11

ตอนที่ 10


แสงจันทร์ในค่ำคืนนี้ทอแสงนวลตา

ร่างสูงเพรียวซึ่งสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวเดินมาที่ประตูระเบียง ชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆ รูดม่านให้เปิดออก ยอมให้แสงจันทร์นวลฉาบไล้เข้ามาในห้องมืดมิดเทาทึม

ชายหนุ่มทอดมองแสงจันทร์ส่องสว่างเนิ่นนาน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้สร้อยข้อรูปเขี้ยวสัตว์ด้วยความลืมตัว แล้วค่อยๆ ก้าวออกไปที่ระเบียงด้วยท่วงท่าของราชสีห์

เขาเปลื้องอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายออก เหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่า เผยให้เห็นผิวขาวซีดราวกับเป็นร่างที่ไร้ชีวิต ผมสีเงินยวงสะท้อนแสงจันทร์ และรอยแผลเป็นนับสิบๆ รอยที่บริเวณแผ่นหลัง

รอยที่เด่นชัดที่สุดคงเป็นรอยไหม้จากเหล็กร้อน กดทับเป็นสัญลักษณ์แปลกตาที่กลางหลังกระมัง รอยไหม้ที่ใครได้เห็นต่างพากันหวาดกลัว

แต่ใครจะสน

ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ที่ริมระเบียงกว้าง แหงนมองไปยังฟากฟ้า

เขาหลับตา ยกมือเรียวขาวขึ้นกลางอากาศ ภาพในจินตนาการคือ เขากำลังลากนิ้วเรียวยาวราวกับลำเทียนไปตามอักขระโบราณ ‘บรรทัดสุดท้าย’ บนกระดาษยับย่น...ครั้งแล้วครั้งเล่า

ชายหนุ่มไม่รู้ตัวสักนิด ตอนที่ธารน้ำตาไหลลงมาตามแก้ม ตามด้วยเสียงสะอื้น

มือขาวซีดราวกับซากศพกำแน่นเข้า ก่อนจะประเคนกำปั้นไม่ยั้งลงกับราวระเบียงที่ทำจากเหล็กกล้า ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความกลัว มีเพียงโลหิตสีแดงคล้ำที่กระเซ็นเป็นวงกว้าง

เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองกรีดร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่าในตอนที่ทรุดร่างเปลือยเปล่าลงเกลือกกลิ้งกับพื้นเยียบเย็น

ท่ามกลางแสงสีนวลของดวงจันทร์...

เลนนอนวิ่งเหยาะไปตามทางเดินในสวนสาธารณะ สีเขียวของต้นไม้ทำให้เขาอารมณ์ดี และแสงแดดอ่อนก็ทำให้เขารู้สึกสดชื่น

แม้ในตึกแปดเหลี่ยมจะมีฟิตเนสซึ่งมีอุปกรณ์ออกกำลังทันสมัยครบครัน แต่ชายหนุ่มกลับชอบออกกำลังกายกลางแจ้งมากกว่า โดยเฉพาะการวิ่งในสวนสาธารณะแบบนี้

และเชอร์ชิลก็คงคิดแบบเดียวกัน

“วันนี้เอาซักกี่รอบดีแอล”

ชายสูงวัยถามด้วยน้ำเสียงท้าทาย ในขณะที่วิ่งเหยาะๆ ตีคู่มาด้านข้าง

“ผมคิดว่าสามรอบก็น่าจะพอ โดยเฉพาะถ้าต้องวิ่งไปพร้อมๆ กับคุณ”

“เฮ้ย ห้ารอบเอาไหม วิ่งด้วยกัน”

“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะแวน คุณก็รู้ดีว่าสู้คนหนุ่มอย่างผมไม่ได้ บอกตามตรงว่าผมขี้เกียจหิ้วปีกคุณกลับที่พัก”

“ลองดูซักตั้งไหมล่ะไอ้ลูกชาย” เชอร์ชิลท้า “ว่าแรงคนแก่วัยใกล้เกษียนอย่างฉัน จะสู้แรงเธอได้หรือเปล่า”

“ถ้าคุณท้าทายขนาดนี้ ผมก็ไม่ออมแรงละนะ”

“ไม่เคยขอให้ออมแรงสักครั้ง”

พูดจบเชอร์ชิลก็เร่งความเร็วขึ้นนำหน้า เลนนอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นตามมา ทั้งคู่ผลัดกันขึ้นนำอย่างไม่มีใครยอมใคร เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสี่สิบนาที ทั้งสองจึงทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งยาวของสวนสาธารณะ ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อด้วยกันทั้งคู่

“หวังว่าวันนี้เราคงได้รับข่าวดีจากเอ็นอีกครั้งนะ” เชอร์ชิลพูดขึ้นลอยๆ ในขณะที่สูดอากาศสดชื่นยามเช้า

หลังจากที่เมื่อคืนเลนนอนได้รายงานความคืบหน้าเรื่องรหัสลับให้เชอร์ชิลและฝาแฝดซึ่งอยู่ในอีกประเทศฟัง ทั้งสามคนจึงสรุปว่าอาจจะมีการปรับแผนใหม่ แต่จะหารือร่วมกันอีกครั้งหลังจากเอ็นถอดรหัสในย่อหน้าที่สามออก

“ผมก็หวังอย่างนั้น” เลนนอนเออออ

เชอร์ชิลยกผ้าขนหนูขึ้นซับเหงื่อ บอกยิ้มๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าเอ็นเป็นคนมีความสามารถ เห็นไหม เธอเข้ามาร่วมทีมกับเราไม่ทันไร ก็ได้เรื่องแล้ว”

“ฟลุกหรือเปล่าแวน เธออาจจะบังเอิญคิดออกพอดีก็ได้นะ” เลนนอนแกล้งพูดขวางๆ อันที่จริง เขาเองก็ยอมรับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเธอเป็นอัจฉริยะจริงๆ

แต่อาจจะเป็นอัจฉริยะที่ดูไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่แค่นั้น

เชอร์ชิลหัวเราะอารมณ์ดี ยกมือขึ้นชี้หน้าเขา

“อย่ามาทำเป็นพูดเลยแอล ฉันรู้นะว่าเธอยอมรับเอ็นแล้ว ฟังจากน้ำเสียงและดูจากท่าทีของเธอเมื่อคืนตอนที่รายงานเรื่องการแปลอักขระโบราณ กับการหัดถอดรหัสของเอ็นก็รู้แล้ว”

เลนนอนยักไหล่ไม่แยแส “ผมแค่ยอมรับในความสามารถเท่านั้นแวน ยอมรับว่าเธอเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ใช่เรื่องอื่น ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นเพื่อน”

เชอร์ชิลขยิบตา “เธอเป็นนางฟ้าของทีมเราเลยนะ”

“ตอนที่เจลอบเข้าไปหารหัสมาได้ คุณก็พูดอย่างนี้เหมือนกัน”

“แล้วทำไมเล่า ทีมเราจะมีนางฟ้าสองคนไม่ได้หรือยังไง” ชายสูงวัยพูดเสียงกลั้วหัวเราะ

ชายหนุ่มส่ายหน้า “อย่าเลย ไม่เหมาะหรอก ไม่เข้าสักนิด”

เชอร์ชิลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหันมาชวนยิ้มๆ

“เราวิ่งเรียกเหงื่อ และได้บริหารหัวใจให้เลือดสูบฉีดกันไปแล้ว สนใจจะเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วยการยกเวตกันอีกสักตั้งไหมคนหนุ่ม”

แม้ประโยคนั้นจะเป็นคำถาม แต่แววตาของเชอร์ชิลฉายชัดว่าเขากำลังเริ่มต้นท้าทายพลังคนหนุ่มอีกครั้ง

“ไม่มีปัญหา”

“ไปต่อที่ฟิตเนสในตึกกันไหม” ชายสูงวัยถามพร้อมขยิบตา

“ไม่มีความคิดอะไรที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว” เลนนอนตอบ

ไม่มีความคิดอะไรที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้อย่างนั้นหรือ

ตอนนั้นเขาพูดอย่างนั้นออกไปได้ยังไง...มันเป็นความคิดที่แย่มากต่างหาก

เลนนอนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ในขณะที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องฟิตเนสหรูหราแล้วพบว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เขากับหัวหน้าทีมสูงวัยเพียงสองคน แต่ยังมีบุคคลที่สาม สี่ และห้าว่ายน้ำเล่นอยู่ในสระว่ายน้ำในร่ม ซึ่งบริเวณสระน้ำกับบริเวณฟิตเนสถูกกั้นไว้เพียงกระจกใสแบบไม่กันกระสุน และไม่เก็บเสียง

ใช่ แก๊งสามเด็ก เจ บี และเอ็น กำลังสระว่ายน้ำอย่างสนุกสนานอยู่ในสระว่ายน้ำด้านนอก

สายลับหนุ่มหยิบดัมเบลล์สีเงินแวววาวสำหรับเล่นฟรีเวตมาหนึ่งอันแบบส่งๆ ไม่ได้สนใจน้ำหนักของมันสักนิด ทั้งหมดที่เขาทำคือการพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่เบนสายตาออกไปยังสระว่ายน้ำด้านนอก

หากสุดท้ายความพยายามของเขาก็เหลวไม่เป็นท่า เมื่อได้เห็นเรือนร่างนวลเนียนสีน้ำผึ้ง ซึ่งประกอบไปด้วยทรวดทรงองค์เอวที่มากกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบ ถูกรัดรึงไว้ด้วยผ้าผืนเล็กจิ๋วสีช็อกกิ้งพิงค์ ทำเอาชายหนุ่มคอแห้งผากขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ใช่...เขากำลังจ้องมองเอ็นซึ่งสวมชุดบิกินีสีช็อกกิ้งพิงค์!!!

ให้ตายเถอะ...อย่าเรียกชุดที่เธอสวมอยู่ว่าบิกินีเลย มันคือผ้าสามเหลี่ยมที่มีขนาดความกว้างไม่พ้นฝ่ามือของเขาสองชิ้น ประกอบกันเข้ากับเส้นด้ายเล็กเรียวที่แทบจะผูกรั้งอะไรไว้ไม่อยู่ ไม่ต้องคิดไปถึงการรับน้ำหนักทรวงอกกลมกลึงขนาดราวคัพซีของเธอเลย

ระยำแท้...

นี่เขากำลังประเมินขนาดทรวงอกของแม่จอมยุ่งอยู่หรือ

“เป็นอะไรไปแอล ดัมเบลล์อันนั้นหนักราวสิบสองปอนด์เลยนะ ค่อยๆ ยกช้าๆ ก็ได้ ไม่ต้องปั๊มขึ้นลงขึ้นลงด้วยความเร็วถี่ยิบแบบนั้น ระวังจะบาดเจ็บได้ ฉันรู้แล้วว่าเธอมีพลังเหลือเฟือ”

เสียงท้วงของเชอร์ชิลที่นั่งยกดัมเบลล์อยู่ไม่ห่าง เรียกสติของเขาให้ถอยออกมาจาก...ทรวงอกคัพซีในบิกินี่สีช็อกกิ้งพิงค์

เดี๋ยวนะ...ไม่ใช่...เขาหมายถึง...จากริมสระว่ายน้ำ

“ผมก็ยกความเร็วขนาดนี้เป็นประจำ คุณไม่รู้เอง”

เลนนอนโกหกหน้าตาย แต่ก็ยังโล่งใจไปได้ว่าชายสูงวัยที่เขานับถือไม่ระแคะระคายว่าเขากำลังแอบมอง...ทรวงอกคัพซีในบิกินี่สีช็อกกิ้งพิงค์

ไม่...เขาหมายถึง...มองสระว่ายน้ำ

“อ๋อ...อย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ครับ” ชายหนุ่มตอบ

“ดูสิ แก๊งสองเด็กกับหนึ่งสาวกำลังแข่งว่ายน้ำกัน ท่าทางน่าสนุก คราวหน้าสงสัยฉันจะต้องลงแข่งบ้างแล้ว” เชอร์ชิลทอดสายตาออกไปยังสระว่ายน้ำในร่ม พูดยิ้มๆ พลางยกดัมเบลล์ขึ้นลงเป็นจังหวะของตนเอง “มานั่งตรงนี้สิแอล ตรงนี้เห็นชัดกว่านะ ดูพวกเขาเล่นกัน”

ตรงนี้ของเชอร์ชิล คือ ม้าดัมเบลล์สีดำสนิทที่ปรับระดับได้หลากหลาย ทว่าเวลานี้เลนนอนไม่อยากปรับอะไรทั้งนั้น

“ไม่ละ ผมไม่เห็นอยากจะดูเลยแวน เด็กๆ ทั้งนั้น”

เขาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงจังเกินปกติเล็กน้อย เปลี่ยนดัมเบลล์ไปยังแขนอีกข้างหนึ่ง แล้วยกขึ้นลงช้าๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ พลางควบคุมสติ กำหนดลมหายใจ

ดีมาก...ทุกอย่างเริ่มอยู่ในความควบคุมแล้ว

“สาวๆ ในทีมเรา สวยทั้งคู่เลยนะ ฉันบอกแล้วว่าเรามีนางฟ้าสองคน” เชอร์ชิลเอ่ยชม ในขณะที่สลับดัมเบลล์ไปยังแขนอีกข้าหนึ่ง

“นางฟ้ากะโปโลหรือเปล่า”

“ไม่กะโปโลหรอก พวกเธอสวยและมีเสน่ห์ทั้งคู่ โดยเฉพาะเอ็น เธอสวยนะ ยิ่งเวลาสวมชุดว่ายน้ำวันพีซสีฟ้าสดแบบนี้ ยิ่งขับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูเด่นขึ้น”

เลนนอนกระตุกยิ้มขันกับสายตาที่ผิดเพี้ยนของชายสูงวัย นี่ละน้า พลังคนแก่จะไปสู้พลังคนหนุ่มได้ยังไงกัน แค่สีกับชุดยังแยกไม่ออกเลย

“สีฟ้าที่ไหนแวน สีชมพูช็อกกิ้งพิงค์ต่างหาก แล้วก็ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำวันพีซด้วย แต่เป็นบิกินี่”

เชอร์ชิลเลิกคิ้ว เอ่ยถามหน้าซื่อ ตาใส

“อ้าว ไหนบอกว่าไม่ได้มอง ทำไมถึงรู้ว่าเป็นชุดบิกินี่สีช็อกกิ้งพิงค์ล่ะ”

เลนนอนเริ่มแตกตื่น ไม่รู้ตัวสักนิดในตอนที่เริ่มยกดัมเบลล์ขึ้นลงขึ้นลงถี่ยิบอีกครั้ง

“ผมไม่ได้ตั้งใจมอง แต่มันลอยมาเข้าสายตาผมเองต่างหาก”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง เธอไม่ได้ตั้งใจจะมองสินะ แล้วก็ไม่ได้เหม่อมองอยู่เป็นนานสองนาน จนฉันเรียกไม่ได้ยินด้วยใช่ไหม”

ชายสูงวัยยิ้มอ่อนโยน วางดัมเบลล์ลงกับพื้น ในตอนที่เอ่ยช้าชัด

“จะบอกอะไรให้นะแอล ตอนนี้ เธอกำลังยกดัมเบลล์ผิดจังหวะอีกแล้ว” 
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น