4

บทที่ 4


 

4

 

เช้าวันที่เตชินต้องไปเป็นวิทยากรพิเศษที่มหาวิทยาลัย บัวบูชาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารว่างไว้สำหรับผู้เป็นนาย และเช้านี้เธอเลือกที่จะทำอาหารว่างที่กินง่าย นั่นก็คือขนมจีบนกสูตรโบราณ วันนี้เธอเลือกทำขนมจีบไส้กุ้ง เนื่องจากเธอสังเกตเห็นว่าเมื่อวันที่เตชินพาเธอไปเลี้ยงต้อนรับนั้น เขาสั่งเมนูกุ้งมาเยอะกว่าเมนูอื่น จึงคาดเดาไว้ก่อนว่าเจ้านายของเธอนั้นน่าจะชื่นชอบการรับประทานกุ้งเป็นพิเศษ

เธอเริ่มจากการผัดไส้ เมื่อเสร็จแล้วนำแป้งมานวดจนเนื้อแป้งไม่ติดมือ จากนั้นนำแป้งมาปั้นใส่ไส้ และใช้แหนบทองเหลืองจับจีบอย่างสวยงาม พอได้ปริมาณพอสมควรแล้วจึงนำไปนึ่ง ระหว่างที่รอขนมนึ่งอยู่นั้นบัวบูชาจึงทำน้ำผลไม้รวมคั้นสดไปด้วยสามขวด สำหรับเตชิน น้าเดช คนขับรถของเตชิน และสำหรับตัวเธอเอง เมื่อตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานทันที

 

“สวัสดีค่ะ ดิฉันบัวบูชา ผู้ช่วยคุณเตชินค่ะ ดิฉันอยากจะขอเช็กระบบพรีเซนเทชันที่คุณเตชินจะบรรยายหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าต้องไปติดต่อตรงไหนคะ” บัวบูชาแนะนำตัวกับเจ้าหน้าที่หน้างาน เพื่อแจ้งความจำนงขอทดสอบระบบก่อนที่งานจะเริ่ม

เมื่อเช็กรายละเอียดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว บัวบูชาจึงต่อสายถึงเดช คนขับรถของเตชิน เพื่อสอบถามว่าผู้เป็นนายเดินทางมาถึงไหนแล้ว เมื่อได้คำตอบว่าอีกไม่เกินสิบนาทีจะถึงที่งาน เธอจึงเดินออกไปรอรับเจ้านายที่หน้าตึก พอเดินออกมาถึงก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รถของเตชินจอดเทียบบันไดทางขึ้นพอดี

“สวัสดีค่ะคุณเตชิน” บัวบูชายกมือไหว้ทักทายผู้เป็นนาย

“สวัสดีครับใบบัว มาแต่เช้าเลยนะครับ ผมว่าผมเผื่อเวลาแล้วนะ ยังมาถึงทีหลังคุณอีก”

“โธ่ นายคะ หากบัวมาถึงทีหลังมีหวังบัวคงได้ตกงานแน่เลยค่ะ” ใบบัวเอ่ยยิ้มๆ

ในขณะที่เจ้านายกับเลขานุการกำลังทักทายกันอยู่นั้น รถยุโรปคันหรูอีกสองคันซึ่งแสนจะคุ้นตาเตชินก็มาจอดเทียบบันไดทางขึ้น เตชินมองคนที่เพิ่งเปิดประตูรถลงมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามว่า ‘มาทำไม’

“มอร์นิงครับท่านประธาน ไม่ทราบว่าลมอะไรหอบท่านประธานมาถึงที่นี่ได้ครับ” เรื่องการยิงคำถามยียวนกวนอารมณ์แบบนี้ คงไม่มีใครทำได้ดีเท่าทนายหน้าหล่อคนนี้อีกแล้ว

“ฉันก็มาเป็นวิทยากรพิเศษไง ท่านทนายเตชิน” กฤตนัยตอบพลางยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี

“ก็ไหนแกบอกว่าติดประชุมกับพาร์ตเนอร์สำคัญเลยมางานนี้ไม่ได้ แล้วให้ฉันเคลียร์คิวมาแทนไงวะ”

“ก็ตอนนั้นมันไม่ว่างจริงๆ เพื่อน แต่ตอนนี้ว่างแล้ว เอาน่า แกก็บรรยายในส่วนของแกไป ส่วนฉันก็จะพูดในส่วนของการบริหารงานแบบนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย” กฤตนัยยังคงตอบคำถามอย่างอารมณ์ดี

“แกเนี่ยนะอายุน้อย อย่างฉันกับแกเนี่ยเรียกว่าแก่แล้วโว้ย” เตชินกระแทกลมหายใจฮึดฮัดตอบ

“ใครแก่ ฉันคนหนึ่งละที่ไม่ยอมแก่ เอาเถอะน่า มาบรรยายเป็นวิทยาทาน สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นใหม่ ทำอารมณ์ให้สดชื่น สบายๆ ผ่อนคลายสิวะเพื่อน” กฤตนัยตบไหล่เตชินอย่างอารมณ์ดี

“เออ งั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะ ยังพอมีเวลาไปนั่งพัก” ว่าแล้วสองผู้บริหารจึงพากันเดินเข้าไปในห้องรับรอง

 เจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยนำอาหารว่างที่เตรียมไว้ ซึ่งได้แก่ แซนด์วิชและกาแฟมาเสิร์ฟ บัวบูชาเห็นดังนั้นจึงเดินไปหยิบกล่องขนมจีบนกและน้ำผลไม้รวมของเธอและเตชินออกมา และเธอก็คงต้องเสียสละส่วนที่เป็นของเธอให้ท่านประธานแทน จากนั้นจึงนำถาดมาใส่ของแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งลงด้านหน้าโต๊ะรับรอง

“พอดีบัวทำขนมจีบนกสูตรโบราณและน้ำผลไม้รวมเตรียมไว้ เผื่อคุณๆ จะทานรองท้องก่อนขึ้นบรรยาย กล่องนี้ของท่านประธานค่ะ ส่วนกล่องนี้ของคุณเตชิน”

ใบบัววางกล่องใส่ขนมจีบที่เธอบรรจงจัดตกแต่งมาอย่างงดงามลงตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสองคนอย่างเบามือ กิริยาที่อ่อนช้อยเหล่านี้อยู่ในสายตาของกฤตนัยตลอดเวลา ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาวด้วยความชื่นชมอยู่ในใจ

“ขอบคุณครับ” สองหนุ่มเพื่อนซี้เอ่ยขอบคุณพร้อมกัน

บัวบูชายิ้มรับแล้วจึงค่อยๆ ถอยออกมาเพื่อให้เจ้านายทั้งสองได้มีพื้นที่ส่วนตัว

“เฮ้ย อร่อยว่ะ” เตชินพูดกับตัวเองพลางมองหน้าเพื่อนรักทันทีที่ส่งขนมจีบชิ้นแรกเข้าปาก

ส่วนกฤตนัยนั้นค่อยๆ บรรจงหยิบขนมจีบด้วยมือ ยกนกตัวน้อยขึ้นมามองพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมของขนมอย่างช้าๆ คล้ายกับว่ากลัวขนมจีบนกนั้นจะบุบสลาย แล้วจึงค่อยๆ ส่งเข้าปาก ‘อร่อยมาก’ นั่นคือสิ่งที่เขาสัมผัสและอยากตะโกนบอกกับทุกคน แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาทำได้แค่เพียงมองตามหลังบัวบูชาที่กำลังเดินออกจากห้องรับรองไปเท่านั้น

“เออชิน ฉันขอเบอร์เลขาฯ นายไว้หน่อยสิ เผื่อเวลาที่ติดต่อนายไม่ได้หรือนายติดธุระสำคัญอยู่ ฉันจะได้ฝากเรื่องไว้กับเธอ”

“ตอนนี้ยังไม่ได้ทำนามบัตรให้ใบบัวเลย เพราะรอเบอร์โทรศัพท์ของออฟฟิศอยู่ ฝ่ายธุรการกำลังทำเรื่อง น่าจะได้สัปดาห์หน้า ฉันเลยมีแต่เบอร์ส่วนตัวเธอว่ะ เออ…หรือว่าจะใช้เบอร์ส่วนตัวเธอลงในนามบัตรเลยดี เพราะยังไงเธอก็ต้องดูแลคอนเนกชันต่างๆ ให้ฉันอยู่แล้ว” เตชินกำลังคิดตามคำพูดของตนเอง

“ไม่ได้!” กฤตนัยเอ่ยเสียงห้วนจนเตชินต้องเลิกคิ้วขึ้นมอง

“แกไม่ควรใส่เบอร์ส่วนตัวของเธอในนามบัตร เดี๋ยวฉันจะให้เดชาจัดการเรื่องเบอร์ออฟฟิศและโทรศัพท์ให้เรียบร้อยภายในวันนี้ ไม่ต้องรอฝ่ายธุรการแล้ว และที่สำคัญแกก็ห้ามเอาเบอร์ส่วนตัวของเธอให้ใคร” ท่านประธานกระแทกลมหายใจเพื่อปรับอารมณ์

“ถึงเธอจะเป็นเลขาฯ ของแกก็จริง แต่แกก็ต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของเธอด้วย” ชายหนุ่มยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง ส่วนเตชินนั้นก็ได้แต่โคลงศีรษะไปมาเป็นเชิงบอกว่า ‘จะบ่นอะไรอีกก็เชิญ’

“แต่ตอนนี้แกเอาเบอร์ส่วนตัวของเธอให้ฉันก่อนก็แล้วกัน” เตชินหรี่ตามองตาแก่ขี้บ่นด้วยสายตาทะลุทะลวง

“ฉันแค่จะเก็บไว้เผื่อมีธุระด่วนแล้วติดต่อเบอร์ออฟฟิศไม่ได้ ฉันจะได้มีเบอร์สำรองเท่านั้นเอง และฉันก็มีสิทธิ์ที่จะมีเบอร์พนักงานในบริษัททุกคน”

กฤตนัยจัดไปอีกหนึ่งชุดเบาๆ เบามากสำหรับวันนี้ หากไม่นับรวมการขอเลื่อนนัดพาร์ตเนอร์สำคัญของบริษัทเพื่อมาเป็นวิทยากรพิเศษที่นี่ ทั้งยังสั่งซื้อโทรศัพท์โดยไม่ต้องผ่านระบบบริษัท และเหตุผลการขอเบอร์ส่วนตัวของเลขานุการเพื่อนสนิทก็สุดแสนจะคลาสสิก

เตชินยกมือขึ้นคลึงขมับ “บ่นจบแล้วหรือ”

“อืม” กฤตนัยพยักหน้าพลางเปิดขวดน้ำผลไม้รวมขึ้นมาดื่มแก้คอแห้ง

เตชินถอนหายใจก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างในกระดาษแล้วยื่นออกไปวางบนโต๊ะ “เอ้า นี่จดให้แล้วเบอร์เลขาฯ ฉัน จะเอาบ้านเลขที่กับทะเบียนรถเธอด้วยเลยไหมครับท่านประธาน”

“ได้ก็ดี” กฤตนัยตอบแบบลืมตัว และรีบแก้ต่างทันทีที่เตชินส่งสายตาเจ้าเล่ห์กลับมา

“บ้า ฉันพูดเล่น จะเอามาทำไมล่ะ” ว่าพลางหยิบกระดาษที่เตชินเขียนขึ้นมาพับใส่กระเป๋าสูทเอาไว้อย่างดี

“แต่ถ้าได้จริงก็เอาใช่ไหม” เตชินหยั่งเชิง

เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกจับผิด กฤตนัยจึงหันไปหยิบขนมจีบนกขึ้นมาใส่ปากช้าๆ พลางหลับตาลงเพื่อซึมซับความอิ่มเอมจากรสมือของเธอ และเป็นการปิดฉากบทสนทนาไปโดยปริยาย

 

งานสัมมนาเป็นไปโดยราบรื่น นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำจากหลากหลายประเทศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกให้ความสนใจซักถามข้อสงสัยต่างๆ จากทั้งกฤตนัยและเตชิน หลังจากการบรรยายจบลงนักศึกษาสาวๆ ก็เข้ามาขอถ่ายรูปกับสองหนุ่มอย่างสนุกสนาน บัวบูชามองภาพนั้นอย่างภาคภูมิใจที่มีคนชื่นชมเจ้านายทั้งสองคนของเธออย่างล้นหลาม

เตชินเป็นคนถือกล้องถ่ายรูปเซลฟี่กับน้องๆ นักศึกษาอย่างเป็นกันเอง ส่วนกฤตนัยตอนแรกก็ทำเช่นเดียวกับเตชิน แต่พอเห็นว่าบัวบูชามองอยู่ก็ชะงักทันที

กฤตนัยลดแขนที่ถือสมาร์ตโฟนของน้องนักศึกษาลงก่อนจะขอปลีกตัวออกมา แสร้งเดินรับโทรศัพท์ที่ไม่มีสายเรียกเข้าแม้แต่สายเดียว และเดินเลี่ยงไปหาพนากับเดชาทันที

ฝ่ายเตชินเมื่อเห็นว่ากฤตนัยเดินออกไปแล้วจึงถือโอกาสขอตัวจากน้องๆ นักศึกษาเดินตามหลังไปติดๆ

“อีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลากาลาดินเนอร์ เชิญคุณกฤตนัย คุณเตชิน และคณะพักผ่อนที่ห้องรับรองก่อนนะคะ” ทีมงานของทางมหาวิทยาลัยเอ่ยพร้อมกับผายมือเชิญทุกคนไปพักผ่อนที่ห้องรับรอง

“ใบบัว คุณไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงได้เลยนะ ไม่ต้องห่วงพวกผม ทางนี้มีพนากับเดชาดูแลอยู่แล้ว สบายใจได้ พวกผมเป็นผู้ชาย แค่เปลี่ยนสูทก็เสร็จแล้ว งานนี้แต่งให้สวยสะพรึงไปเลยนะ ผมอยากอวดให้โลกได้รับรู้ว่าเลขาฯ ของผมสวยมาก” เตชินกล่าวอย่างอารมณ์ดี

“งั้นบัวขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะค้อมตัวเดินผ่านผู้เป็นนายออกไป

 

งานเลี้ยงขอบคุณคณาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำจากหลากหลายประเทศจัดขึ้นในบริเวณอาคารอเนกประสงค์ที่ถูกเนรมิต ประดับประดา ตกแต่งด้วยมวลต้นไม้ดอกไม้อย่างสวยงาม

กฤตนัย เตชิน พนา และเดชาเตรียมตัวพร้อมแล้ว และนั่งรอหญิงสาวหนึ่งเดียวอยู่ในห้องรับรองดังเดิม

กฤตนัยชะเง้อคอมองประตูห้องรับรองตลอดเวลา จนเตชิน พนา และเดชาแอบลอบสบตากันเพราะความผิดปกตินั้น

“แกมองอะไรใหญ่” เตชินถาม

“มองอะไร ฉันเช็กเมลอยู่” คนถูกจับผิดหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาหมายจะเช็กงานตามที่พูดออกไป วินาทีเดียวกันนั้นประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออก สี่หนุ่มที่อยู่ในห้องเงยหน้าขึ้นมองยังจุดเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง

บัวบูชาในชุดราตรียาวสีครีมเปิดโชว์ไหล่นวลเนียนเดินเข้ามาในห้องรับรอง ผมที่ถักเปียแล้วเกล้าขึ้นรับกับใบหน้ารูปไข่ของเธอยิ่งนัก ชุดราตรีที่เข้ารูปนั้นเผยให้เห็นสัดส่วนทรงนาฬิกาทรายของเธออย่างชัดเจน ประกอบกอปรกับท่วงท่าการเดินและการวางตัวทำให้เธอดูดีและเซ็กซี่มาก มากเสียจนใครบางคนหายใจติดขัด

            “โอ้โห สวยมากๆ เลยใบบัว” เตชินร้องทัก “ขอควงเลขาฯ ส่วนตัวออกงานสักวันก็แล้วกัน เชื่อได้เลยว่าผู้ชายทั้งงานต้องอิจฉาผม”

เตชินมองเลขานุการสาวด้วยความชื่นชม ด้วยตัวเขาเองก็ถูกชะตากับบัวบูชาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ถึงแม้นว่าอาจจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ด้วยความที่บัวบูชาเป็นคนที่เปิดเผย จริงใจ และชัดเจน จึงทำให้เตชินไว้เนื้อเชื่อใจเลขานุการคนนี้มากทีเดียว

ในขณะที่เตชินกำลังชื่นชมบัวบูชาอยู่นั้น จอมวางแผนก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนอย่างรวดเร็ว

“ครับพี่ใหญ่” ปลายสายรีบกดปุ่มรับทันทีที่เห็นว่าใครโทร. มา

“รอง นายช่วยโทร. หาเตชินตอนนี้เลยนะ คุยอะไรก็ได้นานๆ หน่อย เออ คุยเรื่องห้างใหม่ก็ได้ ตอนนี้เลยนะ” ต้นสายสั่งการด้วยความกระชับ ฉับไว และเน้นย้ำ โดยไม่เปิดโอกาสให้ปลายสายได้ซักถามหรือตอบรับก็กดวางสายทันทีที่จบประโยค ปล่อยให้น้องชายคนรองมองดูหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความงุนงง กระนั้นก็ยินยอมทำตามทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ

ทางฝั่งเตชินก็กำลังยกแขนขึ้นตั้งฉาก เพื่อที่จะให้บัวบูชาคล้องเข้าไปในงาน แต่พลันเสียงริงโทนจากสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจำต้องลดแขนที่ตั้งฉากลง แล้วล้วงสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ครับคุณรอง สะดวกครับ ว่ามาเลย” เตชินเดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์สายสำคัญนอกห้องรับรอง

“พนาบอกเตชินตามเข้าไปในงานก็แล้วกันนะ ถึงเวลาเข้างานแล้ว ขืนไปช้ากันหมดจะดูไม่ดี”

กฤตนัยแอบกระตุกยิ้มที่มุมปากแค่เพียงเศษเสี้ยววินาที ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วยกแขนขึ้นตั้งฉากเพื่อให้บัวบูชาคล้องเดินเข้าไปในงาน หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเพราะสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน

“เอ่อ...” บัวบูชาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของลำแขนแกร่ง ซึ่งสิ่งที่ได้รับตอบการมองนั้นคือสายตาที่ดุดัน คล้ายกับกำลังต่อว่าเธออยู่กลายๆ ที่ชักช้า

หญิงสาวจำต้องสอดวงแขนของตนเองกับลำแขนนั้น แล้วก้าวเดินออกไปร่วมงานพร้อมกันแต่โดยดี

กฤตนัยอมยิ้ม ลอบมองคนข้างกายตลอดเวลา ในขณะที่หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้า ตั้งหน้าตั้งตาเดินตามด้วยความหวาดระแวง

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ปล่อยตัวตามสบาย เดินมองทางด้านหน้าบ้างสิครับ เดี๋ยวก็ได้สะดุดล้มกันพอดี” กฤตนัยกระเซ้า พยายามชวนคุยเพื่อให้เธอผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เพราะคงไม่ดีแน่หากเธอจะเดินตัวแข็งไปตลอดทางแบบนี้

“ขอโทษค่ะ บัวไม่ได้ตั้งใจ” บัวบูชากล่าว

“ขอโทษทำไม ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย”

“อ๋อ...ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ

“แต่ถ้าผมมีอะไรจะว่าคุณจริงๆ ตอนนี้ก็คงจะมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น” คนขี้แกล้งเหล่ตามองคนที่เบิกตาโตอยู่ข้างกาย

“คุณอยากรู้หรือเปล่าล่ะ”

บัวบูชาพยักหน้าเบาๆ พลางผ่อนลมหายใจออกช้าๆ “ค่ะ”

คนหน้านิ่งโน้มใบหน้าลงเล็กน้อยเพื่อปรับเสียงให้เบาลงกว่าปกติ “ความจริงจะเรียกว่าว่าก็คงไม่เชิง จะเรียกว่าชมก็คงไม่ใช่” บัวบูชาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามตั้งสติรับฟังสิ่งที่เจ้าของบริษัทกำลังจะติงเธอ

“คืนนี้คุณสวยมาก”

“คะ?” หญิงสาวเผลอร้องออกมา

“แต่สำหรับผม ชุดนี้มันดูวาบหวิวไปหน่อย”

หัวใจที่เกือบจะพองโตของหญิงสาวฟีบลงทันตา ‘ใจร้าย’ บัวบูชาเผลอต่อว่าเจ้าของบริษัทในใจ ชุดที่เธอใส่ไม่ได้วาบหวิวเสียหน่อย ออกจะมิดชิดด้วยซ้ำ เปิดแค่ไหล่เท่านั้นเอง

หลังจากประโยคอันร้ายกาจของท่านประธานจบลง ก็ไม่มีบทสนทนาใดระหว่างคนทั้งสองอีก บัวบูชาพยายามทำตัวให้เป็นปกติและนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ กฤตนัยอมยิ้มกับอาการสงบนิ่งของคนข้างๆ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเธอคงไม่พอใจที่ถูกวิจารณ์ แต่เขาก็เลือกที่จะพูดกับเธอตรงๆ เพราะต่อไปเธอคงต้องไปออกงานแบบนี้กับเตชินบ่อยๆ ขืนปล่อยให้แต่งตัวสวยโดดเด่นแบบนี้ตลอด คนขี้หวงอย่างเขาคงได้ตบะแตกสักวัน

 

            “สงสัยพวกนายจะมีนายหญิงเร็วๆ นี้แล้วนะ ดูสิ มองตามตาละห้อย” เตชินที่เพิ่งวางสายจากคุณรองเอ่ยกับพนาและเดชา เพราะไม่ว่าบัวบูชาจะเดินไปทางไหนหรือหยุดทักทายใคร ท่านประธานก็ชะเง้อมองตามไม่ให้คลาดสายตา

            “พวกผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ” พนาและเดชามองตามสายตาผู้เป็นนาย ก่อนที่จะหันกลับมาตอบเตชิน

...

“ดึกมากแล้ว บัวขอตัวกลับก่อนนะคะ
สวัสดีค่ะท่านประธาน คุณชิน คุณพนา คุณเดชา” ใบบัวยกมือไหว้กล่าวลาแล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่มุมตึก

“งั้นพวกเราก็แยกย้าย ฝันดีเพื่อน” เตชินยกมือโบกลากฤตนัย แล้วจึงเดินไปขึ้นรถที่เดชมาจอดรออยู่แล้ว

“อืม เจอกันพรุ่งนี้” กฤตนัยตอบก่อนที่จะเดินลิ่วไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว

“พนา ตามบัวบูชาไป ตามไปห่างๆ อย่าให้เธอรู้ตัว”

พนาพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วจึงส่งสัญญาณบอกรถบอดีการ์ดอีกคันให้ออกรถตามไป กฤตนัยและเหล่าผู้ติดตามขับรถตามบัวบูชามาจนเธอเลี้ยวเข้าหมู่บ้านอย่างปลอดภัย จากนั้นรถยุโรปคันหรูจึงวนกลับบ้านโภคินอภิวัฒน์ที่ตั้งอยู่อีกทาง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น