4

4

4

 

อาหารเช้าของวันนี้คือสลัดอะโวคาโด ไข่ดาว ไส้กรอก และกาแฟสูตรน้ำตาลน้อยโดยฝีมือของริศา วันนี้เธอตั้งใจจะร่วมโต๊ะกับจิรฉัตรด้วย ที่นั่งวันนี้จึงจัดไว้สำหรับสองที่ ป้าบัวซึ่งเป็นคนจัดที่นั่งแปลกใจหนักกว่าเมื่อวาน รู้สึกเหมือนโลกกำลังจะแตกที่นายท่านและนายหญิงรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน

จิรฉัตรก้าวลงบันไดมาพบกับสองสาวที่คุ้นหน้ารอต้อนรับเฉกเช่นเมื่อวาน ระหว่างเดินผ่านภรรยา เธอรีบย้ายตัวเองมาขวางทางเขาไว้ ใบหน้าสวยเปื้อนเขม่าควันที่แก้มขวา

“ริ เอ๊ย รสาผูกเนกไทให้นะคะ”

ริศาไม่กล้าสบตาจิรฉัตรขณะผูกเนกไทให้เขา เมื่อไรหนอเธอถึงจะคุ้นชินกับการสวมรอยเป็นพี่สาวเสียที

ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันไม่มากนัก จิรฉัตรไม่โวยวายอะไรใส่คนตัวเล็ก เพราะเขาเองก็ต้องการดูความประพฤติของเธอไปเรื่อยๆ ก่อน และเมื่อได้มองหน้าภรรยาใกล้ๆ เขาก็ยิ่งชื่นชมในความสวยของเธอ คนอะไรเครื่องหน้าชัดไปเสียทุกมุม

แล้วดูคราบเขม่าควันนั่นสิ

ริมฝีปากสวยยกยิ้มอย่างเอ็นดู จิรฉัตรยกมือเช็ดคราบเขม่าควันที่แก้มเนียนใสของอีกคนเบาๆ เขาอยากสัมผัสมันมานานแล้ว เจ้าแก้มนุ่มนิ่มเหมือนมาร์ชแมลโลว์เนี่ย และเขาจะสัมผัสมันอีกบ่อยๆ แน่ ตราบใดที่สัญญาของเขาและเธอเป็นโมฆะ

“คุณฉัตร...คุณหยิกแก้มฉันอยู่...”

“ฮะ”

จิรฉัตรได้สติ มือของเขากำลังดึงแก้มภรรยาจนยืด เธอมองเขาตาแป๋ว เขาจึงรีบดึงมือออก

“โทษที หน้าคุณเปื้อน”

ริศาส่ายหน้าพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ

“ไปทานอาหารกันเถอะค่ะ วันนี้ฉันทำไว้หลายอย่างเลย”

จิรฉัตรเดินตามคนตัวเล็ก ก่อนที่ริศาจะเลื่อนเก้าอี้ให้เขา แล้วเชิญชวนให้นั่ง แหม บริการดีจนเริ่มประทับใจเสียแล้วสิ

เจ้าของบ้านนั่งหัวโต๊ะ โดยมีภรรยากำมะลอนั่งอยู่ฝั่งขวา และที่ยืนอยู่ข้างหลังภรรยาอีกทีคือป้าบัวผู้รอดูสถานการณ์ของเจ้านายทั้งสอง

บนโต๊ะมีแต่เมนูที่รับประทานง่าย จิรฉัตรจึงชิมทุกอย่าง อย่างละนิดอย่างละหน่อย พอเห็นคนที่ลอบมองเขากินอาหารแล้วฉีกยิ้มกว้าง เขาก็เจริญอาหารมากขึ้น บ้าจี้ตามอีกฝ่ายไปด้วย มื้อเช้าวันนี้จึงผ่านไปด้วยความสงบ ไม่มีสงครามสามีภรรยาแบบเมื่อวาน

“อร่อยกว่าซีเรียลกับนมไหมคะ”

ริศาถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายด้วยใจจดจ่อ จนทำให้คนตอบนึกอยากแกล้ง

“พอใช้ได้ ไข่ดาวสุกไปหน่อย ไส้กรอกไหม้ไปนิด ส่วนสลัด...น้ำสลัดอร่อย”

“อันนั้นซื้อมา!”

ริศาประท้วง แก้มป่องเหมือนเด็กน้อยโดนตำหนิ อะไรกัน ทำให้รับประทานตั้งหลายอย่าง ดันชอบน้ำสลัดที่เธอไม่ได้ทำซะนี่ มันน่าตีปากนัก!

จิรฉัตรทำหน้าแบบ...อ๋อเหรอ พยายามดึงหน้านิ่ง ทั้งที่ในใจหัวเราะกับท่าทีของเธออยู่ พอเช็ดมือเช็ดปากเสร็จเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมตัวออกไปทำงาน ระหว่างเดินออกจากห้องครัวก็มีหยุดฝีเท้า แล้วเอี้ยวตัวหันมาพูดหน้าตายใส่ภรรยา

“น้ำสลัดอร่อยจริงๆ นะ”

“ก็บอกว่าซื้อมา!”

พอโดนคนตัวเล็กแหวใส่ เขาก็เดินจากมาพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้หันไปมองสีหน้าของริศาที่กำลังแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ ใส่ตามแผ่นหลังกว้างไป

วันนี้จิรฉัตรสั่งให้วิทย์ใช้ลัมโบร์กินีสีขาวมารับเขาไปทำงาน หลังจากเมื่อวานบอดีการ์ดหนุ่มจับได้ว่านายท่านขับรถเหมือนอยากไปเซย์ไฮยมบาล ก็เสนอตัวอาสาขับรถไปส่งที่บริษัทให้ จิรฉัตรเองไม่ได้ปฏิเสธเพราะเขาเองก็ขี้เกียจขับรถ และทันทีที่เห็นนายท่านผิวปากเดินออกมาจากคฤหาสน์ สองคู่ซี้วิทย์และเป้ก็มองหน้ากันเหมือนกำลังส่งโทรจิตถามคำถามอีกฝ่าย

“มีเรื่องอะไรดีๆ หรือเปล่าครับ” วิทย์ถาม

“ไม่มี”

‘ไม่จริง’ สองบอดีการ์ดปฏิเสธในใจพร้อมกัน ไม่มีทางที่คนอย่างจิรฉัตรจะอารมณ์ดีก่อนออกไปทำงาน นอกเสียจากศัตรูคู่แข่งทางธุรกิจล้มหายตายจาก หรือล้มละลายจนอดสะใจไม่ได้

วิทย์เปิดประตูเบาะหลังให้นายท่าน ก่อนค้อมศีรษะอัญเชิญให้ขึ้นไปนั่ง แต่ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวขึ้นรถ เป้ก็รายงานเรื่องเมื่อคืนให้เขาฟังก่อน โดยมีวิทย์ตั้งใจฟังไปด้วย

“เมื่อคืนนายหญิงรอนายท่านกลับบ้านหลายชั่วโมงเลยครับ”

จิรฉัตรพยักหน้า เขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญถึงขนาดที่จะต้องรายงานเสียหน่อย

“อ้อ อีกเรื่องนึงครับ”

“อะไร”

“นายหญิงไม่หลับไม่นอนมาสองคืนแล้ว บางทีเดินๆ อยู่ก็เซ ผมกลัวว่าเธอจะล้มป่วยน่ะครับ”

จิรฉัตรเลิกคิ้วสูง “เมื่อคืนหลังจากออกมาจากห้องฉันก็ไม่นอนเหรอ”

“ครับ เห็นลงมาเดินเล่นที่สวน”

คนรับเรื่องพยักหน้า แปลกใจที่คนรักสวยรักงามนอนดึกไม่เกินสี่ทุ่มอย่างรสาจะไม่หลับไม่นอนปล่อยให้ขอบตาดำคล้ำได้

น่าสงสัยจริงๆ

“ระหว่างที่ฉันไปทำงานช่วยจับตาดูรสาให้ด้วย อย่าให้คลาดสายตา”

“ครับ”

หลังจากมอบหมายหน้าที่ให้มือซ้ายเรียบร้อยแล้ว จิรฉัตรก็ก้าวขึ้นรถไป ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากอาณาเขตคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว

 

ตระกูลจินดามหาศักดิ์เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายในประเทศ ทั้งจิวเอลรี รีสอร์ต เพนต์เฮาส์ โรงแรม ภัตตาคารหรู และผับบาร์ชื่อดังหลายสาขา นอกจากนั้นยังเป็นประธานสมาคมมาเฟียอีกด้วย งานในแต่ละวันของจิรฉัตรผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวจึงมากโข ท่านเรืองศักดิ์ผู้เป็นพ่อไว้ใจในตัวลูกชายคนนี้มาก ขัดใจก็เพียงลูกสะใภ้ที่เป็นนางแบบเท่านั้น สำหรับวงการผู้มีอิทธิพลแบบเขา ลูกสะใภ้หรือลูกเขยควรจะช่วยเสริมสร้างบารมีให้วงศ์ตระกูล ไม่ใช่พื้นเพเป็นคนธรรมดาที่โด่งดังมาจากงานเต้นกินรำกินแบบรสา

แต่พักหลังมานี้ท่านเรืองศักดิ์ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับการหย่าร้างของลูกชายอยู่บ่อยครั้ง เขาเองยินดีมากและพร้อมที่จะหาลูกสะใภ้คนใหม่ที่เหมาะสมให้แก่จิรฉัตรภายในวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ ติดตรงที่การหย่าถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ จนเหมือนเป็นแค่ข่าวโคมลอย

“ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นยังไงบ้าง”

ท่านเรืองศักดิ์ถามลูกชายทันทีที่แวะเข้ามาเยี่ยมในบริษัทสาขาใหญ่

จิรฉัตรเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารสูง มองบิดาที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่พร้อมการ์ดราวสามสิบคนล้อมบริษัทไว้ ดีที่เลขานุการรายงานเขาก่อนว่าพ่อมา ไม่อย่างนั้นคงคิดว่าเป็นศัตรูบุกมาหวังฆ่าเขาแน่

“ก็ปกติครับ”

“ปกติคืออะไร ทะเลาะกันทุกวันเหมือนเดิมน่ะเรอะ”

ท่านเรืองศักดิ์พูด น้ำเสียงเย้ยหยัน กระแหนะกระแหนลูกชายเต็มที่

“อาทิตย์หน้าจะมีงานกินเลี้ยงในสมาคม เมียแกไม่เคยไปร่วมงานเลยสักครั้ง แล้วผู้ใหญ่คนอื่นจะคิดยังไง”

“ช่างเขาปะไร รสามีชื่อเสียง ขืนไปงานสมาคมเขาได้รู้กันทั้งประเทศพอดีว่าเราทำธุรกิจสีเทา”

“มันเป็นมารยาทในวงการมาเฟีย ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าให้หาเมียใหม่”

“พ่อ”

จิรฉัตรปิดแฟ้มเอกสาร แล้วสบตาผู้เป็นพ่อตรงๆ

“เราคุยเรื่องนี้กันนับไม่ถ้วนแล้วนะครับ”

“แกก็ไปหย่าสิ ฉันจะได้หยุดพูด เปลืองน้ำลายเหมือนกันนะโว้ย”

“ยังไม่ใช่ตอนนี้” จิรฉัตรกล่าวเสียงเรียบ

“หมายความว่ายังไง”

“รสากำลังปรับปรุงตัว”

“เฮอะ พูดงี้มาสองปีแล้ว ไม่เห็นแม่คนนี้จะสันดานดีขึ้นเลย”

“ผมจะคอยจับตาดูเธอเอง นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว พ่ออย่าก่อกวนคู่ผมนักเลย”

มาเฟียบิ๊กเบิ้มพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่าย เป่าซิการ์ควันโขมงจนลูกชายต้องโบกมือปัดไปมา ดวงตาดุดันจ้องมองลูกชายตัวดีนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

“ฉันจะคอยดู”

จิรฉัตรทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ทันทีที่เห็นว่าพ่อเดินออกไปไกลแล้ว มือทั้งสองข้างยกขึ้นก่ายหน้าผาก พลางนึกหาวิธีที่จะทำให้พ่อกับภรรยามองหน้ากันติดได้สักที

 

วันนี้จิรฉัตรกลับบ้านตั้งแต่หัวค่ำ พร้อมกับพนักงานในบริษัทเกือบสิบชีวิต หอบข้าวของพะรุงพะรังตามหลังมาด้วย ท่ามกลางสายตาไร้แววสงสัยของแม่บ้านประจำคฤหาสน์ มีเพียงริศาที่นั่งดูทีวีอยู่เท่านั้นที่ให้ความสนใจในตัวผู้มาใหม่

“กลับมาไวจังเลยค่ะ” เธอยิ้มกว้าง

จิรฉัตรไม่ตอบ เขาพยักพเยิดให้พนักงานวางพลาสติกห่อเสื้อผ้าเกือบร้อยชุดลงบนโซฟาหนัง ส่วนบนโต๊ะวางแจกันนั้นเต็มไปด้วยกล่องเครื่องเพชรสิบชุด ตระการตาจนหญิงสาวตาลายไปหมด

“นี่มันอะไรกันคะ”

“เสื้อผ้ากับเครื่องเพชรไง ไม่รู้จักเหรอ”

จิรฉัตรทำหน้ายียวน จนคนถามต้องท่องพุทโธ พุทโธ ในใจเพื่อข่มอารมณ์

“ฉันหมายความว่า คุณเอามาทำไมเยอะแยะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

จิรฉัตรพยักหน้าแทนคำตอบ เขาย้ายตัวเองมาอยู่ตรงหน้าเธอ มือข้างหนึ่งกอดอก อีกข้างยกขึ้นจับคางตัวเอง พลางสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างพินิจ

สถานการณ์ช่างเหมือนเมื่อคืนนัก จนริศาต้องยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไว้พร้อมกับตำหนิเขาทางสายตา

“คุณขอโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองใช่ไหม”

ริศาคลายมือออกจากร่างกาย

“ก็...ใช่ค่ะ”

“ดี ผมมายื่นโอกาสให้คุณ”

“อะไรเหรอคะ”

หญิงสาวตาลุกวาวเป็นประกาย สนใจในสิ่งที่เขาพูดจนออกนอกหน้า

“ผมต้องการให้คุณทำในสิ่งที่คุณถนัด”

“สิ่งที่ฉันถนัด?”

“ใช่ เดินแบบให้ผมหน่อย”

เดินแบบ เธอไปถนัดเดินแบบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

จิรฉัตรหรี่ตาลง เมื่อเห็นสีหน้าตะลึงงงงันของคุณภรรยา ดูเหมือนเธอจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเสียเหลือเกิน

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น นี่อาชีพเดิมของคุณเลยนะ”

ริศากะพริบตาปริบๆ เริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นว่าที่จิรฉัตรพูดแบบนี้เพราะเธอกำลังสวมรอยเป็นรสาอยู่ และงานที่พี่สาวฝาแฝดคนนี้ถนัดคือเดินแบบบนเวทีพร้อมกับสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ด

แต่เธอคือริศา ไม่ใช่รสา...

“ฉันยังไม่หายดีเลย แถมไม่ได้เดินนานแล้วด้วยลืมไปหมดแล้วละ กลัวจะทำงานคุณพังเอานะคะ”

หญิงสาวยิ้มเจื่อน

“อย่ามาตลกน่า ของแบบนี้ก็เหมือนปั่นจักรยานกับว่ายน้ำนั่นแหละ จะลืมกันง่ายๆ ได้ยังไง”

ริศานึกย้อนไปในวันแรกที่เธอต้องถอดรองเท้าเดินเข้าคฤหาสน์ เพราะเดินไม่ถนัด แล้วก็เครียดกว่าเดิม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผากทั้งที่เครื่องปรับอากาศเปิดเย็นฉ่ำ

“ไม่รู้ละ ยังไงคุณก็ต้องไปเดินแบบในงานกินเลี้ยงสมาคม” จิรฉัตรพูดเสียงเข้ม

ดูก็รู้ว่าบังคับ

“แต่...”

“ถ้าปฏิเสธหรืออิดออด ผมจะถือว่าคุณไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ”

ริศาเม้มปากแทบไม่ทัน เพราะชายหนุ่มพูดดักคอเธอไว้ก่อน พออีกฝ่ายเห็นว่าเธอไม่คิดจะเถียงอะไรอีก ก็เดินไปส่งพวกพนักงานที่หน้าคฤหาสน์ เหมือนจะสั่งงานอะไรกันอีกสามสี่ประโยค ก่อนที่คนทั้งหมดจะขึ้นรถตู้คันใหญ่แล้วหายวับไป จากนั้นร่างสูงจึงเดินกลับเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง

“ค่อยๆ เลือกชุดไปนะ ยังมีเวลาอีกหลายวัน”

ริศากลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ ไล่สายตามองกองเสื้อผ้าราคามหาศาลด้วยความกังวล ไหนจะเครื่องเพชรนี่อีก หากหลุดหายไปสักเม็ดหนึ่งไม่รู้ชาตินี้จะหาเงินมาชดใช้ให้เขาไหวไหม คิดแล้วน้ำใสๆ ก็เอ่อคลอที่เบ้าตา แต่ดูเหมือนว่าจิรฉัตรจะไม่สังเกตเห็น ก่อนเดินขึ้นบันไดเขากำชับเธออีกว่า

“อย่าทำให้พ่อผมโกรธเชียว ไม่งั้นได้หย่าจริงแน่”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น