10

เรื่องที่ต้องเคลียร์


๑๐

เรื่องที่ต้องเคลียร์

 

บุรีพยุงสุพรรณิการ์เข้าบ้านอย่างทุลักทุเล เพราะเธอเดินๆ หยุดๆ เหมือนจะแกล้งเขา หนำซ้ำยังฮัมเพลงงึมงำอย่างอารมณ์ดี

“น้าบกเดินตรงๆ สิคะ”

คนตัวใหญ่ทำเสียง ‘หึ’ ในลำคอ

“ตรงกว่านี้ก็ไม้บรรทัดแล้ว เธอนั่นแหละเดินดีๆ ไม่เคยดื่มดันซัดไปสองแก้ว ตอนนั่งมันไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่พอยืนเท่านั้นแหละหัวทิ่ม”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมขมวดคิ้ว “กวาไม่เมานะคะ กวารู้เรื่อง แค่มึนหัว”

“คราวหลังจะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเลยคอยดู เผลอแป๊บเดียวก็สภาพนี้”

“ไม่แป๊บค่ะ น้าบกหายไปตั้งนาน คุณมาสก็ด้วย” เธอบอกเสียงยานคาง

บุรีไม่เถียง เขาประคองร่างบางมาจนถึงบันได เห็นความสูงและจำนวนขั้นก็คิดหนัก

“ฉันอุ้มนะ”

“ดีค่ะ กวาขี้เกียจเดิน”

ชายหนุ่มโคลงศีรษะขำ ถ้าสติของเธอครบถ้วนสมบูรณ์คงไม่ยอมง่ายๆ แบบนี้

สุพรรณิการ์ตัวเบาราวกับปุยนุ่น เขาอุ้มเธอขึ้นมาจนถึงห้อง ใจไม่อยากปล่อยคนที่กำลังเกี่ยวคอเขานอนซบอย่างสบายนี้เลย แต่รู้ว่าต้องกลับลงไปข้างล่าง เพราะถ้าหายหัวไปตอนนี้คงจะดูน่าเกลียด

“นอนเลยไหม ตัวเธอยังหอมอยู่ ไม่ต้องอาบน้ำอีกก็ได้นะ”

“ตัวน้าบกก็หอม กวาชอบ ชอบตั้งแต่ตอนโน้นแล้ว...อืม...”

คนตัวใหญ่ชะงักขาที่กำลังจะก้าวขึ้นยกพื้นก่อนถึงเตียงนอน ก้มลงมองภรรยาซึ่งหลับตาพริ้มอย่างน่ารัก

“ตอนไหน” เขาถาม

ใบหน้ารูปไข่เงยขึ้นพร้อมมองตาปรือ

“บนเครื่องบิน ที่กวานั่งตักน้าบกไงคะ กวาได้กลิ่นนี้ใกล้ๆ เป็นครั้งแรก กวาชอบจัง”

“ถ้าชอบ คืนนี้ฉันให้กอดทั้งคืนเลยเอาไหม”

หญิงสาวส่ายหน้าทันที “ไม่เอาค่ะ เราต้องแยกกันนอนตามสัญญา”

“ช่างหัวสัญญาสิ”

“ไม่ช่างๆ สัญญาต้องเป็นสัญญา น้าบกสัญญากับกวาแล้ว และกวาก็สัญญากับลักด้วย กวาจะไม่หักหลังลักเด็ดขาด”

คำพูดอ้อแอ้นั้นทำให้หัวคิ้วของบุรีขมวดมุ่น เขาพาเธอมาที่เตียงแล้วหย่อนตัวนั่ง โดยมีร่างเล็กอยู่บนตัก จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ลักคือใคร”

“เพื่อนรักของกวาเองค่ะ อืม...ใช่...เราสนิทกันมาก”

“เขามาเกี่ยวอะไรด้วย”

“ก็ลัก...” สุพรรณิการ์พูดค้างไว้ มองเขาด้วยแววตาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะจิ้มนิ้วชี้มาที่อกแกร่งเบาๆ “ลักรักน้าบก รักมานานแล้วไงคะ กวาเลยจะเป็นคิวปิดทำให้น้าบกกับลักรักกันให้ได้ คอยดูสิ”

บุรีได้รู้ความจริงก็ถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะสบถเป็นหมีกินผึ้ง

เห็นทีเขาต้องจัดการอะไรสักอย่างเสียแล้ว รู้อย่างนี้ก่อนก็ดี

“น้าบกห้ามรักคุณมาสนะ”

จู่ๆ คนตัวเล็กก็รั้งคอเขาให้ก้มลง บอกด้วยสีหน้าดุๆ

“ฉันไม่ได้รักมาส ไม่เคยคิด”

“แปลว่าน้าบกยังรักคุณริน ยังลืมเธอไม่ได้”

“ฉันไม่มีวันลืมรินหรือเลิกรักริน และฉันก็จะไม่รักเพื่อนของเธอด้วย หยุดคิดแผนการจับคู่ให้ฉันได้เลย เพราะมันจะไม่มีทางสำเร็จ”

สุพรรณิการ์ย่นจมูกอย่างขัดใจ พูดพึมพำอะไรอีกสองสามคำที่ฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนจะหลับฟุบไปดื้อๆ

“แตงกวา” ชายหนุ่มลองเรียก แต่เธอก็ไม่หือไม่อืออะไรด้วยอีกแล้วเพราะหลับสนิทจริงๆ

ให้มันได้อย่างนี้สิ ยายเด็กตัวแสบ!

 

ร้อน...

ปวดหัว...

สุพรรณิการ์รู้สึกลำคอแห้งผากทรมาน แม้จะง่วงแสนง่วง แต่จำต้องลืมตาขึ้นเพราะหิวน้ำมาก

เพดานคุ้นๆ ทำให้รู้ว่าเธอกลับมานอนบนเตียงแล้ว แต่มาได้อย่างไร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือเธอนั่งดื่มไวน์หมดไปสองแก้ว ตอนนั้นเองที่บุรีกลับมาร่วมวงอีกครั้ง

ทำไมรู้สึกหนัก

หญิงสาวอึดอัดหายใจไม่สะดวก เหมือนถูกอะไรบางอย่างทับอยู่ และเมื่อก้มลงมองลำตัว ดวงตาที่อ่อนล้าก็เบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด เพราะบุรีกำลังคร่อมท่อนบนของเธออยู่ เขาซุกไซ้ใบหน้าตรงกลางอก รับรู้ถึงริมฝีปากร้อนที่กำลังสัมผัสกับผิวเนื้อของเธออย่างสนิทแนบแน่น หัวใจกระตุกวูบแล้วเต้นรัวแรงขึ้นมาทันที

“กรี๊ด!”

สุพรรณิการ์กรีดร้องและผลักร่างใหญ่ออก จากนั้นก็กระถดตัวหนีไปนั่งชิดหัวเตียง รีบดึงคอเสื้อขึ้นมาปกปิดไว้ที่เดิม

“แตงกวา ฟังฉันก่อน!”

“น้าบกจะทำอะไร!” เธอถามเสียงสั่น จ้องคนตัวใหญ่อย่างไม่ไว้ใจ สีหน้าของเขาตอนนี้เหมือนคนกำลังช็อก

เธอต่างหากล่ะที่ต้องช็อก เขาทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร!

“ฉันอธิบายได้”

“น้าบกผิดสัญญา!” เธอตะโกนใส่หน้าเขา

“ฉัน...”

“เดี๋ยว!” หญิงสาวตาโตเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง พร้อมชี้นิ้ว “นั่นมัน...ไม่ใช่รอยลิปสติกของกวา มันเป็นของคุณมาสใช่ไหมคะ”

คนตัวใหญ่ยกมือแตะด้านซ้ายของลำคอของตัวเองทันที พอดูที่นิ้ว เห็นคราบสีแดงติดอยู่ก็ขบกรามแน่น

“มันไม่มีอะไร มาสเขามึนหัว ล้มใส่ฉันตอนนั่งคุยโทรศัพท์กับจิ ฉันก็แค่รับไว้เท่านั้นเอง”

“แค่นั้นเหรอคะ น้าบกกับคุณมาสหายเข้าบ้านมาตั้งนาน”

“มาสไปเข้าห้องน้ำต่อ ฉันสาบานได้ว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ให้ตายเหอะ”

สุพรรณิการ์กัดริมฝีปากแน่น ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนไปหมด เพราะสิ่งที่เขาเพิ่งจะทำมันทำให้ความเชื่อมั่นต่างๆ สูญสลายไม่เหลือ

“ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของกวา”

“แตงกวา...”

“อย่าเข้ามานะคะ ถ้าน้าบกอยากมีเซ็กซ์ น้าบกไปหาคุณมาสเถอะค่ะ กวาไม่พร้อม ถ้าบอกเธอว่าเราเพียงแค่แต่งงานกันหลอกๆ เธอคงดีใจ”

ดวงตาของคนตัวใหญ่วาวขึ้นอย่างน่ากลัว

เธอพูดอะไรผิดงั้นหรือ ในเมื่อร่างกายของเขาต้องการ แต่เธอตอบสนองไม่ได้ เขาก็ควรไปหาคนที่พร้อมกว่าอย่าง

สิริมาส

“อย่าพูดอย่างนี้กับฉันอีก!” เสียงนั้นแข็งกร้าวด้วยความโกรธ “ถ้าจะไม่ฟังคำอธิบายกันก็ไม่ต้องฟัง!”

พูดจบบุรีก็เดินลงส้นออกจากห้องไปทันที

เขาไปแล้ว...

สุพรรณิการ์นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม หัวใจยังคงเต้นแรง นิ้วเรียวแตะกลางอก มันเจ็บแปลบขึ้นมานิดๆ

ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เจ็บที่หัวใจจริงๆ

 

คนตัวเล็กนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปมาในห้อง อยากลุก แต่ศีรษะกลับหนักอึ้ง มองผ่านฉากบังตาออกไปจึงรู้ว่าเป็นบัวเรียงนั่นเอง

“ตื่นแล้วเหรอคะ บัวเรียงเห็นคุณไม่ค่อยสบาย เลยยังไม่อยากปลุก” คุณแม่บ้านเข้ามานั่งข้างเตียง จับเนื้อตัวเธอเพื่อดูอาการ “ไข้ขึ้น ปวดหัวมากไหมคะ”

สุพรรณิการ์พยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะหลับตาลง ไม่อยากกระดิกกระเดี้ยตัวทำอะไรเลย

“เดี๋ยวบัวเรียงไปยกข้าวต้มขึ้นมานะคะ คุณแตงกวาจะได้กินยา เสร็จแล้วบัวเรียงจะเช็ดตัวให้ ดูสิ...คุณยังใส่ชุดเดิมอยู่เลย”

หญิงสาวลืมตาอีกครั้ง สภาพของเธอตอนนี้คงทำให้คุณแม่บ้านสงสัยไปต่างๆ นานา แต่ก็มีมารยาทพอจะไม่ถาม

“น้าบกล่ะคะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว

“ออกไปดูไร่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ คุณมาสก็เข้าออฟฟิศ”

ดวงตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียง มันบอกเวลาเก้าโมงยี่สิบนาที

“นอนก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวบัวเรียงมานะคะ”

หลังจากนั้นไม่นานข้าวต้มอุ่นๆ ก็ถูกนำมาเสิร์ฟถึงเตียง คนยังแฮงก์และไข้ขึ้นกินเพียงสี่ห้าคำก็ต้องหยุด เนื่องจากรู้สึกพะอืดพะอม หัวสมองโหวงเหวงไปหมด บัวเรียงจึงให้กินยาและนอนพักต่อ ระหว่างนั้นคุณแม่บ้านก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่ เธอจึงค่อยสบายตัวขึ้น

สุพรรณิการ์ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเกือบเที่ยง ร่างกายกลับมาเป็นปกติประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เธอเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนชุดใหม่ให้ทะมัดทะแมงมากขึ้น เป็นเชิ้ตสีชมพูอ่อนกับกางเกงยีนตัวเก่ง จับผมยาวสลวยรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ผัดแป้งและทาแก้มบางๆ เพื่อไม่ให้หน้าซีดจนเกินไป

เสียงเตือนข้อความดังขึ้น หญิงสาวมองหาโทรศัพท์ พบว่าอยู่บนโซฟา เธอวางมันทิ้งไว้ตรงนั้นก่อนลงไปปาร์ตีเมื่อวานนั่นเอง

“คุณนาง!”

นิ้วเรียวเลื่อนเปิดไลน์ทันทีเมื่อเห็นว่าณาราทักทายมาด้วยสติกเกอร์พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง

Nara Aloha : Hellooooo

เธอส่งรูปแมวร้องไห้ ยกมือไหว้ปลกๆ กลับไป

Tangkwa : กวายังไม่ได้คุยกับน้าบกเลยค่ะ

Nara Aloha : แง ว่าแล้ว เห็นเงียบไปเลย

Tangkwa : ขอโทษนะคะคุณนาง เมื่อคืนกวาเมา นี่เพิ่งฟื้น

Nara Aloha : ถามจริง!

Tangkwa : จริงค่ะ

ณาราเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพิมพ์กลับมา

Nara Aloha : แตงกวาจะได้คุยกับน้าบกภายในวันนี้ไหม นางต้องให้คำตอบเขาช้าสุดพรุ่งนี้เช้า

สุพรรณิการ์หนักใจขึ้นมาทันที เพราะเธอเองก็ไม่สามารถตอบได้

Tangkwa : จะพยายามนะคะ ได้เรื่องยังไงจะรีบส่งข่าว

Nara Aloha : Thank you

ณาราส่งรูปหมีน้อยกอดกันมา เธอจึงส่งคิตตี้ส่งจูบคืนไปให้ จากนั้นบทสนทนาก็จบลง

หญิงสาวเก็บโทรศัพท์ใส่ถุงไหมพรมถักใบย่อม ซึ่งสามารถห้อยแบบสะพายข้างได้ มันมีข้าวของจำเป็นอื่นๆ อีกสองสามอย่างอยู่ก่อน เมื่อพร้อมแล้วก็ลงมาหาบัวเรียงที่ครัว

“ปกติน้าบกกินข้าวกลางวันที่ไหนเหรอคะพี่บัวเรียง”

“ตายแล้ว คุณแตงกวาจะออกไปไหนคะถึงแต่งตัวแบบนี้ ยังไม่หายดีเลย” บัวเรียงจับเนื้อตัวหญิงสาววัดไข้เป็นการใหญ่

“กวาโอเคแล้วค่ะ มีเรื่องต้องคุยกับน้าบกด่วน กวาจะหาน้าบกได้ที่ไหนเหรอคะ”

“ทำไมคุณแตงกวาไม่โทร. หาคุณบกล่ะคะ จะได้รู้ว่าอยู่ที่ไหน หรือเรียกกลับมากินข้าวที่นี่ก็ได้ ไม่ต้องออกไปหรอกค่ะ ฝนตั้งเค้ามาอีกแล้ว”

สุพรรณิการ์เม้มปากแน่น ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา ท่าทางหงอยๆ นั้นทำให้คนเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนพอจะเดาได้

“คุณแตงกวาทะเลาะกับคุณบกใช่ไหม เมื่อเช้าคุณบกดูอารมณ์ไม่ค่อยดี บัวเรียงคิดอยู่แล้วว่าต้องมีอะไร”

“ค่ะ” เธอตอบอุบอิบ

บัวเรียงพยักหน้ารับโดยไม่ซักถามอะไรต่อ แต่กลับเสนอตัว

“งั้นเดี๋ยวบัวเรียงโทร. ให้เอง”

หญิงสาวกล่าวขอบคุณแล้วยืนฟังคุณแม่บ้านต่อสายหาสามีของเธอ โดยแสร้งถามว่าจะกลับมากินข้าวกลางวันที่บ้านไหม เมื่อรู้คำตอบก็วางสาย

“คุณบกไม่เข้ามาค่ะ จะกินที่โรงอาหาร”

“มันอยู่ตรงไหนคะ”

“เมื่อวานคุณแตงกวาไปเรือนต้นกล้ามาแล้ว โรงอาหารจะเลี้ยวไปทางขวา อยู่ใกล้ๆ กับออฟฟิศค่ะ”

“กวาจำทางไปเรือนต้นกล้าได้ น่าจะไปต่อเองไม่ยาก”

“แล้วจะไปยังไงคะ ไม่มีรถ”

“มอเตอร์ไซค์แม่บ้านของพี่บัวเรียง”

เจ้าของรถตาโตทันที “คุณแตงกวาขี่เป็นเหรอคะ บัวเรียงว่าอย่าดีกว่า”

“กวาซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนบ่อย เคยลองขี่เองสองสามครั้ง ขอกุญแจกวาเถอะนะคะ มันเป็นธุระสำคัญของคุณนาง”

บัวเรียงมีท่าอึกอัก แต่พอได้ยินชื่อคนที่เธออ้างก็เลยต้องยอมอย่างเสียไม่ได้

“ขี่ดีๆ นะคะ ไม่งั้นบัวเรียงแย่แน่”

ในที่สุดสุพรรณิการ์ก็ได้กุญแจรถสมใจ เธอเขย่งขึ้นหอมแก้มสาวตัวสูงกว่าหนึ่งฟอด แล้วลงไปที่เรือนหลังเล็กทันที

 

มอเตอร์ไซค์ขนาดกะทัดรัดแล่นไปตามทางคอนกรีตช้าๆ แม้สุพรรณิการ์จะบอกบัวเรียงว่าเคยขี่มาแล้ว แต่นั่นมันก็ตั้งแต่หลายปีก่อนตอนนงลักษณ์ซื้อรถใหม่ๆ แถมยังไม่ชินมือกับคันนี้ ที่นอกจากมีตะกร้าข้างหน้าแล้ว ด้านหลังยังมีอีกหนึ่งใบที่ทำเสริมขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งมีขนาดใหญ่พอจะใส่วัตถุดิบทำอาหารได้หลายวันทีเดียว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงต้องค่อยๆ ขี่ไปอย่างไม่รีบเร่ง เพื่อจะได้มีเวลาคิดไปด้วย

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เธอเสียความรู้สึกมาก บุรีเองก็โกรธเช่นกัน เธอไม่อยากเจอหน้าเขาเลย แต่ถ้าไม่ไปเจอก็ไม่รู้ว่าจะได้คุยกันเมื่อไร เพราะดูทีแล้วเขาคงไม่อยากพบเธอตอนนี้ อาจจะหาเรื่องกลับดึก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงไม่ได้คุยกับเขาแน่

แต่มาคิดดูอีกที ไปขออนุญาตแทนณาราตอนนี้ เขาจะยอมหรือเปล่านะ มันอาจจะยากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ แต่ถึงจะมีความหวังแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องลอง ดีกว่าปล่อยให้โอกาสกลายเป็นศูนย์

เรือนต้นกล้าอยู่ข้างหน้าแล้ว เธอเลี้ยวไปทางขวาตามบัวเรียงบอก ประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึงโรงอาหาร หาไม่ยากจริงๆ

ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันพอดี คนงานเดินกันขวักไขว่ทีเดียว สุพรรณิการ์จอดรถไว้ใต้ต้นก้ามปูเพื่อดูลาดเลาห่างออกมา ไม่ให้เป็นจุดเด่นมากนัก กระนั้นก็มีหลายคนมองเธออย่างสนใจใคร่รู้ เพราะเคยเจอกันมาแล้วเมื่อวาน

เอายังไงดีนะ

หญิงสาวชะเง้อคอมองเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่ อยากรู้ว่าบุรีอยู่ในนั้นหรือเปล่า เขาบอกว่าจะกินข้าวที่นี่ แต่จะมาหรือยังก็ไม่รู้

“พี่แตงกวามาทำอะไรตรงนี้คะ”

เสียงใสที่ทักขึ้นจากด้านหลังทำให้สุพรรณิการ์สะดุ้ง พอหันไปเห็นว่าเป็นน้ำฟ้าก็ดีใจสุดๆ

“น้องฟ้า พี่มีเรื่องรบกวนหน่อย น้าบกอยู่ที่ไหนจ๊ะ”

“อยู่ในโรงอาหารค่ะ เมื่อกี้เดินมาพร้อมกัน แต่ฟ้าขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน พี่แตงกวาจะมากินข้าวกับน้าบกเหรอคะ ปะ...เราเข้าไปกัน”

“เดี๋ยวจ้ะ พี่ไม่ได้มากินข้าว แค่อยากเจอน้าบก ฟ้าช่วยเข้าไปตามให้หน่อยได้ไหม ในนั้นคนเยอะ พี่รู้สึกเขินน่ะ”

น้ำฟ้ามองเธอตาปริบ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ

“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวฟ้าไปบอกน้าบกให้นะคะ”

“ขอบใจจ้ะ”

พอน้ำฟ้าเดินเข้าด้านในไปแล้วหญิงสาวก็รู้สึกตื่นเต้น ลุ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ครู่หนึ่งก็เห็นคนตัวสูงเดินออกมาจากประตู เขามองเธอนิ่งพร้อมก้าวตรงมาหา วันนี้บุรีสวมเสื้อคอโปโลแขนสั้นสีขาวสะอาดกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าคล้ามแดดดูสงบจนคาดเดาไม่ออกเลยว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

สุพรรณิการ์รู้สึกเกร็งไปทั้งตัวเมื่อเขาเข้ามาอยู่ใต้ร่มเงาไม้เดียวกัน ดวงตาคมกริบดูไม่อ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น ทำให้เธอใจหาย

“มาทำอะไรที่นี่” เขาถามเสียงเรียบ ก่อนจะเหลือบมองมอเตอร์ไซค์นิดหนึ่ง

“กวามีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ ขอรบกวนเวลาน้าบกแป๊บเดียว”

“ว่ามา”

เมื่อเขาอนุญาต เธอจึงหยิบโทรศัพท์เปิดรูปที่เซฟเก็บไว้ให้เขาดู

“มีโฆษณาชุดออกกำลังกายติดต่อคุณนางมา น้าบกช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะว่าเหมาะหรือเปล่า คือคุณนางอยากรับงานนี้ แต่พี่จักรไม่ยอม ต้องให้คำตอบเขาภายในพรุ่งนี้เช้าค่ะ กวารับปากคุณนางไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าจะถามน้าบกให้”

“เธอก็เลยต้องฝืนใจมาหาฉัน”

คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากโดยไม่ตอบอะไร ปล่อยให้เขาเลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆ มันมีแปดรูป แต่ดูเหมือนเขาจะเลื่อนนิ้วไปมากกว่านั้น

สุพรรณิการ์ตกใจ รีบดึงโทรศัพท์กลับคืนมา

“กวาคิดว่าชุดพวกนี้มันทันสมัยและน่ารักดี ดูไม่โป๊ในสายตาผู้หญิงด้วยกัน อีกอย่างมันเป็นแบรนด์ดัง ใครๆ ก็อยากเป็นพรีเซนเตอร์ให้ น้าบกช่วย...”

“ไว้ฉันจะจัดการเรื่องนี้ต่อเอง หมดหน้าที่ของเธอแล้ว กลับไปได้”

หญิงสาวอ้าปากค้าง พอเห็นเขาหมุนตัวจะเดินจากไปก็ใจหาย รีบดึงแขนไว้

“เดี๋ยวค่ะน้าบก กวาอยาก...”

บุรีหันกลับมาแล้วรูดมือเธอออกอย่างสุภาพ

“บอกบัวเรียงด้วยว่าเย็นนี้ฉันมีงานข้างนอก ไม่ต้องเตรียมมื้อเย็นเผื่อ” พูดจบเขาก็ก้าวเท้ายาวๆ จากไปทันที แต่ไม่ได้เข้าโรงอาหาร เพราะภุชงค์ถือแฟ้มบางอย่างมาให้อ่าน จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปอีกทางด้วยกัน

...อธิบาย

เธอกำลังจะพูดคำนี้ แต่เขาไม่รอฟัง

เขาต้องเห็นรูปที่นงลักษณ์ส่งมาให้เธอเมื่อวันก่อน และต้องเข้าใจผิดแน่นอน

ความรู้สึกแบบนี้ใช่ไหมที่เขารู้สึกเมื่อคืน ตอนเธอไม่ยอมฟังอะไรเลย ทั้งที่เขาพยายามจะอธิบาย แต่เธอกลับไม่เปิดโอกาสให้

มันเจ็บปวดแบบนี้เองใช่ไหมคะน้าบก...

 

ฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาในช่วงบ่าย คนตัวใหญ่นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานร่วมชั่วโมง แต่กลับไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด

นอกหน้าต่างมีหยดน้ำเกาะพราว ใบไม้ไหวยวบยาบตามแรงปะทะของสายฝน บุรีหันไปมองมันอยู่ครู่เดียวก่อนถอนหายใจ

ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนบนโต๊ะมาถือไว้อย่างลังเล แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจกดโทร. ออก

“ฉันเอง”

“ได้พบคุณแตงกวาแล้วใช่ไหมคะคุณบก” บัวเรียงถามมาทันที

“พบแล้ว เด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง เอามอเตอร์ไซค์ไปล้มที่ไหนหรือเปล่า”

“บัวเรียงไม่รู้หรอกค่ะ คุณแตงกวาอยู่กับคุณบกไม่ใช่เหรอคะ”

“เปล่า ฉันให้กลับไปตั้งนานแล้ว”

“อ้าว!”

หนุ่มร่างสูงลุกพรวดขึ้น

“ไปเช็กให้ทั่วบ้านเดี๋ยวนี้บัวเรียง แตงกวาอาจจะอยู่บนห้อง ฉันจะรอสาย”

“ค่ะๆ บัวเรียงจะรีบขึ้นไปดูให้เดี๋ยวนี้เลย”

บุรีเดินวนอยู่หน้าหน้าต่างด้วยความกระวนกระวายใจ พักหนึ่งบัวเรียงก็ตอบกลับมาด้วยเสียงหอบ

“คุณแตงกวาไม่อยู่บนห้องค่ะ ข้างล่างก็ไม่มี เธอยังไม่กลับมาแน่ๆ ไม่งั้นบัวเรียงก็ต้องเห็นสิคะ”

“เท่านี้ก่อนนะบัวเรียง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

ชายหนุ่มรีบโทร. หาสุพรรณิการ์ แต่ระบบให้ฝากข้อความไว้ นั่นยิ่งทำให้เขากังวลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

แม้ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่เขาก็รีบร้อนออกจากห้องทำงานไปราวกับพายุหมุน


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น