3

บทที่ 3


 

3

 

ตั้งแต่กลับมาจากห้องทำงานของเตชิน กฤตนัยก็ใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะตั้งสมาธิให้จดจ่อกับกองเอกสารบนโต๊ะ แต่ทุกๆ ครั้งที่หยิบเอกสารขึ้นมาตรวจก็จะปรากฏภาพใบหน้าเจ้าของรอยยิ้มหวานทับซ้อนขึ้นมาในความคิดตลอดเวลา จนอ่านรายงานแผ่นเดียวมาร่วมชั่วโมงแล้ว อาการแปลกๆ ของเจ้านายพลอยทำให้พนาและเดชา สองมือขวาคนสนิทได้แต่ลอบมองหน้ากันด้วยความไม่สบายใจ เพราะโดยปกติแล้วเจ้านายของพวกเขานั้นจะจริงจังกับการทำงานมาก และทำงานได้รวดเร็วแม่นยำ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะนั่งค้างกับเอกสารเพียงแค่แผ่นเดียวนานๆ เช่นนี้

“นายครับ เอกสารมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” พนาเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“อะไรนะ เอกสารอะไร” กฤตนัยละสายตาจากเอกสารในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำถาม

“เอกสารที่นายถืออยู่ครับ พวกผมเห็นนายอ่านเอกสารแผ่นนั้นมาร่วมชั่วโมงแล้ว” เดชาช่วยย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง

“อ๋อ เปล่าๆ พอดีฉันกำลังคิดว่างานประชุมผู้ถือหุ้นที่จะถึงมีอะไรยังไม่เรียบร้อยอีกบ้าง” กฤตนัยกลบเกลื่อนความผิดปกติของตนเองด้วยงานใหญ่ที่กำลังจะมาถึง

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับนาย แต่ถ้านายยังกังวล ให้ผมเรียกทีมบริหารมารายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมไหมครับ” พนาเสนอความคิดเห็น

“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อฝีมือพวกนาย แต่อาทิตย์หน้าก่อนประชุมขอดูเอกสารทั้งหมดอีกทีก็แล้วกัน แล้วก็บ่ายนี้ให้คุณดาเลื่อนประชุมเป็นบ่ายสองโมงด้วย”

เดชาค้อมศีรษะรับคำสั่ง แล้วจึงเดินออกไปสั่งการต่อกับเลขานุการหน้าห้องให้เลื่อนเวลาการประชุมตามคำสั่งของท่านประธาน

เมื่อจัดการกับกองเอกสารตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว กฤตนัยก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินออกจากห้อง โดยไม่ได้เอ่ยบอกคนสนิทแม้แต่น้อยว่าจะออกไปไหน  

พนา เดชา และเหล่าบอดีการ์ดผลุนผลันวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว และแล้วจุดหมายปลายทางของผู้เป็นนายก็หาใช่ที่อื่นไกลเพราะนั่นก็คือห้องทำงานของเตชิน สถานที่ที่เพิ่งจะเดินกลับออกมาได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงนั่นเอง

เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเตชิน กฤตนัยก็กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ เพื่อมองหาใครบางคนที่ทำให้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตลอดครึ่งเช้าของวันนี้

แต่แล้วก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า เพราะโต๊ะทำงานที่เคยมีเจ้าของรอยยิ้มหวานนั่งอยู่เหลือแค่เพียงกองเอกสารตั้งอยู่เท่านั้น กฤตนัยก้าวขายาวๆ ไปเปิดประตูห้องทำงานของเตชิน ก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“มาทำไมอีกวะไอ้ใหญ่” เตชินเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองด้วยความแปลกใจ ที่ท่านประธานผู้มีงานล้นมือมาเยือนถึงห้องเป็นรอบที่สองของวันนี้

“ไปกินข้าวกันชิน ฉันหิวแล้ว” กฤตนัยเอ่ยชวนทนายประจำตระกูล โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้อง

“นี่เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงเองนะครับท่านประธาน หิวแล้วเหรอ ปกติเห็นรับมื้อเที่ยงช่วงบ่ายแก่ๆ โน่น แล้วก็เสียใจด้วย วันนี้ฉันมีนัดแล้ว ฉันจะพาทีมงานไปเลี้ยงต้อนรับใบบัว”

“งั้นฉันไปด้วย” ทันทีที่เตชินปฏิเสธ กฤตนัยก็สวนกลับอย่างรวดเร็ว

และประโยคนี้เองทำให้เตชินต้องเลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาจับผิด เพราะกฤตนัยนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบร่วมโต๊ะอาหารกับใครหากไม่ใช่คนสนิท แต่วันนี้มาแปลก แปลกที่มาขอร่วมโต๊ะกับทีมงานฝ่ายกฎหมายทั้งทีม

“ฉันมีเรื่องงานจะคุยกับทีมนายพอดี จะได้ไม่ต้องนัดกันอีกให้เสียเวลา ก็กินไปคุยไป ลันช์มีตติงน่ะ เข้าใจไหม” คนที่รู้ตัวว่ากำลังถูกจับผิดหยิบยกเรื่องงานขึ้นมากล่าวอ้าง และในเมื่อประธานบริหารเอาเรื่องงานมาอ้างเช่นนี้ มีหรือที่เตชินจะปฏิเสธได้

“งั้นอีกสามสิบนาทีเจอกันที่ห้องอาหารญี่ปุ่น ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว” เตชินจำยอมตกปากรับคำให้กฤตนัยไปร่วมรับประทานอาหารด้วย และนั่นก็ทำให้ท่านประธานแอบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

 กฤตนัยยักคิ้วแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟารับรองที่ตั้งอยู่ในห้อง แทนที่จะเดินกลับห้องของตัวเอง เจ้าของห้องจึงได้แต่ถอนหายใจมองตามหลังผู้บุกรุก ก่อนที่จะตัดใจหันกลับมาคุยงานกับเลขานุการหน้าใหม่ต่อ

“วันมะรืนนี้ผมมีรับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัย ใบบัวไปกับผมด้วยนะครับ ส่วนนี่เป็นเบอร์ผู้ติดต่อของมหาวิทยาลัย รบกวนคุณเช็กรายละเอียดงานทั้งหมดอีกที” เตชินยื่นนามบัตรของผู้ประสานงานให้บัวบูชา

 “แล้วใบบัวมาทำงานยังไง วันนั้นงานเริ่มตั้งแต่เช้าแล้วก็มีดินเนอร์ต่อด้วย คิดว่าน่าจะดึกพอสมควร”

“บัวขับรถมาค่ะ ไปเจอกันที่งานเลยดีกว่า บัวอยากเข้าไปดูความเรียบร้อยของงานก่อนด้วย” บัวบูชาตอบเสียงหวาน และคำตอบนั้นก็ทำให้คนที่แอบฟังบทสนทนาอมยิ้มเพราะความใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

กระนั้นท่านประธานก็อดที่จะขัดเคืองใจเตชินไม่ได้ ที่จะให้เธอออกไปทำงานนอกสถานที่ด้วยแบบนี้ เพราะนั่นจะทำให้เขาอดเจอเจ้าของรอยยิ้มหวานไปหนึ่งวันเต็มๆ

กฤตนัยยกมือขึ้นพาดบนพนักโซฟา คิดหาวิธีบางอย่างมาจัดระเบียบชีวิตการทำงานของเจ้านายและเลขาฯ ที่นั่งอยู่ตรงหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับตารางทำงานของเขาให้มากที่สุด

“ป้ะใหญ่ ได้เวลาลันช์มีตติงแล้วเพื่อน” ขณะที่กฤตนัยกำลังดำดิ่งไปกับกลยุทธ์ต่างๆ เสียงของคนในห้วงความคิดก็ดังขึ้นในระยะประชิด ชิดเสียจนคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักสะดุ้งจนตัวโยน

เตชินกลั้นหัวเราะเพราะอาการของคนขวัญอ่อน ก่อนที่จะหันไปสั่งการกับเลขาฯ ส่วนตัว

“ฝากใบบัวตามหนุ่มๆ ในทีมด้วย ลงไปเจอกันห้องอาหารเลย เดี๋ยวผมตามไป”

“ค่ะ คุณเตชิน” บัวบูชารับคำแล้วรีบเดินไปตามทีมทนายให้ลงไปลันช์มีตติงทันที

 

“น้องใบบัว ลองทานจานนี้ดูนะครับอร่อยมาก พี่ตักให้ครับ

“น้องใบบัวทานอันนี้ดีกว่าครับ พี่ตักให้นะ”

“น้องใบบัวครับ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม เมนูที่นี่หลากหลาย เดี๋ยวพี่ช่วยแนะนำให้”

“น้องบัว ชอบทานอะไรเป็นพิเศษครับ พี่จะได้สั่งเพิ่ม”

เสียงของบรรดาหนุ่มๆ ในทีมที่แย่งกันดูแลน้องใหม่ดังขึ้นไม่ได้ขาด บัวบูชาได้แต่ยิ้มรับไมตรีจากพี่ๆ ในทีม

แต่ท่ามกลางความระริกระรี้ แย่งกันเอาอกเอาใจหญิงสาวหนึ่งเดียวในทีมนั้น กลับทำให้ประธานบริหารที่นั่งอยู่หัวโต๊ะถลึงตามองตามเสียงพูดด้วยความหงุดหงิดใจอย่างไม่มีสาเหตุ

“น้อยๆ หน่อยพวกนาย ให้ใบบัวได้หายใจหายคอบ้าง อาหารวางจนล้นจานไปหมดแล้ว” เตชินสังเกตเห็นสายตาพิฆาตของกฤตนัย รีบยกมือขึ้นห้ามทัพก่อนที่ท่านประธานบริหารจะองค์ลง เพราะจากสายตาที่กฤตนัยแอบทอดมองบัวบูชานั้นก็พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้เลาๆ

“ที่นี่เป็นอาหารญี่ปุ่นสูตรดั้งเดิม เราเชิญเชฟมาจากญี่ปุ่น วัตถุดิบนำเข้ามาทั้งหมด ใบบัวชอบไหมครับ” เตชินเอ่ยถาม

“อาหารรสชาติดีทุกเมนูเลยค่ะ” บัวบูชาตอบ

“เห็นคุณอาบอกว่าใบบัวทำอาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะอาหารชาววัง” เตชินชวนเลขานุการพูดคุยเพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีในการทำงาน

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ บัวชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก พอมีโอกาสเลยไปเรียนทำอาหารไทยชาววังมาค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างถ่อมตน

“น้องใบบัวทำอาหารชาววังเป็นหรือครับ ดีเลย พี่ชอบทานมาก ว่าแต่พวกพี่จะมีบุญปากได้ทานฝีมือน้องใบบัวหรือเปล่านะ” พิศนุ ทนายหนุ่มหล่อเข้มหยอดเต็มๆ ประโยค และนั่นก็ทำให้กฤตนัยกระแทกช้อนกระทบกับจานเสียงดัง จนทุกคนต้องหันไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ

“ขอโทษที ช้อนหลุดมือ ทุกคนตามสบาย” กฤตนัยเอ่ยเสียงเข้ม

“ไว้พรุ่งนี้บัวจะทำมาฝากพวกพี่ๆ นะคะ พอดีเย็นนี้บัวมีเรียนร้อยมาลัยและทำขนมที่บ้านเรือนไทยพอดีค่ะ” บัวบูชายิ้มตอบอย่างอ่อนหวาน

“หืม ใบบัวเรียนร้อยมาลัยด้วยหรือครับ” เตชินถามอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงทำงานที่แต่งตัวมาดมั่น ทำงานคล่องแคล่วจะสนใจงานบ้านงานเรือนขนาดนี้

และเห็นทีคนที่ออกอาการตะลึงค้างมากกว่าใครก็คงจะหนีไม่พ้นกฤตนัยเป็นแน่ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตคุณใหญ่ชื่นชอบบ้านโบราณ สะสมของไทยๆ ชื่นชมผู้หญิงเก่ง แต่ต้องเป็นคนเรียบร้อย ด้วยความชอบที่มีข้อจำกัดมากมายของทายาทอันดับหนึ่งตระกูลดัง จึงยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนดึงความสนใจจากเขาไปได้ ผิดกับหญิงสาวที่อยู่ในวงล้อมตอนนี้ เธอมีหลายสิ่งที่สะกดเขาเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย จากเดิมแค่สะดุดตากับใบหน้ารูปไข่และรอยยิ้มหวานๆ ถึงตอนนี้เขาคงต้องลองศึกษาเธอให้มากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว

“ค่ะคุณชิน บัวช่วยคุณแม่เข้าครัวทำงานบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไปบ่อยๆ ก็รู้สึกชอบ พอมีโอกาสก็เลยไปเรียนให้เป็นเรื่องเป็นราวค่ะ” บัวบูชาอมยิ้มน้อยๆ และท่วงท่าการพูดจาที่ดูอ่อนช้อยเป็นธรรมชาติของเธอนั้นก็ทำให้คนที่กำลังนั่งเก็บข้อมูลอยู่เผลอตัวจ้องมองจนตาค้าง ค้างนานเสียจนบัวบูชาต้องหลบตาเหยี่ยวคู่นั้น โดยการหยุดพูดแล้วตั้งใจกินอาหารต่ออย่างเงียบๆ

“เอ่อ แล้วท่านประธานมีอะไรจะคุยกับพวกผมครับถึงให้จัดลันช์มีตติง” เตชินเอ่ยถามกฤตนัย

“เรื่องสัญญาจ้างบริหารรีสอร์ตที่กระบี่ รีวิวไปถึงไหนแล้ว” กฤตนัยถาม ก่อนที่บทสนทนาบนโต๊ะจะแปรเปลี่ยนเป็นทางการขึ้นโดยทันที

เมื่อซักถามจนได้คำตอบที่พอใจแล้ว ท่านประธานจึงยกแก้วชาเขียวร้อนขึ้นมาจิบ “ชิน วันนี้บ่ายสองโมงนายเข้าประชุมกับฉันด้วยนะ แล้วให้เลขาฯ นายไปช่วยบันทึกการประชุมด้วย” กฤตนัยสั่งการด้วยไหวพริบที่ดีเยี่ยม

กระนั้นก็ยังได้รับสายตาสงสัยเคลือบแคลงจากบัวบูชาและเตชินอยู่ดี กฤตนัยจึงจำเป็นต้องหยิบยกเหตุผลเรื่องงานขึ้นมากล่าวอ้างอีกรอบ

“ฉันอยากให้เลขาฯ ของนาย ได้ลองเข้าไปสัมผัสกับงานของบริษัทแบบจริงจัง จะได้จับประเด็นหลักของงานได้ง่ายและไวขึ้น แล้วฉันก็จะให้ดารินทร์ช่วยดูแลและสอนงานให้เธอด้วยอีกทาง”

“ก็ดี ตามนั้น” เตชินตอบรับ

กฤตนัยแอบกระตุกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เมื่อการเจรจาสัมฤทธิผลอย่างง่ายดายและรวดเร็ว

 

การประชุมผู้บริหารในช่วงบ่ายดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด ทุกฝ่ายหยิบยกปัญหาต่างๆ ขึ้นมาหารือกันอย่างละเอียดด้วยเหตุและผล บัวบูชาตั้งใจอย่างมากที่จะทำความเข้าใจภาพรวมของธุรกิจต่างๆ ในเครือบริษัทโภคินอภิวัฒน์ รวมถึงขอบข่ายงานที่เตชินต้องรับผิดชอบ เพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาสรุปทำรายงาน

การประชุมที่ลากยาวตลอดช่วงบ่ายทำให้บัวบูชาได้สัมผัสอีกมุมหนึ่งของท่านประธานบริหารหน้าดุ และเตชินผู้เป็นเจ้านายของเธอ ท่านประธานบริหารนั้นถึงแม้ว่าจะติดเสียงดุหน้านิ่ง แทบจะไม่เคยเห็นรอยยิ้มเลยก็จริง แต่ก็รับฟังเหตุผลและคำชี้แนะของทีมบริหารท่านอื่น ส่วนเตชินนั้นก็ละมุนละม่อมสุขุมอยู่ในที ทั้งนี้ทั้งนั้นการเริ่มต้นงานที่ใหม่กับเจ้านายคนใหม่ของบัวบูชาในวันแรกถือว่าผ่านพ้นไปได้อย่างสวยงาม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น