซื้อเพียงไม่กี่ชั่วโมง

“วิวเซ็กซี่หวานกรุบกริบขนาดนี้ ไม่ขยี้ใจพี่ภีมก็ให้มันรู้ไปซี้”

หญิงสาวพึมพำใช้จริตจะก้านของนางร้ายในละครหลังข่าว หมุนตัว เท้าเอว จือปาก โพสท่าที่คิดว่าเหมือนนางแบบนิตยสารเมืองนอกสุดๆ ก่อนจะย่ำเท้าเดินจ้ำออกไปข้างนอกอย่างมาดมั่น โดยมีจังหวะเพลง “crazy in love” ของ Beyoncé อยู่ในหัวใจ

“พี่ภีมคะ” 

เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยและเสียงเคาะประตูดังตามมาติดๆ เรียกความสนใจของภาวัฒน์จากหน้าจอไอแพดในมือ เขานำมันไปชาร์ตแบตเตอรี่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วจึงค่อยลุกไปเปิดประตู ในใจนึกฉงนว่าสามทุ่มกว่าแล้วยายจอมแสบมีเรื่องอะไรกัน

“มีอะ...” 

ชายหนุ่มถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นน้องสาวนอกไส้ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ปกติเธอมักสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่มิดชิดกับรูปร่างเล็กๆ ที่หากมองภายนอกคงคิดว่าส่วนอื่นไม่ได้ใหญ่ตามไปด้วย แต่เขาคิดผิด เพราะมาบัดนี้เธอสวมเสื้อผ้าเปิดเผยส่วนเว้าส่วนโค้งให้เห็นได้อย่างชัดเจน ดูอวบอิ่มเต่งตึงไปหมดทุกสัดส่วน

แล้วมันใช่เวลามาสำรวจรูปร่างของยายจอมแสบมั้ยเนี่ย! 

ถึงเขาน่าจะเคยเห็นเต็มๆ มาแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ แต่ครั้งนั้นเขาจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

“วิวว่าจะมาขอนอนกับพี่ภีมน่ะค่ะ วิวกลัวผี”

“นอนไปแล้วคืนหนึ่ง เพิ่งจะมากลัววันนี้เหรอ”

วาดฟ้าหัวเราะแหะๆ ข้ออ้างของเธอฟังดูไม่ขึ้นจริงๆ ก่อนเธอจะมาเคาะห้องเขา เธอยังแอบกลับไปแต่งหน้าเบาๆ ดัดผมลอนที่ห้องนอนของตัวเองอยู่เลย ในใจไม่เคยคิดเรื่องผีสางหรอก

“เมื่อคืนฝันไม่ค่อยจะดี เลยไม่กล้านอนที่ห้อง ขอนอนด้วยนะคะ...”

เธอส่งสายตายั่วยวนและยิ้มมุมปากให้พี่ภีม เขาสวมชุดนอนแขนยาวสีดำแบบนี้ก็เร้าใจไม่หยอก ราวกับนัดกับเธอไว้ว่าต้องสีดำ

หึๆ โชคชะตาพาให้พบความบังเอิญขนาดนี้แล้ว แสดงว่าคืนนี้เขาต้องเสร็จเธอแน่นอน 

“ไม่ได้” 

“อ้าว ทำไมล่ะคะ”

“มันไม่เหมาะสม” เขาสั่นศีรษะ

“ไม่เหมาะสมยังไงคะ เราอยู่ในช่วงทดลองเป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องนอนด้วยกันได้สิ” เธอยังเถียงข้างๆ คูๆ

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถ้ากลัวผีนัก เดี๋ยวพี่จะให้พี่ดวงไปนอนเป็นเพื่อนวิวก็แล้วกัน”

“ไม่ค่ะ วิวจะนอนกับพี่ภีม” วาดฟ้ายืนกรานหนักแน่น

“แต่พี่ไม่ให้วิวนอนด้วย จบนะ” 

ภาวัฒน์ตั้งท่ากำลังจะปิดประตู ทว่ายายจอมแสบกลับทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง นั่นคือกระโดดพุ่งเข้ามากอดเขาไว้แน่น พลอยให้ส่วนเว้าส่วนโค้งต่างๆ บดเบียดเข้ากับร่างกายเขาอย่างจัง

“วิว!” เสียงเข้มอุทานอย่างตกใจ รู้สึกคล้ายมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ไหลพล่านไปทั่วสรรพางค์ เขาต้องรีบหยุดมัน ก่อนที่สัญชาตญาณดิบจะก่อตัวขึ้นเหมือนคืนนั้นอีก

“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะวิว!”

“ม่ายยย วิวไม่ปล่อย พี่ภีมให้วิวนอนด้วยนะคะ” 

“ก็บอกว่าไม่ได้ไงเล่า ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงฮึ”

ชายหนุ่มพยายามแกะยายลูกลิงออกจากตัว ใจคอจะปล้ำเขาให้ได้หรืออย่างไร ไม่เคยเห็นเขาเป็นเหมือนพี่ชายที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ตัวเองบ้างเลยหรือ

“วิวหยุด...เฮ้ย!”

หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันได้พักใหญ่ ภาวัฒน์ก็เพลี่ยงพล้ำเสียหลักล้มลงบนเตียงนอน วาดฟ้ากำลังจะกระโดดลงมาทับ แต่เขาพลิกกายหนีได้ทันท่วงที ใช้จังหวะนั้นม้วนผ้านวมพันห่อตัวเธอไว้หลายตลบจนเหลือแต่ส่วนหัว มองดูคล้ายกับมัมมี่

“กรี๊ด! พี่ภีมปล่อยวิวนะ” 

วาดฟ้าร้องเสียงดังเมื่อพี่ภีมนำร่างของเธอที่ห่อด้วยผ้านวมแบกขึ้นใส่บ่า เดินดุ่มๆ ออกจากห้องนอนของเขาไปที่ห้องนอนของเธอ แล้วโยนเธอลงบนเตียง ก่อนจะเดินกลับออกไปทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้เธอต้องดิ้นรนเอาตัวเองออกจากพันธนาการ

“ไอ้พี่ภีมคนใจร้าย!” หญิงสาวกรี๊ดเร่าๆ กดหน้าลงกับหมอน ทั้งโมโหหงุดหงิด เสียใจ สารพัดจะรู้สึกได้

ไอ้สายตาที่มองเธอเคลิ้มๆ แวบหนึ่งในตอนแรกมันคืออะไร นี่นอกจากจะไม่พิศวาสเธอแล้วยังปฏิเสธให้เธอเจ็บใจเล่นอีก 

เห็นเธอเป็นน้องสาวอะไรกันนักกันหนา ใจร้ายเหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิด ยังไงก็ยังงั้นเลย

 

ตัดภาพมาที่ภาวัฒน์กำลังแอบนั่งขำ เวทนาในความพยายามของยายจอมแสบเหลือเกิน เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ พี่ชายไม่มีทางพิศวาสน้องสาวที่ตัวเองเคยเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยหรอก...ถึงจะไม่ใช่น้องสาวที่เป็นสายเลือดเดียวกันแท้ๆ แต่เขาก็คิดแบบนั้นไม่ลง

‘แต่เรื่องฝันไม่ดี เรื่องกลัวผีที่วิวบอก อาจจะมีเค้าความจริงอยู่บ้างก็ได้มั้ง’

มือหนาหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดโทร. ออกหาดวงพร ซึ่งพักอยู่ในห้องพักเมดของคอนโดมิเนียม

“ฮัลโหลครับพี่ดวง ขอโทษที่โทร. มารบกวนเวลานอนนะครับ พอดีมีเรื่องอยากให้พี่ดวงช่วย”

“หืม...อะไรคะคุณภีม” ปลายสายตอบกลับเสียงงัวเงีย 

“วิวกลัวผีน่ะครับ พี่ดวงช่วยไปนอนเป็นเพื่อนเขาที แล้วก็ฝากพี่ดวงเอาผ้าห่มผืนใหม่มาให้ผมที่ห้องด้วยนะครับ”

“โอเคค่ะ เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้นะคะ”

“ครับ ขอบคุณครับ” 

อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว ภาวัฒน์จึงดับไฟในห้องจนมืดสลัวเหลือไว้เพียงโคมไฟหัวเตียง เขาล้มตัวลงนอนก่ายหน้าผากท่ามกลางอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิยี่สิบสององศา คิดทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนจะสลัดไล่ความคิดบางอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้นออกไปจากสมอง


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น