5

5

5

 

       ตลอดทั้งสัปดาห์ริศาไม่มีเวลาไปดูแลจิรฉัตรมากนัก เธอเพียงทำมื้อเช้าให้เขาแล้วหายตัวไปซ้อมสวมรองเท้าส้นสูงเดินอยู่ตรงทางเดินหินอ่อนที่เชื่อมระหว่างปีกซ้ายกับปีกขวาของคฤหาสน์คนเดียวแทน ไม่พูดคุยกับใคร ไม่ร่วมโต๊ะอาหาร ตอนค่ำก็ไม่อยู่รอต้อนรับจิรฉัตร แต่เหมือนเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเธอมากเช่นกัน เพราะทางนั้นก็ง่วนอยู่กับการจัดงานเลี้ยงให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ไหนจะปัญหาที่บริษัทอีก เรียกได้ว่าต่างคนต่างอยู่ชั่วคราว

“โอ๊ย!”

ริศาร้องลั่น ทันทีที่ล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดังตุ้บเพราะข้อเท้าพลิก หนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนหัวเพื่อรักษาสมดุลหล่นลงมาอยู่บนตัก หญิงสาวหน้ามุ่ย ทั้งเครียดและกังวลไปหมด พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานเลี้ยงแล้วแท้ๆ แต่เธอก็ยังเดินเก้ๆ กังๆ เหมือนเดิม ทั้งที่ดูแบบในยูทิวบ์เป็นร้อยคลิป รวมไปถึงคลิปเก่าๆ ของพี่สาวสมัยที่ยังเดินแบบก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไร

“จือปาก ยืดอก จิกตา ปรายตา เท้าเอว และหมุน”

นางแบบฝึกหัดท่องทักษะที่เรียนมาจากวิดีโอแล้วทำตามอย่างที่พูด ไม่ว่าจะเป็นจือปากจนปากจู๋ ใช้มือทั้งสองข้างดันหน้าอกให้เข้าที่ เบิ่งตากว้างๆ แล้วแข็งใจค้างไว้จนเหมือนตาค้าง เท้าเอวเชิดๆ จากนั้นก็หมุน แล้วล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบ

“ฮือ...จะรอดไหมเนี่ย!”

ริศาโอดครวญ เท้าเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกรองเท้ากัด พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้แอบถามเป้มาว่าสมาคมที่ว่านี่คือสมาคมอะไร ก็ได้คำตอบมาว่าเป็นสมาคมมาเฟีย เป็นงานเลี้ยงที่รวมตัวมาเฟียทั้งหลายภายในประเทศ เน้นการอวดความร่ำรวยและสามีภรรยาของตนเองให้โลกรู้ แล้วถ้าเกิดเธอดันสะดุดล้มบนเวที ทำให้ตระกูลจินดามหาศักดิ์ขายหน้าละก็...

จะโดนปืนจ่อหัวไหมเนี่ย!

ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ไหนจะเรื่องพ่อของจิรฉัตรอีก ได้ยินมาว่ารายนั้นโหดจนมาเฟียด้วยกันยังไม่อยากเข้าใกล้ หากเธอทำอะไรให้ไม่พอใจคงได้กลายเป็นศพแน่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้นั่นก็คือฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก!

 

ตกเย็นริศารับประทานอาหารเป็นมื้อแรกของวันเพียงลำพังในห้องอาหาร กลายเป็นว่าเธอติดซีเรียลกับนมแทนจิรฉัตรเสียแล้ว นอกจากจะอร่อยแล้วยังประหยัดเวลาในการทำอาหารไปได้เยอะ

ภายใต้ความกังวล หญิงสาวยังคงกดเบอร์โทรศัพท์หาแม่อยู่ประมาณสามสี่สาย ทว่าอีกฝ่ายไม่รับ จึงเปลี่ยนใจส่งข้อความทางแชตไปหาแม่แทน อย่างน้อยๆ ให้เธอได้ระบายความเครียดและรับกำลังใจจากแม่ซะหน่อยก็ยังดี

 

ริศา : แม่จ๋า นอนหรือยังคะ

ริศา : ริศาเครียดมากเลย พรุ่งนี้ริศาต้องไปเดินแบบในงานเลี้ยงสมาคมมาเฟีย

ริศา : คุณฉัตรกำชับนักหนาว่าอย่าทำให้พ่อเขาโกรธ...

ริศา : ริศายังเดินแบบไม่ได้เลยค่ะ ฝึกมาทั้งอาทิตย์ก็ยังทำไม่ได้

ริศา : พรุ่งนี้จะเป็นวันชี้ชะตาชีวิตริศาแล้วค่ะ แงงง

 

 

 

หลังจากส่งข้อความรัวๆ ไปหาผู้เป็นมารดา ริศาก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองข้อความในแชตอีกครั้ง คราวนี้ขึ้นว่าอีกฝ่ายอ่านแล้ว เธอจึงตั้งตารอคอยว่าแม่จะส่งอะไรกลับมา ทว่าสามนาทีผ่านไปก็ยังไม่ตอบกลับมา ห้านาทีผ่านไปก็ยังไม่ตอบกลับมา

หรือว่าแม่จะเผลอตอบแชตผ่านทางจิตอีกแล้ว

ริศาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซีเรียลยังเหลือเต็มชาม แต่เธอก็กินไม่ลงแล้ว ตัดสินใจลุกขึ้นกะว่าจะไปซ้อมเดินแบบต่อบนห้อง ทว่าพอเดินออกมาจากห้องครัวก็พบจิรฉัตรเสียก่อน

“อ้าว ทำไมกลับมาเร็วจังคะ เพิ่งห้าโมงเอง”

“เป้รายงานว่าคุณไม่ยอมทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า”

สีหน้าของจิรฉัตรในตอนนี้บ่งบอกว่าเขากำลังหงุดหงิด และ...เป็นห่วง

เหงื่อบนดวงหน้าคมไหลอาบแก้ม เหมือนกับว่าเขารีบแจ้นมาที่นี่ทันทีที่รู้ว่าเธอไม่ยอมรับประทานอาหารยังไงยังงั้น หัวใจของริศาพองโตเมื่อสัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงเธอ รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้า

“ฉันเพิ่งทานซีเรียลไปค่ะ พอดีว่าเครียดๆ เลยทานอะไรไม่ลง”

อาการหอบเหนื่อยของเขาเบาลงเมื่อเจอเครื่องปรับอากาศภายในคฤหาสน์ช่วย สายตาของเขาเหลือบไปเห็นปลาสเตอร์ลายการ์ตูนน่ารักแปะอยู่เต็มเท้าของภรรยา คิ้วเรียวกระตุกอีกครั้ง

“เท้าคุณบาดเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ”

“เอ่อ...”

ริศาอึกอัก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นแผลของเธอ ซึ่งในความเป็นจริงจิรฉัตรรับรู้มาโดยตลอดผ่านมือซ้ายของเขาว่าภรรยาฝึกซ้อมเดินแบบอย่างหนักหน่วง ล้มแล้วล้มอีก แต่ก็ยังลุกขึ้นมาซ้อมต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยอมแพ้ เขาคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกมาก คนอย่างรสาน่ะหรือจะต้องเสียเวลาฝึกซ้อมเดินแบบ

“แล้วนี่คุณกำลังจะทำอะไร”

“ฉันจะขึ้นไปซะ...เอ่อ...พักผ่อนบนห้องค่ะ”

จิรฉัตรมองอย่างรู้ทัน จะขึ้นไปซ้อมเดินแบบอีกละสิท่า เจ็บตัวขนาดนี้แล้วแท้ๆ

“อย่าเพิ่ง ไปเลือกชุดก่อน มา เดี๋ยวผมช่วยเลือก”

ชายหนุ่มก้มตัวลง แขนแข็งแรงข้างหนึ่งประคองหลังคนตัวเล็กไว้ ส่วนอีกข้างช้อนขาเธอลอยขึ้น เท่ากับว่าตอนนี้เขากำลังอุ้มเธอในท่าเจ้าสาว

“คุณฉัตร...ฉันเดินเองได้ค่ะ”

ริศาพูดเสียงค่อย แก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อ นอกจากพ่อ เกิดมาเธอเพิ่งเคยเข้าใกล้ผู้ชายมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก

“เดี๋ยวเจ็บเท้า”

คำพูดสั้นๆ ของจิรฉัตรทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง แรงจนเธอกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงของมัน สายตาจริงจังของเขาทำให้เธอไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก ได้แต่ปล่อยให้เขาอุ้มขึ้นบันไดไปจนกระทั่งถึงห้องนอน เขาปล่อยเธอลงบนเก้าอี้ในห้องแต่งตัวอย่างเบามือที่สุด ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอออกทีละตู้จนครบทั้งห้อง

“พรุ่งนี้ผมจะใส่ทักซิโดสีดำ ผมอยากให้คุณใส่สีดำเหมือนกัน”

จิรฉัตรพูด ขณะไล่สายตาสำรวจเสื้อผ้าทุกชุดในตู้ เสื้อผ้าที่เขาให้พนักงานที่บริษัทขนมาเมื่อหลายวันก่อนถูกยัดใส่ในตู้เหล่านี้หมดแล้ว

“คุณเลือกเครื่องเพชรได้หรือยัง”

เขาหันมาสบตาเธอ

“ค่ะ ฉันเลือกชุดนี้”

ริศาหยิบกล่องเครื่องเพชรที่เธอชอบขึ้นมาจากตู้กระจกสำหรับเก็บเครื่องประดับ ก่อนจะเปิดกล่องให้อีกคนดู ภายในกล่องมีสร้อยเพชรเส้นใหญ่ เข้าชุดกับต่างหูและแหวน

“เลือกได้ดีนี่” จิรฉัตรกระตุกยิ้มพึงพอใจ “นี่เป็นคอลเล็กชันล่าสุดของบริษัทผมที่ยังไม่วางขายที่ไหน คุณกำลังจะได้ใส่เป็นคนแรกของโลกเลยนะ”

ริศาอ้าปากค้าง จนแมลงวันแทบจะบินเข้าไปวางไข่ได้ นี่เธอกำลังจะได้รับเกียรติมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ เป็นภรรยาคนร้วยรวยมันดีอย่างนี้นี่เอง

“คุณว่าชุดนี้โอเคไหมคะ”

หญิงสาวเดินไปหยิบชุดราตรีสีดำมิดชิดเรียบร้อยขึ้นมาให้ดู จิรฉัตรส่ายหัวดิก

“ผมอยากให้คุณเปิดเนื้อเปิดหนังหน่อย จะได้เห็นเครื่องเพชรชัดๆ”

ประโยคเมื่อครู่ทำเอาคนฟังหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ครั้นจะบ่นเขาก็ไม่ได้ เพราะท่าทางเขาจะไม่ได้คิดอะไรลามก เหมือนแค่คำนึงถึงความเหมาะสมมากกว่า

คงมีแค่เธอคนเดียวที่คิดเรื่องบัดสี...

“ผมว่าชุดนี้น่าจะเวิร์ก”

จิรฉัตรคว้าชุดออกมาจากตู้ชุดหนึ่ง เป็นชุดราตรีเกาะอกสีดำเลื่อมวิบวับ กระโปรงยาวบานเหมือนเจ้าหญิง ส่วนอกเว้าเป็นรูปตัววี หากใส่แล้วน่าจะโป๊ไม่น้อย แต่ถ้ารวมกับเครื่องเพชรมาประดับบนร่างคงจะช่วยขับให้สวยสง่าเหมือนราชินี ริศานึกทึ่งในตัวชายหนุ่มที่มีรสนิยมดีจนถึงขั้นดีมาก

“งั้นฉันใส่ชุดนี้ก็ได้ค่ะ”

จิรฉัตรพยักหน้า ก่อนไล่สายตามองดูที่ข้อเท้าของหญิงสาว และเหมือนเธอจะรู้ทัน จึงฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีให้

“ฉันไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ในใจเธอกังวลมากเสียจนอยากอาเจียนซะตอนนี้ด้วยซ้ำ “แต่ถ้า...ฉันพลาดขายหน้าบนเวที...คุณอย่าโกรธฉันเลยนะคะ”

จิรฉัตรพยักหน้า “ขอดูสถานการณ์ก่อน”

พูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง

หากเธอพลาดตอนเขาอารมณ์ดีก็จะรอด แต่หากพลาดตอนเขาอารมณ์ไม่ดีก็คงจะถูกลากตัวไปเซ็นใบหย่างั้นสิ ไหนความยุติธรรมเอ่ย

 

วันถัดมา

งานเลี้ยงสมาคมมาเฟียถูกจัดขึ้นในโรงแรม J Park โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางย่านของพวกไฮโซ หนึ่งในเครือธุรกิจของตระกูลจินดามหาศักดิ์ แขกเหรื่อทยอยเข้างานเรื่อยๆ ในเวลาทุ่มตรง

บูกัตติ เวย์รอนสีดำเงาวับจอดนิ่งที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม บอดีการ์ดชุดดำออกมายืนเข้าแถวในท่าระเบียบพักในลักษณะสองแถว ล้อมพรมแดงเอาไว้ยี่สิบชีวิต บุคคลสำคัญของงานก้าวลงจากรถทางฝั่งคนขับ จิรฉัตรอยู่ในชุดทักซิโดสีดำเรียบหรูทับเสื้อสีขาว ผมเซตขึ้นเผยหน้าผากงาม ร่างสูงสง่าอ้อมมาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับพร้อมกับส่งมือให้ภรรยาสาวสวยจับไว้

ริศาอยู่ในชุดราตรีสีดำที่จิรฉัตรเลือกให้ เกาะอกรูปตัววีเผยให้เห็นเนินอกขนาดกำลังสวยเรียกสายตาหนุ่มๆ ในงาน ดวงหน้าหวานงดงามหมดจด งานนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าจัดมาก เน้นเผยความเนียนใสของผิวกายและผิวหน้าเป็นหลัก ผมยาวตรงรวบตึงเป็นมวยต่ำขับเครื่องหน้าของเธอให้ชัดขึ้น เครื่องเพชรราคาสามสิบล้านบนตัวเธอวิบวับจนคนมองแสบตากันเป็นแถว

สองสามีภรรยาคู่นี้ช่างเหมือนเทวดานางฟ้าลงมาเดินดิน

ริศาควงแขนจิรฉัตรเดินเข้างาน ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าเขากลายเป็นไม้เท้าช่วยพยุงเธอไว้เสียแล้ว ก็แม่ตัวดีเล่นทิ้งน้ำหนักตัวไว้ที่แขนซ้ายเขาซะขนาดนี้ ทีเมื่อวานทำเป็นพูดดิบดีว่าไม่เป็นไร

“การ์ดเยอะจังเลยนะคะ” ริศากระซิบเบาๆ

“มีการ์ดของตระกูลอื่นด้วยไง”

จิรฉัตรว่า พร้อมกับกวาดตามองบรรยากาศภายในงาน อย่างที่ภรรยาเขาพูดจริงๆ การ์ดที่มาดูแลความปลอดภัยของเจ้านายตัวเองอาจจะมีมากกว่าแขกที่มาร่วมงานเสียอีก แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของมาเฟียที่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก งานใหญ่ขนาดนี้ยิ่งต้องระวังเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

“ว้าว! นั่นคนหรือนางฟ้าเนี่ย!” 

“คนนึงสวย คนนึงหล่อ โอ๊ย! แสบตาไปหมด” 

“ดูเครื่องเพชรนั่นสิ ราคาเท่าไหร่กันนะ” 

“นั่นภรรยาคุณฉัตรเหรอ ไม่เคยเห็นหน้าเลย สวยมาก” 

เสียงซุบซิบนินทาจากบรรดาแขกที่มาร่วมงานดังเซ็งแซ่ ริศารู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอไม่เคยต้องตกเป็นเป้าสายตาอย่างนี้มาก่อน สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมายังเธอทำให้เธอทำตัวไม่ถูก แทบก้าวขาไม่ออกหากคนที่เธอควงแขนอยู่ไม่กระเตงเธอไปด้วย

“งานนี้ไม่มีนักข่าวหรอก ไม่ต้องกลัว”

จิรฉัตรกล่าว เขานึกว่าภรรยาอาจกลัวว่านักข่าวจะเล่นงานเธอ เรื่องที่เป็นคนรักของมาเฟีย แถมยังมาร่วมงานที่มีแต่นักธุรกิจสีเทาแบบนี้อีก

ริศายิ้มเจื่อน หน้าซีดกว่าเดิมเท่าตัวเมื่อจิรฉัตรพาเธอมาร่วมโต๊ะเดียวกันกับท่านเรืองศักดิ์พ่อของเขาซึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“มานานหรือยังครับ” จิรฉัตรถามผู้เป็นพ่อ

“สักพักแล้ว”

ท่านเรืองศักดิ์ตอบลูกชาย แต่สายตากดดันกลับจ้องเขม็งมาที่ลูกสะใภ้ซึ่งนานๆ จะเจอกันสักที

“สวัสดีค่ะ...คุณพ่อ”

ริศายกมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม สีหน้ายิ้มแย้ม ทำเป็นใจดีสู้เสือแม้ว่าขาจะสั่นเป็นเจ้าเข้า ท่านเรืองศักดิ์ไม่รับไหว้ แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนมองหน้าลูกชาย รายนั้นอมยิ้มพึงพอใจที่ภรรยาพยายามรักษาหน้าเขากับพ่อ

หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเธอแค่กลัวจนหัวหด

“ว้าว วันนี้พาภรรยามาด้วยเหรอคุณฉัตร”

ทั้งโต๊ะหันไปมองตามต้นเสียง จิรฉัตรกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นว่าบุคคลที่เดินดุ่มๆ เข้ามาทักทายคือชัชวาล ลูกชายของรองประธานสมาคมมาเฟีย และเป็นคู่แข่งทางธุรกิจอันดับหนึ่งของเขา

“อืม”

จิรฉัตรตอบสั้นๆ ตัดบทว่าเขาไม่อยากสนทนาใดๆ ด้วยอีก ทว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมไปไหน

“สวยจังเลยนะครับ สวยกว่าที่เคยเห็นในทีวีอีก มิน่าล่ะคุณฉัตรถึงไม่ยอมพามาร่วมงานเลยสักครั้ง สงสัยจะหวงเมีย”

จิรฉัตรกำหมัดแน่น ก่อนจะลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับอีกฝ่าย

“ไปหาที่นั่งไป อย่ามายุ่งกับเมียฉัน”

“หวงเมียจริงด้วยแฮะ”

ชัชวาลทิ้งท้าย ก่อนแยกตัวออกไปแต่โดยดี ทิ้งให้จิรฉัตรมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในใจ เขานั่งลงก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟให้เอาเหล้ามาให้ ท่านเรืองศักดิ์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“อย่าเมาแต่หัวค่ำเชียวนะแก”

“ไม่เมาหรอกน่า”

“คุณฉัตรคะ”

คนขี้เมามองหน้าภรรยา ก่อนนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาพาเธอมาเพื่อเดินแบบและโพรโมตเครื่องเพชรไปในตัว เขาขอแยกตัวออกจากพ่อแล้วจูงมือหญิงสาวเข้าไปที่ห้องพักเฉพาะพนักงานเพื่อบรีฟงานกับเธอ

“คุณมีเวลาหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาทีก่อนงานจะเริ่ม ผมจะให้คุณเดินเปิดงานนะ”

“ค่ะ” ริศาพยักหน้า

“ระหว่างนี้ก็พักในห้องนี้ไปก่อน เดี๋ยวผมให้เด็กมาตามก่อนขึ้นเวที”

“แล้วคุณล่ะคะ”

“ผมต้องออกไปต้อนรับแขก วันนี้พ่อกับผมเป็นเจ้าภาพจัดงานน่ะ คงไม่ได้อยู่กับคุณตลอดเวลา”

เมื่อเห็นสายตาเป็นกังวลของภรรยา จิรฉัตรก็จับมือเธอไว้แล้วนวดเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

“คุณเป็นคนเก่ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้รสา”

ริศารู้สึกหน่วงที่หน้าอกยามได้ยินชื่อของพี่สาว ถึงอย่างนั้นเธอก็พยักหน้าตอบให้อีกฝ่ายคลายกังวล แต่พอลับหลังเขาเธอก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา เขาเชื่อมั่นในตัวเธอเพราะคิดว่าเธอคือรสา และเขาให้กำลังใจเธอในฐานะของรสา

อืม...เป็นเงาของคนอื่นมันเจ็บอย่างนี้นี่เอง

น้ำใสๆ ไหลลงอาบสองแก้ม มือบางรีบปาดมันทิ้งทันที กลัวว่าตาจะบวมหรือเครื่องสำอางจะถูกลบไป หญิงสาวพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันมาร่วมสัปดาห์ เพราะแปลกถิ่นบ้าง ตื่นเต้นบ้าง และเครียดบ้าง วันนี้เธอจึงรู้สึกว่าสภาพร่างกายเริ่มไม่ไหว

ริศาพยายามสลัดความกังวลและความตื่นกลัวออกไปจากหัว เธอลุกขึ้นยืนหวังจะไปเติมหน้าในห้องน้ำ แต่ก็ดันหน้ามืดเสียก่อน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ เบลอ กระทั่งดับลงในที่สุด

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น