๙ 

ข้อกังขาในหัวใจ

เรื่องที่อารดาเจอกับธนาดลที่บ้านของมนูญ รวมถึงเรื่องที่มนูญยื่นข้อตกลงพิลึกพิลั่นให้ธนาดลนั้นรู้ถึงหูของปฐพีเข้าจนได้ เขาทั้งโกรธทั้งโมโหที่มนูญไม่สนใจเลยว่าเขาคือเครือญาติกัน แม้จะเกี่ยวดองผ่านพี่ชายที่เป็นลูกเขย แต่การที่มนูญยอมให้ตัวเลือกธนาดล แต่กับเขากลับบอกปัดชัดเจน ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก 

“โธ่โว้ย! ไอ้แก่นี่มันน่าโมโหจริงๆ!”

“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณ” ชไมพรบอกสามีและพยายามช่วยคิดไปด้วย “ข้อเสนอนี่มันเพิ่งถูกยื่นให้ธนาดลไม่ใช่หรือคะ แสดงว่ามันยังไม่มีความชัดเจนอะไร”

คำพูดของภรรยาทำให้ปฐพีฉุกใจคิดตามและเริ่มใจเย็นลง แล้วทบทวน ข้อเสนอนั่นก็บอกแค่ว่าให้ธนาดลกับอารดาอยู่ที่บ้านโบราณนั่นให้ครบสามสัปดาห์ ก็แปลว่าเขายังพอมีหวังอยู่ ถ้าอารดาและธนาดลไม่ยอมทำ แต่ถ้าทั้งสองคนนั้นยอมเพื่อผลประโยชน์ เขาก็ต้องหาวิธีจัดการให้ทั้งสองคนทำไม่สำเร็จ แล้วธนาดลก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้นั่น จากนั้นเขาค่อยส่งทีมกฎหมายเข้าไป และส่งคนเข้าไปบีบบังคับหว่านล้อมไปด้วยพร้อมกัน ให้ตัวเลือกที่แสนวิเศษเหมือนกับที่ธนาดลเสนอให้ตาแก่นั่น!

“ขอโทษทีที่รักที่ผมใจร้อนไปหน่อย”

“ยังพอมีทางใช่ไหมคะ” ภรรยาใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“มี ยังมีทางอยู่ อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

“แต่ธนาดลก็ร้ายจริงๆ นะคะ ไม่รู้พูดยังไงทำให้ตามนูญของยายปุ๊กยอมเสนอข้อตกลงอะไรแบบนั้นออกมา”

“พวกนักธุรกิจย่อมมีชั้นเชิงในการต่อรอง ต้องยอมรับว่าสำหรับบริษัทคู่แข่งแล้ว พี่น้องรัตนธนการนี่แหละเคี้ยวยากจริงๆ คนพี่ก็เด็ดขาดเอาจริง คนน้องก็เจ้าวางแผน ผมยังเคยคิดนะว่าถ้าเราสองคนมีลูกได้ ก็อยากได้ลูกชายแบบสองคนนี้”

น้ำเสียงเศร้าลงในท้ายประโยค จนชไมพรต้องเข้ามาโอบกอดสามี หล่อนทั้งเข้าใจและรู้สึกผิดต่อเขาที่หล่อนไม่สามารถมีลูกได้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรเด็กก็ไม่มาเกิด บางครั้งคนที่รวยมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็มีบางอย่างที่อยากมีแต่กลับไม่มีเหมือนคนอื่น

“ขอโทษด้วยนะคะคุณ ฉันผิดเอง”

“ไม่...ไม่ ที่รัก ผมไม่ได้จะว่าคุณ ผมเข้าใจ ผมแค่เสียดายที่เรามีลูกด้วยกันไม่ได้” ปฐพีรีบกอดปลอบภรรยา 

เขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์และเม็ดเงินมหาศาลในการทำธุรกิจ แต่ในอีกส่วนหนึ่งเขาก็เป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา และถึงแม้ว่าหล่อนจะมีลูกให้เขาไม่ได้ เขาก็ไม่เคยคิดทอดทิ้งหล่อนไปไหน ความผิดหวังจึงแปรเปลี่ยนทำให้เขาคิดขยายอาณาจักรธุรกิจของตัวเองให้แข็งแกร่ง ทำให้ธุรกิจและชื่อเสียงของบริษัทนี้เติบโตต่อไป เพราะสำหรับเขาแล้วสิ่งเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนลูกๆ ที่เขาก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน!

ธนาดลกลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ประจวบเหมาะกับที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับอารดาจากเลขานุการส่วนตัวของพี่ชายไปจัดการหามาให้ เขาอ่านข้อมูลที่ได้มาแล้วหงุดหงิดสุดๆ ก่อนจะพบว่าสิ่งที่หล่อนพูดคือความจริง 

อารดาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจใดๆ กับปฐพีเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นแต่ที่ไปซื้อคอนโดโครงการของปฐพีไว้ก็เพราะเดินทางไปบริษัทได้สะดวก ซึ่งเป็นการซื้อขายแบบผ่อนชำระอย่างตรงไปตรงมา ปฐพีไม่ได้ยกให้หลานสาวแต่อย่างใด 

ส่วนข้อมูลความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แนบมาด้วยนั้น บอกได้ว่าอารดาไม่ได้สนิทสนมกับปฐพี ส่วนทรัพย์สินที่หล่อนมีก็ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทของพ่อเลยแม้แต่น้อย 

แล้วยังมีข้อมูลเบื้องลึกอีกว่า แม่ของอารดาเป็นภรรยาคนที่สองของปฐมพงษ์ ซึ่งภรรยาคนแรกของปฐมพงษ์เสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนภรรยาคนที่สองนี้ไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสกัน อีกทั้งบริษัทผลไม้กระป๋องส่งออกนั้นมีเงินทุนของภรรยาคนก่อนอยู่ด้วย ภรรยาคนที่สองจึงไม่อยากแตะต้องทรัพย์สินเดิมตรงนี้

 ปฐมพงษ์จึงมอบที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ ที่สมน้ำสมเนื้อให้แก่ภรรยาและลูกสาวคนเล็กแบบไม่ให้น้อยหน้ากัน แล้วเพราะเหตุนี้ความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้จึงไม่มีปัญหาแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง เพราะแม่เลี้ยงเป็นคนดี ส่วนลูกสองคนแรกที่เกิดจากภรรยาคนแรกก็ไม่ได้รังแกน้องสาว เป็นครอบครัวที่อบอุ่น รักใคร่กันดี 

แต่ถึงแม้ธนาดลจะรู้ข้อมูลของอารดาขนาดนี้ ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ง่ายๆ ข้อมูลทางธุรกิจและสินทรัพย์อาจจะหลอกไม่ได้ แต่เรื่องจิตใจและความสัมพันธ์ของคนเราก็ไม่แน่นอนเหมือนกัน ข้อมูลอาจบอกว่าอารดาไม่สนิทกับปฐพีผู้เป็นอา  แต่ก็ใช่ว่าในความเป็นจริงจะเป็นเช่นนี้เสมอไป

ธนาดลมีสีหน้าไม่ค่อยดีตั้งแต่กลับมาแล้วยังทอดถอนใจบ่อยๆ จนอติรุจเป็นห่วง พอมื้ออาหารเย็นจบลง เขาจึงเดินไปหาน้องชายซึ่งนั่งอยู่ที่ศาลาในสวนหย่อม เขามั่นใจว่าน้องชายกำลังมีปัญหาที่คิดไม่ตก และไม่ยอมเปิดปากบอกใครง่ายๆ เพราะการแสดงความอ่อนแอ หรือตัดสินใจอะไรไม่ได้นั้น ทำให้คนที่เป็นห่วงอยู่ต้องเป็นห่วงมากขึ้น น้องชายจึงมักไม่ยอมพูดความจริงในยามที่มีปัญหาและบอกว่าทุกอย่างยังเรียบร้อยดี

“ทำไมทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้น” คนเป็นพี่ชายถามขณะนั่งลงข้างๆ คนเป็นน้อง

“ผมไม่ได้เบื่อโลกสักหน่อย”

“ไม่เบื่อโลก แต่ทำหน้าเหมือนแบกโลกอยู่ ฉันคงเชื่อตายละ”

“ท่านประธานจะไม่หูตาเป็นสับปะรดสักเรื่องก็ได้นะครับ” ธนาดลหยอกกลับ กลอกตาใส่พี่ชาย แต่คนเป็นพี่กลับหัวเราะและเย้ากลับมาว่า

“ได้ยังไง ฉันเป็นประธาน ต้องหูตากว้างไกล แล้วก็เป็นพี่ชายของนายด้วย เพราะฉะนั้นถ้านายอยากระบายอะไร ฉันก็พร้อมจะฟัง”

ธนาดลถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนใจจะปิดบังต่อไป ถึงอย่างไรพี่ชายก็ดูออกอยู่แล้ว เจ้าตัวจึงนิ่งไปครู่ใหญ่เหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าจากตรงไหนก่อนดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่า...

“ก่อนผมจะเล่า พี่รุจตอบมาก่อนได้ไหม”

“เรื่องอะไร”

“ตอนนั้นที่พี่รุจตกลงคบกับคุณรุ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนายสาวิตรีคนนั้นทำพิษ แล้วต้องปกป้องชื่อเสียงคุณรุ้ง แล้วถ้าพ่อกับแม่ของคุณรุ้งยังไม่รู้เรื่อง และแม่ของเรายังไม่รู้เรื่อง พี่รุจจะตกลงคบกับคุณรุ้งหรือเปล่า”

อติรุจนิ่วหน้า แต่เพราะรู้อะไรบางอย่างมาก่อนที่จะมาคุยกับน้องชายแล้ว จึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดน้องชายถึงถามคำถามนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจู่ๆ จะถูกถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย 

“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากรู้เรื่องนั้นล่ะ”

“ผมแค่สงสัยว่า ปกติแล้วมาตรฐานผู้หญิงของพี่รุจไม่ใช่อย่างคุณรุ้ง เพียงแต่คุณรุ้งอาจจะมีอะไรที่น่าสนใจ เช่นว่าตอนนั้นอาจจะเป็นได้ว่าพี่รุจสงสัยตัวตนที่แท้จริงของคุณรุ้ง แต่ในทางกลับกัน ถ้าพี่รุจรู้อยู่แล้วว่าคุณรุ้งเป็นลูกสาวของคุณมาลินี พี่รุจยังรู้สึกว่าเธอพิเศษอยู่อีกหรือเปล่า”

“นายไม่สบาย กินยาลืมเขย่าขวดมาหรือไง”

“เอาเถอะน่าพี่ ตอบผมมาก่อน”

อติรุจถอนหายใจ มองหน้าน้องชายอีกครั้ง พอเห็นสีหน้าอีกฝ่ายจริงจังกับการรอคอยคำตอบอยู่ ก็คิดว่าไม่ควรตอบอย่างขอไปที แต่ควรให้ความกระจ่างนี้แก่น้องชาย เผื่อว่าจะไปช่วยเติมรอยหยักในสมองที่ช่างคิดวิเคราะห์ที่ดูจะฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของหัวใจ เพราะปิดกั้นตัวเองมานานเกินไป

“จริงอยู่ว่ารุ้งอาจจะไม่สวยเท่าแฟนเก่าฉัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามาตรฐานหรือสเปกของเรามันจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นไม่ได้นี่ ในเมื่อสิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็น บางครั้งมันก็ไม่ได้เหมือนกัน ความชอบมันไม่มีสูตรสำเร็จ แค่เรารู้สึกว่าเวลาอยู่กับคนคนนี้แล้วสบายใจ มีความสุข แม้จะปวดหัวบ้างอะไรบ้าง แต่ทุกอย่างมันก็คือรสชาติของการได้ชอบพอใครสักคนหนึ่ง”

“แค่นี้เหรอ?”

“ก็แค่นี้แหละ” อติรุจตอบไปแล้วก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะเฉลยให้น้องชายรู้ “ธนัชบอกฉันแล้ว เรื่องที่นายให้เขาไปหาข้อมูลของอารดา”

“ปากโป้งจริงๆ” 

“อย่าไปว่าธนัชเลย เขาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของฉัน ก็ต้องบอกฉันอยู่แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาย แล้วก็เพราะเขาเป็นห่วงนายเขาถึงได้บอก” อติรุจออกหน้ารับแทนลูกน้องคนสนิท “แต่เรื่องอารดาฉันเองก็รู้สึกเหนือความคาดหมายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นฉันเข้าใจดี ถ้านายกำลังคิดไม่ตกเรื่องนี้”

“ผมหละหลวมเอง แต่เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของคุณรุ้ง ผมก็เลยไม่ได้ตรวจสอบตั้งแต่แรก แม้ว่าจะเริ่มสงสัยในอะไรหลายๆ อย่าง แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้”

“ไม่ต้องคิดมากหรอก คิดเสียว่าไม่ช้าก็เร็ว เราก็ต้องได้รู้เรื่องนี้อยู่ดี”

“ครับพี่รุจ...”

“เอาน่า ยิ้มหน่อย ฉันไม่ได้โทษนายจริงๆ นะ” อติรุจปลอบ ก่อนจะกล่าวต่อ “ในเมื่อมันไม่ได้เป็นความลับ แต่เป็นเพราะเราไม่ได้สนใจจะมอง และอารดาเองก็ไม่ได้ทำตัวให้พวกเราคิดว่าควรระวังตั้งแต่แรก เพราะหล่อนเองก็ไม่คิดว่าตัวเองมีอะไรเกี่ยวข้องกับปฐพี ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไปก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอารดาจริงๆ นั่นแหละ”

ธนาดลพยักหน้ารับ “ผมพยายามจะมองเรื่องนี้ด้วยใจเป็นกลาง แต่ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องหนึ่งอยู่ดี”

“ไม่เข้าใจว่า?”

“ในเมื่อปฐพีเองก็อยากได้ที่ดินของคุณตาหัวดื้อเหมือนกัน พวกเขารู้จักเกี่ยวดองเป็นญาติกัน ปฐพีก็น่าจะเข้าหาคุณตาหัวดื้อได้ง่ายๆ แต่ทำไมถึงทำให้คุณตามนูญยอมขายที่ดินให้ไม่ได้ จนคุณตาถึงขั้นยื่นข้อเสนอพิลึกพิลั่นกับผม นี่ต่างหากที่ผมยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นกับดักหรือเปล่า”

อติรุจเข้าใจที่น้องชายระแวงสงสัยและระวังตัว แต่ครั้งนี้เขาคิดว่าอาจไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ได้

“บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนก็ได้ คุณตาหัวดื้อคนนั้นอาจจะแค่อยากให้หลานสาวของตัวเองได้สมหวัง แต่ก็อยากทดสอบนายไปด้วยในตัว อารมณ์ความสนุกของคนแก่เท่านั้น”

“ด้วยการพยายามจับคู่ผมกับอารดาเนี่ยนะ”

“ก็เหมือนกับที่แม่ของเราเคยพยายามจะจับคู่ให้ฉันกับลูกสาวของคุณมาลินีนั่นไง ตอนนั้นฉันก็ไม่เอาด้วยแน่ๆ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นจุดไต้ตำตอขึ้นมา แล้วมันก็ไม่เลวนัก” อติรุจยกเรื่องของตัวเองมาเป็นตัวอย่าง ก่อนจะถามน้องชายต่อ 

“แล้วคุณตาหัวดื้อมีข้อตกลงเพิ่มเติมอื่นอีกไหม”

“ไม่มีครับ แต่ให้เวลาตัดสินใจไม่เกินห้าวัน แล้วถ้าตกลงแล้ว แต่อยากยกเลิกกลางคัน หรือไม่สามารถอยู่ได้ตามข้อเสนอสามสัปดาห์ ทุกอย่างก็จะเป็นโมฆะทันที”

“ห้าวันเหรอ อืม ก็ดี งั้นฉันให้สิทธิ์การตัดสินใจกับนายเต็มที่ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่มันคือเดิมพันของนายเองด้วย ไม่ว่านายจะตัดสินใจอย่างไร ฉันในฐานะประธานบริษัทจะไม่ว่ากล่าวใดๆ”

“พี่รุจ...” ธนาดลรู้สึกขอบคุณพี่ชายที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ แต่คนเป็นพี่กลับบอกว่า

“แต่ว่าฉันขอเตือนนายหน่อยก็แล้วกัน อย่ามองแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบมากจนเกินไป บางครั้งเราก็ต้องปล่อยให้สัญชาตญาณและความรู้สึกนำทางบ้าง”

ธนาดลเข้าใจดีว่าพี่ชายหมายถึงอะไร แต่ถ้าเขาตัดสินใจพลาดขึ้นมา นั่นเท่ากับผลการลงทุนและผลกำไรจะหายไปเลย แล้วถึงแม้ว่าอติรุจจะออกตัวแล้วว่าจะไม่กล่าวโทษเขาในเรื่องนี้ แต่รับรองว่าคณะกรรมการบริษัทต้องอัดเขาเละในที่ประชุม แล้วเขาก็จะรู้สึกแย่มากๆ ด้วย

“ผมจะพยายามให้ดีที่สุด”

“ไม่ต้องพยายามจนทำให้ตัวเองไม่เป็นตัวของตัวเองล่ะ” อติรุจเตือนและแนะนำ “แต่เรื่องนี้จะว่าง่ายมันก็ง่าย จะว่ายากมันก็ยาก ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับนายล้วนๆ เรื่องนี้จะไปต่อได้แบบสวยๆ เลย ถ้านายกับคุณปุ๊กใจตรงกัน”

คำพูดของพี่ชายทำให้คนเป็นน้องถึงกับเบรกใส่ตัวโก่ง

“พอเลยพี่รุจ เธอไม่ใช่สเปกของผมสักหน่อย ทั้งพูดมาก ซุ่มซ่าม วุ่นวาย ตามตอแยตลอด ไม่ไหวจริงๆ”

ธนาดลเอ่ยข้อเสียของอารดามาเสียจนอติรุจอดขำไม่ได้ จากหัวข้อสนทนาที่เคร่งเครียดกลายเป็นหัวข้อสนทนาพาให้ขบขันไปแทน เพราะเขาเองก็เห็นเหมือนกันว่าอารดาเป็นแบบที่น้องชายว่ามาจริงๆ แต่ก็ใช่ว่ารติยาจะไม่เป็นอย่างนั้นเสียหน่อย 

ทั้งรติยาและอารดามีความเหมือนกันหลายอย่าง ยกเว้นหน้าตา แต่นิสัยใจคอก็คล้ายกัน เพียงแต่อารดาอาจจะพูดมาก ปากไวมากกว่า แล้วก็ช่างคุยมากกว่า แต่ในส่วนของความเป็นคนดี จิตใจดี เอื้อเฟื้อ โอบอ้อมอารี และจริงใจแล้ว ต้องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว

“นายไม่คิดหรือว่าที่เธอตามตอแยนาย ก็เพราะจริงจังกับความรู้สึกที่มีต่อนายจริงๆ”

“แต่ผมไม่ได้สนใจเธอแบบนั้น” ธนาดลบอกปัด

“ฉันว่าอารดาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่สักหน่อย แล้วถ้าดูจากพื้นฐานทางบ้านด้วย ก็ไม่ใช่ผู้หญิงตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่ใช่คนที่จะเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์เรื่องเงินทอง ถามจริงๆ นายไม่คิดจะสนใจเธอหน่อยเหรอ”

“เธอไม่ใช่สเปกผม” ธนาดลย้ำ

“ก็เข้าใจ เมื่อกี้ฉันบอกนายไปว่าเรื่องรูปร่างหน้าตา รุ้งอาจจะสวยน้อยกว่าคนอื่น แล้วก็ไม่ได้เป็นสเปกของฉัน แต่ฉันขอยืนยันคำเดิมนะไอ้ดล ความชอบมันไม่มีสูตรสำเร็จหรอก แค่เรารู้สึกว่าเวลาอยู่กับคนคนนี้แล้วสบายใจ รู้สึกมีความสุข แม้จะปวดหัวบ้างอะไรบ้าง แต่ทุกอย่างมันก็คือรสชาติของการได้ชอบพอใครสักคนหนึ่ง”

“แต่ผมยังไม่รู้สึกอย่างนั้นกับอารดาเลยสักนิด”

“แน่ใจเหรอ”

“แน่ใจ”

“งั้นก่อนที่นายจะไปให้คำตอบคนแก่หัวดื้อจอมวางแผนของเรา นายลองตรวจสอบความรู้สึกของตัวเองอีกสักครั้งก่อนจะเป็นไร ว่านายไม่ยอมรับอารดา เพียงเพราะเห็นแต่ข้อเสียของเธอเต็มไปหมด หรือความจริงแล้วเป็นเพราะนายพยายามมองหาแต่ข้อเสียเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกของตัวเอง จนลืมมองส่วนที่ดีๆ ของเธอไป...”

อติรุจกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้น้องชายคิด ก่อนจะตบบ่าอีกฝ่ายสองครั้งและลุกเดินจากไป เพราะสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คงมีแค่ช่วยเตือนสติเท่านั้น หลังจากนี้ทุกการตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับธนาดลเพียงผู้เดียว แล้วเขาก็คิดว่าคนฉลาดอย่างน้องชายเขาคงไม่สมองทึบ มองไม่เห็นสิ่งที่เขาบอก ถ้ายอมเปิดใจสักนิดคงได้เห็นอย่างที่เขาเห็นในตัวรติยา เพราะบางครั้งเพชรน้ำงามก็ไม่ได้อยู่บนบรรจุภัณฑ์ที่สวยหรู แต่อาจจะอยู่ในถุงกระดาษเล็กๆ ใบหนึ่งที่ไม่มีใครมองว่าน่าสนใจ แต่เพชรอย่างไรก็คือเพชร ต่อให้โดนอะไรหลอมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันไปได้

ฝ่ายอารดาหลังกลับมาจากบ้านของคุณตาและกลับไปที่บ้านของพ่อกับแม่แทนที่จะกลับคอนโดของตัวเอง เพราะคุณตาก็ฝากของมาให้พ่อกับแม่ด้วยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นพี่สาวสองคนก็เห็นความผิดปกติของน้องสาวเหมือนกัน ที่แอบถอนหายใจแล้วบางคราวก็ทำหน้าจ๋อยๆ ดังนั้นพอมื้ออาหารจบลง อรปวีร์กับอิงสรณ์ก็ลากน้องสาวไปคุยกันที่ห้องนอนของอรปวีร์ โดยทำทีเป็นบอกพ่อกับแม่ว่าซื้อชุดสวยมาแต่ใส่ไม่ได้เลยว่าจะยกให้อารดา พ่อกับแม่เห็นว่าเป็นเรื่องความสวยความงามของลูกสาวก็เลยไม่ได้สนใจอะไร

พอถึงห้องนอนของอรปวีร์ อารดาก็โดนพี่สาวคนโตซักแบบละเอียดชนิดที่น้ำยาซักผ้าขาวยังต้องชิดซ้าย แถมโกหกก็ไม่ได้ด้วย เพราะถ้าพี่สาวมารู้ทีหลังว่าหล่อนโกหกไม่ยอมบอกความจริง เป็นได้โดนดีแน่ ดีไม่ดี พ่อกับแม่ก็จะรู้ด้วย แล้วเมื่ออารดาเล่าจบ อรปวีร์ก็แทบจะปรี๊ดแตกแทนน้อง

“งั้นก็ไม่ต้องไปตกลงอะไรทั้งนั้น ในเมื่อเขาหักอกปุ๊กเอง ก็จบ!”

แต่อิงสรณ์ผู้เป็นพี่สาวคนรองกลับกระตุกแขนพี่สาวที่ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าเตียงให้ใจเย็นๆ เพราะสีหน้าน้องสาวเจื่อนเอามากๆ ดูท่าว่ารักครั้งนี้น้องสาวจะหวังไว้มากกว่าครั้งก่อนๆ

“พี่อิง...”

อรปวีร์มองหน้าอิงสรณ์แล้วมองไปยังอารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างไม่สบอารมณ์ หล่อนไม่ชอบให้ใครมาล้อเล่นกับหัวใจ โดยเฉพาะกับน้องสาวของตัวเองยิ่งยอมไม่ได้ แล้วดูยายน้องสาวตัวดีทำเข้า เทหมดหน้าตัก จีบเขาและจริงใจกับเขา แต่เขาไม่เล่นด้วยแถมยังเขี่ยทิ้งไม่ไยดี แบบนี้ใครจะไปยอมได้!

“ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ ปุ๊กก็หาแฟนใหม่ไปเลย ไม่ต้องไปง้อไอ้คนพรรค์นั้นหรอก”

“หาได้ง่ายๆ ก็ดีสิพี่อร” อารดาบอกเสียงอ่อย ทำหน้าเหมือนหมาหงอยไม่มีผิด 

อรปวีร์ถึงกับกลอกตามองบน ส่วนอิงสรณ์ส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามพี่สาวไม่ให้พูดอะไรที่เป็นการต่อว่าต่อขานผู้ชายอีก เพราะอย่างไรทางนั้นเขาก็ไม่ได้ให้ความหวังแล้วมาหักอก เขาก็บอกแต่แรกว่าเขาไม่สนใจ แต่น้องสาวของพวกหล่อนต่างหากที่เอาหัวใจไปเดิมพันเอง

“ปุ๊กชอบเขามากเหรอ” อรปวีร์อ่อนลงเล็กน้อย

“ก็...ค่ะ” คนเป็นน้องตอบเสียงอ่อย “ปุ๊กคิดว่าเจ้าแม่ประทานมาให้แล้ว คงจะลงเอยด้วยกันได้จริงๆ”

อรปวีร์ฟังแล้วก็ทั้งหงุดหงิดจนอยากจะร้องแว้กออกมา ทั้งอยากหายตัวไปโผล่ตรงหน้าไอ้ผู้ชายใจร้ายคนนั้นแล้วสับให้เป็นชิ้นๆ นัก แต่อิงสรณ์ส่ายหน้าห้ามไม่ให้พี่สาวองค์ลงไปมากกว่านี้ เพราะสงสารน้องสาว อีกอย่างตอนนี้แค่อารดาไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ตีโพยตีพายอะไรก็บุญนักหนาแล้ว

“ปุ๊กยังตัดใจจากเขาไม่ได้ใช่ไหม”  คราวนี้อิงสรณ์เป็นฝ่ายถามแทน

“ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นไปเที่ยวกันไหม ไปญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ หรือที่ไหนก็ได้ที่ปุ๊กอยากไป พี่จะไปเป็นเพื่อนปุ๊กเอง เราไปเที่ยวให้สบายใจ เผื่อเจออากาศดีๆ เจอผู้คนที่ไม่ใช่บรรยากาศเดิมๆ ปุ๊กจะได้ตัดใจได้แล้วก็จะได้รู้สึกดีขึ้น ดีไม่ดีอาจจะเจอผู้ชายหล่อๆ ดีๆ เจอเนื้อคู่จริงๆ รออยู่ที่ต่างประเทศก็ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่อิง ปุ๊กยังโอเคอยู่” หล่อนปฏิเสธ เพราะรู้ว่าพี่สาวงานยุ่งแค่ไหน 

“แต่พี่ว่าไม่โอเคนะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆ พี่อิง เดี๋ยวอีกวันสองวัน ปุ๊กก็ดีขึ้นแล้ว สบายมากค่ะ” อารดาบอกแล้วยิ้มให้พี่สาวสองคนที่ดูก็รู้ว่าฝืนแค่ไหน 

อรปวีร์กับอิงสรณ์มองหน้ากัน ก่อนที่อรปวีร์จะนั่งลงข้างๆ น้องสาวแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะอารดาอย่างเอ็นดูและเป็นห่วง ส่วนอิงสรณ์ก็ลูบไหล่น้องสาวเบาๆ บอกให้รู้ว่าทั้งสองคนเป็นห่วงอารดามากแค่ไหน แต่แค่นั้นก็ทำให้อารดาตื้นตันใจจนน้ำตาเกือบไหลเลยทีเดียว 

“ปุ๊กรักพี่อรกับพี่อิงที่สุดเลย” หญิงสาวหันไปกอดพี่สาวคนโตก่อนจะผละมากอดพี่สาวคนรอง ใบหน้าที่ดูจ๋อยมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างจากความอบอุ่นและห่วงใยที่ได้รับมา หล่อนโชคดีที่มีครอบครัวที่อบอุ่น มีทุกคนคอยเป็นกำลังใจให้ในวันที่ล้มหรือเสียใจแบบนี้ 

แล้วนี่ละคือความลับที่ทำให้หล่อนเข้มแข็ง เวลาโดนบอกเลิกหรืออกหักถึงทำใจได้เร็ว เพราะหล่อนคิดเสมอว่า ยังมีครอบครัวที่รักและมีเพื่อนที่เป็นห่วงเป็นใย หล่อนแค่ต้องใช้เวลาสักหน่อย แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปเหมือนที่เคยเป็นมา

 อารดาอยู่คุยกับพี่สาวทั้งสองคนอยู่พักใหญ่ แล้วอรปวีร์ก็มอบชุดสวยชุดหนึ่งให้หล่อนจริงๆ เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่สงสัย อีกอย่างชุดนี้หล่อนก็เพิ่งซื้อมาและใส่ไม่ได้จริงๆ ด้วย จากนั้นอารดาก็ขอตัวกลับคอนโด โดยพี่สาวทั้งสองคนย้ำว่าถ้ามีอะไรก็โทร. มาระบายได้ทุกเมื่อ

หญิงสาวได้แต่ยิ้มและกอดพี่สาวทั้งสองคน หัวใจตอนนี้ไม่ห่อเหี่ยวเหมือนเดิม   แต่บาดแผลอกหักก็ไม่ได้หายกันได้ง่ายๆ เพียงแค่รู้สึกมีแรงเหมือนได้ฟื้นฟูหัวใจไปแล้วส่วนหนึ่ง หล่อนจึงขับรถออกจากบ้าน

ทว่าแทนที่จะกลับไปคอนโดเลย อารดากลับไปนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่งในโรงแรม ที่เพื่อนของพี่สาวคนโตเป็นหุ้นส่วนอยู่ หล่อนเพิ่งสั่งเครื่องดื่มไป จู่ๆ ก็มีข้อความจากปฐพีผู้เป็นอาส่งมา ซึ่งปกติเวลามีอะไรทุกคนจะคุยกันในไลน์กลุ่มครอบครัว จะไม่แยกมาคุยกันเองแบบนี้ มีครั้งนี้ละที่ผิดปกติ

ปฐพี : อารู้เรื่องที่คุณตายื่นข้อเสนอให้ธนาดล และรู้เรื่องที่ปุ๊กจีบธนาดลแล้ว ปุ๊กเองก็น่าจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร อาส่งข้อความมาก็เพราะอยากให้ปุ๊กช่วยอาสักเรื่องหนึ่งได้ไหม

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : คุณอารู้เรื่องนี้ได้ยังไงคะ

อารดาพิมพ์ถามกลับไป มั่นใจว่าพี่สาวทั้งสองคนของหล่อนไม่ได้เป็นฝ่ายบอกปฐพีแน่ แล้วก็มั่นใจด้วยว่าคุณตาเองก็ไม่มีทางบอกปฐพีแน่นอน เพราะคุณตาไม่ค่อยชอบคุณอาสักเท่าไร

ปฐพี : มันเป็นเรื่องของธุรกิจ คนเราต้องมีเส้นสาย

ปฐพีบอกปัดไปอย่างนั้น แต่มีหรือที่อารดาจะเชื่อ 

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : แล้วคุณอาอยากให้ช่วยอะไรคะ

อารดาพิมพ์ตอบกลับไปแล้วก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี หล่อนไม่ได้สนิทกับคุณอา และไม่ค่อยชอบภรรยาของคุณอาเพราะทัศนคติติดลบ เห็นแต่ผลประโยชน์ แล้วก็ค่อนข้างหน้าเงินเกินไป แต่ที่ผ่านมาถือว่าพวกเขาไม่ได้มายุ่งหรือก้าวก่ายอะไรกับหล่อน ส่วนคอนโดหล่อนนั้นพ่อก็เป็นคนซื้อให้เพราะเห็นว่าเป็นธุรกิจของน้องชายและอยู่ในทำเลที่ดี เดินทางสะดวก ปลอดภัยไว้ใจได้ แต่พ่อช่วยจ่ายค่าคอนโดให้แค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือหล่อนต้องจ่ายเอง ตอนนี้ก็เลยยังผ่อนคุณอาอยู่ แต่ก็เป็นการผ่อนที่ไม่กระทบกับเงินเดือนสักเท่าไรด้วย 

ปฐพี : ถ้าปุ๊กตอบตกลงข้อเสนอของคุณตา ไปทดลองอยู่บ้านนั้นร่วมกับธนาดล อาอยากให้ปุ๊กทำไม่สำเร็จ อยู่ไม่ครบตามกติกาข้อตกลงที่คุณตาตั้งไว้ อาไม่ได้ขอให้ปุ๊กทำให้อาฟรีๆ แต่จะให้เปอร์เซ็นต์กับปุ๊กด้วย ห้าเปอร์เซ็นต์จากราคาขายที่ดินผืนนั้น 

อารดาคิดตามเร็วปรื๋อตามสเตปของสาวขี้งก แล้วก็จำได้แม่นตอนที่คุณตาบอกราคาขายกับธนาดล แล้วถ้าคุณตากล้าบอกธนาดลแบบนั้น กับคุณอาเองก็คงโดนด้วยไม่ต่างกัน หล่อนจึงคิดคำนวณอย่างรวดเร็วแล้วก็ได้คำตอบว่า...สี่ล้านเจ็ด!

เงินมันก็หอมหวานอยู่หรอก แต่.... 

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : ปุ๊กยังไม่ได้ตกลงอะไรกับคุณตาค่ะ

อารดาจงใจบอกปัดไปก่อน แต่มีหรือที่ปฐพีจะไม่ทันหลานสาว

ปฐพี : อารู้ว่าปุ๊กทำใจลำบาก แต่อาอยากให้เห็นแก่การเป็นครอบครัว เรื่องนี้อาไม่อยากให้พลาด เพราะฉะนั้นถือว่าอาขอร้อง แต่ถ้าปุ๊กลำบากใจ ปุ๊กก็ไม่ต้องรับข้อเสนอของคุณตาก็ได้ อายินดีให้ปุ๊กเลยห้าแสน

นั่นไง! พูดถึงผลประโยชน์อีกแล้ว คุณอาเป็นแบบนี้เสมอเลย

ปุ๊กไงจะใครล่ะ : ปุ๊กยังตอบอะไรให้ไม่ได้ในตอนนี้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะคุณอา

ปฐพี : งั้นอาจะให้เวลาปุ๊กตัดสินใจแล้วกัน อาไม่กวนแล้ว นี่ก็ดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ

ปฐพีทิ้งข้อความไว้อย่างนั้น ไม่มีแม้แต่คำราตรีสวัสดิ์ หรือคำที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยหลานสาวเลย ทั้งที่ถ้าแม่บ้านของคุณตาเป็นคนคาบข่าวไปบอก ก็น่าจะรู้เรื่องที่อารดาตามจีบธนาดลอยู่และมีแนวโน้มจะกินแห้วด้วย แต่คนเป็นอากลับไม่ได้แสดงความห่วงใยหรือปลอบใจใดๆ นอกจากถามเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วนๆ 

พอคิดมาถึงตรงนี้ จากที่ไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียวอะไรและออกจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว กลายเป็นโมโหปรี๊ดขึ้นมาทันที แล้วพอบาร์เทนเดอร์เอาค็อกเทลมาเสิร์ฟให้ หล่อนก็ยกขึ้นดื่มอึกใหญ่เป็นการดับโมโห ก่อนจะบอกบาร์เทนเดอร์ว่า

“จัดมาอีกแก้วเลย!”

อารดาดื่มจนเมามาย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่ได้สติ ผู้จัดการบาร์ที่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร จึงแจ้งไปที่เจ้าของบาร์ และฝ่ายนั้นจึงโทรศัพท์ไปบอกอรปวีร์อีกทีให้รู้ว่าหล่อนมานั่งเมาอยู่ที่นี่ อรปวีร์จึงได้ฝากให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยให้น้องสาว ฝากบาร์เทนเดอร์คอยเตือน หากเห็นว่าเมามากแล้วก็ให้ปฏิเสธการเสิร์ฟเครื่องดื่มไปได้เลย

จากนั้นอรปวีร์ส่งข้อความมาหาน้องสาว

อรปวีร์ : ยายปุ๊กอย่าเมาจนขับรถไม่ได้ ถ้ารู้ว่าไม่ไหวเรียกแท็กซี่กลับคอนโดนะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไปหิ้วกลับบ้านเอง ถ้ากลับถึงคอนโดแล้วก็ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปทำงาน พี่หาคนไปทำงานแทนให้ปุ๊กแล้วเรียบร้อย

อารดายิ้มกับข้อความของพี่สาว ไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดที่พี่สาวคอยตามดูอยู่ทุกฝีก้าว เพราะรู้ว่ามันคือความห่วงใยและทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น