9

บทที่ 9


 9

 

                  ลลิษาออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว เนื้อตัวชื้นไปด้วยหยดน้ำ เธอดึงผ้าที่โพกศีรษะออกมาขยี้ผม จัดการเป่าผมให้แห้งด้วยไดร์ เธอเพิ่งวิ่งจ็อกกิงเสร็จก็รีบอาบน้ำด้วยว่าสายมากแล้ว เมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็ปาไปเกือบรุ่งสางด้วยว่ามัวแต่คิดกังวลเรื่องที่ต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของปิยบุตร เธอไม่อยากไปเจอปราณธร ไม่อยากไปรับรู้เรื่องราวของเขากับชาลิสา เธอสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าจะมีดราม่าเคล้าน้ำตา

            ลลิษานึกแล้วก็ผ่อนลมหายใจ ตัดใจสลัดผ้าขนหนูออกมาเช็ดเนื้อตัว บอกตัวเองว่าช่างมัน เรื่องของอนาคตยังมาไม่ถึง วันนี้จัดการปัญหาเฉพาะหน้าก่อน เช้านี้เวรเธอต้องไปเปิดร้าน กวาดขยะ เอาขยะไปทิ้ง และยกเก้าอี้ลงจากโต๊ะ ถ้าเธอไปสายมีหวังถูกประณามจากเพื่อนๆ พี่ๆ แน่ แถมตอนนี้เวลาก็ล่วงไปกว่า 05.20 น.แล้ว

            ลลิษาเดินเปลือยเปล่าไปยังอีกฟากของห้อง รื้อชุดชั้นในกับกางเกงในจากลิ้นชัก โดยเลือกให้เข้าชุดกัน เป็นชุดที่ได้โดยบังเอิญจากการแกล้งถลุงเงินปราณธรเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอหมั่นไส้ที่เขาทำตัวเผด็จการ อวดรวย ก็เลยจัดไปกว่าครึ่งแสน แต่แค่นั้นสำหรับเศรษฐีอย่างเขาคงไม่สะดุ้งสะเทือน ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ลลิษานึกแล้วก็ไหวไหล่

เย็นถัดจากวันนั้นเธอจัดแจงรื้อถุงเสื้อผ้า จับแยกเป็นกองๆ เลือกเฉพาะไซซ์ที่พอดีตัวอย่างละ 1-2 ชุดเก็บไว้ ที่เหลือส่งต่อให้ช่อเอื้อง แอบจันทร์ และสร้อยระย้า ส่วนเสื้อผ้าผู้ชาย เธอส่งต่อให้ รปภ. แล้วเธอก็พบว่าวิธีนี้ได้ผลเกินคาด กลายเป็นการผูกมิตรโดยไม่รู้ตัว เพราะนับแต่วันนั้นทุกคนหันมาทำดีกับเธอ ที่เคยกระแนะกระแหนว่าร้ายก็เปลี่ยนเป็นพูดดี

ลลิษาชะงักมือที่กำลังรูดสายเสื้อชั้นใน เมื่อเห็นแสงวูบวาบราวกับวัตถุอะไรบางอย่างตกกระทบแสงไฟ เกิดเป็นเงาสะท้อนวูบวาบ เธอเหลียวมองรอบตัวเพื่อหาต้นตอ พบว่ามาจากหน้าต่างที่กำลังเปิดอยู่ ก่อนนอนเธอรูดผ้าม่านเปิดทิ้งไว้ ลลิษาหน้าแดงก่ำเมื่อพบว่าห้องเธอตรงกับตำแหน่งห้องนอนปราณธรซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปสามชั้นและตอนนี้ปราณธรกำลังยืนริมหน้าต่าง ยกแก้วน้ำขึ้นจิบพลางมองตรงมาที่เธอ เธอเห็นแม้กระทั่งสูทดำคลุมทับเชิ้ตอย่างคนที่พร้อมจะออกไปทำงาน เดาว่าน่าจะเป็นน้ำในแก้วนั้นที่หยอกล้อกับแสง ลลิษารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์ ปรี่ไปเลื่อนหน้าต่างบานเลื่อนมาปิด ตามด้วยกระตุกผ้าม่านทึบและผ้าม่านโปร่งแสงมาปิดอีกชั้น

คุณพระช่วย...นานแค่ไหนแล้วที่เขาเฝ้ามองเธอจากหน้าต่างบานนั้น ตั้งแต่เธอออกมาจากห้องน้ำหรือว่าก่อนหน้านั้น ด้วยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยปิดหน้าต่างบานนี้เลย อย่างมากก็แค่ดึงผ้าม่านโปร่งแสงออกมากั้นแดดเท่านั้น

 

ปราณธรยืดตัวตรงจากท่าชันศอกกับขอบหน้าต่าง คิ้วขมวดมุ่นเมื่อกำลังดูโชว์สดเพลินๆ ลลิษาก็รูดผ้าม่านปิด เขาทันเห็นสีหน้าถมึงทึงแวบหนึ่งก่อนเธอจะกระชากหน้าต่างปิด เขาไม่รู้เลยว่าอากาศยามเช้าจะให้ความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าตื่นมาแล้วจะได้เห็นอะไรเจริญหูเจริญตาแบบนี้ เขาจะขยันตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้านานแล้ว

เช้านี้เขาตื่นเช้าเป็นพิเศษ ตั้งใจออกไปวิ่งจ็อกกิงกับเด็กสาว แต่ก็ตื่นไม่ไหว ฉะนั้นกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ปาไป 04.45 น. แล้ว เขาเลยรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในห้องนอนเธอ เอาจริงๆ...ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นความเคยชินของเขาไปแล้วที่เมื่อตื่นนอนแล้ว ต้องมองไปทางหน้าต่างเพื่อดูว่าเธอกำลังทำอะไร แต่เช้านี้เขาโชคดีกว่าทุกวันตรงที่เขาตื่นมาทันเด็กสาว

ห้องเธอเปิดไฟสว่างโร่ ฉะนั้นตอนที่เธอสลัดผ้าขนหนูเพื่อสวมชุดชั้นในเขาจึงเห็นร่างอรชรนั้นชัดเจน เขารู้มานานแล้วว่าลลิษาหุ่นดี หน้าอกสะโพกรับกันเหมาะเจาะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเรือนร่างขาวโพลนตลอดร่าง ลลิษาหุ่นดีกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยขึ้นเตียงด้วยแม้แต่นางแบบหุ่นเซ็กซี่อย่างมิญชยายังชิดซ้าย ลลิษายั่วกิเลสได้ดีแท้ทั้งที่มันนอนก้นจากน้ำเย็นจัดเมื่อเช้านี้ไปแล้ว แต่พอได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่างามหมดจดของเธอ ใจเขาก็พลุ่งพล่านไม่ต่างจากกาน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่บนเตา เขาต้องการลลิษา อยากกอดรัดและกลืนกินเธอ เขาอยากร่วมรักกับเธอจนเนื้อตัวครัดเคร่งไปหมด ปราณธรพ่นลมหายใจ แล้วเดินไปวางแก้วน้ำเปล่าบนโต๊ะ ฉวยกุญแจรถบนโต๊ะเครื่องแป้ง

 

“ลิซ” เขาเดินไปทันตอนที่เธอล็อกประตูเรือนคนใช้และกำลังก้มผูกเชือกรองเท้าผ้าใบ เธอสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนกระชับรูป เหลียวมามองอย่างตกใจ ฟ้าสว่างมากพอจนเขาเห็นแววประหลาดใจในดวงตาคู่สวย

“คุณปราณมาทำอะไรแถวนี้คะ” เธอยืดตัวตรงทักเขา พลางกระชับกระเป๋าเป้ด้านหลัง

“จะไปทำงานไม่ใช่หรือ” เขาถามไปอีกทาง

“ค่ะ”

“ฉันไปส่ง เช้านี้ฉันไม่มีงานด่วน”

ลลิษาอึ้ง “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้”

“ป้ารำไพบอกว่าเธอต้องรีบไปทำงานตั้งแต่ตีห้าไม่ใช่หรือ นี่ก็หกโมงแล้ว สายแล้ว ไปเถอะฉันไปส่ง” ไม่แค่พูด แต่ปราณธรยังถือวิสาสะฉวยมือเธอจูงไปทางรถสปอร์ตที่จอดอยู่หน้าบ้านด้วย

ลลิษามองแผ่นหลังของเขาสลับกับมองมือใหญ่ที่กุมมืออยู่อย่างงงๆ เธอยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ สัปดาห์ที่แล้วยังมึนตึงกับเธอ แต่ตอนนี้ทำตัวดี

“คุณกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า ทำไมถึงใจดีผิดปกติแบบนี้”

ปราณธรหันมาแยกเขี้ยว เธอไม่ทันระวังเลยชนอกเขาอย่างจัง ศีรษะกระแทกคางเขา เขารีบฉวยแขนช่วยพยุง

“ขะ...ขอโทษค่ะ” เธอตะกุกตะกัก คลำศีรษะป้อยๆ แก้มแดงระเรื่อ

“ไม่เป็นไร” ตอบพลางโอบแขนรัดรอบเอวเธอ

ลลิษาชะงัก หน้าแดงก่ำ ดิ้นขลุกขลัก “ฉันโอเคแล้ว ปล่อยเถอะค่ะ”

“อยู่นิ่งๆ สักครู่ได้ไหม”

“คะ?”

เธอชะงักอย่างคาดไม่ถึง เงยหน้ามองเขาก่อนกะพริบตาปริบๆ แต่ปราณธรไม่ยอมสบตา เขาโอบเอวแน่นขึ้น

“ทำไม” ลลิษาถามเสียงแผ่วต่ำ ใจเต้นจังหวะแปลกๆ

“อย่าถามเลยนะ แค่ยืนนิ่งๆ สักครู่ได้ไหม” น้ำเสียงที่ตอบแหบห้าว แผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ

ลลิษาชะงัก นิ่งอึ้งมากขึ้นด้วยว่าเสียงเขาราวกับเว้าวอน เธอยืนให้เขากอดนิ่งๆ ครู่หนึ่งจึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ระบายให้ฉันฟังได้นะ ถึงฉันจะเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ช่วยอะไรคุณไม่ได้ แต่อย่างน้อยการที่คุณได้ระบาย ก็อาจช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น”

ปราณธรเลิกคิ้วเมื่อเด็กสาวเข้าใจไปในทางนั้น เขาไม่นึกอยากแก้ความเข้าใจของเธอจึงคลี่ยิ้มอ่อนโยน วางคางเกยกับศีรษะเด็กสาว โยกคลอนร่างอรชรไปมาไม่ต่างจากเห่กล่อมเด็ก พลางบอกด้วยเสียงแผ่วเบา “คืนนี้ไปกินมื้อค่ำด้วยกันไหม อย่างที่เธอว่า ถ้ามีใครสักคนมาช่วยฟัง ฉันอาจสบายใจขึ้น”

ลลิษาลังเลเสี้ยววินาที สุดท้ายเธอก็วาดแขนโอบตอบเขา ยอมให้ตัวเองซึมซับความสุขด้วยการแนบแก้มกับแผงอกกว้างอยู่อึดใจเต็มๆ กอดแรงๆ อีกทีหนึ่งแล้วจึงคลายอ้อมแขน อาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ดันตัวเองออกห่าง

“โอเคค่ะ...งั้นเจอกันเย็นนี้ ฉันจะไลน์ไปหาถ้าเลิกงานแล้ว”

“เดี๋ยว ไม่ให้ฉันไปส่งหรือ” ปราณธรป้องปากตะโกนเมื่อเด็กสาวพูดจบก็วิ่งผละจากเขาไปอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เกือบจะถึงกึ่งกลางสนามหญ้าแล้ว เธอวิ่งปรู๊ดปร๊าด คล่องแคล่วประเปรียว เผลอแป๊บเดียวจวนถึงรั้วเหล็กแล้ว

“ฉันไปเองสะดวกกว่าค่ะ ฉันจะไปมอ’ไซค์ ขอบคุณนะคะ”

ลลิษาเอี้ยวตัวมาตะโกนตอบ ไม่แม้แต่จะชะลอความเร็วจนเขานึกหวั่นว่าจะสะดุดหกล้มได้

“ระวังด้วยลิซ วิ่งดูทางเดี๋ยวก็ล้มหรอก”

เธอโบกมือให้เขาแล้วชะลอความเร็ว เดินแทรกผ่านประตูเล็กหายลับไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไม่ถึงห้านาที น่าแปลกที่เด็กสาวยังทิ้งกลิ่นอายไว้ เขายังรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากเนื้อตัวเธอ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกลิ่นแป้งเด็ก

ปราณธรกอดอกแน่น ทำราวกับว่าเด็กสาวยังอยู่ในอ้อมแขน เขายังรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นจังหวะแปลกๆ ตอนลลิษาโอบกอดตอบ มันเต้นรุนแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก เขาอยากรั้งเธอไว้และเรียกคำพูดที่พูดใส่หน้าเธอเมื่อสัปดาห์ก่อนกลับคืน เขาอยากชวนลลิษาขึ้นเตียง และถ้าเธอยินดี เขาสัญญาว่าข้างกายเขาจะไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกเลยนอกจากเธอคนเดียว

 

ตลอดวันปราณธรทำงานอย่างไม่มีสมาธินักด้วยว่าคอยแต่ชำเลืองมองโทรศัพท์มือถือ คอยดูว่ามีไลน์จากเด็กสาวเข้ามาหรือไม่ ทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็รีบกดรับ

“ปราณธรครับ”

“ปราณคะนี่ฉันนะคะ”

ใจห่อเหี่ยวโดยไร้สาเหตุ ปราณธรรู้สึกหมดความกระตือรือร้นเมื่อพบว่าปลายสายคือมิญชยา เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเฝ้าจดจ่อรอสายของเด็กสาวมากแค่ไหน

“สวัสดีครับ” เขาตอบกลับไป

“ทำไมเสียงเนือยๆ แบบนั้นล่ะคะ”

“ผมยุ่งอยู่น่ะครับ”

มิญชยาอึ้ง “เราไม่ได้เจอกันกว่าสองอาทิตย์แล้ว เย็นนี้ไปดินเนอร์กันไหมคะ ฉันอยากเลี้ยงข้าวไถ่โทษคุณ ฉันไม่ควรเก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นอารมณ์ ก็แค่เสื้อในกับกางเกงในของผู้หญิง”

“อย่ากังวลเลย ผมไม่ได้เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจนานแล้ว”

“งั้นเย็นนี้...”

“ขอโทษครับ ผมมีนัดแล้ว”

“กับใครคะ ฉันรู้จักไหม”

“ผมว่าผมไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องส่วนตัวให้ใครรู้”

มิญชยาอึ้ง “น้ำเสียงคุณเย็นชาชอบกล ถามตรงๆ ได้ไหมคะคุณเจอใครคนใหม่ที่ถูกใจกว่าทุกคนอีกแล้วใช่ไหม”

ปราณธรอึ้งก่อนตอบรับว่า “ใช่”

“ใช่เจ้าของเสื้อในกับกางเกงในที่อยู่บนโต๊ะคุณไหมคะ”

“ใช่”

ปลายสายอึ้ง ก่อนตอบกลับมา “คุณชักทำให้ฉันหึงแล้วนะคะ นี่คือเหตุผลที่ทำให้คุณมีอารมณ์ร้อนแรงในวันนั้นใช่มั้ย ทั้งที่ร้อยวันพันปีคุณไม่เคยมีอะไรกับฉันในที่ทำงาน แต่วันนั้นคุณกลัดมันยังกับกระทิงเปลี่ยว”

“ขอโทษถ้าทำให้คุณรู้สึกไม่ดี แต่นั่นคือตัวผม ผมไม่เคยเสแสร้งว่าเป็นคนดี แล้วตอนนี้ผมต้องวางสายแล้ว ผมกำลังรอสายจากเธออยู่”

“ปราณ!” เธอแทบกรีดร้อง “คุณจะโหดร้ายเกินไปแล้วนะ”

“โลกแห่งความจริงโหดร้ายแบบนี้แหละ ผมต้องวางสายแล้วจริงๆ ขอโทษนะครับไว้คุยกันวันหลัง” ปราณธรรีบกดตัดสายเมื่อได้ยินสายเรียกเข้า แล้วเขาก็พบว่าเป็นสายจากลลิษาจริงๆ ใจพลันเต้นจังหวะแปลกๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงหวานใสของเด็กสาว

“คุณปราณคะ” เสียงหวานใสดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ

“ครับ ทำไมโทร. มาไว ไหนว่าจะไลน์มาเย็นๆ”

“บังเอิญว่าเลิกงานเร็ว คุณเสร็จงานหรือยังคะ ถ้ายัง คุณบอกสถานที่นัดมาสักที่แล้วฉันจะไปรอค่ะ”

“ไม่เป็นไรลิซ ฉันออกตอนนี้เลยก็ได้ เธออยู่ที่ไหน ให้ฉันไปรับไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะ บอกที่นัดมาดีกว่าเดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปค่ะ”

“ภัตตาคารที่เดิมสะดวกไหม”

“ได้ค่ะ เจอกันค่ะ”

ปราณธรวางสายเมื่อเด็กสาวตัดสายแล้ว เขาโทร. สั่งกุหลาบช่อโตกับร้านดอกไม้ หวังว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบกุหลาบ เขากดอินเตอร์คอม โทร. สั่งงานเลขานุการอีกเล็กน้อยแล้วจึงออกจากออฟฟิศ

 

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ” ลลิษามองเขาตาปริบๆ เมื่อเขาส่งกุหลาบแดงช่อใหญ่ให้ เธอรับมาดม ปกติแล้วเธอไม่ชอบกุหลาบเพราะมันไม่หอม แต่เห็นช่อใหญ่ขนาดนี้แล้วเลยอดสูดดมไม่ได้

ปราณธรทรุดตัวนั่งตรงข้ามเด็กสาว ไม่ตอบในทันที หันไปสั่งรายการอาหารกับบริกรที่ยืนนอบน้อมรอรับออร์เดอร์อยู่ เขาอยากกินอาหารอิตาลี แต่เด็กสาวสั่งอาหารหลากหลายมาเต็มโต๊ะ ส่วนใหญ่ค่อนไปทางอาหารญี่ปุ่น เขาเลยต้องสั่งอาหารญี่ปุ่นพร้อมด้วยสาเกเพื่อให้เข้ากัน ตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่าลลิษาชอบอาหารญี่ปุ่น ชายหนุ่มรอจนพนักงานเลื่อนบานประตูปิดตามหลังแล้วจึงตอบเด็กสาว

“เพื่อขอโทษที่ครั้งที่แล้วฉันพูดไม่ดี ขอโทษนะ”

ลลิษาอึ้ง “เรื่องไหนคะ คุณพูดตั้งหลายเรื่อง”

“ก็เรื่องที่ห้ามเธอคบเพื่อน ความจริงเป็นสิทธิ์ของเธอที่จะคบใครก็ได้”

“ถ้าเรื่องนั้น อย่าซีเรียสเลยค่ะ เพราะฉันไม่ได้เชื่ออะไรคุณจริงจัง ตั้งใจจะคบพิมพ์ต่อไปอยู่แล้ว เพราะยังไงฉันก็ต้องเอาเพื่อนไว้ก่อน คงเป็นอะไรที่ไร้สาระมากถ้าต้องเลิกคบเพียงเพราะคุณบอกมาแค่นั้น”

ปราณธรชะงัก มองเด็กสาวตาปริบๆ

“แค่นี้หรือที่อยากขอโทษ” เธอถามต่อ พลางคีบซูชิปูอัดเข้าปาก

ปราณธรกระแอม “อยากขอถอนคำพูดเรื่องที่ขอให้เราเป็นแค่ผู้ปกครอง หัวหน้าลูกน้องด้วย”

“หมายความว่า?...” มือที่คีบซูชิอยู่สั่นระริกจนต้องวางซูชิลงในจาน วันนี้ทั้งวันที่ทำงาน เธอก็เอาแต่คิดเรื่องนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงกอดเธอ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาเปลี่ยนแปลงไป เธอมัวแต่คิดเรื่องของเขาเลยทำงานพลาด ทำแก้วกาแฟของลูกค้าหกหลายรอบ ถูกเพื่อนร่วมงานต่อว่าจนธราธรต้องออกรับแทน ชาลิสาเป็นห่วงเลยอนุญาตให้เธอกลับบ้านได้เร็วขึ้น

ปราณธรต่อประโยคเธอว่า “อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปกะเกณฑ์ว่าระหว่างเราต้องเป็นอะไร”

“ทำไมถึงคิดมาเปลี่ยนใจ ไหนคุณบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเด็กที่เอ่อ...ยังไม่เคยเสียตัว” เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก แผ่วต่ำ เธอหลุบตาต่ำ มองแค่จานอาหารตรงหน้า ไม่กล้ามองเขา รู้สึกได้ถึงอาการร้อนวูบวาบไปทั่วผิวแก้ม

“ฉันต้องการเธอ” ปราณธรบอกความรู้สึกตรงๆ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น บริกรก็เลื่อนประตูบานกระจกเข้ามาเสิร์ฟอาหาร

ปราณธรรอจนบริกรรินสาเกให้เขากับลลิษาเสร็จและถอยกลับไปแล้ว จึงเอ่ยต่อว่า “เธอจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” น้ำเสียงทอดอ่อนนุ่มอย่างงอนง้อ มองใบหน้าเยาว์วัยที่ก้มงุด ไม่ยอมสบตาเขา เอาแต่มองอาหารตรงหน้า

เจ้าของใบหน้าใส ขาวอมชมพูจนเห็นเลือดฝาดส่ายหน้า ร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์ ได้แต่เสหยิบแก้วน้ำชาขึ้นจิบ แต่มือไม้สั่นจนต้องวางคืน

“ลิซ” ปราณธรยื่นมือไปกุมมือเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ

“นานแค่ไหน หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง...หรือจนกว่าคุณจะเบื่ออย่างที่คุณเคยพูด” ลลิษาถามเสียงกระซิบ

“ฉันไม่เบื่อเธอง่ายๆ หรอกนะ”

ทำไมนะเธอถึงรู้สึกปวดแปลบใจทั้งที่วัตถุประสงค์ที่เธอเข้าหาเขาก็เพื่อสิ่งนี้ แต่พอวันนี้กำลังบรรลุวัตถุประสงค์ เธอกลับไม่ดีใจเลย มีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวใจอย่างรุนแรง

ลลิษากล้ำกลืนก้อนสะอื้น เงยหน้าถามเขา “ครอบครัวฉันติดหนี้บุญคุณคุณ ฉันควรจะตอบแทนคุณก็ถูกต้องแล้ว ต้องการให้ฉันขึ้นเตียงด้วยเมื่อไหร่คะ คืนนี้เลยไหม”

ปราณธรนิ่วหน้า “ฉันไม่อยากให้เรื่องราวระหว่างเราเป็นเรื่องของการล้างหนี้ เพราะเราไม่ได้ติดหนี้ต่อกัน เงินก้อนนั้นฉันยกให้เธอตั้งแต่สามปีก่อนฉันก็บอกเธอไปแล้ว เพราะงั้นระหว่างเรา ขอให้เป็นเรื่องของเราที่ไม่เกี่ยวกับใครอื่นได้ไหม”

“คุณซาดิสม์หรือเปล่า” เธอถามไปอีกทาง

“ไม่”

“คุณชอบเล่นท่าพิสดารหรือเปล่า”

ปราณธรอมยิ้มขำในหน้า “ยกตัวอย่าง?”

“เข้าประตูหลัง เซ็กซ์หมู่ มีอะไรในที่สาธารณะ อึ๊บสาวๆ ให้คนอื่นดู”

ปราณธรทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “นี่เธอเข้าใจว่าฉันจะเอาเธอมาเป็นทาสบำเรอกามหรือไง เธอเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว ระหว่างเราจะเหมือนการคบกัน เหมือนคู่รักคู่อื่นๆ”

ลลิษาชะงัก มองเขาตาค้าง งงเป็นไก่ตาแตก “คบกัน?”

“ใช่ เราจะคบกัน ออกเดตด้วยกัน ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน และแน่นอน...ใช้เวลาบนเตียงด้วยกันตราบเท่าที่เราต้องการ”

ลลิษาหน้าแดงระเรื่อ “โดยที่ตลอดเวลาข้างกายคุณก็มีหญิงอื่นอย่างนั้นใช่ไหม”

ปราณธรส่ายหน้า “ฉันเกรงว่าเธอจะยังไม่เข้าใจดีพอ ฉันจะตัดผู้หญิงทุกคนออกจากชีวิต เหลือแค่เธอคนเดียว เราจะคบกันอย่างแฟนอย่างคนรัก ลิซ” เขาตกลงใจแล้ว จะลองเปิดใจคบหาเพศตรงข้ามอย่างคนรักอีกครั้ง หลังจากที่ปิดประตูหัวใจมายาวนานนับแต่เลิกกับแม่เธอ

ลลิษาเบิกตาโต ทั้งตกใจและแปลกใจเพราะคาดไม่ถึง “คุณชอบฉันหรือคะ” ถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

“ไม่ ฉันจะไม่บอกให้เธอเหลิงหรือได้ใจหรอกนะ ตกลงว่าไง จะคบฉันไหม”

“ชัวร์เลยคุณชอบฉัน ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” ลลิษาถามตรงๆ โล่งใจสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับยกภูเขาออกจากอก เธอดีใจถึงกับยกแขนเท้าคางกับโต๊ะ มองเขาด้วยรอยยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา

“ห้ามมีคนอื่น มีแค่ฉันคนเดียว ต้องซื่อสัตย์กับฉัน ฉันเองก็จะมีแค่เธอ ซื่อสัตย์กับเธอ”

“นิยามแฟน สามีภรรยาชัดๆ”

ปราณธรหน้าแดง ไม่ตอบ

“โอเคค่ะ เราจะคบกัน ว่าแต่ที่คุณมีท่าทีแปลกๆ เมื่อเช้าเพราะเรื่องนี้หรือคะ”

“แปลกยังไง”

“คุณขอกอดฉัน คุณดูเศร้าๆ ยังกับมีเรื่องทุกข์ใจไม่สบายใจ”

ปราณธรทำหน้านิ่ง ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ก็อาจจะใช่ ฉันอาจไม่สบายใจโดยไม่รู้ตัว พอเธอเข้าใจว่าเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเธอ ฉันเลยตะครุบไว้ วันนี้ตลอดวันฉันพยายามหาเรื่องเศร้าให้ตัวเองเพื่อจะได้เอามาระบายให้เธอฟัง”

“แล้วหาได้ไหม” ลลิษาถามยิ้มๆ

“ก็ได้อยู่ ตอนแรกว่าจะหลอกล่อ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว ชวนตรงๆ นี่แหละ”

“อะไรคะ เดี๋ยวๆ เอาแบบหลอกล่อดีกว่า ฉันอยากรู้เหมือนกันเวลาที่ผู้ชายโดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่หลอกล่อสาวๆ สักคน พวกคุณทำยังไงกัน”

“มันไม่เหมือนกันหรอกนะผู้ชายแต่ละคน ไม่ได้เป็นแพตเทิร์นเดียวกัน”

“เอาของคุณสิ คนอื่นฉันไม่อยากรู้ ตอนแรกคุณตั้งใจจะหลอกล่อฉันยังไงคะ”

“ฉันก็จะตีหน้าเศร้าบอกว่าอาทิตย์หน้านี้มีทริปต้องไปเจอลูกค้าที่ฝรั่งเศส ฉันก็จะแกล้งถามเธอว่าพูดฝรั่งเศสเป็นไหม”

“แล้วถ้าฉันตอบว่าได้”

“ฉันก็จะบอกว่าบังเอิญล่ามที่ติดต่อไว้เกิดป่วยกะทันหัน หาล่ามคนใหม่ไม่ทัน เธอสนใจจะไปเป็นล่ามให้ฉันไหม”

“ทั้งที่ความจริงแล้วคุณพูดฝรั่งเศสได้ ยังงั้นใช่ไหม”

ปราณธรไหวไหล่ ไม่ตอบ

“ร้ายจริง แล้วถ้าฉันบอกว่าพูดฝรั่งเศสไม่ได้ล่ะ”

“ฉันก็จะบอกว่างั้นช่วยไปถือแฟ้มเอกสารให้ฉันแล้วกัน ลูกค้าพอกล้อมแกล้มพูดอังกฤษได้อยู่”

“สรุปว่าคุณจะเกลี้ยกล่อมทุกทางให้ฉันไปกับคุณให้ได้ใช่ไหม”

“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

“เป้าหมายล่ะ”

“หลอกล่อเธอขึ้นเตียง ชายหญิงอยู่กันตามลำพังแถมในต่างแดน บรรยากาศเป็นใจแบบนั้น ก็ต้องเพื่อพาไปขึ้นเตียงอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่หลอกล่อเธอหรอกนะ จะชวนตรงๆ นี่แหละ ไปเที่ยวฝรั่งเศสกับฉันไหม ใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่นั่นห้าวัน ฉันต้องเจอลูกค้าสองวัน ที่เหลือเราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน กิน ดื่ม เที่ยว ชอปปิง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เธอต้องการ แต่ฉันเดาว่าเวลาส่วนใหญ่น่าจะอยู่แต่ในโรงแรม เราคงไม่อยากออกไปไหนนอกจากอยู่บนเตียง”

ลลิษาหน้าแดงก่ำ

“ตกลงว่าไง ไปฝรั่งเศสกับฉันมั้ย”

 

            ลลิษาฟุบหน้ากับหมอนด้วยความขัดเขิน ยังคงรู้สึกเขินมาถึงตอนนี้ เธอตกลงไปฝรั่งเศสกับเขา กลับถึงบ้านแยกย้ายกันแล้ว เธอก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอน จัดการโทร. ไปลางานกับชาลิสา บอกว่าจะจ่ายค่าแรงคืน แลกกับที่เธอลางานไปหนึ่งสัปดาห์ ชาลิสาใจดีเหมือนเคย อนุญาตให้เธอลางานโดยไม่ต้องให้เธอจ่ายคืนค่าแรงที่ได้เบิกไปล่วงหน้า

            แค่คิดว่าจะได้ใช้เวลากับปราณธรห้าวันเต็มๆ ที่ฝรั่งเศส มันทำให้จินตนาการเธอเพริศแพร้วโลดแล่นไปไกล พร้อมด้วยความสุขใจตามมา ลลิษาพลิกกายนอนหงาย หยิบโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมาโทร. หาเขา

            “ทำอะไรอยู่คะ”

            “อยู่ที่สระน้ำ มาว่ายน้ำด้วยกันไหม”

            ลลิษาผุดลุกนั่ง เหลือบตามองนาฬิกาตั้งโต๊ะ เพิ่งจะห้าโมงกว่าๆ แล้วถามกลับว่า “ฉันไปได้หรือคะ ฉันชอบว่ายน้ำ”

            “ต่อไปนี้เธอใช้สระน้ำได้ตลอดเวลาเท่าที่เธอต้องการ รวมถึงส่วนอื่นๆ ของบ้านนี้ด้วยลิซ ฉันอนุญาต อยากมาอยู่บ้านนี้ไหมล่ะ”

            “ไม่ละ ขอบคุณ มีสเปซห่างกันบ้างก็ดีค่ะ”

“แล้วแต่นะ สำหรับฉันยังไงก็ได้”

“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันตามไปสมทบ ขอเปลี่ยนชุดก่อนค่ะ”

“เอามาเปลี่ยนที่สระก็ได้ ที่นี่มีห้องน้ำ”

            “โอเคค่ะ” ลลิษาวางสาย เธอรื้อค้นชุดว่ายน้ำ เลือกบิกินีพร้อมด้วยผ้าขนหนูยัดใส่เป้แล้วเดินตรงไปยังสระน้ำ ซึ่งอยู่หลังบ้านของปราณธร

 

ปราณธรลืมตาเมื่อได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อม ดวงตาสีสนิมเปล่งประกายร้อนแรงเมื่อจ้องไปยังร่างกลมกลึงในชุดบิกินีสีดำ ขับผิวที่ขาวอมชมพูด้วยเลือดฝาดให้ขาวโดดเด่นยิ่งขึ้น เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน โดยเฉพาะทรวงอกอวบอิ่มที่รับกับเอวคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบ และสะโพกผาย

ลลิษาหุ่นดี เรื่องนี้เขารู้อยู่แล้ว แต่บิกินีนั่นยิ่งขับให้ผู้ชายกิเลสหนาอย่างเขายอมแลกด้วยทุกอย่างที่ตัวเองมีขอแค่ได้เชยชมเรือนร่างเซ็กซี่นั่นสักครั้ง ไม่...ครั้งเดียวไม่พอ แต่เธอจะเป็นของเขาตลอดไป

ปราณธรกระดกเบียร์ พินิจใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังส่งยิ้มมาให้ ยิ้มเธอสดใส ไร้เดียงสาจนเขาเผลอยิ้มตอบ ลลิษาได้เปรียบเรื่องความเยาว์วัย ใบหน้าเธอดูเด็กมากๆ ไม่ต่างจากเด็กมัธยมต้น เธอเดินฝ่ากระแสน้ำวนมาเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ เขา

“เบียร์ไหม” เขาหันหน้าไปถาม พลางชูกระป๋องเบียร์ในมือ

“มีกระป๋องเดียว ทำเป็นชวน” ลลิษาพึมพำ หลับตาพริ้ม อึดใจต่อมาพลันชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงเงาที่ทาบลงมาบนตัว ตามด้วยปากนุ่มที่ประกบลงมาบนริมฝีปาก

ลลิษาลืมตาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาตวัดเอว ยกเธอลอยหวือไปอยู่บนร่างเขาราวกับเธอเป็นวัตถุไร้น้ำหนัก “เอาจริงหรือ” ถามเสียงแผ่วต่ำ

ปราณธรครางในลำคอแทนคำตอบ

ลลิษาชะโงกตัวคร่อมศีรษะเขา ยันขอบสระด้วยข้อศอกทั้งสองข้าง กดริมฝีปากบดขยี้กับปากเขา สอดปลายลิ้นเข้ามาหยอกล้อกับปลายลิ้นเขาก่อนจะปล่อยให้เขาดูดกลืน

ชายหนุ่มเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นไปกอบกุมทรวงอกอวบอิ่มผ่านบิกินี ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงเคล้นกับยอดปทุมถันจนมันผลิขยายราวกับมีชีวิตชีวา

ลลิษาหน้าแดงระเรื่อแล้วผละห่างเพื่อมองหน้าเขาที่หลับตาทันควันราวกับหนุ่มขี้อาย ปล่อยให้เธอสำรวจใบหน้าเขาได้ตามอำเภอใจ มือเขาเลื่อนไปกระตุกสายบิกินี ลูบไล้แผ่นหลังเปลือย ก่อนจะเลื่อนมือมาเกาะกุมทรวงอก

เธอหน้าแดงก่ำขณะก้มมองมือเขาที่กำลังลูบไล้หยอกล้อปทุมถันที่กำลังครัดเคร่ง มือเขาคล้ำตัดกับทรวงอกเธออย่างชัดเจน ทั้งที่ปกติปราณธรมีผิวขาวจัด แต่เมื่อวางมือทาบบนหน้าอกเธอกลับเห็นสีผิวที่ตัดกันชัดเจน แถมยังมีขนาดใหญ่กอบกุมทรวงอกเธอจนมิด ลลิษากัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางกระเส่าด้วยความสุขสมเมื่อเขาใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอกที่กำลังแข็งเป็นไต

ลลิษาละจากภาพที่ชวนสยิว กวาดตามองทั่วใบหน้าหล่อเหลาคมคายตรงหน้า ไล่ตั้งแต่คิ้วสวยพาดเหนือเปลือกตาที่กำลังหลับพริ้ม ขนตายาวงอนจนแทบวางไม้ขีดไฟได้ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากได้รูปสวยราวอิสตรี เขาหล่อเหลา ไม่ว่าจะมองพิศหรือมองผาด แกร่งสมชายชาตรีและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล เขาทำให้เธอนึกถึงรูปปั้นเทพเจ้ากรีกที่แกะสลักจากศิลา ด้วยว่าดูเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ก็น่าพรั่นพรึงเกรงขาม ถึงเขาจะยิ้ม แต่ไม่ได้เลยไปถึงดวงตา เธอจำได้ว่าไม่เคยเห็นเขายิ้มทั้งปากและตาเลยสักครั้ง

เธอคลั่งไคล้เขาตั้งแต่เด็กๆ แม่เล่าเรื่องเขา เอารูปถ่ายเขาทั้งรูปเดี่ยวและรูปคู่มาให้เธอดู ตอนนั้นเขายังดูหนุ่มน้อยและผอมกว่านี้ เขาอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดัง กระนั้นเวลาที่ผ่านไปก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าแกร่งนี้ลดทอนความหล่อเหลาชวนมองได้เลย ตรงกันข้ามประสบการณ์ชีวิตที่เพิ่มขึ้นยิ่งเพิ่มความน่าเกรงขาม เพิ่มเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ และข่าวคราวความเจ้าชู้ ความเป็นเสือผู้หญิงของเขาก็ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นให้แก่เธอ ขณะเดียวกันก็เป็นของต้องห้ามด้วย

เขาเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งที่เธอไม่คุ้นเคย เป็นเหมือนเนเวอร์แลนด์ที่รอให้เด็กสาวอย่างเธอเข้าไปผจญภัยเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขา เธอหลงใหลเขา บางทีอาจจะหลงรักตั้งแต่เห็นรูปถ่ายเขาครั้งแรกในตอนนั้นก็ได้ ถึงได้พกติดตัวไว้ในกระเป๋าสตางค์มาจนถึงตอนนี้

ลลิษานึกแล้วจดริมฝีปากกับเปลือกตาทั้งสองข้าง ได้ยินเสียงครางอือจากลำคอเขา ก่อนที่เปลือกตาจะกะพริบปริบ

“ร่ายมนตร์ใส่ฉันหรือ” ปราณธรถามแผ่วเบาและอ่อนโยน

“คุณต่างหากที่ทำสิ่งนั้นกับฉันไปแล้ว”

ปราณธรเลิกคิ้ว “เมื่อไหร่ ฉันร่ายมนตร์กับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามเสียงทุ้มนุ่มพลางเลื่อนมือไปลูบไล้สะโพกกลมกลึงนอกบิกินีสลับกับบีบเคล้น

ลลิษาไม่ตอบ แต่บอกไปอีกทางว่า “หลับตาเหมือนเมื่อกี้สิ ฉันอยากชิมคุณ”

ประกายตาปราณธรร้อนแรง ดวงตาสีสนิมเข้มข้นขึ้นด้วยแรงแห่งดำฤษณา เสียงแหบห้าวเมื่อตอบว่า “ถ้าเธอจะทำให้ฉันร้อน แรงสะท้อนจะกลับไปที่เธอเป็นสองเท่านะ ฉันไม่มั่นใจว่าจะยับยั้งตัวเองได้ไหม”

“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนี่ จะที่นี่หรือฝรั่งเศสไม่ต่างกันหรอกนะ” เธอบอกเสียงเบาหวิว ไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่เสมองปลายคาง

ปราณธรอึ้ง “ฉันอยากสร้างความจดจำให้ครั้งแรกของเธอ ควรจะเป็นอะไรที่มีความหมายมากกว่าริมสระนี้ ฉันตั้งใจแล้ว อย่าให้เสียความตั้งใจเลยนะ” น้ำเสียงทอดอ่อนโยนเป็นเท่าตัว เขาอยากให้ครั้งแรกของลลิษามีความหมายควรค่าแก่การจดจำ ครั้งแรกที่เธอเสียความบริสุทธิ์ควรเป็นอะไรที่พิเศษ สถานที่โรแมนติก บรรยากาศดีๆ ที่ควรค่าแก่การระลึกถึง เขาอยากให้เธอจดจำครั้งแรกกับเขาไปตลอดชีวิต อยากให้เธอลืมไม่ลงจนไม่นึกอยากจากเขาไปไหน

“งั้นคุณก็สะกดกลั้นไว้ เพราะนี่เป็นปัญหาของคุณ ไม่ใช่ของฉัน เพราะสำหรับฉัน ฉันตั้งใจแล้วว่าจะทำความรู้จักทำความคุ้นเคยกับเนื้อตัวคุณ เพราะงั้นอย่าทำให้ฉันเสียความตั้งใจเลยนะ”

ปราณธรอึ้งเมื่อเธอเลียนแบบคำพูดเขา มองใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราตรงหน้า จ้องริมฝีปากเล็กๆ ที่ช่างจำนรรจา เธอทำให้เขาร้อนจนตอนนี้น้องชายเขาปวดหนึบขึ้นมาอีกแล้ว

“ลิซ”

“คะ?” เธอผละ มองหน้าเขา

“รู้อะไรมั้ย เธอเป็นลูกแมวยั่วสวาทที่ทั้งแสบ กวนประสาท และน่า...”

“น่าอะไร” เธอถามต่อเมื่อเขาหยุดพูดไปเฉยๆ

น่าหลงใหล...เขานึกหาคำจำกัดความจนได้ แต่กระนั้นไม่นึกอยากบอกเธอ ตอบไปอีกทางว่า “ฉันจะสาธิตให้เธอดูเมื่อถึงฝรั่งเศสแล้ว”

ลลิษาหน้าแดง “งั้นตอนนี้เป็นทีของฉันถูกไหม คุณควรตามใจฉัน ฉันตามใจคุณยอมไปฝรั่งเศสกับคุณแล้ว เพราะงั้นรอบนี้คุณต้องตามใจฉันบ้าง”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น