พรหมลิขิตสะกิดถึงที่!

 

หลายวันผ่านไปชีวิตของอารดาดูเหมือนเป็นไปตามดวงดาวคำทำนาย มีเรื่องงานเข้ามาวุ่นวายไม่ได้หยุด แล้วล่าสุดก็ถูกพี่สาวสั่งให้มาทำงานแทน คราวนี้อรปวีร์จัดหนักถึงขั้นให้มาตรวจสอบความเรียบร้อยของไลน์ผลิตสับปะรดกระป๋องของบริษัทถึงประจวบคีรีขันธ์ ทั้งที่หล่อนไม่รู้เรื่องการจัดการภายในอะไรเลยสักนิด ก็เลยอ้างว่าลางานไม่ได้ ไม่มีคนทำงานแทน 

แต่อรปวีร์รู้ทันจึงจัดหาคนไปทำงานแทนหญิงสาวให้เรียบร้อยแล้ว อารดาจึงไม่มีข้ออ้างใดๆ จำใจต้องไปตรวจไลน์ผลิตให้พี่สาว ส่วนรุ่นพี่ในแผนกและหัวหน้าก็ไม่มีใครโวยวายแต่อย่างใด เพราะคนที่ถูกส่งมาก็ทำงานดีอยู่ แถมยังทำงานมีประสิทธิภาพดีกว่าหล่อนเสียด้วยซ้ำ

อารดาจึงขับรถไปประจวบคีรีขันธ์ตามคำสั่งของพี่สาว แต่ก็ใช่ว่าอรปวีร์จะไม่เตรียมอะไรให้ คนเป็นพี่ได้ส่งผู้ช่วยเลขาฯ ของตัวเองมาคอยจดบันทึกสิ่งต่างๆ ส่วนอารดานั้นให้เล่นบทเป็นผู้ตรวจสอบแทนพี่สาวแค่นั้น คอยฟังคำอธิบายของผู้จัดการไลน์ผลิตและใช้สายตาประเมิน แล้วถามนั่นถามนี่ไปแบบเนียนๆ ส่วนหน้าที่จริงๆ อยู่ที่ผู้ช่วยเลขาฯ ที่ส่งมาต่างหากที่ต้องจดบันทึกทุกอย่างให้ละเอียด

หญิงสาวสวมชุดป้องกันตามมาตรการของโรงงานเช่นเดียวกับผู้ช่วยเลขาฯ ทั้งสองคนเดินผ่านเส้นทางสำหรับฆ่าเชื้อโดยเฉพาะ ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบด้านใน แล้วก็เริ่มงานตรวจสอบไลน์ผลิต แม้จะดูเหมือนเป็นงานที่หนักเพราะหล่อนไม่คุ้นเคย แต่ในอีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกสนุกไปด้วยเหมือนกันที่ได้เห็นการทำงานของฝ่ายผลิตด้วยตัวเอง ซึ่งการทำงานของไลน์ผลิตจะใช้เครื่องจักรเป็นหลัก แต่ก็ยังมีบางขั้นตอนที่ต้องใช้แรงงานคนอยู่ อย่างเช่นตอนที่ตัดแต่งตรวจสอบเนื้อสับปะรดที่ปอกและหั่นเป็นวงแล้วนั้นยังต้องใช้แรงงานคนในการจัดเรียงอยู่ดี 

หล่อนใช้เวลาที่ไลน์ผลิตอยู่หลายชั่วโมง แล้วโทรศัพท์บอกพี่สาวเป็นการส่งงานในเบื้องต้น หลังจากนั้นผู้ช่วยเลขาฯ ก็ขอตัวกลับไปก่อน ส่วนอารดานั้นยังไม่ยอมกลับและขอใช้เวลาให้มีค่าด้วยการตามหาของอร่อยๆ กินก่อนกลับ

อารดาจึงขับรถไปยังร้านอาหารแนะนำที่เซิร์ชเจอในอินเทอร์เน็ตและตั้งจีพีเอสไปยังร้านนั้น ไม่นานนักหล่อนก็มาถึงร้านอาหาร ตัวร้านเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ที่ต่อเติมเป็นร้านอาหารตั้งอยู่ริมทะเล ถัดไปก็มีร้านอาหารอีกสองร้าน ก่อนจะเป็นบ้านเรือนของชาวบ้าน 

หญิงสาวจอดรถและเข้าไปในร้าน เลือกมุมที่มองเห็นวิวทะเลได้เป็นอย่างดี พนักงานนำเมนูมาให้ หล่อนก็เปิดไปเปิดมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งอาหารที่ทำเอาพนักงานถึงกับทำตาโตเลยว่าลูกค้ามาคนเดียว แต่จะกินหมดนี่จริงๆ หรือ!

“เอาปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำทะเลน้ำข้น ปลากะพงทอดน้ำปลา น้ำเปล่าขวดหนึ่ง”

พนักงานทำตาปริบๆ ก่อนจะทวนรายการ แล้วก็ไปสั่งห้องครัวตามที่ลูกค้าต้องการ เมื่ออาหารทยอยนำมาเสิร์ฟ อารดาก็เริ่มพิสูจน์ให้เห็นว่าหล่อนสามารถจัดการอาหารทั้งหมดที่สั่งมาได้อย่างสบายๆ ระหว่างที่กินไป เจ้าตัวก็ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทไปด้วย

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : รุ้ง ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านอาหารริมทะเลแถวหัวหิน มาทำงานให้พี่อร แกอยากได้อะไรที่หัวหินไหม

อารดาพิมพ์ถามไปแล้วก็ตักอาหารใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย ครู่ถัดมาเพื่อนรักส่งข้อความตอบกลับมา 

รุ้งพราย : ไม่เอาหรอก ว่าแต่แกไปทำงานให้พี่อรเหรอ เป็นไงบ้าง

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : สบายมาก ส่งงานให้คุณนายอรปวีร์แล้วเรียบร้อย ตอนนี้กำลังฟินกับอาหารทะเลในร้านแนะนำ ขอบอกว่าอร่อยมาก ก.ไก่ล้านตัวค่ะ คุณหนูรุ้งของคุณแม่ขา

รุ้งพราย : ย่ะ คุณนาย อย่ากินเพลินจนได้เรื่องแบบครั้งก่อนอีกล่ะ

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : ค่ะๆ ขุ่นแม่ ว่าแต่ช่วงนี้แกเป็นไงบ้าง สบายดีไหม คุณแม่สามีกลับมาจากญี่ปุ่นหรือยัง

รุ้งพราย : สบายดี ส่วนคุณแม่ก็กลับมาแล้วเมื่อวานนี้เอง

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : ว้าแย่เลย แบบนี้ฉันก็ไปหาแกลำบากแล้วสิ

รุ้งพราย : ทำไม กลัวคุณแม่เหรอ คุณแม่ไม่ได้ดุสักหน่อย

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : แม่สามีเขาไม่ดุแก แต่เขาคงไม่ค่อยชอบฉันมั้ง ก็...แกก็รู้ว่าฉันออกจะกระโดกกระเดกแบบนี้ แถมตอนนี้ก็ยังจีบคุณดลไม่ติดเลย ขืนเจ๋อไปบ้านสามีแก แล้วออกลายจะจีบลูกชายคนเล็กของคุณแม่ แบบที่หญิงไทยใจงาม กุลสตรีศรีสยามคงไม่ทำ มีหวังแม่สามีแกคงได้ปักป้ายเขตปลอดอารดาใส่ฉันแน่

รุ้งพราย : แกก็จีบให้เนียนๆ สิ

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : พูดง่าย แต่ทำยากค่ะคุณหนูรุ้ง 

รุ้งพราย : เอาน่า อารดาเสียอย่างทำได้อยู่แล้ว แต่ฉันขอเตือนเลยนะ แกต้องรีบเล่นเกมรุกแล้ว ถ้าขืนชักช้าไปมากกว่านี้ เขาได้รู้ไต๋แกหมด ถึงตอนนั้นต่อให้มีกี่มุกกี่แผน เขาก็ปัดตกได้หมด รับรองแกได้แห้วของจริงแน่ไอ้ปุ๊ก

รติยาเตือน แต่ใจจริงแอบห่วงแม่สามีมากกว่า แล้วก็เข้าใจที่เพื่อนจะกลัวแม่สามีไม่ชอบ เพราะดูจากคราวของหล่อนแล้ว นงนภาดูจะตั้งความหวังของว่าที่ลูกสะใภ้ไว้สูงอยู่เหมือนกัน ถ้าสมมุติว่าหล่อนไม่มีแม่เป็นใบเบิกทางอยู่ก่อนแล้ว และถ้าแม่ของหล่อนและแม่ของอติรุจไม่ได้อยากจับคู่หล่อนกับเขาด้วยกันอยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้ลงเอยกันไปหรือยัง พอคิดมาถึงตรงนี้ก็แอบเห็นใจเพื่อนอยู่เหมือนกัน

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : แกจะให้ฉันข่มขืนเขา จับทำผัวหรือไงไอ้รุ้ง

รุ้งพราย : บ้า! ฉันหมายถึงให้แกเริ่มแผนจีบที่เข้มข้นมากกว่าเดิม ไม่ใช่ให้แกไปปล้ำเขา!

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : ค่า ค่า ค่า รับทราบค่ะคุณเพื่อน เฮ้อ ชีวิตของสาวน้อยช่างลำบากจริงๆ จะมีผัวกับเขาทั้งที เจ้าแม่อุตส่าห์ประทานมาให้ แต่ดันเจอของแข็งทั้งที่ยังไม่ได้ฟิน ยังไม่ได้กิน แข็งโป๊กยิ่งกว่าสาก ยังไม่ทันโดนตำก็แทบอยากจะร้องไห้แล้ว

รุ้งพราย : เดี๋ยวๆ นี่แกกำลังพูดถึงปฏิกิริยาของคุณดล หรือเรื่องใต้สะดือ เอาดีๆ

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : ทั้งสองอย่าง

รุ้งพราย : ไอ้ทะลึ่ง! หัดทำตัวให้เรียบร้อยหน่อย จะได้สมมงสาวเวอร์จิน

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : แหม แกไม่รู้อะไรเสียแล้ว สาวเวอร์จินไร้คู่ไม่มีผัว ไม่มีแฟนแบบนี้แหละเป็นกูรู้ชนิดที่เฮียกูยังต้องอาย ทฤษฎีรักร้อนแรงแน่นปึ้ก บนเตียง บนโซฟา ได้ทุกสถานที่ กี่องศา กี่ท่วงท่าอ่านตำรามาหมดแล้ว ความรู้แน่นปึ้กประหนึ่งทำวิจัยจบการศึกษา แต่เสียอย่างเดียว...ไม่มีผู้ร่วมทดลองค่ะ

อารดาพิมพ์ไปเรื่อยและแอบทะลึ่งเป็นไปตามปกติ แต่ที่พิมพ์ไปก็ความจริงล้วนๆ หล่อนมันพวกดีแต่ปาก แอบทะลึ่งได้แต่กับเพื่อน ทฤษฎีแน่นปึ้ก แต่ปฏิบัติสุดแป้ก แถมตอนนี้ก็เข้าข่ายอนาถจิต จีบหนุ่มหล่อครบเครื่องให้ติดก็ยังทำไม่สำเร็จเลย ดูทรงแล้วอนาถสุดๆ

รุ้งพราย : พอๆ เลยแก เอาเป็นว่าวางแผนดีๆ ล่ะ คุณดลน่ะเคี้ยวยากนะบอกเลย

คนเป็นเพื่อนเตือนทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะขอตัวทำงานต่อ อารดาจึงส่งสติกเกอร์ไหว้ย่อสวยๆ กลับไป จากนั้นแม่สาวสายกินฟินทุกอย่างที่เป็นของกินก็มีความสุขกับอาหารที่ทยอยนำมาเสิร์ฟจนครบ อารดากินอาหารไปเรื่อยอย่างไม่รีบร้อน  จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อมาเจ้าตัวก็จัดการทุกอย่างจนหมด สมคำพูดที่เพื่อนรักเคยล้อไว้ว่า 

‘กินโหดเหมือนโกรธอาหาร’ 

อารดาเรียกพนักงานมาคิดเงินค่าอาหาร พอจัดการเสร็จก็ลุกออกจากตัวร้านไปยังลานจอดรถ แต่เพราะอิ่มมาก เจ้าตัวเลยแวะไปที่ด้านข้างของร้านซึ่งมีทางเดินไปชมวิวริมทะเลและมีต้นไม้ใหญ่แผ่ร่มเงาให้ความร่มรื่นอยู่ 

หญิงสาวยืนชมวิวและถ่ายรูปครู่ใหญ่เป็นการย่อยอาหารไปในตัว ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถยนต์แล้วขับออกจากร้านไป แต่พอเลี้ยวรถออกมาที่ถนนหน้าร้านอาหารได้ประมาณห้าสิบเมตรก็ต้องเบรกรถตัวโก่ง เมื่อบนถนนตรงหน้ามีคนกำลังตีกันอยู่! 

ผู้ชายสองคนสวมชุดสูทเรียบหรูดูดีกำลังต่อสู้กับผู้ชายอีกสองคนที่สวมชุดลำลองและสวมหมวกกันน็อกปิดหน้าปิดตาไว้ ในมือของฝ่ายที่สวมหมวกกันน็อกนั้น คนหนึ่งถือขวดปากฉลามและพุ่งเข้าทำร้ายผู้ชายสวมชุดสูทหนึ่งในสอง ส่วนอีกคนก็คว้าก้อนอิฐแถวนั้นปาใส่ผู้ชายใส่สูทที่ตัวสูงกว่า 

ก้อนอิฐลอยหวือเฉี่ยวเข้าที่บริเวณด้านข้างศีรษะของผู้ชายใส่สูทที่หันมาทางอารดาพอดี ทำให้หล่อนเห็นว่าคนที่โดนก้อนอิฐฟาดเข้าไปคือใคร

“คุณดล!” อารดาร้องเสียงหลงตกใจที่มาเจอเขาในสถานการณ์แบบนี้ ไวเท่าความคิด หล่อนตัดสินใจกดแตรรถยนต์ค้างไว้เสียงดัง เพื่อให้คนแถวนั้นออกมาช่วย 

ปี๊น...!

คนในร้านอาหารข้างๆ และชาวบ้านเริ่มวิ่งมาดู ผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งมาพร้อมกับท่อนไม้ชี้ไปที่ไอ้โม่งสองคน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย กูแจ้งตำรวจแล้ว อะ ไอ้...แน่จริงมึงอย่าหนีสิเว้ย!!!”

คนร้ายทั้งสองคนโกยแน่บ เพราะกลัวจะโดนรุมทำร้ายเสียก่อน เนื่องจากตอนนี้ชาวบ้านเริ่มออกมาดูกันมากขึ้นแล้ว แถมรถยนต์ที่บีบแตรค้างอยู่ก็ยังบีบแตรไม่ยอมหยุดเสียที ทางเดียวที่จะรอดได้คือต้องหนี พวกมันจึงวิ่งไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งห่างออกไปแล้วขี่จากไป

หลังจากคนร้ายไปแล้ว ชาวบ้านก็รีบเข้าไปช่วยผู้ชายสองคนที่บาดเจ็บและสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงได้โดนทำร้าย แต่ทั้งสองคนบอกว่าไม่รู้จักคนที่มาทำร้ายและไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แล้วลักษณะที่เข้ามาคือตั้งใจทำให้เจ็บตัวอย่างชัดเจน ไม่ได้ขู่กรรโชกเอาทรัพย์สินแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะเป็นการทำร้ายผิดตัวก็เป็นได้ 

ส่วนอารดาที่จอดรถอยู่กลางถนน ตอนนี้หยุดบีบแตรแล้วและวิ่งลงมาดูคนที่ถูกทำร้ายด้วยความเป็นห่วง ส่วนผู้ชายอีกคนที่ถูกทำร้ายน้อยกว่ารีบหันไปดูคนที่เจ็บกว่า เพราะฝ่ายนั้นเป็นเจ้านายของเขาเอง

“คุณดลเลือดออกมากเลย เดี๋ยวผมโทร. เรียกรถพยาบาลให้เดี๋ยวนี้แหละครับ” ผู้ชายที่มาด้วยกันกำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่อารดาวิ่งไปถึงพวกเขาพอดีจึงร้องบอก

“พวกคุณไปขึ้นรถฉัน ฉันจะพาไปหาหมอเอง ขืนรอให้เจ้าหน้าที่มาก็อีกหลายนาทีเลย” อารดาวิ่งเข้ามาช่วยพยุงธนาดล ที่แม้เขาจะไม่ได้ซวนเซจะล้ม แต่หล่อนเป็นห่วงเขาเกินกว่าจะปล่อยให้เขายืนกุมบาดแผลอยู่ตรงนั้น ซึ่งชาวบ้านที่มาช่วยก็เห็นด้วยว่าควรทำตามที่หล่อนบอก

“ใช่ ใช่ คุณ ถ้ายังไหวไปหาหมอก่อนดีกว่า ไปก่อนเลย”

ธนาดลจึงยอมเดินไปตามแรงพยุงกึ่งบังคับของอารดา แม้ยังงงอยู่บ้างว่าทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ส่วนคนที่มาด้วยกันก็เดินตามมาทั้งที่ตัวเองเจ็บอยู่เหมือนกัน แม้ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เป็นพลเมืองดีที่มาช่วยนี้เป็นใคร แต่ด้วยความเป็นห่วงเจ้านายจึงไม่อยากเสียเวลาซักไซ้อะไร 

เมื่อทั้งสามคนขึ้นรถเรียบร้อย อารดาก็เปิดกระจกและตะโกนขอบคุณชาวบ้านที่มาช่วย จากนั้นก็เปิดไฟฉุกเฉินและรีบขับรถพาธนาดลไปโรงพยาบาล ระหว่างทางที่ขับรถไปหล่อนก็บอกคนที่มากับธนาดลไปด้วยว่า

“ฉันเป็นเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้คุณธนาดล ฉันรู้จักเขา คุณไม่ต้องห่วง ว่าแต่ คุณเป็นใคร” 

อารดาแนะนำตัวเองและถามไปพร้อมกัน แต่เดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นลูกน้องของธนาดล เพราะท่าทางดูเกรงใจและเป็นห่วงธนาดลมาก สีหน้าดูกลัดกลุ้มกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น 

“ผมบัณฑิตครับ เป็นผู้จัดการโครงการคอนโดเฟสสองหัวหินครับ ผมพาคุณดลมากินอาหาร แต่ไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย”  ผู้จัดการคอนโดกล่าว เขายังตกใจและไม่รู้ที่มาที่ไปของการถูกดักทำร้ายที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเรื่องถูกดักตียังน่าตกใจน้อยกว่าการที่ผู้หญิงพลเมืองดีคนนี้เข้ามาช่วย เป็นคนสนิทของคุณนายท่านประธาน แบบนี้เขาต้องโดนตำหนิแน่นอนที่ดูแลเอ็มดีของบริษัทที่เป็นถึงน้องชายของท่านประธานไม่ดี

ตายแน่! คราวนี้ตายหยังเขียดแน่ เรื่องนี้รู้ถึงหูท่านประธานแน่นอน

อารดาพยักหน้ารับคำตอบของบัณฑิต แล้วกลับไปให้ความสนใจกับธนาดลตามเดิม 

“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างคะคุณดล ปวดหัวหรือเปล่า แล้วยังมองเห็นปกติดีไหมคะ” หล่อนถามขณะเร่งขับรถไปแบบสุดชีวิต แต่ก็ระมัดระวังไปด้วยพร้อมกัน 

“ยังมองเห็นอยู่ดี ไม่ปวดหัว แค่มึนๆ ตื้อๆ” 

ธนาดลรู้ว่าหล่อนกำลังตรวจสอบอาการของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี หลายคนไม่รู้ว่าเวลานำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ถ้าจะให้แพทย์ทำงานง่ายขึ้นและประเมินอาการได้เร็ว ต้องรู้อาการของคนที่พาไปส่งด้วย ซึ่งเขาแอบชื่นชมหล่อนอยู่ลึกๆ กับการรับมือในครั้งนี้

ไม่คิดว่าแม่สาวพูดมากที่ดูเหมือนไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ถึงเวลาจริงจัง หล่อนก็ทำได้ไม่เลว มีสติไม่โวยวายและแก้ไขสถานการณ์ได้ดี เมื่อครู่นี้ถ้าหล่อนไม่บีบแตรลั่นถนน ชาวบ้านก็คงไม่ออกมาดูมากมายขนาดนั้น ต้องยกความดีให้หล่อนจริงๆ

อารดาพาธนาดลกับบัณฑิตมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง สองหนุ่มถูกพาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน   แต่บัณฑิตไม่ได้บาดเจ็บมาก มีแค่รอยแผลถลอกและรอยบาดเล็กน้อย ดังนั้นพอพยาบาลห้องฉุกเฉินทำแผลให้เสร็จก็ให้เขาออกมารอหน้าห้อง ส่วนธนาดลนั้นอาการหนักกว่าจึงถูกจับเอกซเรย์และทำซีทีสแกน เย็บแผลไปเจ็ดเข็ม แม้ผลเอกซเรย์และซีทีสแกนไม่พบภาวะผิดปกติอะไร แต่แพทย์ก็สั่งให้เขาพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล

ธนาดลยืนกรานจะกลับกรุงเทพฯ ทันที ไม่ยอมพักรักษาตัวต่อตามคำแนะนำของแพทย์ หมอจึงขอให้อยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลอย่างน้อยสองชั่วโมง แล้วเมื่อเวลาสองชั่วโมงผ่านไป ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ หมอจึงยอมให้ธนาดลกลับบ้านได้ 

อารดาก็ได้แต่จนใจจะกล่อมเขาให้ทำตาม หล่อนจึงทำได้แค่ขับรถพาธนาดลออกมาจากโรงพยาบาล ระหว่างทางที่ขับรถไปนั้น เขาก็ถามถึงคนของตัวเอง

“บัณฑิตล่ะ เขาไม่เจ็บมากนี่ แล้วเขาไปไหน”

“ฉันให้เขากลับไปเอารถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ที่ร้านอาหารเกิดเรื่อง แล้วก็ให้สอบถามชาวบ้านแถวนั้นด้วยว่าเคยเห็น คนที่ทำร้ายพวกคุณบ้างหรือไม่ แล้วก็บอกให้เขาไปแจ้งความที่โรงพักไว้เป็นหลักฐานก่อน ส่วนใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าพวกคุณถูกทำร้ายจะถูกส่งตามไปอีกที เพื่อให้ตำรวจไปตรวจสอบและสืบหาคนร้ายตามกฎหมาย ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้อยู่รอที่โครงการคอนโดที่หัวหินค่ะ”

ธนาดลฟังแล้วก็ค่อยเบาใจที่หล่อนช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ไปได้มากเลยทีเดียว

“ขอบคุณมาก สำหรับความช่วยเหลือของคุณ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่คุณโอเคแน่นะ ไม่พักฟื้นที่โรงพยาบาลสักคืนจริงๆ เหรอคะ”

“ผมไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วง”

เหตุผลของชายหนุ่มทำเอาอารดาถึงกับถอนหายใจ เพราะจากที่เขายืนยันกับหมอว่าจะกลับกรุงเทพฯ ไม่ยอมอยู่พักฟื้น นั่นก็แปลได้ง่ายๆ เลยว่า เขาคงดื้อขับรถกลับกรุงเทพฯ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย แล้วหล่อนจะปล่อยให้เขาขับรถกลับไปตามลำพังได้อย่างไร ถ้าหล่อนจะตีเนียนนั่งรถกลับกรุงเทพฯ ด้วยกันกับเขา เขาก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกมั้ง หรือจะให้เขามานั่งรถของหล่อน แล้วหล่อนขับรถพาเขากลับกรุงเทพฯ เขาก็คงไม่ยอมง่ายๆ อีกแน่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เขาดื้อดึงขับรถกลับกรุงเทพฯ ได้

อารดาคิดแล้วก็วางแผนอย่างรวดเร็ว แล้วตัดสินใจใช้ช่วงที่จอดรอสัญญาณไฟจราจร ส่งข้อความบอกเพื่อนรัก

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : รุ้ง เดี๋ยวอีกสักสิบห้านาทีกว่าๆ หย่อนๆ หน่อยก็ได้ แกช่วยโทร. หาฉันหน่อยนะ ไม่ต้องถามว่าทำไม โทร. มาแล้วก็ปล่อยสายไว้อย่างนั้น ไม่ต้องพูดอะไร เดี๋ยวฉันพูดเอง ทำตามแผนนี้ก็พอ ถือว่าช่วยเพื่อนเพื่อให้จีบคุณดลติดก็แล้วกัน รักนะ จุ๊บๆ 

หญิงสาวส่งข้อความเสร็จแล้วก็รอดู จนกระทั่งเพื่อนส่งสติกเกอร์การ์ตูนกลับมาว่าโอเค พอดีกับที่สัญญาณไฟจราจรเป็นสีเขียว หล่อนเลยขับไปตามเส้นทางที่จีพีเอสบอก จนกระทั่งมาถึงโครงการคอนโดของอาร์แอนด์ทีที่หัวหิน 

สองหนุ่มสาวลงจากรถและเข้าไปในอาคาร ที่แม้จะยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ แต่ก็เห็นถึงความสวยงามของคอนโดได้ อาคารด้านนอกทาด้วยสีขาวทั้งหลังตัดกับท้องทะเลสีครามและท้องฟ้าสีครามสดใส ห้องพักทุกห้องมีระเบียง 

ตรงกลางของโครงการมีสระน้ำที่ทำเป็นทางคดเคี้ยวผ่านหน้าห้องพักแต่ละห้องไป จนสุดปลายทางคือวิวทะเลที่งดงาม ส่วนอาคารด้านหน้าก็เป็นห้องอาหาร ล็อบบีแผนกต้อนรับที่ผนังเป็นกระจกสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ แล้วก็มีป้ายบอกทางไปยังห้องต่างๆ ที่มีไว้อำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

“คอนโดวิวทะเลแบบนี้ ราคาเท่าไหร่เหรอคะ” หล่อนถามด้วยความอยากรู้ ไม่ได้คิดจะซื้อเลยสักนิด เพราะตอนนี้หล่อนยังผ่อนคอนโดที่ซื้อจากคุณอาไม่หมดเลย ไม่หาเหาใส่หัวเพิ่มหนี้ให้ตัวเองเด็ดขาด

“หกล้านสอง ไม่รวมค่าส่วนกลาง ที่นี่มีทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนส สปา ห้องซาวนา ห้องหนังสือขนาดใหญ่”

ครบครันมากค่ะ แถมแพงกว่าคอนโดของหล่อนอีก!

อารดาแอบปาดเหงื่อในใจ ไม่แปลกใจหรอกที่ราคาสูง ก็คอนโดริมทะเลวิวดี ทำเลดีแบบนี้ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน บางคนก็ซื้อไว้เพื่อมาเที่ยวกับครอบครัว ไม่ต้องเช่าโรงแรม อยากมาเมื่อไรก็มา บางคนก็ซื้อไว้เก็งกำไรขายต่อ มีแต่ได้มากกว่าเสีย

แต่...เรื่องคอนโดช่างมันไปก่อน ตอนนี้หล่อนต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน

“ฉันรู้จากคุณบัณฑิตว่าคุณมาตรวจสอบเรื่องงานและไม่ได้จะค้างคืนที่นี่ แต่ก่อนออกจากโรงพยาบาลคุณหมอก็บอกแล้วว่าอยากให้คุณพัก เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าคุณยังไม่ควรขับรถกลับกรุงเทพฯ ในทันทีนะคะคุณธนาดล”

“ผมไม่เป็นไรหรอก ผลเอกซเรย์กับซีทีสแกนก็บอกอยู่แล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติ มีแค่แผลภายนอก”

“รู้ตัวไหมคะว่าคุณกำลังดื้อ ซึ่งมันไม่เป็นผลดีกับคุณเลย” หล่อนเตือนอย่างใจเย็น แต่เขาก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย

“ตัวผม ผมรู้ดี”

ธนาดลยืนยันว่าเขาไม่ขอฟังความเห็นของหล่อนในข้อนี้ ส่วนหล่อนเองก็ยืนยันไม่ยอมเช่นกัน ในเมื่อเขาดื้อไม่ฟังกันอย่างนี้ หล่อนก็จะใช้ไม้แข็ง!

“ก็ได้ค่ะถ้าคุณยืนยันจะขับรถกลับกรุงเทพฯ ให้ได้ ฉันก็มีอีกสองตัวเลือกให้คุณ หนึ่ง...คุณพักค้างคืนที่โรงแรมที่นี่สักคืนให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยขับรถกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้เช้า เพราะถ้าคุณดื้อขับรถกลับกรุงเทพฯ แล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางคงไม่ดีแน่ หรือสอง...คุณยอมให้ฉันขับรถพาคุณกลับกรุงเทพฯ วันนี้ เรากลับไปด้วยกัน ฉันจะไปส่งคุณถึงที่หมาย ระหว่างทางหากคุณเกิดอาการผิดปกติขึ้นมา ฉันก็จะได้ช่วยเหลือคุณได้ทัน”

อารดายื่นหมูยื่นแมวและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ธนาดลไม่รู้ว่าหล่อนจะทำอะไร แต่เขามองออกว่าหล่อนคิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่าเขา และการทำตามตัวเลือกของหล่อนก็จะทำให้หล่อนได้เข้าหาเขาได้อย่างสะดวกมากขึ้นด้วย 

“ผมไม่เลือกข้อไหนทั้งนั้น”

“โอเคค่ะ” หล่อนยิ้มหวานใส่เขา “ถ้าอย่างนั้นฉันจะโทรศัพท์บอกรุ้งว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แล้วก็จะใส่สีตีไข่เพิ่มลงไปด้วยว่าคุณบาดเจ็บสาหัสมาก ต้องรีบมาดูใจโดยด่วน ทีนี้พอรุ้งรู้ก็จะต้องบอกคุณอติรุจ แล้วคนทั้งบ้านของคุณก็จะรู้หมดและแห่มาที่นี่ ถ้าคุณอยากได้แบบนี้ ฉันก็จะจัดให้ค่ะ!”

ธนาดลฟังจบก็แทบจะปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที ดูท่าว่าเขาจะประเมินหล่อนต่ำไปเสียแล้ว ไอ้ท่าทางบ๊องๆ โก๊ะๆ ไม่ได้เรื่องนั่นคงมีไว้หลอกตา หรือไม่ก็ทำให้ตายใจเสียละมั้ง ส่วนนี่อาจจะเป็นตัวจริงอีกด้านหนึ่งของหล่อน 

“คุณกำลังยั่วโมโหผมอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า” เขาเอ่ยเหมือนเตือนอยู่ในที น้อยคนนักที่จะกล้ายั่วโมโหเขาซึ่งๆ หน้าแบบนี้

“ไม่รู้ค่ะ เพราะสิ่งที่ฉันทำ ไม่ได้เป็นการยั่วโมโห แต่บอกให้คุณรู้ว่าคุณควรทำตามที่ฉันแนะนำ ทั้งหมดก็เพื่อตัวคุณเอง ไม่ใช่เพื่อฉันเลยสักนิด แต่ถ้าคุณดื้อแพ่งต่อ ฉันก็มีแค่ตัวเลือกเดียวให้คุณ!”

สิ้นเสียงของหล่อน บัณฑิตที่ยืนฟังสองหนุ่มสาวเถียงกันอยู่พักใหญ่ก็รู้สึกเหมือนมีลมหนาวและพายุหิมะพัดถล่มขึ้นมาทันที เขารู้ดีว่าไม่ควรมีใครไปแหย่หนวดเสือธนาดล ส่วนผู้หญิงที่เขาเพิ่งรู้จักนี่ก็ท่าทางไม่เบาเหมือนกัน แต่เขาก็แอบเห็นด้วยกับคุณผู้หญิงคนนี้ อยากให้ธนาดลได้พักผ่อนและไม่ควรโหมขับรถกลับกรุงเทพฯ ไปในตอนนี้

ทว่าในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จู่ๆ โทรศัพท์ของอารดาก็ดังขึ้น หล่อนมองชื่อและเบอร์ที่โทร. เข้ามาและยิ้มมุมปาก เพื่อนช่างโทร. มาได้ถูกเวลาพอดี เจ้าตัวจึงหันหน้าจอโทรศัพท์ให้ธนาดลดู

คุณหนูรุ้งของคุณแม่ขา 

๐๘-๔๗๘๙-XXXX

อารดาหันหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูแค่นั้นแล้วก็ดึงโทรศัพท์กลับมารับสาย ทำให้ธนาดลที่เอื้อมมือหมายจะคว้า ทำได้แค่คว้าความว่างเปล่า เขายืนหน้าบึ้งใส่หล่อน ส่วนหล่อนก็ยักคิ้วใส่เขาอย่างกวนๆ เป็นการกระตุ้นถามไปด้วยว่า ‘จะยอม’ หรือ ‘ไม่ยอม’

“ว่าไงรุ้ง มีอะไรจ๊ะคุณเพื่อน” หญิงสาวกรอกเสียงถาม สบตากับธนาดลไปด้วย สมาธิของหล่อนไม่ได้อยู่ที่เพื่อนในสายเลยแม้แต่น้อย 

ส่วนรติยาก็ไม่ได้พูดอะไรตามที่ได้นัดกันไว้ แต่คิดว่าท่าทางเพื่อนคนนี้คงทำอะไรที่เพี้ยนๆ อยู่แน่ ซึ่งหล่อนก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อารดาอยู่กับใคร 

ฝ่ายธนาดลกลัวว่าอารดาจะฟ้องรติยาจริงอย่างที่ขู่ เขาจึงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าเขายอมทำตามที่หล่อนบอกก็ได้ แต่ห้ามหล่อนบอกรติยา อารดาจึงตอบรติยาไปแบบด้นสด

“โอเค ได้ เอาแค่นี้ใช่ไหม เดี๋ยวฉันซื้อไปให้ จะแถมขนมอร่อยๆ ไปด้วย รักนะคะคุณเพื่อน บาย” อารดาวางสายปลอมๆ นั่นไป 

ในขณะที่ธนาดลแทบอยากจะหักคอหล่อน เมื่อต้องจำใจทำตามที่หล่อนบอก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ทิ้งเขี้ยวเล็บไปง่ายๆ

“ก็ได้ ผมจะพักค้างคืนที่นี่ แล้วพรุ่งนี้ถึงจะกลับไป แต่ผมจะพักโรงแรมที่ดีที่สุดและห้องที่ดีที่สุดเท่านั้น โดยคุณจะต้องจ่ายค่าห้องพักทั้งหมด แต่ถ้าคุณไม่อยากยุ่งยากวุ่นวายเสียเงิน ก็อย่ามายุ่งยากกับผมเลยดีกว่าคุณอารดา”

อ๋อ! เล่นอย่างนี้เหรอคะ อยากได้จัดให้ค่ะ 

“ตกลงค่ะ เชิญคุณเลือกโรงแรมได้เลย จะกี่ดาวก็จัดมาเลย เดี๋ยวเจ๊อารดาสายเปย์จัดให้ค่ะ” อารดายิ้มหวานหยดอย่างหาเรื่อง ยิ่งเขาเคี้ยวยากและดื้อด้านอย่างนี้หล่อนก็ยิ่งปรี๊ด แต่เหนือความปรี๊ดนั้นคือความเป็นห่วง โดยไม่ได้รู้เลยว่ายิ่งหล่อนตกปากรับคำอย่างง่ายดายไปอย่างนั้น มันยิ่งค้านกับการที่เคยบอกเขาว่าหล่อนทำงานเป็นแค่พนักงานธุรการคอยประสานงานในบริษัทแห่งหนึ่ง

“แน่ใจหรือว่าจะไหว ระวังตอนตัดยอดบัตรเครดิตขึ้นมาจะหน้ามืดเอาได้นะ” เขาเตือนกึ่งท้าทาย

“ต่อให้คุณพักห้องคืนละแสนฉันก็จ่ายไหวค่ะ” อารดาอยากเอาชนะเขาให้ได้ แต่นั่นกลับกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง 

ธนาดลกระตุกยิ้มใส่แบบที่ชวนให้หนาวๆ ร้อนๆ เขามั่นใจแล้วว่าหล่อนไม่น่าจะใช่พนักงานบริษัทตัวเล็กๆ อย่างที่บอก สงสัยว่าจบงานนี้เขาคงต้องตรวจสอบประวัติหล่อนอย่างละเอียดเสียแล้ว หลังจากที่ปล่อยมาตลอด เพราะคิดว่าหล่อนไม่มีพิษภัยและเป็นเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้

ฝ่ายอารดาที่เพิ่งรู้ตัวว่าพลาดไปก็ได้แต่ครางในใจ จากนี้หล่อนคงอ่วมแน่ๆ ถ้าเขารู้ความจริงว่าหล่อนเป็นหลานสาวของปฐพี แล้วยังเรื่องวันนี้ที่หล่อนกล้ากระตุกหนวดเสืออย่างเขาอีก 

เฮ้อ!   แต้มบุญจะได้ผัวของเธอทำไมมันริบหรี่อย่างนี้ ยายอารดา!!

ส่วนทางด้านวัยรุ่นสองคนที่ทำร้ายคนอื่นไว้ หลังจากรีบขี่รถจักรยานยนต์หนีไปก็ขับออกไปที่ถนนใหญ่ก่อนจะขับข้ามไปฝั่งตรงข้ามและเลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่งที่เป็นทางลัด จนกระทั่งสุดท้ายก็เลี้ยวเข้าไปจอดในป่าข้างทางที่ค่อนข้างลับตาคน และถอดหมวกกันน็อกออกมาสบถด่าโขมงโฉงเฉง

“แม่ง ไอ้ผู้หญิงคนนั้นไม่น่ามายุ่งเลย ชาวบ้านแม่งแห่กันมาหมด” วัยรุ่นคนที่ขับรถเอ่ย คนที่ซ้อนท้ายและลงมายืนข้างรถเรียบร้อยก็เห็นด้วย

“นั่นสิ โคตรน่ารำคาญเลย ว่าแต่แบบนี้ถือว่าสำเร็จไหมวะเนี่ย ไอ้นั่นมันยังเจ็บไม่มากเลยนะ”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องบอกผู้ว่าจ้างก่อน ที่เหลือค่อยว่ากันอีกที” วัยรุ่นคนแรกเอ่ย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาคนจ้างวาน ซึ่งคำสั่งมีแค่ว่าทำให้บาดเจ็บ ไม่ให้ถึงตายและห้ามยิงด้วย เพราะผู้ว่าจ้างไม่ต้องการให้กลายเป็นคดีความใหญ่โต แค่ต้องการทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวเท่านั้น

“ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ามีคนมาก่อกวนก็เลยยังเจ็บไม่มาก แต่โดนฟาดไปแบบนั้นน่าจะเย็บหลายเข็มอยู่ ยังไงก็ต้องอยู่โรงพยาบาลดูอาการอย่างน้อยหนึ่งวัน”

“มึงแน่ใจนะ” ปลายสายย้ำถามมา 

“เออ กูแน่ใจ กูเคยโดนมาก่อน ถือว่าพวกกูทำงานสำเร็จแล้ว มึงเอาส่วนที่เหลือมา แล้วทางใครทางมัน”

“ตกลง คืนนี้สี่ทุ่มไปเอาเงินที่ศาลาคอยรถที่ขื่อชายคาที่เดิม”

พอวัยรุ่นรับคำ ปลายสายก็รีบวางหูแล้วโทรศัพท์ไปบอกเจ้านายที่สั่งการทันที

“นายครับ พวกนั้นจัดการให้แล้วครับ ธนาดลบาดเจ็บแน่นอนครับ”

ผู้สั่งการสูงสุดได้ยินรายงานอย่างนั้นก็พอใจ แล้วสั่งการลูกน้องต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะวางสาย ปล่อยให้ลูกน้องไปจัดการตามแผนที่ได้วางเอาไว้ต่อไป 

 

เมื่อธนาดลเลือกโรงแรมที่ต้องการได้ อารดาก็ขับรถพาเขาไปที่โรงแรมแห่งนั้น ซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาวแถมห้องที่เขาเลือกก็แพงด้วย ตรงตามที่เขาขู่ไว้ทุกอย่าง นี่เหมือนเล่นกับเสือแล้วเจอเสือตะปบกลับเลยจริงๆ 

อารดาครางหงิงกับค่าห้องพัก หล่อนจัดการเช็กอิน โดยแจ้งพนักงานไว้แล้วว่าขอเป็นสองห้องติดกัน เพราะถึงหล่อนจะอยากจีบและใจกล้าหน้าหนา แอบหื่นขนาดไหน แต่ก็ไม่กล้าถึงขั้นเสนอตัวให้เขาหรอก 

พอจัดการเรื่องห้องพักและรับคีย์การ์ดเสร็จเรียบร้อย พนักงานก็เดินนำทั้งสองคนไปยังห้องพัก แต่ระหว่างทาง ยาที่ธนาดลกินมาก็เริ่มออกฤทธิ์ทำให้เขารู้สึกง่วงงุน พอมาถึงหน้าห้องพักอารดาจึงรีบให้ทิปพนักงานแล้วให้อีกฝ่ายไปทำหน้าที่อื่น

หลังจากพนักงานไปแล้ว คนที่ยืนโงนเงนอยู่ก็เซมาหาหล่อน

“คุณดล!” อารดาตกใจรีบคว้าเขาไว้ 

“ตกใจไปได้ ผมก็แค่ง่วง เพราะยาที่หมอให้ก่อนออกมา” ธนาดลว่าแล้วก็พยายามขืนตัวออก แต่อารดาไม่ยอม โอบประคองเขาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง แล้วรูดคีย์การ์ดพาเขาเข้าไปในห้องพักด้วยกัน 

พอเข้ามาในห้องได้หญิงสาวก็ใช้ขาเตะปิดประตู แล้วพาเขาไปที่เตียง โดยที่เขาพยายามขืนตัวออกจากหล่อนไปตลอดทางจนกระทั่งถึงเตียง 

อารดาปล่อยชายหนุ่มลงนั่งบนเตียงแล้วยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหน้าผู้ชายตัวโตที่ทำให้หล่อนต้องเหนื่อยประคองเข้ามา คนอะไรเวลาดื้อแล้วเหมือนเด็ก น่าโดนสักป้าบจริงๆ

“ทำท่าอย่างนั้นหมายความว่ายังไง” เขากวนโมโหใส่ เพราะหงุดหงิดที่ตัวเองต้องพึ่งหล่อน ทั้งที่เขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นมาก่อน ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว

“หมายความว่าให้คุณนอนได้แล้วค่ะ ง่วงไม่ใช่เหรอคะ ก็นอนสิคะ” หญิงสาวพยักพเยิดให้เขาลงนอน ในใจก็คิดว่าไอ้คำขอเอาฮาเมื่อวันก่อน แค่หล่อนพูดเล่นๆ ว่าทุบหัวแล้วลากเข้าห้อง ดันกลายเป็นจริงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ เจ้าแม่ท่านจะเซย์เยสกับหล่อนเกินไปไหมเนี่ย 

แต่เจ้าแม่ขา ทุบหัวแล้วลากเข้าห้องแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะคะ...

คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะยื่นมือไปช่วยถอดเสื้อสูทลำลองให้ แต่เขากลับเบี่ยงตัวหลบและมองหน้าหล่อนเหมือนหล่อนจะไปพรากความเป็นชายของเขาอย่างนั้นละ

โอ้โห คุณธนาดลขา นี่อย่าบอกนะคะว่ายังเวอร์จินอยู่!

อารดาอดขำไม่ได้ แต่คนถูกขำกลับทำหน้าบึ้งใส่ “คุณจะทำอะไร”

“จะช่วยถอดเสื้อสูทให้คุณไง ไม่ต้องกลัวนะคะ ถึงฉันจะหื่นขนาดไหน ฉันก็ไม่ปล้ำคนเจ็บหรอกค่ะ!” อารดาแกล้งบอกไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่รอช้า รีบถอดเสื้อสูทลำลองให้เขา ซึ่งคราวนี้เขายอมให้หล่อนถอดออกแต่โดยดี หล่อนจึงนำไปใส่ไม้แขวนเสื้อและแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบขวดน้ำในตู้เย็นพร้อมกับแก้วน้ำที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์มาด้วย 

อารดาวางขวดน้ำกับแก้วน้ำลงบนโต๊ะหัวเตียง เผื่อว่าเขาหิวน้ำจะได้หยิบมาดื่มได้สะดวก แต่พอหันมามองเขา หล่อนก็ทำหน้านิ่วใส่เหมือนผู้ใหญ่มองเด็ก เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ได้ถอดรองเท้า เจ้าตัวจึงทำท่าจะก้มลงไปช่วยถอดให้ แต่ถูกเขาทัดทานไว้

“ไม่ต้อง ผมทำเอง” ธนาดลบอกแล้วถอดรองเท้าเอง แต่ดวงตาหรี่ปรือแทบจะหลับเสียให้ได้ 

อารดาเห็นแล้วก็ขี้เกียจโต้แย้งด้วย หล่อนจึงดันร่างเขาลงนอน ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้ 

“เอาละค่ะ คุณพักผ่อนได้แล้วนะ แต่ถ้าคุณยังไม่หลับตานอนดีๆ ฉันจะปล้ำคุณให้ดู”

“ผมไม่ใช่เด็กอนุบาล”

หล่อนกลอกตามองบนใส่ แต่ไม่อยากชวนทะเลาะด้วยแล้วเพราะเป็นห่วงเขามากกว่า

“ตอนนี้คุณปวดหัวหรือเปล่า หรือรู้สึกไม่โอเคตรงไหนมั้ย”

“ผมสบายดีทุกอย่าง แค่ยากำลังออกฤทธิ์ ถ้าคุณจะใจดี ช่วยออกไปจากห้องก็พอ”

“ได้ค่ะ แต่ก่อนไปคุณเอาโทรศัพท์มือถือของคุณมาก่อน ฉันจะแอดไลน์ของคุณไว้ ฉันเดาว่าคุณต้องมีไลน์ เพราะรุ้งบอกฉันเองว่าคุณรุจก็มีและติดต่อคุยกันผ่านไลน์ตอนที่จีบกัน คุณที่เป็นน้องก็น่าจะมีช่องทางติดต่อกับคนในครอบครัวอยู่ด้วย หรือถ้าคุณไม่มีไลน์ คุณก็เอาเบอร์ของคุณให้ฉันมา”

“แล้วทำไมผมต้องให้ไลน์ หรือให้เบอร์คุณด้วย”

“ก็เผื่อคุณรู้สึกไม่ดี หรือมีอาการไม่ดีจะได้เรียกฉันได้ทันไงคะ”

ธนาดลแยกเขี้ยวใส่หล่อน ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน “มุกขอไลน์ของคุณไม่ได้เรื่องที่สุด”

“ไม่ให้ก็ตามใจคุณ” อารดายักไหล่ ทำหน้ากวนๆ ใส่เขา “แต่ถ้าคุณไม่ให้ไลน์หรือเบอร์ฉัน หรือว่าให้มั่วๆ มา ฉันก็จะนั่งเฝ้าคุณอยู่ข้างเตียง ถ้าคุณเผลอนอนกรน น้ำลายยืด หน้าตาดูไม่ได้ หรือนอนดิ้นเตะผ้าห่มจนเสื้อผ้าเปิดหมด ถูกฉันถ่ายคลิปไว้แบล็กเมลทีหลังก็ไม่รู้ด้วยนะคะ” อารดาขู่แล้วยักคิ้วใส่ จงใจยั่วโมโหแกล้งเขาเน้นๆ 

หน็อย! เอากับแม่คุณเธอสิ นี่หล่อนจีบเขาอยู่จริงๆ ใช่ไหม ยายตัวร้าย!

ธนาดลถึงกับกลอกตามองบน ก่อนจะตัดรำคาญหยิบโทรศัพท์มือถือมาปลดล็อกและยื่นคิวอาร์โค้ดแอดเพื่อนให้  พออารดาแอดชื่อเขาเรียบร้อยแล้วก็ทำหน้ายิ้มกริ่มอย่างเป็นฝ่ายชนะ

“โอเคค่ะ แอดแล้วเรียบร้อย อ้อ คุณห้ามบล็อกฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะก่อกวนจนคุณไม่ได้พักผ่อนแน่นอน ฉันอยู่ห้องข้างๆ นี้ ถ้ารู้สึกไม่สบายก็เรียกได้เลย แต่ฉันจะเข้ามาดูคุณเป็นระยะ แล้วช่วงหัวค่ำฉันจะสั่งอาหารมาให้คุณ คุณจะได้กินยาและพักผ่อนต่อได้”

“คุณไปได้แล้ว” เขาไล่เพราะมึนหัวจากยาที่กินเข้าไปจะแย่แล้ว ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับหล่อนต่ออีกแม้แต่นาทีเดียว

“ค่า ค่า ค่า” อารดายอมแต่โดยดี หล่อนออกจากห้องและปิดประตูให้เรียบร้อย 

ส่วนธนาดลพออารดาออกไปได้ เขาก็หลับทันทีด้วยฤทธิ์ยา ใจคิดว่าถ้าได้นอนสักงีบ ตื่นมาคงรู้สึกดีกว่านี้ แล้วเขาจะถือโอกาสแอบหนีกลับกรุงเทพฯ เสียเลย ก่อนที่หล่อนจะมาวุ่นวายกับเขาไปมากกว่านี้

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น