12

ตอนที่ 11

การได้ออกกำลังว่ายน้ำตอนเช้าทำให้ลลนารู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า หญิงสาวจึงมาทำงานด้วยความแจ่มใส เธอส่งยิ้มสดใสไปให้แอลทูซึ่งมาถึงโต๊ะทำงานก่อนเธอ คิดไปเองว่าการไขรหัสได้เมื่อคืนคงทำให้ชายหนุ่มเป็นมิตรกับเธอมากขึ้นในวันนี้

แต่เปล่าเลย เธอคาดผิดไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากอีตาปลาทูจะไม่มีรอยยิ้มให้เธอแล้ว เขากลับตีหน้ายักษ์มากกว่าเมื่อวานใส่เธออีก ดูสิ พอเธอจ้องก็หลบตา

เป็นอะไรของเขานะ             

หญิงสาวหมดความสนใจกับผู้ชายอารมณ์แปรปรวนเหมือนคนวัยทองไว้เพียงเท่านี้ เธอเปิดคอมพิวเตอร์ เข้ารหัส จากนั้นจึงพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับอักขระของชนเผ่าโบราณอีกเผ่าหนึ่งเพื่อความแน่ใจ

ในที่สุดเธอก็สามารถหาข้อมูลได้ว่ามีเอกสารอ้างอิงเกี่ยวกับอักขระของชนชาติที่เธอกำลังสนใจ และคาดว่าเป็นอักขระเดียวกับที่เห็นในย่อหน้าที่สามของรหัส

ลลนารีบไปหาแอลทูที่โต๊ะทำงานของเขา ถามด้วยความร่าเริง

                “แอลทู ฉันต้องการข้อมูลบางอย่างจากห้องสมุด ฉันออกไปข้างนอกได้ไหม”

                “ไม่ได้” แอลทูตอบห้วนสั้น ไม่มองหน้าเธอสักนิด

                ลลนาเท้าเอว “แล้วจะให้ฉันทำยังไง นี่มันเรื่องงานนะแอล ฉันจำเป็นต้องออกไปหาข้อมูลที่ห้องสมุด”

                ชายหนุ่มถอนใจแผ่วๆ ยังคงรัวนิ้วมือลงกับแป้นพิมพ์ตรงหน้าเขาโดยไม่หันมามองเธอ

                “ห้องสมุดไหนล่ะ ผมดึงเอกสารอิเล็กทรอนิกส์มาจากทุกห้องสมุดให้คุณได้ แม้จะเป็นไฟล์ลับที่ห้ามเข้าถึงก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกหรอก”

                “ไม่ได้ ฉันลองค้นดูแล้ว เอกสารนี้ไม่มีไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ และเป็นเอกสารเก่าแก่ที่ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปยืม”

                “ถ้าเอกสารมันเก่ามากขนาดที่ไม่สามารถทำไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ และไม่เปิดให้คนทั่วไปยืม แล้วคุณจะยืมมันกลับมาได้ยังไงล่ะ”

                “ฉันถึงต้องปรึกษาคุณไง คุณเป็นสายลับไม่ใช่เหรอ นี่ไง งานของคุณละ”

                เป็นครั้งแรกของเช้าวันนี้ที่แอลทูหันมามองหน้าเธอเต็มสายตา หยุดรัวนิ้วมืออย่างไร้สาระบนแป้นคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แต่จู่ๆ เขาก็กลืนน้ำลาย แล้วหันกลับไปมองจอคอมพิวเตอร์อย่างเก่า

                “ห้องสมุดที่ไหน อยู่ในฝรั่งเศสหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ผมคงต้องถามเชอร์ชิลก่อน” แอลทูถามเธอ แต่สายตาจ้องจอคอมพิวเตอร์

                “อยู่ในปารีสนี่แหละ เดี๋ยวฉันเปิดให้ดูนะ”

ลลนายิ้มกว้างเมื่อแอลทูเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้าง ไม่ใช่เอาแต่จ้องหน้าจอและรัวนิ้วมืออย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อนาทีก่อน หญิงสาวเบียดตัวลงไปใกล้กับสายลับหนุ่มจนแขนของเธอแนบชิดกับแขนของเขา เพื่อที่เธอจะได้ใช้แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ของอีกฝ่ายได้สะดวก  

                ชายหนุ่มสะดุ้งเหมือนโดนของร้อน ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สอดมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง เสียสละเก้าอี้ทำงานของเขาให้เธอ แล้วถอยออกไปยืนเสียห่าง

                “คุณนั่งเถอะ จะได้พิมพ์สะดวก ผมยืนได้”

                “แล้วไปยืนซะไกลขนาดนั้น จะมองเห็นเหรอ ว่าฉันพิมพ์อะไร”

                “พิมพ์ไปเถอะน่า ไม่ต้องยุ่งเรื่องของผมหรอก ผมอ่านเห็น”

                “จะเห็นได้ยังไงเล่า ยืนอยู่ตรงนั้น”

                “คือ...ผมมีสายตาระดับเดียวกับเหยี่ยว”

                ลลนาขมวดคิ้ว หมุนเก้าอี้ไปทางที่ชายหนุ่มยืนอยู่  เธอจ้องมองใบหน้าของคนที่อวดว่ามีสายตาระดับเดียวกับเหยี่ยวเพื่อจับผิด

                “เหยี่ยวบ้าเหยี่ยวบออะไรกัน คุณเป็นคนนะ ไม่ใช่เหยี่ยว คุณกำลังทำตัวแปลกๆนะ ถามจริงๆ เถอะ นี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”

                “ไม่ได้เป็นอะไร” ชายหนุ่มยืนยันเสียงหนักแน่น ทว่าสืบเท้าถอยไปข้างหลังอีกหนึ่งก้าว ท่าทางของเขาดูไม่เหมือนเดิม มันแปลกประหลาดชอบกล แถมเขายังกะพริบตาบ่อยเกินปกติ

                เอ...หรือเขาว่าจะอายที่เมื่อคืนเธอเห็นเขาโป๊ เลยไม่กล้ามองหน้ากันตรงๆ

                ลลนามองสำรวจไปทั่วใบหน้าหล่อเหลาแกร่งกระด้าง ยิ่งเห็นสองข้างแก้มเริ่มซับสีเลือดขึ้นก็ยิ่งมั่นใจ

                ต้องใช่แน่ๆ

                “นี่แอลทู ถึงฉันจะไม่เคยเห็นผู้ชายตัวเป็นๆ โป๊มาก่อน แต่ฉันก็ไม่คิดอะไรหรอกนะ ไม่ได้จำภาพอะไรติดตามาด้วย เพราะฉะนั้น อย่ากังวลเลยนะ ไม่ต้องอายด้วย”

                สายลับหนุ่มอ้าปากค้าง พลางละล่ำละลักปฏิเสธ

                “เฮ้ย เปล่านะ ผมไม่เคยอายเรื่องขี้หมาพรรค์นี้อยู่แล้ว”

                “คุณไม่ได้อายที่ฉันบังเอิญเห็นคุณโป๊”

“ไม่ใช่ ต่อให้ต้องเดินแก้ผ้าเข้ามาทำงานในห้องนี้กับคุณ ผมก็ยังเฉยๆ ไม่ได้อายสักนิด บอกตามตรงนะเอ็น ว่าผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย” 

                “แล้วคุณคิดถึงเรื่องอะไร”

                “ก็เรื่อง...” เขาทำเหมือนจะพูด แต่ก็ชะงักไปเฉยๆ

                “อะไร” ลลนาเร่ง

                “ช่างมันเถอะน่า”

                หญิงสาวกลอกตาขึ้นด้านบน หงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ เมื่อไม่ได้คำตอบจากคนตัวโตที่ถอยออกไปยืนเสียห่าง ก่อนจะถามเสียงจริงจัง

“แล้วถ้าคุณยังดูแปลกๆ อย่างนี้ เราจะทำงานร่วมกันได้ยังไงล่ะ นี่เป็นงานเร่งด่วนไม่ใช่เหรอ เราต้องถอดรหัสให้ได้เพื่อยับยั้งการโจรกรรมภาพเขียนภาพที่สามนะแอล”

เกิดความเงียบงันขึ้นระหว่างเธอกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวเห็นสายลับหนุ่มขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเหยียดยาว แล้วก้าวเข้ามาใกล้

“โอเค ผมผิดเอง ช่วงนี้ผมคงนอนน้อยแล้วก็เหนื่อยเกินไป เปิดเว็บไซด์ห้องสมุดที่คุณพูดถึงมาสิเอ็น ถ้าอยู่ในปารีสและมีความปลอดภัยมากพอ ผมจะพาคุณไปเอง”

“ได้เลย” ลลนายิ้มรับด้วยความกระตือรือร้น

แอลทูกวาดตามองไปตามรายละเอียดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ท่าทางเพี้ยนๆ ของเขาหายไป เหลือแค่เพียงความเคร่งขรึมจริงจัง ดูเป็นมืออาชีพเหมือนที่เธอเคยเห็นในวันแรกที่ได้พบกัน

“โอเค ผมขอบอกเชอร์ชิลนิดนึง แล้วอีกสิบห้านาทีเราค่อยไปห้องสมุดนี่ด้วยกัน คุณเตรียมตัวทันไหม”

“สิบห้านาที ไม่มีปัญหา” หญิงสาวยิ้มกว้าง

                เลนนอนยกมือขึ้นลูบใบหน้าหลังจากหญิงสาวลุกไปจากเก้าอี้ทำงานของเขา

กลิ่นน้ำหอมคล้ายดอกไม้อะไรสักอย่างยังคงหอมกรุ่นอยู่รอบตัว แถมยังติดอยู่บริเวณแขนเสื้อของเขาในตอนที่เธอเบียดตัวเข้ามาใกล้เพื่อพิมพ์หาข้อมูลของห้องสมุดบนแป้นคอมพิวเตอร์  

                สายลับหนุ่มต้องหักห้ามใจตัวเองที่จะไม่ก้มลงไปสูดกลิ่นหอมนั้นที่แขนเสื้อของตนเองเหมือนพวกขี้แพ้

                บัดซบจริงๆ...ภาพแม่จอมยุ่งสวมชุดบิกินี่สีช็อกกิ้งพิงค์ที่ได้เห็นเมื่อเช้า กำลังทำลายระบบความคิดของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี แถมยังทำให้เกือบเสียงานเสียการ

นี่เขาห่างผู้หญิงมานานจนเห็นผู้หญิงทุกคนบนโลกสวยหมดแล้วสินะ ขนาดเอ็นผู้หญิงที่ไม่ใช่สเปกยังทำให้หวั่นไหวจนเสียอาการได้ เขาต้องรีบทำงานนี้ให้เสร็จ แล้วออกไปใช้ชีวิตที่อื่นบ้างเสียแล้ว

                เมื่อกี้เขาบอกว่าให้เวลาเตรียมตัวกี่นาทีนะ

                สิบห้านาทีใช่ไหม

                ชายหนุ่มกดโทรศัพท์ภายในไปหาเชอร์ชิล บอกเพียงสั้นๆ ว่าจะพาเอ็นไปหาข้อมูลเกี่ยวกับอักขระโบราณที่ห้องสมุดแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากที่ตั้งขององค์กรนัก ซึ่งเชอร์ชิลก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร หัวหน้าทีมสูงวัยทำเพียงเตือนให้ระวังคนที่คอยติดตามหญิงสาวเท่านั้น

                “อ้อ แอล อย่าลืมพรางตัวด้วยนะ เพราะแอลวันกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ปราก ฉันยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าพวกนายมีสองคน มันจะต้องเป็นความลับต่อไป”

                แม้คำสั่งและคำเตือนเหล่านี้จะเป็นเรื่องปกติที่เขาได้ยินเสมอตลอดเวลาเกือบสามสิบปีที่ใช้ชีวิตอย่างสายลับ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกด้อยค่าได้ทุกครั้ง

                แม้แต่ตัวตน...ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับ ในวันหนึ่ง เขาอาจจะตายจากโลกนี้ไปโดยที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าเขาเคยมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ

สายลับหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ฝืนยิ้มปลอบใจตัวเอง แล้วตอบเบาๆ

                “ได้ครับแวน ผมจะระวัง”

                “ดี ขอให้โชคดีนะไอ้ลูกชาย”

                เลนนอนคว้าเสื้อแจ็กเก็ตสีดำสนิทมาสวม ตรวจเช็คความเรียบร้อยของอาวุธ เครื่องมือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว พยายามสลัดความรู้สึกหดหู่ของการไม่มีตัวตนให้หลุดออกจากสมอง ก่อนจะเดินออกไปรอหญิงสาวตามที่ได้นัดหมายไว้

                ลลนายืนรออยู่หน้าลิฟต์ด้วยสีหน้าแช่มชื่นและแววตาตื่นเต้น นี่แม่ตัวดีคงคิดว่าการออกไปห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลเป็นเหมือนการได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกสินะ

                หรือเธอมีแผนอะไรที่มากไปกว่านั้น

                เลนนอนจ้องมองเสื้อสเวตเตอร์สีขาวกับกางเกงยีนส์พอดีตัว และรองเท้าบู๊ทยาวแล้วก็โล่งใจ ยังดีที่วันนี้หญิงสาวไม่ได้สวมกระโปรงเป็นชั้นๆ สีสายรุ้งตัวเมื่อวาน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าเดินด้วยแน่ๆ

                “พร้อมแล้วใช่ไหม” เขาถามพอเป็นพิธี เพราะดูจากท่าทางสะพายกระเป๋าอย่างทะมัดทะแมง เธอคงเตรียมตัวที่จะเดินทางแล้ว

                “แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างฉันพร้อมทำงานเสมอ”
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น