6
หน้าที่ของคนในครอบครัว
“ธุระของเมฆเกี่ยวกับพี่หรือเปล่า” นภาพราวถามขึ้นหลังจากความเงียบผ่านไปสักพัก
เมฆานรีที่ยืนอยู่ค่อนข้างไกล มองซ้ายแลขวา ก่อนจะรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วพยักหน้า ตอบเสียงเบาว่า
“ใช่ค่ะ”
“แล้วไปทำอะไรมา บอกพี่ได้มั้ย” คนเป็นพี่ว่าอย่างไม่สบายใจ กลัวน้องน้อยสุดแก่นจะไปทำอะไรที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
“พี่ฟ้าไม่ต้องห่วง เมฆจะไม่ทำอะไรที่ผิดศีลห้าข้อ และจะไม่ทำอะไรให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อนแน่นอน รับรองได้” หญิงสาวยืนยัน เธอจำคำสอนข้อนี้ของพี่สาวได้ดี เพราะสอนมาตั้งแต่จำความได้ อะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเองต้องเสี่ยงกับสองข้อนี้ เมฆานรีจะไม่ทำเด็ดขาด
“แล้วบอกพี่ไม่ได้หรือไงว่าไปทำอะไรมา” นภาพราวถามต่อแล้วถอนหายใจเมื่อน้องสาวส่ายหน้า เธอรู้ดีว่าจะถามอย่างไร คนเป็นน้องก็ไม่มีทางยอมบอกแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ถอยก่อนแล้วค่อยรุกใหม่
“เมฆยังไม่มั่นใจ เอาไว้เมฆมั่นใจเมื่อไหร่ เมฆจะบอกก็แล้วกัน วันนี้ขอขึ้นไปนอนก่อน เพลียร่างมาก วิ่งหนีพี่ปีกับพี่ผล” หญิงสาวอ้าปากหาว ก่อนจะสวมกอดคนพี่สาวแล้วขึ้นบันไดไป
“อ้าว ไหนบอกหิวข้าว ไม่กินข้าวหรือไง” นภาพราวตะโกนถามน้องที่เดินขึ้นบันไดไปและก็ได้รับคำตอบ
“ไม่ละ ไม่หิวแล้ว นอนก่อนนะ ฝันดี” เมฆานรีตอบกลับ ตามด้วยเสียงประตูห้องที่ปิดลง
แม้จะได้ยินว่า คนเป็นน้องยืนยันอย่างมั่นเหมาะแล้ว ว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน แต่คนเป็นพี่ก็อดกังวลใจไม่ได้ว่า ธุระที่หญิงสาวแอบทุกคนในบ้านไปทำมานั้นคืออะไร แต่ถึงจะคิดจนปวดหัวอย่างไร ก็คิดไม่ออกว่าน้องสาวตัวแสบของเธอไปทำเรื่องอะไร นภาพราวจึงต้องตัดใจ แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อกลับเข้าห้องนอนของตนเช่นกัน
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายวันนั้น เมฆานรีก็อยู่ในความดูแลของปีและผลตามที่ให้สัญญากับทั้งสอง โดยไม่โวยวาย อิดออด หนีไปไหน หรือออกนอกเส้นทาง ยกเว้นเวลาต้องการไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า หรือมีธุระที่ต้องไปทำตามสถานที่ต่างๆ ที่จำเป็นจริงๆ อีกเหตุผลที่เธอทำตัวว่าง่ายเป็นเพราะคำพูดที่แสนอบอุ่นของคนตัวใหญ่ที่สั่งให้เธอรีบกลับบ้านไปอยู่กับแม่ เธอจะได้ไม่ต้องโดนกักบริเวณอย่างที่เป็นอยู่
ไม่รู้ทำไมเมฆานรีถึงอยากทำตามคำพูดของเขา หรืออาจเป็นเพราะว่าเธออยากจะทำคำพูดเขาอย่างซื่อตรง เพื่อที่เมื่อไรที่เขาทวงถาม เธอจะได้ตอบอย่างมั่นใจว่าเธอทำตามที่เขาสั่ง ข้อเสนอที่เธอขอเขาไว้จะได้เป็นไปตามที่เธอต้องการ
เมฆานรียิ้มหวานให้ใบหน้าของใครคนหนึ่งที่อยู่ดีๆ ก็ผุดขึ้นมาให้คิดถึง แต่ในเมื่อเขาบอกอย่างนั้น เธอก็เลือกที่จะไม่ไปให้เขาเห็นหน้าอีก และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอทำตามที่เขาบอก คือขึ้นรถกลับบ้านทันทีหลังจากเลิกเรียน เธออยู่บนรถที่ปีเป็นคนขับ และมีผลนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ส่วนเธอนั่งอยู่เบาะหลัง หญิงสาวนั่งมองอะไรไปเรื่อย ดวงตาเริ่มปรือลงและใกล้จะหลับ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ในมือ
“ฮัลโหล ว่าไงคะคุณพี่เขยมีอะไรให้น้องคนนี้รับใช้” เธอกรอกเสียงอย่างสดใสลงไปเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้า
“เมฆ งานเข้า ช่วยพี่ด้วย มาเจอกันที่ โรงแรมพาราไดซ์ พรินซ์หน่อย มาถึงแล้วจะเล่าให้ฟัง” แสงฉานตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรนผิดจากนิสัยคนขี้เล่น
“ได้ๆ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” เมฆานรีว่าก่อนกดวางสาย
“พี่ปี จอดรถ” หญิงสาวสั่งคนขับแต่อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ
“คุณเมฆจะไปไหนครับ” คนขับถาม ทั้งยังไม่ยอมจอด
“เมฆไม่ได้คิดจะหนี แต่เมฆจะไป โรงแรมพาราไดซ์ พรินซ์ เมฆจะขับเอง เร็ว เมฆรีบ” หญิงสาวโวยวายลั่นรถ ทั้งยังยื่นหน้าไปอยู่ระหว่างชายหนุ่มสองคนที่เบาะหน้า
“เดี๋ยวผมขับเองครับ” ปียังคงยืนยัน หญิงสาวจึงทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“งั้นต้องไปถึงภายในครึ่งชั่วโมงนะ ไม่งั้น เมฆโกรธจริงๆ ด้วย” หญิงสาวกลับมานั่งตัวตรงกอดอกอย่างคนโดนขัดใจและร้อนรน เพราะน้ำเสียงคนเป็นว่าที่พี่เขยใช้ร้อนรนผิดปกติจนเธอสงสัย ไม่รู้ว่าเกิดเหตุร้ายแรงอะไร เขาถึงโทร. มาหาเธอเพื่อให้เธอไปหา
ปีใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงอย่างที่นายน้อยสั่งเพื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง ทันทีที่จอดหน้าโรงแรม หญิงสาวก็แทบจะกระโจนออกนอกรถ แต่ยังชะงักเท้าได้ทันก่อนจะหันไปทางคนติดตามทั้งสอง
“ไม่ต้องตามไปนะ เมฆไม่ได้หนี อยู่ที่โรงแรมนี้แหละ แป๊บเดียว เดี๋ยวมา” หญิงสาวสั่งทั้งยังให้คำมั่นสัญญาก่อนจะกระโจนออกไปจากรถ แล้วตรงดิ่งเข้าโรงแรม
เมฆานรีรู้จักโรงแรมแห่งนี้ดี ยิ่งได้เห็นโซฟาตัวเดิมที่เธอเคยมานั่งเป็นเวลาเดือนกว่าก็ยิ่งทำให้เธอคิดถึงใครบางคนที่เพิ่งนึกถึงก่อนพี่เขยจะโทร. หา เธอแอบชำเลืองไปที่โรงจอดรถแป๊บหนึ่ง เมื่อไม่เห็นรถหรูคุ้นตาก็ขมวดคิ้ว
แต่เดี๋ยวก่อนนี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมารำลึกความหลังหรือคิดถึงคนอื่น
หญิงสาวสอดส่ายสายตามองผู้คนทั่วโถงโรงแรม ไม่นานสายตาก็ไปปะทะกับร่างสูงแสนคุ้นเคยของว่าที่พี่เขยที่ยืนหน้าเครียดอยู่ใกล้กับเสาหน้าลิฟต์ เหมือนแอบใครอยู่
“พี่แสง” หญิงสาวทักขึ้นทันทีที่เข้าไปใกล้ๆ
แสงฉานตกใจเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนลมหายใจ แล้วว่าเสียงร้อนรน
“เมฆ ช่วยพี่ด้วย ต้องเมฆเท่านั้น!”
“เดี๋ยวๆ พี่แสงใจเย็นๆ เล่าก่อน เกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวยกมือปรามชายหนุ่มให้สงบจิตสงบใจ แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดมาก่อน
“คือเมฆจำอุ้ม แฟนเก่าพี่ได้มั้ย” ชายหนุ่มเกริ่น คนเป็นน้องก็พยักหน้า
“เขากลับมาจากเมืองนอก เพราะหย่ากับสามีเขาแล้ว เขานัดพี่มาที่นี่ เพราะอยากให้พี่ช่วยพาเขาไปดูที่พักที่ถูกกว่านี้ พี่ก็แค่อยากจะช่วยก็เลยมา แต่เขากลับให้พี่ขึ้นไปหาบนห้อง พี่ไม่อยากขึ้นไปคนเดียว ช่วงนี้ยิ่งเรื่องเยอะอยู่ และพี่ไม่อยากให้ฟ้าเข้าใจผิด
“คือถ้าเมฆมาด้วยแล้วเกิดฟ้ารู้เรื่องเข้า จะได้มีพยานให้ฟ้าสบายใจ ว่าพี่ไม่ได้กลับไปหาอุ้มเขา” ชายหนุ่มเล่าด้วยน้ำเสียงอ่อนใจแกมขอร้อง แล้วมีหรือที่ผู้พิทักษ์ความรักของพี่สาวและคนที่เปรียบเหมือนพี่ชายอย่างเมฆานรีจะปฏิเสธ
“ไหนๆ นางอยู่ห้องไหน เด๊ะเมฆจัดการเอง” หญิงสาวว่า ตบขาตัวเองอย่างโมโห เดินไปกดลิฟต์ พอดีกับที่ลิฟต์เปิดออก สองหนุ่มสาวพากันเข้าไปในลิฟต์อย่างรีบร้อน ไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนบังเอิญเห็นพวกเขาเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่พิมฐาเห็นหญิงสาวที่เคยมานั่งเฝ้าท่านประธานหนุ่มหรือลูกพี่ลูกน้องของเธอขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนของโรงแรม ตอนแรกเธอเข้าใจว่า เมฆานรีจะมาหาประธานหนุ่มเหมือนอย่างเคย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าท่านประธานไม่อยู่ ประกอบกับเห็นชายหนุ่มอีกคนเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วย จึงเข้าใจว่าสองคนนั้นน่าจะมาด้วยกัน แต่จะมาทำอะไรนั้นก็สุดจะคาดเดา เพราะจากที่รู้จักเด็กคนนี้มา เธอยังไม่เคยเห็นทีท่าว่าสาวเจ้าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไรไม่ดีพวกนี้
แต่เมื่อพิจารณาอีกที พวกเธอก็เพิ่งรู้จักกัน จึงยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าพฤติกรรมของลูกสาวคนเล็กบ้านท่องวัจนะจะเป็นไปในทิศทางใด แต่บางอย่างในใจก็ทำให้เชื่อใจว่าเด็กน้อยคนนี้จะต้องไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีแน่ ๆ
“รอใครอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนดังขึ้นจากข้างหลัง ขณะเธอใจจดจ่อไปอยู่ที่ลิฟต์สำหรับลูกค้า
“พี่พิธาน กลับมาแล้วหรือคะ” เธอยังไม่ตอบคำถาม แต่เลือกที่จะถามกลับ
คนเป็นพี่พยักหน้า “ใช่ มีอะไรหรือเปล่า”
“พิมเห็นน้องเมฆมาที่โรงแรมเรานะคะ เข้าใจว่ามาหาพี่ แต่เหมือนกับว่า...” คนเป็นน้องหยุดพูดขณะคนเป็นพี่ขมวดคิ้วรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“เธอมาธุระกับผู้ชายคนหนึ่ง” พิมฐาเอ่ยขึ้นในที่สุด เธอไม่ได้ตั้งใจจะฟ้องหรือทำให้ใครผิดใจกัน เพียงแต่เธอรู้สึกเป็นห่วงเด็กคนนั้น แม้เมฆานรีจะไม่มีทีท่าว่าโดนบังคับ แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนรนในที
คำว่า ‘ผู้ชายคนหนึ่ง’ ของพิมฐาทำเอาหัวใจคนตัวใหญ่ที่กำลังโลดแล่นด้วยความดีใจ เพราะได้ยินชื่อหญิงสาวที่เขารอเจอหน้ามาเป็นหลายสัปดาห์วูบลง ทั้งที่เขาเป็นคนสั่งเธอเองว่าไม่ต้องมาหา แต่ก็ลอบหวังว่าเธอจะขัดคำสั่งนั้น ความเคร่งเครียดฉายชัดในดวงตาและใบหน้า จนคนเป็นน้องสัมผัสได้ พิธานกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“พี่พิธานคะ โอเคหรือเปล่าคะ” พิมฐาเขย่าแขนเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองแปลกไป
“พี่ไม่เป็นไร แล้วนี่หายกันไปนานหรือยัง” ชายหนุ่มถามอีกครั้งพลางจ้องลิฟต์สำหรับลูกค้าเหมือนพิมฐา
“ครึ่งชั่วโมงได้แล้วค่ะ” พิมฐาทำสีหน้าไม่ค่อยดีก่อนจะต้องตกใจ เมื่อเห็นคนสองคนประคองกันออกมา เธอชี้ไปที่ลิฟต์ แม้จะรู้ว่าพี่ชายเธอก็มองอยู่เช่นกัน
“โอ๊ะ มากันแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มหญิงสาวที่ประคองกันออกมาว่าน่าตกใจแล้ว แต่ยังไม่เท่ากับสภาพของหญิงสาวในอ้อมกอดของไอ้หนุ่มหน้าหวานคนนั้น บอกเลยว่าตอนนี้สภาพแย่มาก ผมเปียที่เคยถักไว้สวยงามหลุดลุ่ยปรกหน้า ชายเสื้อนักศึกษาที่หลุดออก พิธานรู้ตัวเลยว่าเนื้อกายของเขาเย็นเฉียบแค่ไหนที่ได้เห็นสภาพ
ยิ่งตอนนี้ที่ทั้งสองหยุดยืนคุยกันที่บริเวณรับรองแขกของโรงแรม เขาก็เห็นสายตาของชายหนุ่มที่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงเป็นใยหญิงสาวตรงหน้ามากแค่ไหน มือหนาของชายหน้าหวานปัดปอยผมขึ้นทัดหูเมฆานรีอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆ ลูบผมที่หลุดร่วงให้หญิงสาว และยังค้างอยู่สักพัก พลางคุยอะไรบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆ นำสองมือประคองใบหน้าของหญิงสาวในชุดนักศึกษาหันกลับไปมา ราวจะสำรวจใบหน้าว่ามีอะไรติดอยู่หรือไม่ ก่อนจะเลื่อนลงมาที่แขนทั้งสองข้าง จับพลิกดูเช่นกัน ราวกับจะสำรวจทุกที่ว่ามีอะไรติดอยู่อีกหรือ
ตอนนี้คนที่สังเกตการณ์ทั้งสองคนคิดไปต่างๆ นานา แน่นอนว่าคนตัวใหญ่คงไม่ได้คิดไปในทางที่ดี เขาไม่พอใจจนเลือดขึ้นหน้า กำหมัดแน่นกว่าเดิม เขาอยากรู้ว่าสองคนนั้นจะทำอย่างไร หรือจะไปไหนกันต่อหลังจากนี้ จึงยืนอยู่อย่างนั้น เพื่อรอดูความเคลื่อนไหวนั้นด้วยตาตัวเอง
...
“ไหนพี่ดูซิ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” แสงฉานเอ่ยขึ้นทันทีที่ประคองน้องสาวตัวน้อยออกจากลิฟต์ พลางนึกถึงความมุทะลุของยายตัวแสบตอนที่ขึ้นไปชั้นบน
ตอนที่ขึ้นไปยังชั้นยี่สิบของโรงแรมซึ่งหนึ่งในห้องบนชั้นนั้นเป็นที่นัดหมายของยายผู้หญิงใจร้าย แฟนเก่าเขา และเป็นผู้หญิงใจยักษ์ (ในสายตาของเมฆานรี) ที่ทำให้ผู้ชายอย่างเขากลายเป็นคนขี้เมาหัวราน้ำ จนไม่เอาอะไรเลย ยังดีที่นภาพราวดึงให้เขาขึ้นมาได้ เขาถึงเป็นผู้เป็นคนและรักกันมาจนตอนนี้ แสงฉานคิดว่าการกลับมาในครั้งนี้ของเธอ คงจะไม่ได้กลับมาแบบธรรมดา
เมฆานรีเองก็คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ยิ่งสาวเจ้าดันนัดขึ้นมาบนห้องพัก พวกเธอก็ยิ่งมั่นใจ ไม่นานแสงฉานและเมฆานรีก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพักของอุมาริน เมฆานรีเลือกที่จะยืนหลบอยู่ข้างประตู ให้พ้นระยะการมองเห็นจากตาแมว สาเหตุก็คือเธออยากรู้ว่ารายนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ และหากคิดไม่ดีจริงๆ และเห็นเธอมาด้วยก็อาจไม่ยอมเปิดประตูออกมาก็ได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
แสงฉานเคาะประตูแล้วยืนรอสักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดินมาปลดล็อกกลอนประตู ประตูเปิดออกในทันที พร้อมกับร่างระหงของหญิงสาวที่มีผ้าขนหนูผืนใหญ่พันตัวเพียงผืนเดียว เธออ้าแขนโอบคอแสงฉานพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะดึงชายหนุ่มเข้าไปในห้อง โดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น
หลังจากสองคนนั้นเข้าไปในห้องแล้ว ประตูที่เป็นระบบปิดอัตโนมัติก็กำลังจะปิดลง แต่เมฆานรีเอาปลายเท้ากั้นไว้ก่อนแล้วแทรกตัวเข้าไป ภาพที่เห็นเต็มตาตอนนี้เป็นไปอย่างที่เมฆานรีคิด หญิงสาวใบหน้าสวยลงไปนอนกับพื้นโดยมีว่าที่พี่เขยของเธอทาบทับอยู่ ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยจนเห็นเนื้อในที่ไม่ใส่อะไรเลย ถ้าเป็นคนอื่นที่เข้ามาเห็นสภาพนี้คงคิดว่าแสงฉานกับหญิงสาวคนนี้ทำอะไรกันอยู่เป็นแน่
กว่าที่คนนอนหงายตั้งท่าพร้อมรบจะรู้ตัว หญิงสาวที่เข้าไปใหม่ก็รีบเดินเข้าไปดึงชายหนุ่มออกมา เมื่อยืนได้เต็มตัวก็เอาตัวเองขวางระหว่างชายหนุ่มกับอดีตแฟนสาวไว้
“ว้าย แกเข้ามาได้ยังไง!” หญิงสาวเจ้าของห้องโวยวาย รีบจับผ้าขนหนูพันตัวอีกครั้ง ก่อนจะหันมาส่งสายตาร้ายกาจใส่เมฆานรี
“อยากมากจนไม่ได้ดูเลยหรือไงคะ ว่ามีใครมาบ้าง” หญิงสาวส่งวาจาร้ายกาจกลับไปบ้าง จะว่าเธอก้าวร้าวก็ได้ แต่บอกก่อนเลยว่าเธอจะเคารพเฉพาะคนที่น่าเคารพจริงๆ เท่านั้น “ไหนว่าจะไปดูบ้านเช่า ทำไมยังอยู่ในสภาพแบบนี้ล่ะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกยะ” อุมารินตวาดลั่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวอีกคนในห้องหวาดกลัว
“เอ้า ก็มาขอความช่วยเหลือเขา แต่ตัวเองยังไม่เตรียมพร้อม มันใช้ได้ที่ไหน” เมฆานรีส่งยิ้มหวานแต่เย็นเยียบอย่างรู้ทัน
“อ๋อ หรือว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปหาบ้านเช่า แต่ตั้งใจจะแอบมากินของคนอื่น” วาจาร้ายกาจและรู้ทันของหญิงสาวที่อุมารินมั่นใจว่าอ่อนกว่าตัวเองถึงสิบปีทำให้เธอหน้าชา จะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ได้เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์
“หน้าตาก็ดี รูปร่างก็ดี แต่น่าแปลกที่หาใครมาบำบัดความอยากไม่ได้จนต้องมาหลอกล่อคนมีเจ้าของแล้ว ถามจริงเถอะป้า ไม่อายเด็กบ้างเหรอ ดีนะที่เขาเป็นคนฉลาด ไม่เชื่อมารยาร้อยเล่มเกวียนของป้า เขาถึงโทร. หาหนูก่อน อย่าคิดว่าใครเขาจะเหมือนเดิม ไม่มีใครเขาเก็บของเน่าๆ กลับมากินอีกหรอก” เมฆานรีของขึ้นจนพ่นคำไม่สุภาพมากมายออกมา บอกเลยว่า ณ เวลานี้อะไรก็มาต้านความโมโหของหญิงสาวไม่ได้อีกแล้ว นี่ถ้าพี่สาวของเธอมาเห็นสภาพนี้ต้องเป็นลมแน่ๆ
อุมารินโกรธจนเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ เธอโมโหจนไม่มีสติจะหาคำไหนมาต่อล้อต่อเถียงกับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ยืนทำปากเบ้มองเธอตั้งแต่หัวจดเท้า ได้แต่ดีดดิ้นจนน่ากลัวว่าผ้าขนหนูที่พันตัวเธอจะหลุด
“โอ๊ยๆ ป้า ระวังหลุด หลุดมานี่ต้องไปทำบุญ รดน้ำมนต์เก้าวัดเลยนะเนี่ย แค่เห็นเมื่อกี้ก็จะอ้วกแล้ว” หญิงสาวยังคงพูดจาทำร้ายคนตรงหน้า จนความอดทนอุมารินจะขาดแหล่มิขาดแหล่
“จำไว้นะป้า ผู้ชายเขาฉลาด เขารู้ว่าอันไหนของดี อันไหนของโส...ไปคิดเอาละกัน ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ถ้าไม่คิดจะไปดูบ้านจริงๆ ก็อย่าโทร. ไป คนอื่นเขาเสียเวลาทำมาหากิน” ว่าจบเธอก็หันหลังผลักแสงฉานออกจากห้อง ก่อนจะหมุนตัวกลับมา
“อ่อ แล้วอย่ามาด่าพี่แสงตามหลังว่าให้ผู้หญิงปกป้อง เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษมากพอจะไม่ด่าผู้หญิง แม้ผู้หญิงอย่างป้าจะควรโดนด่าเสียบ้างก็เถอะ” เมฆานรีตัดจบแล้วจะเดินตามหลังแสงฉานไป
แต่ความอดทนที่สิ้นสุดลงของเจ้าของห้องเพราะประโยคสุดท้ายนั้น ทำให้อุมารินปราดเข้ามากระชากผมเปียเมฆานรีจากข้างหลัง ง้างมือจะฟาดหญิงสาวตรงหน้า แต่เมฆานรีไวกว่า เธอคว้ามืออุมารินไว้ได้ทัน โดยมีแสงฉานเข้ามาช่วยอีกแรง ความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่สักพัก กว่าเมฆานรีจะหลุดออกหญิงสาวคนนั้น ด้วยสภาพผมเผ้า เสื้อผ้าหลุดลุ่ย
เมื่อเห็นว่าคนเป็นน้องสาวหลุดจากเงื้อมมือของอุมาริน แสงฉานก็รีบปล่อยอดีตแฟนสาว พุ่งไปรวบตัวน้องพาออกไปจากห้อง ไม่ไยดีคนที่ยังอยู่ในห้องเลย กว่าชายหนุ่มจะลากตัวน้องออกมาจนถึงลิฟต์ได้ก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะยายตัวแสบที่พลังงานเหลือล้นจ้องจะกลับไปจัดการอุมาริน โทษฐานที่บังอาจเล่นงานทีเผลอ โชคดีที่ลิฟต์มาไว แต่ก็ไม่ง่ายที่จะลากคนตัวเล็กออกจากลิฟต์เมื่อมันมาถึงชั้นล่าง เพราะยายตัวเล็กยังคงดื้อดึงจะกลับขึ้นไปจนเขาต้องทั้งกอดทั้งพยุงออกจากลิฟต์ สภาพเลยกลายเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้
...
“เจ็บดิถามได้ โดยดึงหัวเลยนะ ผมหลุดติดมือไปเป็นกระจุกแน่ คิดถึงก็โมโหยายนี่ อย่าให้เจออีกนะ แม่จะเล่นให้เดี้ยงเลย” หญิงสาวพูดอย่างหงุดหงิดและเจ็บใจที่โดนเล่นงานทีเผลอ แต่เธอเองก็ผิดที่ไม่ระวังตัวแถมยังชะล่าใจ
“โอ๋ อย่าหงุดหงิดเลยนะ พี่ขอโทษที่พาเรามาเจอเรื่องแบบนี้” ชายหนุ่มปลอบอย่างรู้สึกผิด ความเป็นห่วงเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของเขา พลางเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของน้องน้อยขึ้นทัดหู ก่อนจะจัดผมเผ้ายุ่งเหยิงนั้นให้เข้าที่ที่สุดแล้วลูบหัวขอบคุณ
“ยังไงพี่ก็ต้องขอบคุณเมฆนะ ที่เมฆมาช่วยพี่วันนี้ ไม่งั้นพี่คงแย่”
“ไม่เป็นไร เมฆบอกเลยว่า อะไรที่ทำให้พี่สองคนมีความสุขและสบายใจ เมฆจะทำให้ทุกอย่าง” หญิงสาวยิ้มกว้าง
“ไหนพี่ขอดูอีกทีซิ” ชายหนุ่มว่าพร้อมประคองหน้าน้องน้อยหันซ้ายทีขวาที เพื่อดูว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่ แน่นอนว่าคนเป็นน้องไม่ได้มีท่าทีอิดออดใดๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าที่ใบหน้าไม่มีร่องรอยใดๆ เขาจึงเลื่อนมือไปที่แขนทั้งสองข้าง พลิกไปมาเพื่อสำรวจ
เมื่อชัดแจ้งแก่ตาแล้วว่าไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ บนตัวคนตรงหน้า แสงฉานก็ปล่อยมือจากแขนเมฆานรีแล้วเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ พากันออกจากโรงแรมไป
“คุณเมฆ คุณแสง” เสียงห้าวสองเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้สองหนุ่มสาวที่ก้าวออกมาจากโรงแรมหันไปทางเสียงเรียก
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ผลเป็นคนแรกเสมอที่พุ่งเข้ามาหาเธอ
“ไม่มีไรๆ ไม่ต้องตกใจ” หญิงสาวว่าเสียงสดใสกลั้วหัวเราะอย่างคนเพิ่งไปเจอเรื่องสนุกๆ มา แต่สภาพที่เห็นไม่น่าจะใช่
“มีเรื่องกับใครมาหรือครับ” ปีพูดเสียงเข้มจนคนฟังขนลุก เพราะหากเมื่อกี้เธอมีคู่กรณีที่เป็นผู้ชายแล้วละก็ รับประกันด้วยเกียรติของเมฆานรีคนนี้เลยว่า ผู้ชายคนนั้นตายแน่ๆ
“ค่ะ มีเรื่อง แต่ไม่มีอะไรมากหรอก” หญิงสาวยิ้มหวาน
“นี่ขนาดไม่มีอะไรมาก ยัง...ออกมาสภาพนี้” ปีถามอย่างจับผิด แน่นอนว่าหญิงสาวก็รู้
“เอาน่า มันไม่มีอะไรแล้ว อย่าไปคิดมาก” หญิงสาวว่ายิ้มๆ โบกมือไปมา
“เดี๋ยวเมฆจัดการตัวเองในรถแป๊บนะ” หญิงสาวว่าแล้วมุดเข้าไปในรถ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยสักครู่ ก็ออกมาในรูปแบบที่ไฉไลเช่นเดิม
“เรียบร้อยแล้ว อ๋อ พี่ปี พี่ผล ห้ามบอกใครนะ ว่าเมฆมาหาพี่แสงที่นี่” เมฆานรีสั่งผู้ติดตามที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมรับคำโดยดี
เมฆานรีหัวเราะคิกคัก “เอาไว้จะเล่าให้ฟังว่าไปทำอะไรมา”
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” แสงฉานพูดขึ้นก่อนจะคว้ามือน้องน้อย
“ไปไหนกันหรือครับ” ปีถามขึ้น เพราะเขามีหน้าที่ดูแลคุณหนูคนเล็กของบ้าน
“จะไปซื้อของให้พี่ฟ้าทำเค้กให้กิน” เมฆานรีตอบและกำลังจะก้าวเท้าออกไป
“ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปด้วยครับ” ปีเอ่ยขึ้น แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้ขัดอะไร เพราะมันคือหน้าที่ของพวกเขา เมฆานรีจึงทำเพียงพยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มหวานให้ทั้งสอง
หลายชั่วโมงแล้วที่ท่านประธานใหญ่กลับมาจากชั้นล่างของโรงแรม เพื่อมานั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานสุดหรูที่แสนคุ้นเคย แต่เจ้าตัวกลับไม่มีสมาธิกับงานเลยแม้แต่น้อย เพราะในหัวมีแต่ภาพหญิงสาวที่มาอ้อนวอนขอให้เขาเลือกเธอเป็นเจ้าสาวกำลังอยู่กับชายอื่นในถิ่นของเขา พวกเขาไม่ใช่แค่พูดคุยกันธรรมดา แต่ถึงเนื้อถึงตัว ยังไม่รวมถึงสภาพเนื้อตัวผมเผ้าหลุดลุ่ยของสาวเจ้าที่ทำให้พิธานไม่พอใจอย่างที่สุด
สำหรับเขาแล้ว การที่ใครสักคนจะมาเป็นเจ้าสาวของเขานั้น อย่างน้อยก็ควรรู้จักการวางตัว ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวในที่สาธารณะอย่างนี้ ถ้าเพียงแค่ได้ยินจากคนอื่น เขาคงจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไร แต่นี่มาเห็นกับตา จึงทำให้ไม่พอใจอย่างมาก ทั้งๆ ที่สาวเจ้าก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีแฟน และแน่นอนว่าบ้านท่องวัจนะไม่มีลูกชาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวจะมีพี่ชาย
เขาจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่า ชายหนุ่มที่อยู่กับหญิงสาวเป็นใคร แล้วทำไมถึงเนื้อถึงตัวเจ้าหล่อน โดยที่เจ้าหล่อนไม่คิดปัดป้องใดๆ และคนเพียงคนเดียวที่พอไขความกระจ่างให้เขาได้ คงไม่พ้นว่าที่เจ้าสาวของเขาอย่างนภาพราว
คิดได้ดังนั้น พิธานจึงหยิบสมาร์ตโฟนมาหาเบอร์โทรศัพท์หนึ่งที่เขามั่นใจว่า จะต้องทำให้เขาสามารถนัดเจอกับนภาพราว คนที่จะทำให้เขาได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวคนนั้น
“สวัสดีครับคุณพายุ” ชายหนุ่มพูดกับคนในสายหลังจากที่รอไม่นาน ประธานหนุ่มแจ้งความจำนงแก่คนในสาย แน่นอนว่าคำตอบคือ ตกลง
“งั้นพรุ่งนี้หกโมงเย็น ผมจะไปรับคุณฟ้าที่บ้านนะครับ” ชายหนุ่มว่าทิ้งท้ายก็กล่าวลาคนในสาย
แม้จะมีหนทางหาคำตอบแล้ว แต่ความไม่สบายใจยังคงวนเวียนอยู่เต็มอกเขา ตั้งแต่ใช้ชีวิตมาสี่สิบสองปี ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาไม่สามารถทำงานได้อย่างเธอคนนี้ แต่จะให้พูดว่ารู้สึกดีกับเด็กคนนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมันยังห่างไกลกว่าคำนั้นมาก
พิธานได้แต่บอกตัวเองว่า เพราะเขาคิดจะเลือกเธอมาเป็นเจ้าสาวเลยต้องคุมความประพฤติเธอตั้งแต่ที่เจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาคิดจะเลือกเธอกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าไม่ติดเรื่องที่เห็นวันนี้ และเพื่อให้ตัวเลขมันใกล้ถึงร้อย เขาจึงต้องหาคำตอบให้ได้ในวันพรุ่งนี้
ความคิดเห็น |
---|