บทนำ

บทนำ

               เสียงหวานๆ เจือเสียงแหบพร่าของนักร้องสาวร้องดังคลอไปกับดนตรีแจซ ยามณิสรินทร์ช้อนตามองผู้ฟังที่อยู่ตรงหน้าก็ราวกับจะเชื้อเชิญให้ทุกคนตกอยู่ในภวังค์ ชวนให้บรรยากาศคืนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายสนุกสนานและเย้ายวนเป็นพิเศษ แต่เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาท่ามกลางผู้คนที่รายล้อมตนแล้ว คิ้วโค้งก็พลันขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาคู่งามปรากฏร่องรอยบางอย่างไหววูบก่อนจะจางหายไปในพริบตา ซ้ำยังแสร้งทำเป็นมองผ่านสายตาที่กำลังจดจ้องตัวเองไปทั้งอย่างนั้น 

กระทั่งช่วงเวลาพิเศษในคืนนี้จบลง หญิงสาวก็ไม่คิดอ้อยอิ่งอยู่ต่อให้เสียเวลา ทว่าหางตายังคงสัมผัสได้ถึงสายตาร้อนแรงของใครบางคน จากที่คิดจะหมุนตัวจากไปจึงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางหันไปเผชิญหน้าอีกฝ่ายแทน ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มที่แสนคุ้นตา

บรรดานักศึกษาสาวทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องหญิงในคณะต่างให้ความเคารพและอวยยศให้แก่ความดีงามของเขาในใจ เพราะไม่ว่าจะด้วยความสามารถ รูปร่างหน้าตาหรือนิสัย ไม่มีส่วนไหนที่หยิบยกมาตำหนิเขาได้เลย แต่สำหรับณิสรินทร์แล้ว เธอไม่คิดเหมือนคนอื่นๆ 

หลังจากได้ใกล้ชิดกับเขาในสถานการณ์อันยากลำบากและสัมผัสเนื้อแท้ของชายหนุ่ม ณิสรินทร์ก็รู้สึกว่าประตูปริศนาบานใหม่ได้เปิดออก ต้อนรับให้เธอก้าวไปรู้จักอีกตัวตนหนึ่งของผู้ชายคนนี้...ตัวตนที่ทำให้เธอไม่อาจกลับไปเป็นตัวของตัวเอง เนื้อแท้ของเขามีอิทธิพลต่อเธอเกินไปจนบางครั้งก็เกิดเป็นความหลงใหลที่ยากจะต้านทาน เพราะเช่นนี้แล้วเธอถึงได้พยายามหลีกเลี่ยงเขา แต่ยิ่งเดินหนีก็ยิ่งเหมือนเธอเดินวนกลับมาที่เดิม 

เห็นรอยยิ้มและประกายเจิดจ้าของอีกฝ่ายแล้ว ณิสรินทร์ก็รู้สึกเหมือนกำลังเอาตัวไปหาเรื่องต่อยตีกับนุ่นนิ่มๆ นอกจากจะไม่ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งสะเทือนแล้ว ตนยังเสียแรงเปล่า

               ด้วยฐานะของชายหนุ่ม ที่ผ่านมาณิสรินทร์จึงทำเป็นไม่สนใจและไม่ใส่ใจอีกฝ่าย แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเรื่องราววุ่นวายของตัวเองจบลงได้เพราะเขาก็ตาม ทว่าในเมื่อพวกเขาสองคนได้ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ไว้อย่างชัดเจนแล้ว เธอจึงไม่เข้าใจเลยว่าคนคนนี้ต้องการอะไรจากเธออีก

               “ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่คะ” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น หางตาที่ยกขึ้นทำให้เธอดูเหมือนเสือสาวแสนเย่อหยิ่ง ต่อหน้าศัตรูยิ่งไม่มีวันแสดงท่าทางประหม่าอ่อนไหวออกมาโดยเด็ดขาด

               “จะบอกว่าไม่มีอะไร ฉันก็เชื่อไม่ลง” น้ำเสียงที่พูดเรียบนิ่ง ผิดกับเสียงอ่อนหวานเมื่อครู่ลิบลับ ทั้งยังจงใจเลือกใช้คำพูดร้ายๆ จู่โจมชายหนุ่มให้เขาเป็นฝ่ายเสียศูนย์ก่อน 

“หรือถ้าคิดว่านักศึกษาหญิงที่ทำงานกลางคืนเป็นพวกง่ายๆ เอาไว้เล่นสนุกๆ ได้ ก็เก็บความคิดนี้ไปเถอะค่ะ เพราะคุณไม่สมหวังแน่ๆ” พูดแล้วณิสรินทร์ก็เม้มปาก อยากรู้ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าเหลือเกินว่าเขาจะทำอย่างไร หวังไว้ลึกๆ ให้เขาถอดใจกลับไปเสีย ทว่าท่าทางของชายหนุ่มก็ทำให้เธอคาดไม่ถึง

               “มองโลกในแง่ลบอีกแล้วนะ”

               เสียงทุ้มนุ่มที่เจือความอบอุ่น ทั้งยังสายตาที่มองตรงมาราวกับเข้าใจความคิดของเธออย่างทะลุปรุโปร่งของพสุ ทำให้ณิสรินทร์ได้แต่นิ่งเงียบ สมองคิดตามไม่ทันว่าจะโต้ตอบอย่างไรดี อีกฝ่ายยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบช้าๆ พลางเบนสายตามองทิวทัศน์ยามค่ำ 

               “คืนที่เราเจอกันครั้งแรก...ตอนนั้นเพื่อนๆ ผมถามว่าเมื่อไหร่ผมจะเลิกเป็นอาจารย์พิเศษเสียที”

               ณิสรินทร์รู้ดีว่าหลายคนพยายามแทบตายเพื่อให้ได้ลงทะเบียนเรียนวิชาที่เขาสอน เพราะฝีมือและชื่อเสียงของชายหนุ่มล้วนเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ในวงการนักวาด ใครๆ ก็อยากเข้าหาเขากันทั้งนั้น 

               “จริงๆ ผมยังสนุกอยู่ การได้เจอเด็กๆ ทำให้ผมไม่เหงา” ท้ายประโยคชายหนุ่มหัวเราะเสียงทุ้มชวนฟังไม่ต่างกับเชลโลตัวใหญ่ที่กำลังบรรเลงเพลง 

               “แต่ว่าตอนนี้ผมได้คำตอบใหม่แล้ว” พูดจบพสุก็ประสานสายตากับดวงตาหงส์ของหญิงสาว การจดจ้องเช่นนี้ทำให้บรรยากาศรอบข้างถูกตัดขาดราวกับเวลานี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น 

“ถ้ายังเป็นอาจารย์พิเศษ สิทธิ์ในการดูแลคุณคงไม่ต่างจากอาจารย์กับนักศึกษา แต่ผมอยากได้มากกว่านั้น” 

ประโยคนี้ทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง ความทรงจำมากมายระหว่างพวกเขาไหลเวียนเข้ามา หัวใจสั่นไหวอย่างที่ควบคุมไม่ได้ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว พสุก็ดักทางเธอไว้ด้วยประโยคเดียว

               “คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าระหว่างพวกเรามันมีอะไรมากกว่านั้น คุณรู้ดี...ณิสรินทร์”

               ณิสรินทร์เม้มปาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่พสุพูดมาเป็นความจริง เธอพยายามตั้งสติแล้วตอบโต้กลับไป ทว่าคำพูดรวมถึงน้ำเสียงที่ตอบไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้แม้แต่น้อย มันทั้งสั่นและประหม่าด้วยความตื่นเต้น

               “คุณ! นะ...นี่มัน...พวกสมภารกินไก่วัด!”

               หญิงสาวเห็นเขาหัวเราะ ทั้งยังประสานมือเข้าด้วยกันพลางตอบด้วยรอยยิ้ม

               “อืม ใช่ครับ ตั้งใจจะกินจริงๆ นั่นแหละ”

               ณิสรินทร์สัมผัสได้ถึงความร้อนขุมหนึ่งที่กำลังลามไปทั่วใบหน้า รู้สึกทั้งขัดเขินและขัดใจ หัวใจเจ้ากรรมเผลอเต้นผิดจังหวะเพราะคำพูดของอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้ตัวเองตกลงไปในหลุมที่ชายหนุ่มขุดดักล้อมหน้าล้อมหลังไว้ เธอจึงไม่คิดจะสู้ต่อ เตรียมหมุนตัวเดินหนีออกมา พ่ายแพ้แบบนี้ก็ดีกว่าเอาตัวไปอยู่ในหลุมลึกที่ไม่แน่ใจเลยว่าอยากจะปีนออกหรือเปล่า

               แต่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกพสุรั้งเอาไว้ เพียงแค่เขาออกแรงเล็กน้อย ตนก็ซวนเซกลับมาอยู่ใกล้ร่างสูงโปร่ง ระยะที่ห่างกันเพียงเล็กน้อยทำให้ณิสรินทร์สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของบุรุษเพศผสมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ อย่างกลิ่นกาแฟผสมกับพืชประเภทซิตรัสและกลิ่นโทนไม้ ทำให้คนตรงหน้ายิ่งเหมือนแดดยามเช้าที่ทั้งสดชื่นและอบอุ่น ขณะเดียวก็แฝงเสน่ห์ลึกลับที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ทั้งหมดนี้ชวนให้คนลุ่มหลงได้โดยง่าย 

               กระทั่งลมหายใจอุ่นร้อนของพสุรินรดใบหูของตน ณิสรินทร์ถึงได้สะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นกระหน่ำ

               “ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะผมดันหลงไก่ที่ว่าหัวปักหัวปำ ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของก็คงตัดใจไม่ได้”

               หญิงสาวรีบสลัดมือขึ้นมาปิดหูข้างนั้นอย่างรวดเร็ว ถลึงตาใส่เขาอีกครั้งพสุถึงได้ยอมปล่อย ถึงจะเป็นอิสระแล้วแต่ใบหน้าของเธอกลับร้อนผ่าว ลมหายใจปั่นป่วน แม้แต่หัวใจก็ยังรวนเรสับสนเอาได้ง่ายๆ เพราะคนตรงหน้า

               ณิสรินทร์รู้ดีว่าความสามารถของตนในเวลานี้เทียบอีกฝ่ายไม่ติดแม้แต่เงา จึงทำได้แต่เตือนตัวเองในใจซ้ำๆ ให้ถอยออกมาตั้งหลักเสียก่อน เริ่มตระหนักขึ้นมาว่ากำแพงและเขตแดนที่ขีดกั้นเขาเอาไว้กำลังถูกพสุทำลายลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่ยามนี้ที่หันหลังหนีมาแล้วก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองตนอยู่ทุกขณะ

ส่วนอีกคนเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวแล้วก็เข้าใจความรู้สึกบางอย่างได้กระจ่างชัดจนกลั้นยิ้มไม่อยู่ พสุเพ่งมองร่างเล็กที่ค่อยๆ หายไปจากสายตาด้วยรอยยิ้ม วินาทีต่อมาคำพูดเย้าแหย่ของน้องสาวที่เคยพูดไว้ก็ดังขึ้นมาในหัว

‘อยู่กับเด็กมากๆ ระวังใจบางนะพี่รัก โดยเฉพาะกับสาวๆ เด็กสมัยนี้โตไวจะตาย บางคนก็สวยจนต้องเหลียวหลัง อีกอย่างพี่รักก็ยังหนุ่ม...จะไม่เข้าตาใครเข้าบ้างเร้อ!’ นับดาวยิ้ม ยักคิ้วหลิ่วตาเป็นเชิงล้อเลียน ‘ระวังเถอะ จะโดนเด็กตกไม่รู้ตัว’

ในตอนนั้นเขาเพียงหัวเราะให้ความคิดทะลึ่งทะเล้นของน้องสาว ทั้งยังตอบเสียดิบดีว่าคงยากที่เขาจะหวั่นไหวให้สาวๆ โดยเฉพาะกับว่าที่อดีตนักศึกษาของตัวเอง ทว่าวันนี้ดูเหมือนคำพูดของนับดาวจะถูกต้องทุกอย่าง

ก็เด็กที่ว่ามันน่ารักจนถอนสายตาไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็เหมือนจะถูกตกอย่างไม่รู้ตัวจริงๆ แถมยังทำลายความตั้งใจเดิมของเขาให้พังลงอย่างไม่มีชิ้นดี แต่เรื่องแบบนี้ถ้าเขาไม่เริ่มแล้ว จะทนปล่อยให้บางคนหนีไปได้อย่างไร

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น