17

บทที่ 17


 

17

 

ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่กฤตนัยเข้าเฝือกที่ขานั้น ข้างกายของชายหนุ่มมีบัวบูชาคอยประคับประคองอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาขึ้นตามลำดับอย่างราบรื่น บัวบูชาเข้ากันได้ดีกับสมาชิกทุกคนในบ้านโภคินอภิวัฒน์ จากวันนั้นถึงวันนี้เธอยังคงเป็นผู้หญิงที่อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เช่นเดิม ทั้งยังเอาอกเอาใจกฤตนัยทุกเรื่อง เมื่อเขาร้อน เธอจะคอยเป็นน้ำฝนที่คอยปลอบประโลมให้เขาเย็นลงได้เสมอ

“ได้เวลาตัดเฝือกเพื่อนยากแล้วนะครับพี่ใหญ่” คุณหมอกลางเอ่ยบอกพี่ชายขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเข็นรถพากฤตนัยไปตัดเฝือก

“แต่พี่ว่าจะขอใส่เฝือกต่ออีกพัก” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นเงยหน้าสบตาน้องชายเพื่อขอความเห็นใจ

“โนครับพี่ใหญ่ ไม่ต้องวางแผนอะไรเกี่ยวกับเฝือกนี่เลยนะครับ ตอนนี้กระดูกเชื่อมตัวดีแล้วก็ต้องตัดเฝือกออก แต่พอตัดเฝือกออกแล้วก็ต้องหัดเดินให้คุ้นชิน ผมคิดว่าจะลองขอให้น้องบัวทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสอนการเดินให้พี่ใหญ่ต่ออีกสักระยะ”

“จริงหรือหมอกลาง” กฤตนัยคลี่ยิ้ม

“พออยู่ด้วยกันทุกวันแล้วก็ไม่อยากให้น้องบัวย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านโน้นเลย” คนเจ็บที่ร่างกายเริ่มฟื้นตัวเป็นปกติถอนหายใจ

“ก็แต่งเลยสิครับ” คุณหมอกลางเสนอ

“พูดมาสองรอบแล้ว น้องบัวก็อ้างแต่ว่าเร็วเกินไป อยากลองเรียนรู้กันอีกหน่อย”

“อืม หรือว่าน้องบัวมีใครซ่อนอยู่ในใจ” คุณหมอกลางแสร้งแหย่คนขี้หวงเล่น

“ไม่มีทาง น้องบัวไม่มีทางมีใคร” กฤตนัยถลึงตาตอบหนักแน่น ก่อนจะหันมาขอความคิดเห็นจากนักวิชาการส่วนตัว “พี่ว่าจะขึ้นไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่น้องบัวที่เหนือเรื่องขอหมั้นไว้ก่อน”

“ก็ดีนะครับ ผมเห็นด้วย” คุณหมอกลางพยักหน้า

            ...

หลังจากตัดเฝือกออกเรียบร้อยแล้ว คุณกลางจึงพาคุณใหญ่ออกมาหาใบบัวที่นั่งรออยู่หน้าห้อง หญิงสาวรีบลุกเดินไปหาชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม

“หายสักทีนะคะ” บัวบูชาเอ่ยพร้อมยิ้มโล่งอก

“ครับ ต่อไปก็ต้องหัดเดิน ช่วงนี้ก็อย่าให้พี่ใหญ่ทำอะไรเร็วจนเกินไป เพราะกระดูกเพิ่งจะเชื่อมกัน พี่อยากจะรบกวนน้องบัว ช่วยดูแลพี่ใหญ่ต่ออีกสักระยะนะครับ” หน้าที่ของหมอคือรักษา แต่หน้าที่น้องชายที่ดีก็ต้องช่วยเหลือและสนับสนุนพี่ชายเช่นกัน

ในเมื่อคุณหมอกลางเอ่ยขอด้วยตัวเองแบบนี้ แล้วมีหรือบัวบูชาจะปฏิเสธได้ หญิงสาวพยักหน้ารับน้อยๆ “ค่ะพี่กลาง แล้วบัวต้องทำยังไงบ้างคะ”

กฤตนัยมองใบหน้าหวานของคนที่เพิ่งตอบรับคำขอของน้องชายพร้อมยิ้มกว้าง “เราไปคุยกันต่อบนรถดีกว่านะ พี่ชักเริ่มปวดขาแล้วสิ” ชายหนุ่มเอ่ยพลางก้มมองขาข้างที่เพิ่งถอดเฝือกออก

คุณหมอกลางพยักหน้ารับก่อนจะช่วยบัวบูชาประคองคนที่เพิ่งตัดเฝือกไปขึ้นรถ จากนั้นจึงเริ่มอธิบายวิธีการดูแลผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันภายนอกแข็งแรงดี แต่ภูมิคุ้มกันหัวใจค่อนข้างติดลบ

 

เมื่อคนป่วยเดินทางกลับมาถึงบ้านโภคินอภิวัฒน์ ก็เป็นเวลาที่คุณรองและคุณเล็กกลับมาจากที่ทำงานพอดี ดังนั้นกิจกรรมภายในห้องพักผ่อนของสี่เสือจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

“ซักทีเถอะเจ้าเล็ก จ้องๆ เล็งๆ อยู่นั่น สุดท้ายก็วืดอยู่ดี” เสือร้ายหมายเลขสองพยายามทำลายสมาธิของเสือหมายเลขสี่

“ชู่... ความเป็นโพรเฟสชันนัลของผมกำลังฉายแสงครับพี่รอง” คุณเล็กตอบโต้พี่ชายคนรอง โดยไม่ละสายตาจากลูกกลมๆ บนโต๊ะบิลเลียดแม้แต่นิดเดียว

ป๊อก!

เสียงไม้ในมือของโพรเฟสชันนัลกระทบกับเจ้าลูกกลมๆ ก่อนที่ลูกบิลเลียดลูกนั้นจะกลิ้งไปสู่เส้นชัยอย่างงดงาม

“เฉียบขาด” คุณเล็กชูกำปั้นขึ้นเมื่อเห็นผลงานตนเอง

“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ของจริงกำลังจะเริ่มต้นแล้ว จับตาดูให้ดี ดูแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้” คุณรองยักคิ้วให้น้องชาย ก่อนจะหยิบไม้คู่ชีพขึ้นมา แล้วเดินหามุมแจ่มๆ เพื่อโชว์ผลงาน

ส่วนท่านประธานบริหารและผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั้นก็กำลังนั่งดวลหมากรุกกันอยากออกรสออกชาติ ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ท่านประธานโปรดปรานยิ่งนัก

“รุกฆาต” เสียงคุณหมอกลางดังแทรกอากาศขึ้นมาบ้าง ยังผลให้สองหนุ่มตรงมุมโต๊ะบิลเลียดเหล่ตามองพร้อมกัน

“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งด่วนดีใจไปน้องชาย ศึกนี้ยังอีกยาวไกล บางครั้งเราก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อแลกกับความสำเร็จที่อยู่เบื้องหน้า” ท่านประธานระบายยิ้มที่มุมปากน้อยๆ

“ผมเกือบลืมไปแล้วนะครับว่าพี่ใหญ่กับพี่กลางก็อยู่ในห้องนี้ด้วย” คุณเล็กกระซิบกับคุณรอง

“เล่นกันซะเงียบกริบ นึกว่าหลับคากระดานหมากรุกไปแล้ว” คุณรองกระซิบตอบ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องพักผ่อนดังขึ้น ก่อนที่บัวบูชาและแววจะเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดขนมและเครื่องดื่ม

“วันนี้บัวทำขนมช่อม่วง มีไส้กุ้งกับไส้ไก่ ส่วนเครื่องดื่มวันนี้เป็นน้ำลำไยนะคะ” แม่ครัวตัวน้อยแนะนำเมนูของว่าง ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมการเข้ามาของวันและถังไม้ใบสูง

“ยกอะไรมาน่ะวัน” คุณหมอกลางละสายตาจากกระดานหมากรุกเงยหน้าขึ้นถามผู้มาใหม่

“คุณใบบัวให้ยกมาค่ะ” วันตอบพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้บัวบูชา

“บัวเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรจีนไว้ให้พี่ใหญ่แช่เท้าค่ะ อยู่ในเฝือกมานานคงเมื่อยน่าดู แช่น้ำอุ่นสักหน่อยน่าจะช่วยได้นะคะ” บัวบูชาอธิบายขณะที่ย่อตัวลงนั่งบนโซฟา

“โอ๊ย มีความอิจฉาหนักมาก” คุณเล็กวางไม้บิลเลียดลงแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่บัวบูชานั่งอยู่

“ความจริงพี่ก็เดินตรวจงานทั้งวัน รู้สึกเมื่อยเหมือนกันนะครับน้องบัว” คุณรองเลิกคิ้วมองพี่ชายก่อนจะหันมาพูดกับว่าที่พี่สะใภ้

            “พี่ก็เดินราวนด์วอร์ดจนขาแข็งไปหมดแล้วเหมือนกัน” คุณหมอกลางลุกขึ้นจากกระดานหมากรุก เพื่อเดินเข้าไปสมทบกับเสือรองและเสือเล็ก ส่วนเสือใหญ่นั้นไม่ต้องพูดถึง คว่ำกระดานแล้วสะบัดตัวตรงดิ่งมานั่งแหมะลงข้างบัวบูชาตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอทรุดกายลงนั่งแล้ว

“เสียใจ ถังมีใบเดียว เพราะฉะนั้นพวกแกสามคนหมดสิทธิ์” กฤตนัยยักคิ้ว

“แล้วพี่ต้องทำยังไงบ้างครับน้องบัว” กฤตนัยส่งสายตาหวานเยิ้มให้คนข้างกาย ก่อนจะหันขวับกลับไปมองตามเสียงโห่ฝั่งตรงข้ามตาขวาง “จะกินไหมช่อม่วง ถ้าไม่กินพี่ก็จะได้เก็บไว้กินคนเดียว”

“ครับๆๆ กินครับ” สามหนุ่มรีบหยิบขนมขึ้นมากิน โดยยังนั่งปักหลักมองบัวบูชาปรนนิบัติพี่ชายอยู่เงียบๆ

“เรามาต่อกันดีกว่าครับ อย่าใส่ใจพวกขี้อิจฉาเลย” กฤตนัยโน้มใบหน้าลงกระซิบกับหญิงสาว

“พี่ใหญ่วางเท้าลงในถังก่อนนะคะ” บัวบูชานั่งลงกับพื้นห้องพร้อมกับจับขากฤตนัยวางลงในถังน้ำอุ่นอย่างเบามือ โดยเธอยกเท้าทั้งสองข้างของชายหนุ่มให้ลอยใต้น้ำเล็กน้อย จากนั้นจึงใช้มือกดใต้ฝ่าเท้าของกฤตนัยด้วยน้ำหนักมือที่ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป

กฤตนัยมองหญิงสาวที่ก้มๆ เงยๆ อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาแสนอ่อนโยน ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้น้องชายอีกครั้ง

น้องชายทั้งสามก็ได้แต่เบะปากกลอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้คนขี้อวด

เมื่อแช่เท้ากฤตนัยไว้ประมาณสิบห้านาที ใบบัวก็ยกเท้าขึ้นมาเช็ดด้วยผ้าขนหนูจนแห้งเป็นอันเสร็จขั้นตอน

“ขอบคุณนะคะ” กฤตนัยเอ่ยขอบคุณเสียงหวาน

“ดีขึ้นไหมคะ” บัวบูชาระบายยิ้มน้อยๆ

เสือใหญ่กำลังจะอ้าปากตอบ ฉับพลันเสียงริงโทนจากสมาร์ตโฟนของบัวบูชาก็ดังขึ้น ดังนั้นจากการตั้งท่าจะอ้าปากตอบ จึงกลายเป็นแยกเขี้ยวคำรามเสียงดังในลำคอแทน 

คุณรอง คุณกลาง และคุณเล็กขำพรวดออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นอารมณ์ที่แสนจะแตกต่างกันภายในเสี้ยวนาทีของพี่ชาย

“สวัสดีค่ะน้าเดช” บัวบูชารับสายคนขับรถของเตชิน และนั่นก็ทำให้ทั้งสี่หนุ่มเหล่ตามองกันด้วยความสงสัย

“จริงหรือคะ เป็นหนักขนาดนั้นเลยหรือคะ ได้ค่ะ บัวจะรีบไปดูนะคะ เดี๋ยวขอเรียนคุณใหญ่ก่อน” จากนั้นเธอจึงกดวางสาย แล้วหันมามองหน้าสี่หนุ่มที่กำลังจ้องเธออยู่

“น้าเดชโทร. มาบอกว่าคุณชินไม่สบายตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่ยอมไปหาหมอค่ะ น้าเดชเลยอยากให้บัวไปดู” บัวบูชารายงานด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“อืม งั้นไปดูไอ้ชินกัน” กฤตนัยพูดพลางลุกขึ้น โดยมีบัวบูชาและอีกสามเสือเดินตาม

 

เมื่อคุณใหญ่ ใบบัว คุณรอง คุณกลาง และคุณเล็กมาถึงคอนโดของเตชินก็พบว่าเดชยืนรอรับอยู่แล้ว จากนั้นเดชจึงพากฤตนัยและคณะขึ้นไปดูอาการของเตชินที่เพนต์เฮาส์ชั้นบนสุดของอาคาร

“พี่ชินเป็นยังไงบ้างครับ” คุณหมอกลางเข้าไปตรวจดูอาการของคนป่วยคร่าวๆ

“คุณกลางหรือ ปวดหัวมาก ปวดไปหมดทั้งตัว แค็ก แค็ก แค็ก” เตชินตอบด้วยเสียงแหบพร่า และมีอาการไออย่างต่อเนื่อง

“ตัวร้อนมากเลยครับพี่ใหญ่ พาไปโรงพยาบาลดีกว่า” คุณหมอกลางบอกพี่ชาย

“กลางให้คนเตรียมหมอไว้รอด้วยนะ” คุณใหญ่สั่งการ

“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ไปโรงพยาบาลของคุณกลาง” คนป่วยที่ร่างกายอ่อนล้าโรยแรงรวบรวมพลังที่มีเหลือเพียงน้อยนิดแผลงฤทธิ์

“ไม่ไปโรงพยาบาลได้ไงไอ้ชิน แกไข้สูงแบบนี้” คุณใหญ่กระแทกลมหายใจ

“แค็ก แค็ก แค็ก ฉันจะไปโรงพยาบาลทหาร” คนป่วยรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีแจ้งเจตจำนงเสียงดังฟังชัด

กฤตนัยและบัวบูชาสบตากันก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้นท่ามกลางความงุนงงของคนที่เหลือ

“เออ ฉันจะพาแกไปไอ้ชิน” กฤตนัยส่ายหน้าอย่างระอา

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น