4
บทที่ ๔ หมากเกมนี้
บทที่ ๔ หมากเกมนี้
เขมริกาผลักเอกสารตรงหน้าออกไปอย่างไม่ใยดี ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางบูดบึ้ง นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบริษัทหล่อนก็ต้องนั่งอ่านเอกสารกองพะเนินบนโต๊ะ ทุกอย่างล้วนเหมือนเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวในการบริหารงานของหล่อน
หกเดือนมาแล้วที่หญิงสาวเข้ามารับตำแหน่งประธานบริษัทเพราะไม่มีทางเลือก การเสียชีวิตอย่างกระทันหันของบิดาทำให้เขมริกาต้องมารับช่วงต่อ ตอนแรกหล่อนคิดว่า การบริหารงานโรงแรมคงไม่ยากนัก แต่ที่ไหนได้กลับมีปัญหาวุ่นวายสารพัด หญิงสาวยังอ่อนประสบการณ์แถมยังไปฟังคำแนะนำของกรรมการคนหนึ่งซึ่งไม่หวังดีต่อบริษัท แต่กว่าจะรู้ตัว ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ราคาค่าห้องที่ค่อนข้างแพงทำให้ห้องพักว่างเป็นบางส่วน แขกมักมาใช้บริการมากในวันหยุด นักขัตฤกษ์หรือ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่วันธรรมดา จำนวนแขกลดลงอย่างน่าใจหาย อีกทั้งเมื่อสองเดือนก่อน เกิดมีแขกจมน้ำทะเลเสียชีวิตทำให้ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่า ชายหาดด้านหน้าของโรงแรมอันตราย ยอดจองห้องจึงลดฮวบลง เมื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนทำให้ตกอยู่ในสภาวะขาดทุน
เขมริกาพยายามแก้ปัญหาด้วยการจัดโปรโมชั่นร่วมกับพวกบัตรเครดิตและการจัดบูทท่องเที่ยว แต่ยอดจองยังคงซบเซา พีอาร์ของบริษัทก็เป็นเด็กใหม่เหมือนๆ กับหล่อนจึงไม่ค่อยรู้ลู่ทางในการเพิ่มยอดขาย บริษัทจึงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุหลักอีกอย่างที่ทำให้เงินทุนร่อยหรอ คือ โครงการสร้างรีสอร์ทใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่บิดาได้เริ่มเอาไว้ การก่อสร้างดำเนินไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่มีปัญหาเรื่องฐานรากของตัวตึก ผลจากการคำนวณผิดพลาดของวิศวกร ทำให้ให้เสาด้านหนึ่งของตัวตึกทรุดตัวลง เจ้าหน้าที่ของราชการมีคำสั่งให้รื้อถอนในทันที เขมริกาปฏิเสธ เพราะกลัวว่า จะเสียเวลา อีกทั้งยังอาจทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย หล่อนจึงนำเงินจำนวนหนึ่งโป๊ะลงไปเพื่อแก้ปัญหา หญิงสาวต้องเสียเงินใต้โต๊ะเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดเดิม อีกทั้งยังต้องแก้ปัญหาเรื่องการก่อสร้างอีกด้วย ฐานะการเงินของบริษัทจึงฝืดเคืองมากขึ้นไปอีก
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาหล่อนเหมือนหมาที่ไล่งับหางตัวเอง ยิ่งแก้ก็ยิ่งถลำลึก สุดท้ายความเป็นคนขี้เบื่อและไม่สู้งาน หล่อนจึงคิดอยากจะขายกิจการ นอกจากโรงแรมแห่งนี้บิดายังมีสมบัติเป็นที่ดินในอีกหลายจังหวัด หากไม่มีโรงแรมหล่อนก็ยังสามารถกินบุญเก่าจากสมบัติเหล่านั้นได้
เขมริกาก็คือ ไม่อยากถูกโทษว่า บริหารงานพลาดทำให้โรงแรมต้องขาดทุนย่อยยับ หญิงสาวพยายามทำผลักภาระให้พ้นตัว หล่อนฝันอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทุกวันนี้ได้แต่นั่งอยู่ที่โต๊ะ รับโทรศัพท์รับฟังปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน
“นี่ไม่มีอะไรเจริญหู เจริญตาให้ฉันอ่านบ้างหรือปัทม์ วันๆ อ่านแต่เรื่องขาดทุน น่าเบื่อที่สุด” เขมริกาตวาดเสียงห้วน ปัทมาวดีซึ่งเป็นเลขาฯ ยืนหน้าสลดอยู่ ตลอดเดือนมานี้ต้องรองรับอารมณ์ผู้บริหาร บางครั้งเขมริกาก็จะอ่อนหวาน แต่หากไม่พอใจอะไรก็พร้อมจะอาละวาดใส่ทุกคนที่ขวางหน้า
“แต่มันเป็นเอกสารสำคัญนะคะ คุณมงคลให้เรียนคุณเข็มว่า มีหลายฉบับอยากให้คุณเข็มรีบอ่านและรีบตัดสินใจ”
“อ้าวทำไมเขาไปตัดสินใจไปเลยล่ะ ในเมื่อฉันมอบอำนาจทุกอย่างให้หมดแล้ว”
มงคลคือ ทนายความประจำบริษัท ทำงานตั้งแต่สมัยบิดาหล่อนยังอยู่ เขาอายุห้าสิบปลาย มีประสบการณ์ การที่บริษัทยังประคองตัวอยู่ได้ก็เพราะคนๆ นี้นั่นเองแต่คงอีกไม่นานเมื่อเงินหมุนเวียนหมดลง โรงแรมก็คงต้องปิด สิ่งที่เขมริกาตั้งใจก็คือ รีบขายกิจการออกไป เพื่อที่จะไม่ต้องลอยแพพนักงานซึ่งอาจเสี่ยงต่อการประท้วง
“คุณมงคลไม่กล้าค่ะ เพราะนี่คือ บริษัทของคุณเข็ม”
“นี่เธอจะมาย้ำให้มันได้อะไรขึ้นมาฮึ หรือ ว่า อยากถูกไล่ออกตอนนี้ ฉันบอกไว้ก่อนนะว่า ฉันไม่จ่ายเงินชดเชยให้แน่”
ปัทมาวดีก้มหน้า ไม่กล้าโต้แย้งกับหญิงสาวอีก เขมริกาเป็นคนขี้โมโห ยามถูกขัดใจบางทีอาละวาดเสียงดังลั่นขว้างปาข้าวของ หล่อนเป็นพนักงานเพียงคนเดียวที่ยังเข้าหน้าติด ขณะที่คนอื่นๆ พากันขยาด
“ขอโทษค่ะ ดิฉันแค่เป็นห่วง เอกสารแฟ้มบนสุดเกี่ยวกับเงินเดือนพนักงาน คุณมงคลบอกว่า เราอาจจะมีเงินไม่พอที่จะจ่ายเงินเดือนพนักงานเดือนต่อไป”
“ถึงขนาดนั้นเลยหรือ บริษัทเราไม่ได้จนอย่างนั้นสักหน่อ เงินในบัญชีก็ยังมีอยู่เยอะแยะ”
“แต่คุณมงคลบอกว่า....”
“เลิกยกเขาขึ้นมาอ้างเสียที ฉันแน่ใจนะว่า บริษัทเรายังยืนอยู่ได้ อย่างมากก็แค่จ่ายเงินเดือนช้าหน่อยจะเป็นไรไป ทุกคนก็มีกินมีใช้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
สำหรับเขมริกาแล้วทุกอย่างล้วนแต่เป็นเรื่องเล็ก สิ่งที่หล่อนแคร์คือ ความสะดวกสบายของตัวเองแต่สำหรับพนักงานกินเงินเดือนนั้นไม่เหมือนกัน หลายคนรอเงินเดือนเอาไปจุนเจือครอบครัว ทั้งผ่อนรถ จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ตอนที่ทราบว่า ฐานะบริษัทเริ่มง่อนแง่น พนักงานหลายคนก็ร่ำๆ ว่า จะลาออก แต่พอโดนขู่ว่า งานหายาก แถมถ้าชิงลาออก เขมริกาจะไม่จ่ายเงินชดเชยให้ก็พากันกลัว ปัทมาวดีเองก็ไม่
กล้า หล่อนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกต้องดูแล ที่ต้องฝืนทำงานก็เพราะต้องการรายได้ อีกทั้งหล่อนยังเห็นแก่คุณพชร สมัยท่านยังอยู่ เอ็นดูหล่อนเป็นอย่างมาก
“ไม่ใช่นะคะ ถ้าคุณเข็มไม่จ่ายเงินเดือน ดิฉันกลัวว่า พนักงานจะนัดหยุดงาน”
“หยุดก็ดี จะได้ไล่ออกให้หมดๆ ฉันเบื่อจะแย่อยู่แล้ว เดี๋ยวคนนี้ขู่ฟ้อง เดี๋ยวคนนี้ขู่ว่า จะออก เห็นฉันเป็นอะไร คิดจะข่มยังไงก็ได้งั้นหรือ”
“แต่คุณเข็มคะ”
“พอได้แล้วปัทม์ เคยมีคนบอกไหมว่า เธอนี่มันน่าเบื่อที่สุด พูดอะไรซ้ำๆ เหมือนนกแก้วนกขุนทอง ฉันฟังจนจะท่องได้อยู่แล้ว ไม่รู้ล่ะ ฉันปวดหัว ขอไปว่ายน้ำเล่นสักหน่อย ห้องพูดวิลล่ายังว่างอยู่ใช่ไหม”
เขมริกาหมายถึง ห้องพูลวิลล่าที่หรูที่สุดเพราะเป็นวิวบนเขา มองลงมาจะเห็นทะเลเป็นแนวกว้าง สระว่ายน้ำเป็นแบบพานอรามา มองเห็นทะเลยาวสุดลูกหูลูกตา ยิ่งยามพระอาทิตย์ตก วิวจะสวยมาก แถมยังมีจากุชชี่อยู่นอกระเบียงไม้ ห้องพักนี้เคยมีนิตยสารมาขอใช้เป็นสถานที่ถ่ายแบบหลายต่อหลายครั้ง และถือเป็นห้องพักที่แพงที่สุดในโรงแรมอีกด้วย แต่หลังจากเศรษฐกิจซบเซา ยอดจองก็มีมาประปราย เขมริกามักจะชอบไปว่ายน้ำในห้องพักอยู่เสมอ
“เอ่อ...วันนี้เพิ่งมีแขกมาพักค่ะ คนขับรถกอล์ฟเพิ่งขึ้นไปส่งเมื่อครู่นี้เอง”
“คนไทยหรือต่างชาติ” ผู้บริหารสาวตาโต ราคาห้องพักพูลวิลล่าแห่งนี้แพงกว่าห้องอื่นถึงสามเท่าตัวเลยทีเดียว นั่นก็เพราะห้องกว้างกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีสระว่ายน้ำ จากุชชี่ ห้องสตีมและพื้นที่ส่วนครัว
“ลูกครึ่งค่ะ เห็นว่า เป็นนักธุรกิจ”
“อายุเยอะหรือยัง”
“ฝ่ายต้อนรับแจ้งว่า อายุสามสิบกว่าค่ะ หล่อมาก”
เขมริกาชะงัก หล่อนเป็นผู้หญิงขี้เหงา สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศก็เปลี่ยนคู่ควงมาแทบทุกชาติ ครั้นมาอยู่เมืองไทยก็มีแฟนเป็นคนไทย เขมริกาเคยคิดว่า จะฝากอนาคตเอาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ที่หวังเพียงแค่เงิน หญิงสาวอกหักและเสียค่าโง่ให้แฟนไปเป็นล้านๆ หล่อนจึงเข็ดยังไม่ยอมคบใครอีก
“เชื่อได้หรือ พวกพนักงานก็พูดไปเรื่อย เห็นลูกครึ่งก็บอกว่า หล่อไปหมด ครั้งก่อนบอกว่า หล่อไปถึงก็หมูตอนดีๆ นี่เอง พุงพลุ้ยจนเหมือนมีห่วงยางรอบเอว แถมยังสูบบุหรี่จนเหม็นคลุ้งไปทั้งห้อง”
“คนนี้ไม่เหมือนคนอื่นค่ะ เห็นว่า หล่อมาก เหมือนนายแบบ แม่บ้านกรี๊ดกร๊าดกันใหญ๋”
“น่าสนใจนะ นานๆ จะมีคนหน้าตาดีมาพัก ฉันคงต้องไปดูให้เห็นกับตาสักหน่อย”
“คุณเข็มจะไปต้อนรับแขกเองเลยหรือคะ”
เขมริกายิ้มอย่างมีเลศนัย หล่อนหันไปหาปัทมาวดี
“ก็แน่สิ อุตส่าห์มีแขกมาพักห้องพูลวิลล่าของเราทั้งที จะไม่ออกไปต้อนรับก็ดูกะไรอยู่”
“แต่ดิฉันว่า...”
“ขืนพูดอีกคำ ฉันว่า เธอคงไม่ได้ทำงานต่อถึงสิ้นเดือนแน่ ฉันพูดจริงนะ เรื่องไม่จ่ายเงินชดเชย หรือจะลอง”
ปัทมาวดีก้มหน้า เอ่ยเสียงอ่อย
“ดิฉันขอโทษค่ะคุณเข็ม แล้วแต่คุณเข็มเถอะค่ะ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว เดี๋ยวช่วยโทรไปบอกคนของเราให้ยกไวน์ไปเสิร์ฟที่ห้องวิลล่าด้านบนด้วย”
“คุณเข็มจะให้แจ้งแขกว่า ยังไงคะ”
“ก็บอกว่า เป็นของขวัญจากฉันซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมยังไงล่ะ แล้วเดี๋ยวมีโอกาสเหมาะๆ ฉันจะแวะไปทักทายเขาที่ห้องเอง ขืนผลีผลามขึ้นไปตอนนี้เสียฟอร์มตายเลย”
“แล้วเรื่องทีมของบูลเวฟจะมาประชุมวันพรุ่งนี้ละคะ คุณเข็มจะไปต้อนรับเองหรือเปล่า”ปัทมาวดีถามถึง แขกชุดใหญ่ที่จองห้องสำหรับจัดประชุม ซึ่งถือเป็นรายได้สำคัญของโรงแรมเลยทีเดียว
“เรื่องนั้นเธอจัดการไปตามสมควรเถอะ”
“แต่มาดามอุ๊จะมาเองเลยนะคะ”
“จะใครก็ช่างเถอะ บอกไปว่า ฉันไม่ว่าง มีนัดสำคัญมาก เผลอๆ อาจจะนานเป็นอาทิตย์ ถ้าลูกค้าคนนี้ถูกใจ”
“คุณกริซบอกว่า อยู่ที่ไหนนะครับ”
เดร็กมองภาพหน้าจอเฟสไทม์แล้วถามย้ำอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ แต่พอมองไปรอบๆ ก็มั่นใจว่า น่าจะเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
“เซ้าท์เฮเว่น ห้องพูลวิลล่า สวยใช่ไหม”
ห้องพูลวิลล่านี้ถือ เป็นห้องพักแพงที่สุดของโรงแรมเลยทีเดียว ตั้งอยู่บนแหลม วิลล่าแต่ละแห่งนั้นสร้างลดหลั่นกันลงมาจากภูเขา บริเวณห้องพักกว้างขวาง มีห้องนอนห้องนั่งเล่น อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำ จากุชชี่นอกห้องรวมถึงศาลานั่งเล่น แขกที่มาพักสามารถใช้พื้นที่ต่างๆ ของห้องในการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ส่วนที่ทำให้ที่นี่ราวกับสวรรค์บนดินเหมือนชื่อโรงแรมคงเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว ขนาดห้าคูณสิบสองเมตรนั่นเอง เพราะทันทีที่ว่ายน้ำไปจนชนฝั่งหนึ่งก็จะมองเห็นสีฟ้าของท้องทะเลอันดามันอวดความงามอยู่ตรงหน้า ทำให้ที่นี่เปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน
“ไหนคุณกริซบอกว่า จะพักผ่อนก่อนยังไงละครับ ไหงรีบไปทำงานเสียแล้ว”
“ใครบอกนายว่า ทำงาน ฉันแค่เปลี่ยนที่นอนเล่นต่างหาก โรงแรมที่นี่มีสปาด้วยนะ ฉันว่า จะไปลองนอนให้นวดพรุ่งนี้”
“แล้วคืนนี้ละครับ ไม่ออกไปหาสาวที่ไหนหรือ”
“ไม่ล่ะ ฉันคิดว่า ฉันมีนัด”
“นัด”
เดร็กพึมพำกับโทรศัพท์ ธณริศแพนกล้องจากโทรศัพท์มือถือไปยังขวดไวน์ที่ตั้งอยู่ริมสระน้ำ พนักงานเพิ่งนำมาให้เขาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี่เอง ข้างขวดมีการ์ดเล็กๆ ติดอยู่เป็นข้อความขอบคุณจากเจ้าของโรงแรม เขามั่นใจว่า ไม่ใช่อภินันทนาการที่มอบให้แขกทุกคน ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน
ทันทีที่เข้ามาในโรงแรมชายหนุ่มก็โปรยเสน่ห์ไปทั่ว เขาทำท่าเฟิร์ตกับพนักงานต้อนรับ รวมถึงทิปหนักๆ ให้กับแม่บ้านและคนขับรถที่มาขึ้นมาส่งเพื่อดึงดูดความสนใจ ข่าวนี้คงรู้ไปถึงหูเขมริกาไม่ช้าและก็เป็นจริงอย่างที่คาด เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีบรรณาการส่งมาให้ถึงห้อง เขาแน่ใจว่า อีกไม่นานหล่อนจะขึ้นมาพบด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็แค่รอเวลาเท่านั้น
“คุณกริซได้เจอกับคุณเขมริกาแล้วหรือครับ”
ธณริศหัวเราะแกล้งแซวเดร็ก เขาไม่เคยบอกว่า เจ้าของโรงแรมชื่ออะไร แต่ผู้ช่วยหนุ่มก็ยังรู้
“ว่าแต่ฉัน นี่ขนาดนายยังไม่ได้กลับมาเริ่มงานก็รู้แล้วหรือว่า เจ้าของโรงแรมชื่ออะไร”
ธณริศแซวลูกน้อง เขาถูกใจเดร็กก็เรื่องนี้ ชายหนุ่มเอาจริงเอาจังกับงาน แม้จะอยู่ในช่วงพักก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หาข้อมูลบริษัทเป้าหมาย
“ผมก็ต้องรู้ไว้บ้างสิครับ สรุปว่า คุณเขมริกาเป็นยังไง สวยไหม”
“เห็นแต่ในรูปนะ แต่ยังไม่เจอตัวจริง แต่คิดว่า เร็วๆ นี้ล่ะ เธอคงแวะมาต้อนรับฉันแน่ๆ และบางทีเราจะได้ใช้เวลานั่งคุยกัน”
“หวังว่า แค่คุยนะครับ คงไม่มีอย่างอื่น” เดร็กดักคอเจ้านาย ธณริศหัวเราะเสียงดังลั่น
“นายนี่ชักจะรู้มากเกินไปแล้วนะ ประเดี๋ยวสั่งพักงานยาวเลยเป็นไง”
“คุณกริซจะทนลูกน้องคนอื่นได้หรือครับ”
เดร็กพูดถูก เขาถูกใจลูกน้องคนนี้ที่สุด ตลอดหลายปีที่ทำงานด้วยกันเดร็กไม่เคยทำให้ผิดหวัง ชายหนุ่มไม่เซ้าซี้ แถมยังเอาจริงเอาจังกับงาน ไม่ใช่พวกประจบสอพลอและไม่ยุ่งเรื่องเจ้านาย
“จริงของนาย “
“ยังไงเสียก็ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุขนะครับ ผมขอเวลาสักสี่วันแล้วจะรีบกลับไปทำงานทันที ไว้พบกันนะครับ”
ธณริศกดวางสาย เขาอดคิดถึงคำพูดสองแง่สองง่ามของผู้ช่วยหนุ่มไม่ได้ ปกติเขาไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานมาปนกัน หรือว่า คราวนี้เขาควรจะลองหาอะไรทำสนุกๆ เล่นแก้เบื่อ น่าแปลกที่พอคิดถึงเรื่องสนุกๆ สมองกลับผุดภาพของเด็กสาวคนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ป่านนี้หล่อนจะทำอะไรอยู่กันแน่ หวังว่า คงไม่ไปเที่ยวผับและขึ้นไปไลฟ์สดอีกหรอกนะ ชายหนุ่มสั่นศีรษะ ก่นด่าตัวเอง หญิงสาวจะทำอะไร
แผลงๆ หรือเปล่าก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องสนใจ เพราะตอนนี้เส้นทางของเขากับหล่อนคงไม่มีวันมาบรรจบกันอีก...
สายตาของธณริศเลื่อนไปตามเรือนร่างของเจ้าของรีสอร์ทสาวสวย เขาเดาไว้ไม่มีผิดว่า หล่อนจะต้องมาเคาะประตูห้อง เขมริกามาช้ากว่าที่คิดเอาไว้ถึงหนึ่งชั่วโมง จากประสบการณ์ที่รู้จากคู่ควงหลายต่อหลายคนทำให้เดาได้ว่า หล่อนน่าจะถ่วงเวลาเพื่อให้เขารู้สึกว่า นี่ไม่ใช่แผน แต่เป็นการเคาะประตูทักทายแขกวีไอพีตามปกติเท่านั้น
“คุณเอ่อ...”
“ดิฉันเขมริกาค่ะ เป็นผู้บริหารของที่นี่ สะดวกที่จะให้ดิฉันเข้าไปหรือเปล่าคะ”
“เชิญครับ”
ชายหนุ่มถือโอกาสนั้นสำรวจคนตรงหน้า เขายอมรับว่า ภาพถ่ายในอินเทอร์เน็ตกับตัวจริงของเขมริกาแตกต่างกัน อาจเป็นเพราะหล่อนดูมีจริตมากกว่า รอยยิ้มที่ถูกส่งผ่านนัยน์ตาคู่นั้นหวานฉ่ำ ยิ่งเห็นหล่อนมองมา ธณริศก็อดรู้สึกภูมิใจในความหล่อเหลาของตัวเอง ผิวของเขาคล้ำแดดเพราะชอบเล่นกีฬากลางแจ้งเป็นประจำ กล้ามเนื้อตรงช่วงหัวไหล่และท่อนแขนก็ได้มาเพราะใช้เวลาในฟิตเนสไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง หน้าท้องแบนราบเพราะซิตอัพวันละสองร้อยครั้งเป็นประจำตั้งแต่สมัยอยู่ไฮสคูล เคยมีคนมาทาบทามให้ชายหนุ่มไปเป็นนายแบบแต่เขาไม่สนใจ อุปสรรคเดียวตอนนี้ก็คือ ใบหน้าที่รกรื้นไปด้วยหนวดเคราต่างหากที่ลดทอนความหล่อลง แต่ธณริศยังไม่คิดจะโกนมันออก เพราะชอบความรู้สึกดิบเถื่อน คู่ขาหลายคนบอกว่า จั๊กจี้ดี
“ดิฉันแค่จะแวะมาถามว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม คุณเอ่อ...เป็นแขกวีไอพีของเรา”
น้ำเสียงของเขมริกาตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่นั่นอาจเป็นเพราะความตื่นเต้น หรือไม่ก็เป็นเพราะหล่อนมัวแต่จ้องซิกแพคของเขา ธณริศแต่งกายไม่เรียบร้อยนัก เขาสวมชุดว่ายน้ำ และสวมแค่เสื้อคลุมที่ไม่ได้ผูกเชือก จึงเผยเห็นแผงอกแน่นตึง ขนอ่อนที่เรียงตัวสวยลงไปจนถึงหน้าท้องก่อนจะหายลับเข้าไปในขอบกางเกง คู่ขาหลายคนต่างลงความเห็นว่า เขาเซ็กซี่มากแถมเรื่องบนเตียงก็เก่งเหนือคนอื่นๆ
“ห้องพักที่นี่สุดยอดมากๆ ครับ ถ้าไม่ติดว่า ผมบังเอิญมีธุระต้องไปทำต่อ ผมคงจะอยู่ที่นี่สักอาทิตย์”
ตามกำหนดธณริศจองห้องพักไว้ทั้งหมดสามคืนด้วยกัน นั่นเพราะเขาคิดว่า เวลาเท่านี้เพียงพอแล้วสำหรับการสำรวจพื้นที่โดยรอบ เขาตั้งใจว่า คืนนี้จะลงไปสำรวจพื้นที่ส่วนกลางที่เรียกว่า พูลคลับ ตรงนั้นมี ห้องอาหาร ฟิตเนส และห้องทำสันทานาการต่างๆ เขาต้องรีบเก็บข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างเพื่อเตรียมการปรับปรุง ก่อนดำเนินการขั้นตอนถัดไป
“ดีใจที่คุณชอบห้องพักของเรานะคะ ห้องที่คุณอยู่ตอนนี้ คือ วิวดีที่สุด ตอนเย็นเวลาพระอาทิตย์ตกดินที่นี่จะเหมือนสวรรค์”
“จริงครับ เหมือนสวรรค์ แถมยังมีนางฟ้าบนดินอีกด้วยนะครับ”
เขาจงใจหยอด ผลก็คือ เขมริกายิ้มหวาน ปั้นหน้าเอียงอาย
“คุณปากหวานจังเลยนะคะ แล้วนี่มาคนเดียวหรือคะ หรือว่า แฟนคุณจะตามมาทีหลัง” หญิงสาวโต้
“ผมยังไม่มีแฟนครับ คงจะทำแต่งงาน ก็เลยไม่มีเวลาคบใคร”
“จะให้ฉันเชื่อหรือคะว่า หนุ่มหล่ออย่างคุณยังโสด”
“ก็คงเป็นอย่างนั้นละครับ ผมโสด แล้วก็เหงามากเสียด้วย”
ธณริศป้อคำหวานไปเช่นเดิม เขาสังเกตว่า เขมริกายิ้มหวานกว่าเดิม หล่อนแต่งตัวด้วยชุดเดรสผ้าเนื้อบางพลิ้ว ยามลมพัดก็แนบเนื้อจนเห็นถึงทรวงทรงองค์เอวอย่างเด่นชัด เจ้าของโรงแรมสาว เป็นคนแต่งตัวเก่ง ทุกอย่างที่หล่อนเลือกใช้ล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนมแทบทั้งสิ้น ส่วนเครื่องประดับ มีแหวนทับทิมน้ำงาม รวมถึงต่างหูเข้าชุด ธณริศจำได้ว่า หล่อนเพิ่งจะโพสต์ลงอินสตารแกรมเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี่เอง ขนาดบริษัทขาดทุนขนาดนี้ หญิงสาวยังกล้าใช้เงินซื้อเครื่องประดับ นั่นแสดงว่า เขมริกาไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเลยแม้แต่น้อย มิสเตอร์ไบรอันเคยบอกว่า หล่อนต้องการขายโรงแรมเพราะคิดว่า มันเป็นภาระนั่นเอง
“คุณกำลังขายขนมจีบฉันอยู่หรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ผมคงไม่กล้า คุณทั้งสวย และก็รวยมาก”
“คุณก็รวยมากไม่ใช่หรือคะ เพราะคุณคือ คนของบริษัทดีคิงส์”
ธณริศชะงักแต่เพียงครู่เดียวก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ไม่บ่อยนักที่บริษัทที่เขากำลังจะเทคโอเวอร์รู้ทัน แต่สำหรับธณริศแล้วการที่อีกฝ่ายรู้ กลับทำให้เกมนี้สนุกมากยิ่งขึ้น เหมือนการเล่นหมากรุกกับคู่เล่นที่สูสี ก็ทำให้อะดินารีนในเลือดสูบฉีดวิ่งพล่าน
“คุณจับผมได้แล้ว” เขาแสร้งพูดเป็นภาษาอังกฤษ เขมริกาหัวเราะร่วน หล่อนเอ่ยขึ้น
“เราไปนั่งคุยกันข้างในได้ไหมคะ ฉันว่า เราคงมีเรื่องคุยกันอีกยาว”
“ด้วยความยินดีครับ”
ชายหนุ่มผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้เขมริกาเข้าไปในห้อง เขาพาหล่อนไปยังจุดชมวิวที่ดีที่สุด โชคดีที่ตอนนี้แดดเริ่มราแสงลงแล้ว อากาศจึงกำลังเย็นสบาย เมื่อผนวกกับลมเย็นที่พัดมาจากทะเล แม้จะหอบไอเค็มมาด้วยแต่สำหรับคนที่ทำงานมาตลอดหลายเดือนแล้วก็ถือว่า เป็นการพักผ่อนที่ดีมาก หญิงสาวหย่อนตัวลงตรงเก้าอี้ในศาลา ขณะที่ธณริศเริ่มผูกมิตรโดยการเดินไปหยิบแก้วรินไวน์มาส่งให้
“คุณชวนฉันดื่มไวน์หรือคะ”
หญิงสาวแหย่เล่น ธณริศคลี่ยิ้ม
“ไวน์ดีๆ อย่างนี้ดื่มคนเดียวเสียดายแย่ เอาไว้มีโอกาสผมขอเลี้ยงคุณเป็นการตอบแทน เริ่มจากเย็นนี้เป็นไง”
“ฉันล้อเล่นค่ะ แต่ความจริงก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน หลังจากที่เราเจรจาธุรกิจเสร็จแล้ว”
ธณริศประเมินหญิงสาวตรงหน้าผิดไป หล่อนไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินที่ไร้สมอง บางทีอาจเป็นเพราะเขมริกาไม่มีประสบการณ์ในการบริหารจึงทำให้เธอก้าวพลาดอันส่งผลต่อการขาดทุนของบริษัท
“คุณเป็นคนตรงดีนะ ผมชอบ”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันว่า เราควรจะเปิดอกคุยกัน ถ้าหากคุณมาที่นี่เพราะต้องการเทคโอเวอร์เซ้าท์เฮเว่นของเราละก็ ฉันมีข้อแม้สำคัญที่อยากจะขอ...”
“แม่ออกไปไหนตั้งแต่เช้า นี่มันวันหยุดไม่ใช่หรือ”
พิมพ์ภิดารีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน แต่ก็คลาดกับมารดาไปเพียงนิดเดียว หล่อนได้ยินเสียงรถแล่นออกจากบ้าน ป้าชื่นยืนตีหน้าเศร้าอยู่ตรงห้องรับแขก
“คุณผู้หญิงไปประชุมค่ะ”
“สั่งไว้ไหมว่า จะกลับกี่โมง”
เมื่อวานนี้ทั้งวันพิมพ์ภิดาพยายามโทรเข้ามือถือ แต่ท่านปิดโทรศัพท์ตลอดทั้งวัน แถมยังไม่ยอมอ่านข้อความที่หล่อนส่งไปทั้งทางโปรแกรมไลน์หรือผ่านเฟสบุ๊ค ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ ขนาดหล่อนลงทุนทำเรื่องน่าอายแต่แม่ก็ยังไม่สนใจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนสอบถามจาก’สาย’ของตน แล้วพบว่า มีประชุมที่บริษัทตั้งแต่เช้าจรดเย็น
“คุณผู้หญิงบอกว่า คืนนี้ไม่กลับบ้าน ท่านจะไปค้างต่างจังหวัด”
“อะไรนะ นี่แม่จะไม่ยอมคุยกับเพลินเลยใช่ไหม”
หญิงสาวพ้อ ขอบตาร้อนผ่าว บ่อยครั้งที่หล่อนอยากให้ครอบครัวเป็นเหมือนสู่ขวัญ รายนั้นลงกลับบ้านผิดเวลาหน่อย มีหวังต้องโดนซักฟอกกันยาว แต่สำหรับหล่อน ถึงจะไม่กลับบ้าน บางทีมารดาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ คนเดียวที่เป็นทุกข์ยามหล่อนกลับบ้านผิดเวลาก็คือ ป้าชื่นนั่นเอง
“ใจเย็นๆ นะคะคุณหนู คุณผู้หญิงบอกว่า การประชุมครั้งนี้สำคัญมาก ท่านจำเป็นต้องไป”
พิมพ์ภิดาสะบัดมือที่เกาะกุมออก หล่อนโต้เสียงห้วน
“ทำไมป้าชื่นต้องแก้ตัวแทนแม่อยู่เรื่อย ก็เห็นอยู่ว่า แม่ไม่สนใจเพลินเลย”
“อย่าโวยวายไปเลยนะคะคุณหนู เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ไหนๆ คุณหนูก็สอบเสร็จ เราออกไปดูหนังสักเรื่อง แล้วก็ไปเดินชอบปิงต่อ”
“ไม่...เพลินไม่ไป”
“หรือว่า เราจะไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะกันดี ไปโยนโบว์ลิ่งกันก็ได้นะคะ ทำอะไรก็ได้ที่คุณหนูชอบ” ป้าชื่นพยายามชักชวนให้พิมพ์ภิดาทำสิ่งที่ชอบ แต่หญิงสาวหน้าบูดสนิท
“เพลินไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่มีอารมณ์”
“คุณหนูคะ”
“ป้าชื่นทราบไหมคะว่า แม่ไปประชุมที่ไหน”
“เอ่อ... ไม่ทราบค่ะ คุณผู้หญิงไม่ได้สั่งไว้” ใบหน้าหม่นเศร้า ผนวกกับตาที่หลุบลงอย่างมีพิรุธทำให้พิมพ์ภิดารู้ได้ทันทีว่า มารดาโกหก
“ป้าชื่นแน่ใจนะคะ ไม่ใช่ว่า รู้แต่ไม่ยอมบอก เพลินโกรธจริงๆ ด้วย”
ป้าชื่นเอื้อมมือมาแตะ รั้งหัวไหล่หญิงสาวเข้าหาตัว
“ป้าจะทำอย่างนั้นทำไมละคะ เอาอย่างนี้ดีไหมคะคุณหนู เราเข้าไปหาอะไรทำในครัวกัน คุณหนูไม่ได้ทำกับข้าวนานแล้วนะคะ หรือว่า จะทำขนมกันดี เค้ก หรือคุกกี้ก็ได้”
“เพลินไม่อยากทำ”
“อ้อ ป้าชื่นจะทำลูกตาลแช่อิ่มให้กินดีไหมคะ วันนี้มีคนเอาลูกตาลมาขาย ป้าเพิ่งจะเอาเข้าตู้เย็น”
พิมพ์ภิดาเบี่ยงตัวหลบออกจากอ้อมกอด
“เพลินขอโทษนะคะ เพลินไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น เพลินขอตัวขึ้นห้องก่อนดีกว่า”
“เอางั้นหรือคะ”
“ใช่ค่ะถ้าไม่จำเป็น ป้าชื่นไม่ต้องขึ้นไปกวนนะคะ ถ้ามีอะไรเพลินจะลงมาเรียกเอง เพลินอยากนอนพัก”
“ก็ได้ค่ะ งั้นป้าทำอาหารเที่ยงไว้รอนะคะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ อะไรก็ได้”
“ป้าชื่นพยักหน้า เดินเข้าไปในครัว พิมพ์ภิดารีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้าน หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะนอนอย่างที่แก้ตัว หญิงสาวรีบกดติดต่อหาใครบางคนก่อนจะกรอกเสียงไปตามสายว่า
“รู้ไหมว่า แม่มีประชุมที่ไหน บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
ปลายสายเอ่ยชื่อ จังหวัดที่อยู่ภาคใต้ของประเทศไทย พิมพ์ภิดากดวางสาย แค่นเสียงเครือด้วยความน้อยใจ
“คิดว่า หนีไปภูเก็ตแล้วหนูจะตามไปไม่ได้งั้นหรือ คอยดูนะแม่ เพลินจะทำให้แม่ยอมหยุดฟังเพลินให้ได้”
ทันทีที่เครื่องบินแตะรันเวย์พิมพ์ภิดาก็รีบยกกระเป๋าเดินทางของหล่อนลงจากที่เก็บ หล่อนเลือกที่จะไม่โหลดสัมภาระนั่นก็เพราะความร้อนใจ เมื่อรู้ว่า มารดามาประชุมกับบริษัทที่ภูเก็ต หญิง
สาวก็รีบจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่งในทันที หล่อนมาถึงสนามบินในเวลาเฉียดฉิว ระหว่างที่นั่งในแท็กซี่ก็กดจองห้องพักผ่านทางเว็บไซด์โรงแรม
อาจเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นอีกทั้งราคาห้องพักที่แพงกว่าปกติ จึงยังมีห้องว่าง หญิงสาวโทรถามพนักงานเพื่อสอบถามว่า ทีมของบริษัทบูลเวฟจะพักอยู่ที่ไหน หล่อนจงใจเลือกห้องพักที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของมารดานัก พิมพ์ภิดาเดาว่า ท่านน่าจะเลือกพักในพูลวิลล่าสุดหรูของโรงแรม
จากข้อมูลในอินเทอร์เน็ตทำให้ทราบว่า ห้องพักแบบนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นสี่ห้อง น่าเสียดายที่ห้องวิวดีที่สุดถูกจับของไปเรียบร้อยแล้ว พนักงานแจ้งว่า ห้องยังไม่ว่างจนกว่าจะอีกสี่วันข้างหน้า แม้จะไม่ได้ห้องที่เล็งเอาไว้ แต่พิมพ์ภิดาก็ไม่สนใจ หล่อนแค่ต้องการพบแม่เท่านั้น ท่านคงแปลกใจที่รู้ว่า หล่อนติดตามมาด้วย
ภายในกระเป๋าเดินทางขนาดยี่สิบนิ้วมีเพียงเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น แต่สิ่งที่พิมพ์ภิดาต้องทำตอนนี้คือ วางแผนดีๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ครั้งก่อนนั้นหล่อนถูกเลขาฯ รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยโยนออกจากบริษัท คราวนี้หล่อนจะไม่พลาดแบบเดิมอีก น่าเสียดายที่นายหน้าหนวดอยู่กรุงเทพฯ ไม่เช่นนั้นหล่อนอาจจะยืมมือเขาเพื่อยั่วโมโหแม่
หญิงสาวอยู่บนรถจ้างที่เรียกจากสนามบิน รถแล่นเข้าสู่พื้นที่ของโรงแรม เมื่อมองวิวทิวทัศน์โดยรอบ ภาพของโรงแรมที่เป็นพูลวิลล่าทั้งหมด แต่ละหลังเรียงรายลดหลั่นกันลงไปตามเนินเขา แต่ละหลังเป็นสไตล์ทรอปปิคอล เรียบแต่หรู ทำให้ที่นี่เปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน พิมพ์ภิดาเข้าไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์ของโรงแรม หลังจากนั้นก็มีรถขึ้นไปส่ง หญิงสาวสวมแว่นดำแต่งหน้าจัดเพื่อปิดบังใบหน้าที่แท้จริง
พนักงานพาหล่อนขึ้นไปบนทางขวดเคี้ยวของเนินเขา มองไปทางไหนมีแต่ต้นไม้เขียวเต็มไปหมด หล่อนแอบเห็นพนักงานส่วนหนึ่งพาแขกไปส่งที่ห้องประชุม จากป้ายที่ติดออยู่หน้าห้องประชุมในพื้นที่ส่วนกลางทำให้รู้ว่า คงมีการประชุมของบริษัทจะจัดขึ้นที่ส่วนของพูลคลับซึ่งเป็นพื้นที่ใช้สอยส่วนรวม บริเวณนั้นยังมีห้องอาหาร ห้องประชุมและสระว่ายน้ำ ทุกคนคงกำลังอยู่ในห้องประชุมจนถึงเย็น ระหว่างนี้หญิงสาวควรจะเข้าที่พักก่อน หล่อนแอบถามว่า คืนนี้จะมีงานเลี้ยงจัดขึ้นที่พูลคลับด้วย แผนการของหล่อนคงเริ่มต้นที่นั่น
รถจอดหน้าพูลวิลล่าที่จองเอาไว้ ห้องพักนี้เป็นหนึ่งในสี่ห้องพักที่จะเห็นวิวตอนพระอาทิตย์ตกห้องนอนยื่นออกไปในสระว่ายน้ำและมีน้ำล้อมรอบทุกทิศ มองไปทางไหนก็เห็นทะเลอยู่สุดลูกหูลูกตา ไอเย็นที่เจือความเค็มทำให้หญิงสาวต้องสูดหายใจเข้าไปอย่างเต็มปอด ความเครียดที่สะสมมาตลอดหลายอาทิตย์แทบจะละลายหายไปเมื่อเห็นวิวตรงหน้า
พนักงานอธิบายเกี่ยวกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหมด ภายในห้องนอน มีตู้เสื้อผ้า เตารีด ในตู้เย็นมีของกินซึ่งถูกรวมเอาไว้ในค่าห้องหมดเรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่า ถึงแม้ไม่ออกจากห้องหล่อนก็มี
เสบียงเพียงพอ โซฟาขนาดใหญ่พอสำหรับนอนกลิ้งได้หลายคน โต๊ะอาหารมองเห็นวิวทิวทัศน์แบบพานอรามา กระจกใสรอบด้านทำให้วิวสวยจนแทบขาดใจ แถมยังมีห้องไอน้ำให้ใช้ในห้องอีกด้วย
“ถ้าคุณผู้หญิงต้องการอะไร กดกริ่งเรียกได้เลยนะครับ จะมีพนักงานขึ้นมาบริการทันที”
“ขอบคุณมาก”
พิมพ์ภิดาหยิบเงินในกระเป๋าส่งเป็นทิปให้ ก่อนจะหันไปถาม
“ห้องอาหารเย็นอยู่ที่ไหนหรือคะ”
“ด้านล่างครับตรงส่วนพูลคลับตรงที่ผมบอกว่า จะมีงานเลี้ยงนะครับ หรือจะสั่งอาหารมากินบนนี้ก็ได้นะครับ เรามีคนขึ้นมาบริการ”
“ไม่ล่ะ ฉันอยากลงไปสูดอากาศเล่นสักหน่อย ขอบใจมากนะ”
พนักงานโค้งตัวออกไป พิมพ์ภิดาเดินออกไปตรงส่วนของศาลาที่ยื่นออกไปตรงริมหน้าผา หล่อนกดมือถือหาใครบางคนอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้รับส่าย หญิงสาวจึงกดส่งข้อความแทน รอไม่นานก็มีข้อความตอบมา หญิงสาวอ่านข้อความแล้วก็ยิ้มออกมา พิมพ์ภิดาเดินไปที่กระเป๋าเดินทางซึ่งพนักงานนำมาวางไว้ในห้องและเริ่มต้นหาชุดที่เหมาะสำหรับดินเนอร์ในค่ำคืนนี้...