5

“แต่เธอแต่งไปแล้ว”

บทที่ 5

“แต่เธอแต่งไปแล้ว”

 

         “หลังนี้เหรอ”

         “ค่ะ”

         “บ้านเธอก็ใหญ่เหมือนกันนะ”

         “คงไม่ใหญ่เท่าบ้านของพี่ธีร์หรอกค่ะ” พลอยชมพูตอบด้วยอารมณ์ที่เริ่มบูดหลังจากโดนธีระพัฒน์กวนตลอดระยะเวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน 

ธีระพัฒน์หัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีและไม่วายหยอกเย้า

         “นั่นบ้านของพ่อกับแม่ไม่ใช่บ้านพี่ บ้านของพี่คือหลังที่พี่จะซื้อเพื่ออยู่กับน้องพลอยหลังจากนี้ต่างหาก”

         “พี่ธีร์ชอบพูดอะไรเลอะเทอะ” พลอยชมพูเหน็บเข้าให้ “จอดตรงนี้แหละค่ะ เดี๋ยวพลอยเดินเข้าไปเอง พี่ธีร์จะได้ไม่เสียเวลา” 

รถเบนซ์สีดำจอดนิ่งอยู่หน้าประตูบ้านของตระกูลจิตรมงคล พลอยชมพูก้าวลงจากรถ ธีระพัฒน์เลื่อนกระจกลง

         “แน่ใจนะ” ชายหนุ่มถามอย่างกังวล ความจริงเขาอยากจะลงไปกับพลอยชมพูเสียด้วยซ้ำ แต่ติดที่ว่าเมื่อคืนมีคนตัวนิ่มให้กอดทั้งคืนทำเอาเขาตื่นสายและกำลังจะพลาดนัดกับลูกค้า

         “นี่บ้านพลอยเองนะคะ พี่ธีร์จะกังวลอะไร” พลอยชมพูถามกลับ 

ธีระพัฒน์ยักไหล่เล็กน้อย “ถ้างั้นอีกสักสามชั่วโมงพี่มารับนะ น้องพลอยเก็บเฉพาะข้าวของที่จำเป็นมาให้เรียบร้อย ส่วนเสื้อผ้าไม่ต้องขนมามาก ห้องพี่ไม่ค่อยมีที่ให้เก็บ” 

         “แล้วถ้าชุดพลอยไม่พอใส่ล่ะคะ” พลอยชมพูลองลอบแย้ง พลางคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ห้องเขาจะไม่มีที่พอในเมื่อห้องของชายหนุ่มออกจะใหญ่โตจนกินพื้นที่หนึ่งในสามของคอนโดทั้งชั้นเสียขนาดนั้น 

         “ตอนอยู่ในห้องกับพี่ก็ไม่ต้องใส่ พี่อนุญาต”

         “พี่ธีร์!”

         ชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“รีบเข้าไปเถอะ อีกสามชั่วโมงเจอกัน”

         พลอยชมพูเดินผ่านประตูบ้าน ที่พักอาศัยของตระกูลจิตรมงคลนั้นเงียบเหงาและวังเวง ด้วยคุณหญิงรัตนปลดคนงานออกหมด เหลือเพียงแม่บ้าน คนสวน และคนขับรถอย่างละหนึ่งคน ซึ่งร่ำร่ำจะลาออกกันหมดเพราะคุณหญิงไม่ยอมจ่ายเงินเดือนพวกเขา เนื่องจากจะเก็บเงินเอาไว้หมุนในวงไพ่ 

หญิงสาวหยุดมองบ้านของตัวเองอยู่พักใหญ่ สวนของคุณพ่อที่เคยงดงามกลับดูรกและเต็มไปด้วยใบไม้แห้งที่ร่วงหล่น น้ำพุคิวปิดหน้าบ้านที่คุณพ่อมักจะสั่งให้เปิดไว้ตลอดเวลาก็ถูกปิดเพื่อประหยัดค่าน้ำ 

         พลอยชมพูต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ มันเป็นหน้าที่ของเธอ 

         ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน คุณหญิงรัตนก็ปรี่ลงมาหาเธอแทบจะในทันที 

         “เป็นยังไงบ้าง” คุณหญิงรัตนว่า “ได้มาเท่าไหร่ล่ะ” 

         “คุณแม่พูดถึงเรื่องอะไรคะ” พลอยชมพูถาม ดวงตาของคุณหญิงรัตนกวาดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจดเท้า พลอยชมพูขยับตัวขยุกขยิก เพราะชุดของเธอยังไม่แห้ง และชุดที่ธีระพัฒน์เตรียมไว้ก็ใช้ไม่ได้ หญิงสาวจึงต้องใส่เสื้อเชิ้ตตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขาสั้นของเขาแทน

         “กลับมาในสภาพนี้ แม่ว่าลูกแม่เก่งพอที่จะทำให้สามีถูกอกถูกใจ แล้วสรุปได้มาเท่าไหร่” คุณหญิงรัตนตาลุกวาว แต่พลอยชมพูก็ยังไม่ใคร่เข้าใจนัก จนผู้สูงวัยตวัดเสียงสูง

         “ก็เงินน่ะสิ! คนบ้านนู้นเขาให้เงินแกใช้เท่าไหร่ต่อเดือน เอามาแบ่งแม่บ้างสิ”

         พลอยชมพูถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผู้เป็นแม่ไม่ไถ่ถามถึงความเป็นอยู่ของตัวเธอเลยสักคำ ไหนเลยจะความรู้สึกของเธอที่ถูกแม่จับแต่งงานกะทันหันอีก

         “ไม่มีหรอกค่ะแม่” พลอยชมพูปด “คุณหญิงนฤมลเขาไม่ชอบหนู”

         “เป็นไปไม่ได้ แกอย่ามาโกหกฉัน! ถึงยายคุณหญิงขี้งกนั่นไม่ให้ ฉันว่าลูกชายเขาก็ต้องให้!”

         “สรุปว่าแม่อยากให้พี่เพชรแต่งกับพี่ธีร์เพราะแม่ต้องการฮุบสมบัติของภคเวชกุลจริงๆ อย่างที่คุณหญิงนฤมลปรามาสไว้ใช่ไหมคะ” 

         “ก็ใช่น่ะสิ! ไม่งั้นฉันจะเอาเงินที่ไหนมาดูบ้านหลังนี้ให้แกล่ะ พ่อแกก็เหมือนกัน ตอนตายดันไม่ตายไปแค่ตัว ยังทิ้งหนี้สินไว้ให้แม่อีก” ผู้มากวัยเปิดฉากบ่นอย่างที่พลอยชมพูได้ยินเสมอหลังจากคุณพ่อเสีย ภาพครอบครัวที่อบอุ่นพังทลายไปทันทีที่เธอกำพร้าพ่อ คุณหญิงรัตนไม่เคยใส่ใจลูกทั้งสองเลยจนถึงวินาทีนี้...

         “หนี้สินพวกนั้นเกิดขึ้นจากแม่เอาเงินที่พ่อทิ้งไว้ไปเสียไพ่หมดต่างหากค่ะ” พลอยชมพูกดเสียงต่ำ เธอพยายามควบคุมไม่ให้น้ำตาเอ่อ

         “ยายพลอย!” คุณหญิงรัตนตวาดแว้ด พลอยชมพูสะดุ้งโหยงและก้าวถอยหลัง “ฉันรู้ว่าแกมีเงิน ส่งมาให้ฉัน เดี๋ยวนี้!” 

         พลอยชมพูกอดกระเป๋าตัวเองแน่น เช็คเงินสดของธีระพัฒน์อยู่ในนั้น คุณหญิงรัตนก้าวเข้ามาแย่ง ข้าวของในกระเป๋าของพลอยชมพูถูกเทกระจาด คุณหญิงรัตนได้ซองใส่เช็คเงินสดไปในที่สุด พลอยชมพูทรุดตัวลงกับพื้น 

         “แค่ห้าล้านเนี่ยนะ!” คุณหญิงรัตนโวยวาย เธอไม่พอใจและต้องการมากกว่านี้ “แล้วบัตรเครดิตล่ะ เขาได้ทิ้งบัตรเครดิตให้แกไว้บ้างหรือเปล่า!”

         “คุณแม่อย่าดึงพลอยสิ พลอยเจ็บนะคะ” พลอยชมพูโอดโอย เมื่อเธอไม่คิดที่จะสู้กับผู้เป็นแม่จึงเป็นฝ่ายถูกกระชากอยู่เพียงผู้เดียว 

         “ห้าล้านนั่นเป็นค่ากินอยู่ของคุณหญิงเพียงอย่างเดียว”

         “พี่ธีร์...” พลอยชมพูกระซิบเสียงแผ่ว ธีระพัฒน์ยืนอยู่หน้าโถงทางเดิน เขาก้าวเข้ามาใกล้และดึงพลอยชมพูออกจากการกระทำอันไม่ทะนุถนอมของคุณหญิงรัตน

         “คุณธีระพัฒน์มาด้วยทำไมไม่บอกแม่” คุณหญิงรัตนเอ็ดผู้เป็นลูก พลอยชมพูได้แต่ก้มหน้ารับและไม่อยากจะเถียงกับคุณหญิงอีก

         “ตอนแรกผมจะส่งน้องพลอยเขาแค่หน้าประตูเพราะผมมีธุระ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจ ผมคิดว่าผมควรจะเข้ามาไหว้ทักทายคุณหญิงเสียก่อน จะได้ไม่เป็นการเสียมารยาท”

         “แล้วนัดของพี่ธีร์ล่ะคะ” พลอยชมพูเอ่ยอย่างเป็นกังวล 

         “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ธีระพัฒน์จับมือของหญิงสาวไว้แน่นและก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับคุณหญิงรัตนแทน “ต่อจากนี้ค่าใช้จ่ายภายในบ้านจิตรมงคลผมจะเป็นคนดูแลทั้งหมด รวมถึงค่าบำรุงรักษาต่างๆ และค่ากินอยู่ของน้องพลอย เช็คนั่นเป็นส่วนของคุณหญิง คุณหญิงจะใช้จ่ายอะไรตามสบาย ผมเข้ามาช่วยขนาดนี้ หวังว่าคุณหญิงคงจะไม่ขาดเหลือและมารบกวนน้องพลอยอีกนะครับ” 

         “พลอยชมพูเป็นลูกของฉัน ฉันจะเอาอะไรเท่าไหร่จากหนูพลอยก็ได้” คุณหญิงรัตนโต้ เธอรู้สึกโกรธจากการกระทำไม่ไว้หน้าของธีระพัฒน์ 

         “ไม่ใช่ตั้งแต่คุณหญิงยัดเยียดเธอให้ผมแล้วครับ” ธีระพัฒน์กดเสียงต่ำ เขานิ่งจนน่ากลัว “ต่อจากนี้น้องพลอยคือ พลอยชมพู ภคเวชกุล เป็นคนของภคเวชกุล ไม่ใช่จิตรมงคลอีก” 

         “แต่ถึงอย่างไรยายพลอยก็เป็นลูกฉัน!” 

         “ก็ลองดูสิครับ” ธีระพัฒน์ข่มขู่ “ถ้าคุณหญิงทำให้ภรรยาของผมลำบากใจ คุณหญิงจะไม่ได้อะไรจากผมอีกเลย” 

         คุณหญิงรัตนขัดใจ ได้แต่มองค้อนลูกสาวตัวดีที่แอบอยู่หลังคนตัวโตและไม่พูดไม่จา 

         “น้องพลอยไปเก็บของ พี่จะรอข้างล่างนี่” 

         “…ค่ะ”

         พลอยชมพูทำตัวลีบและวิ่งขึ้นห้องของตัวเองไป

 

         เมื่อเก็บของเสร็จ ธีระพัฒน์ก็พาพลอยชมพูออกจากบ้านจิตรมงคลทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ บรรยากาศในรถอึมครึมกว่าตอนที่นั่งมามากนัก 

         “คุณหญิงรัตนเขาเป็นแบบนี้เสมอเลยหรือเปล่า”

         “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับและรู้ว่าเขาจะมองแม่เธอแบบไหน “แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นแม่ของพลอย พลอยก็ต้องดูแล” 

         “แต่ตอนนี้เขายกลูกสาวของเขาให้คนอื่นไปแล้ว” ธีระพัฒน์ว่าต่อ “น้องพลอยว่าเงินห้าล้านนั้น ถ้าเป็นน้องพลอยแค่รับผิดชอบชีวิตตัวเองคนเดียวจะพอหรือเปล่า” 

         ธีระพัฒน์ถามให้พลอยชมพูหยุดคิด... 

ไม่ใช่แค่พอ แต่มันเหลือๆ เลยต่างหาก

         “เดือนอื่นๆ พี่อาจจะให้ไม่ได้มากเท่านี้ เพราะเงินที่ใช้จ่ายในบ้านของน้องพลอยมาจากเงินของพี่หมดไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ เพราะฉะนั้นน้องพลอยสบายใจได้นะ”

         “ทำไมพี่ธีร์ถึงต้องทำดีกับพลอยถึงขนาดนี้ ความจริงพี่ธีร์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้นะคะ พลอยพอมีเงินเดือนอยู่บ้าง...”

         “พี่คิดว่าคุณหญิงรัตนเขาคงไม่พอใจกับเงินเดือนที่น้องพลอยให้สักเท่าไหร่หรอกจริงไหม”

         “...”

         “พี่ยินดีที่จะจ่าย แลกกับรอยยิ้มสดใสที่พี่จะได้จากน้องพลอย”

         “พี่ธีร์...”

         “น้องพลอยเพิ่งเริ่มทำงานมาไม่นานอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่คนทำงานมันเหนื่อยนะ ยิ่งความรับผิดชอบสูงยิ่งเหนื่อย ยิ่งเป็นหัวหน้ามีลูกน้องก็ยิ่งเหนื่อยเป็นสองเท่า ถ้าทำธุรกิจตัวเองแต่มีหุ้นส่วน ต้องรับผิดชอบในเงินของคนอื่นอีกหลายๆ ล้านก็ยิ่งเหนื่อยเป็นสิบๆ เท่า พี่ก็สามสิบเจ็ดแล้ว บางทีพี่ก็แค่อยากได้ใครสักคนที่คอยยิ้มให้พี่ เป็นกำลังใจให้พี่ในวันที่พี่เหนื่อยจนอยากพัก และพี่ก็ดีใจที่คนนั้นเป็นน้องพลอยนะ” ธีระพัฒน์ขยับยิ้มกว้าง 

แม้ชายหนุ่มจะขับรถ แต่พลอยชมพูก็รู้สึกได้ว่าเขาแอบมองเธออยู่ ดูเหมือนจะเป็นคำพูดคุยธรรมดา แต่ทำไมพลอยชมพูฟังแล้วรู้สึกหน้าร้อนผ่าว พอพูดถึงเรื่องงานแล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ 

         “แล้วนัดลูกค้าของพี่ธีร์ละคะ” พลอยชมพูเหลือบมองเวลา ธีระพัฒน์บอกเธอว่าเขามีนัดตอนเจ็ดโมง แต่นี่ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว เขาก็ยังอยู่บนท้องถนนกับเธอ

         “พี่ส่งคนเข้าไปคุยแทนแล้ว แต่เดี๋ยวพี่คงต้องตามเข้าไป น้องพลอยจะรอพี่ที่ไหนดี ร้านกาแฟแถวร้านที่นัดลูกค้าของพี่ได้ไหม หลังคุยงานเสร็จพี่จะได้แวะเข้าไปรับง่ายๆ” ธีระพัฒน์มองนาฬิกา เวลานี้นิศราน่าจะเจรจากับลูกค้าได้ประมาณหนึ่งแล้ว 

พลอยชมพูรีบปฏิเสธ “พลอยกลับไปรอพี่ธีร์ที่คอนโดเองได้นะคะ พี่ธีร์ส่งพลอยตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวพลอยนั่งแท็กซี่ไป...”

         “ไม่ได้” ธีระพัฒน์ยืนกรานปฏิเสธ “เดี๋ยวมีใครลักพาตัวภรรยาของพี่ไปจะทำยังไง”

         “พี่ธีร์ พลอยยี่สิบสี่แล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” พลอยชมพูทำปากเบ้ 

ชายหนุ่มลอบยิ้ม ก่อนที่รถคันหรูจะจอดนิ่ง “น้องพลอยหาอะไรรองท้องรอพี่สักครู่นะ น่าจะไม่เกินชั่วโมงละ ถ้ามีอะไร พี่อยู่ในร้านอาหารที่อยู่ติดกันนะ โทร. หาพี่ได้”

         พลอยชมพูรับคำแล้วลงจากรถ โชคดีที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองของตัวเองเรียบร้อยแล้วตอนขึ้นไปเก็บของ หญิงสาวสั่งมอคคาและเค้กส้มหนึ่งชิ้นพร้อมเลือกที่นั่งมุมในสุดติดกระจกที่หันหน้าไปทางสวน หญิงสาวชอบต้นไม้ ชอบดอกไม้ เพราะเวลาเฝ้ามองมันจิตใจของเธอจะสงบลง อย่างเช่นตอนนี้ที่มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันลอยวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด 

         เธอแต่งงานแล้ว...เธอจดทะเบียนสมรสแล้ว

         มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยในสองวัน 

         Line!

         Line!

         Line!

         มือถือของพลอยชมพูสั่นเป็นจังหวะ มือเล็กล้วงหาสมาร์ตโฟนในกระเป๋าสะพาย เธอเพิ่งได้แตะมันครั้งแรกในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้

         Line!

         KATES : พลอย เธอหายไปไหน ทำไมฉันหาเธอไม่เจอเลย

KATES : ฉันมาถึงงานแล้วนะ เธออยู่ไหนล่ะ

KATES : รับคอลฉันด้วยยยยยยย

         KATES : เฮนโหล นี่ ฉันนั่งอยู่ในงานแล้วนะ พี่สาวเธอไปทำอะไรมาอะ ดูตัวเล็กลงเยอะมาก ผอมลงด้วย 

KATES : ยัยพลอยยยยยยยยยยยย จบงานแล้ววว โผล่หัวมาเจอฉันได้แล้ว

KATES : โอ๊ย ยัยเพื่อนบ้า ฉันกลับก่อนล่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะยะ

KATES : เอ้า วันนี้เธอลาเหรอ? เห็นคุณเตชภณถามหา

         KATES : นี่ฉันชักจะห่วงเธอแล้วนะ เธอหายไปไหนของเธอเนี่ย

         ยังมีข้อความอีกมากมายจากเกศสุดา เพื่อนสนิทของพลอยชมพูที่ดูเหมือนจะถล่มข้อความในไลน์ของหญิงสาวไปทะลุสามสิบการแจ้งเตือน พลอยชมพูลังเล เธอยังเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้และยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แต่เธอไม่อาจละเลยความเป็นห่วงของเกศสุดาได้

         หญิงสาวตัดสินใจส่งข้อความกลับไป

         ฉันลาต่ออีกสามวันน่ะ

         นาทีที่ข้อความส่งไปถึง เสียงเรียกเข้าสมาร์ตโฟนสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้นราวกับปลายสายนั้นรออยู่แล้ว พลอยชมพูกดรับสาย

         “หายไปไหนมายะ!”

         “เอ่อ...”

         “โอ๊ยตอบช้า! แล้วนี่เธออยู่ไหนเนี่ย ลางานเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”

         พลอยชมพูเหลือบมองชื่อร้านที่ติดอยู่บนข้างแก้วมอคคาของเธอ

         “ฉันอยู่ร้านกาแฟ XXX cafe แถวเลียบด่วน” 

         “แล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้ เอ้อ! เดี๋ยวฉันเข้าไปหาดีกว่า รอฉันสักยี่สิบนาทีนะ” 

         ปลายสายวางไปโดยที่พลอยชมพูยังไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวกังวล แต่คงจะดีกว่า ถ้ามีใครสักคน…ที่เธอจะแชร์เรื่องราวอันเลวร้ายเหล่านี้ให้ฟังได้โดยไม่กระทบกับความรู้สึกของใคร 

         เกศสุดามาถึงร้านกาแฟตามเวลาที่บอกไว้พอดิบพอดี ทันทีที่สาวร่างผอมสูงมองเห็นร่างห่อเหี่ยวของเพื่อน ร่างทะมัดทะแมงก็ตรงดิ่งเข้ามาหาแทบจะในทันที

         “เธอเป็นอะไร คุณภณบอกว่าเธอลางานต่ออีกสามวัน งานแต่งพี่เพชรยุ่งมากเลยเหรอ ดูซิเนี่ย เธอชวนฉันไปงานแล้วก็ปล่อยเกาะฉัน ดีนะฉันชวนคุณชัยเขาไปด้วย” เกศสุดาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับพลอยชมพูแล้วยิงคำถามใส่เพื่อนสาวเป็นชุด 

พลอยชมพูค่อนข้างจะเคยชินกับความรวบรัดของเกศสุดาอยู่ประมาณหนึ่ง พวกเธอเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย และโชคดีที่ได้มาทำงานบริษัทเดียวกันพลอยชมพูอยู่ฝ่ายวางแผนส่งออก ส่วนเกศสุดา ด้วยความอัธยาศัยและคล่องแคล่วว่องไว เธอจึงเลื่อนขั้นเป็นเลขานุการของประธานฝ่ายการตลาด 

         “มีเรื่อง...นิดหน่อยน่ะ” พลอยชมพูเอ่ยอ้อมแอ้ม ทำให้ดวงตาโฉบเฉี่ยวของเพื่อนสาวเป็นประกายวับ

“เล่ามา”

         พลอยชมพูอึกอักอยู่เล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เพื่อนสาวฟัง อาจจะมีตะกุกตะกักนิดหน่อยเมื่อเธอต้องพูดถึง ‘คุณธีระพัฒน์’ สามีของเธอ 

         “เธอแต่งงานแล้ว!”

         “อย่าเสียงดังสิเกศ ฉันอายนะ” 

         เกศสุดาโผล่งออกมาแทบจะในทันทีที่พลอยชมพูเล่าจบ เจ้าของนัยน์ตาหวานหันมองซ้ายขวาว่ามีใครที่รู้จักเธอหรือไม่ 

“ไหนเธอรับปากแล้วไงว่าจะไม่เสียงดังน่ะ”

         “โทษที แต่เรื่องมันก็น่าตกใจจริงๆ นี่พลอย” เกศสุดาอุบอิบ “แล้วสามีพี่เพชร ไม่ใช่สิ สามีที่มาแต่งงานกับเธอเป็นใครนะ”

         “เขาชื่อธีระพัฒน์ เป็นลูกชายคนเดียวของคุณหญิงนฤมลและคุณสมบัติ ภคเวชกุล”

         “ตระกูลภคเวชกุลเลยเหรอเธอ รวยมากเลยนะนั่นน่ะ!” เกศสุดาตาลุกวาว “ทายาทร้านเพชรตระกูลดังเลยนะ!”

         “เกศ!” พลอยชมพูเอ็ด ไม่ได้ยินดีกับฐานะทางการเงินของเจ้าบ่าว

         “ถือว่าตกถังข้าวสารไปนะพลอย ที่บ้านเธอก็กำลังแย่อยู่นี่ ตระกูลภคเวชกุลนี่มีทั้งเงิน มีทั้งชื่อเสียง คุณธีระพัฒน์เองเขาก็ไม่ขี้เหร่ ฉันแอบเห็นไกลๆ ในงานแต่ง ถือว่าหล่อเชียวละ”

         “ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ฉันจะไม่เล่าให้ฟังแล้วนะเกศ” พลอยชมพูเอ็ด เธอไม่ชอบเอาเสียเลยที่เพื่อนรักมาพูดกับเธอแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่เธอไม่ยินดีกับมันเลย “ฉันไม่ได้อยากตกถังข้าวสาร ฉันดูแลตัวเองได้ และที่สำคัญ ฉันยังไม่อยากแต่งงาน”

         “แต่เธอแต่งไปแล้ว” เกศสุดาสวนอย่างรวดเร็ว เธอรีบเอามืออุดปากตัวเองเมื่อสีหน้าของพลอยชมพูเศร้าหมอง

         “ใช่ ฉันแต่งไปแล้ว” พลอยชมพูเอ่ยเสียงแผ่ว “แต่งกับคนที่ฉันไม่ได้รักและแทบจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ” 

         เกศสุดาเงียบไป เธอไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นกับเพื่อนในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งวันที่เธออยู่ห่างออกไป 

         “โธ่แกกกก ได้แต่งก็ดีแล้ว เดี๋ยวนี้ผู้ชายแท้ๆ โสด หล่อรวย หายากยิ่งกว่าตามหาช้างที่อยู่ในป่า ชะนีนี่โสดกันเป็นแถบๆ แกนี่เรียกว่าบุญหล่นทับแท้ๆ” เกศสุดาพยายามปลอบ แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ เพื่อนสาวถอนหายใจ 

“ฉันเข้าใจแกนะพลอย แกน่ะยึดมั่นและบูชาความรัก อยากรักกับคนที่เขารักแก อยากแต่งงานกับคนที่แกรักเขา แต่นี่มันในโลกความจริงไม่ใช่นิยาย ฉันว่าบางทีการแต่งงานก็มีอะไรที่มากกว่าความรักนะ” 

         “อย่างเช่นการคลุมถุงชนน่ะเหรอ” พลอยชมพูแย้งกลับ 

         “ฐานะ หน้าตาทางสังคม และก็การเงินต่างหาก และฉันก็เชื่ออีกว่าคนที่แต่งงานกันไปแล้วอยู่ด้วยกันได้นั่นเพราะความเข้าใจ ไม่ใช่เพราะความรัก รักไป วันหนึ่งมันก็หมดรัก แต่ถ้าเข้าใจ ยังไงก็เข้าใจ”

         “แต่เธอก็คุยกับคุณชัยไม่ใช่เพราะว่าเธอรักเขาเหรอ”

         “โนจ้ะ” เกศสุดาส่ายหน้า “ฉันเปิดโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักกันเพราะฉันกำลังตามหาคนที่เข้าใจฉันอยู่ต่างหากล่ะ” 

         พลอยชมพูไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เกศสุดาเองก็รับรู้จึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง

         “แล้วนี่เธอได้ติดต่อพี่เพชรบ้างไหม พี่เขาหายไปไหน เป็นยังไงบ้าง” แต่สุดท้ายก็ไปได้ไม่ไกลจากหัวข้อสนทนาเดิม 

พลอยชมพูพลิกสมาร์ตโฟนในมือเธอไปมา หญิงสาวถอนหายใจหนักกว่าเดิม

         “ลองแล้ว ทั้งโทร. ทั้งไลน์ ทั้งเฟซหา ติดต่อพี่เพชรไม่ได้สักช่องทาง ในไอจีก็ไม่มีความเคลื่อนไหว” 

         “ก็แน่สิ หนีไปดื้อๆ แบบนั้นเป็นฉัน ฉันก็ไม่รับหรอก” เกศสุดาบ่นอุบอิบ พลอยชมพูตวัดมองด้วยความไม่พอใจ 

“เอาเถอะๆ ถ้าเธอมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาแล้วกัน ฉันพร้อมรบเพื่อเธอเสมอ ตอนนี้ฉันขอทำตัวเป็นกลาง ไม่ตัดสินพี่เพชร ไม่ตัดสินสามีของเธอ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการ แต่เรื่องความรู้สึกเป็นของพวกเธอสองคน บางทีเขาอาจจะดีก็ได้นะ เธอลองเปิดใจดูหน่อย”

         “งั้นตอนนี้ฉันขอเธอเรื่องนึง ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด ยังไม่มีใครรู้ว่าฉันแต่งงานกับคุณธีระพัฒน์นอกจากคนในครอบครัว และฉันไม่อยากให้ใครรู้เพิ่มอีกด้วย ฉันกำลังหาทางแก้ไขมันอยู่” พลอยชมพูร้องขอ 

เกศสุดาอึกอัก เธอเป็นคนตรงๆ และไม่ชอบโกหกใคร ทว่าถ้าเพื่อนรักขอ เธอก็ต้องยอม 

         “แล้วเธอจะแก้ไขมันยังไง” เกศสุดาถามกลับ 

พลอยชมพูนิ่งไป ไม่มีทางออกอยู่ในสมองของเธอเลย หญิงสาวตอบเสียงแผ่วก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ฉันเองก็ไม่รู้ แล้วนี่เธอมายังไง ไม่ทำงานเหรอ” 

         เกศสุดายักไหล่ ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปด “ฉันแวะมาทำธุระให้บอสน่ะสิ เดี๋ยวบ่ายโมงต้องเข้าบริษัท แล้วเธอล่ะ แต่งงานแล้วไหนเลยถึงมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่นี่” 

         “คุณธีระพัฒน์เขาพาฉันแวะมาเก็บของที่บ้าน แล้วพี่เขาก็มีนัดคุยกับลูกค้าที่ร้านอาหารใกล้ๆ กันนี่แหละ ก็เลยให้ฉันรอที่นี่” 

         “แล้วเมื่อไหร่เขาจะมารับล่ะ” พลอยชมพูนิ่งไป นี่มันก็เลยเวลาที่เขาบอกมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว “โทร. หาสิ”

         “ฉัน…ไม่มีเบอร์เขา” พลอยชมพูนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่มีเบอร์ของธีระพัฒน์ ไม่มีแม้แต่ไลน์ไอดีของเขาด้วยซ้ำ

         “ตลกละ เธอจะไม่มีเบอร์สามีตัวเองได้ยังไง” 

         “ฉันเพิ่งแต่งงานมาได้แค่วันเดียว เราแทบยังไม่ได้คุยกันจริงๆ จังๆ เลยด้วยซ้ำ” พลอยชมพูพยายามแก้ตัว

เกศสุดาถือโอกาสสั่งสอน “เธอต้องหาเวลาคุยกับเขาบ้างนะ ถึงยังไงเธอกับเขายังคงต้องเป็นสามีภรรยากันไปอีกสักพักจนกว่าเธอจะหาทางแก้ปัญหาได้ แล้วนี่เธอจะต้องนั่งรอเขาถึงเมื่อไหร่ เขาจะมารับเธอแน่ๆ หรือเปล่า”

         พลอยชมพูลังเล เธอเองก็ไม่รู้คำตอบของคำถามนั้น เธอไม่รู้จักนิสัยของธีระพัฒน์เลยด้วยซ้ำ เขาจะโกหกเธอหรือเปล่า...

         “ฉันเองก็ไม่รู้”

         “เฮ้อ เอาเถอะๆ เดี๋ยวฉันอยู่รอเป็นเพื่อนจนกว่าเขาจะมาเผื่อเขาเทเธอ”

 

         แต่จนเกือบเที่ยงแล้ว พลอยชมพูก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของธีระพัฒน์ เค้กตรงหน้าหมดเกลี้ยงด้วยฝีมือของเกศสุดา แม้แต่น้ำแข็งในแก้วก็ละลายกลายเป็นน้ำไปหมด 

         “ไปไหมพลอย” เกศสุดาชวนหลังจากที่เห็นว่าเพื่อนสาวรอคอยมานานเหลือเกิน 

พลอยชมพูตอบรับ เธอเก็บของลงกระเป๋าด้วยความรู้สึกหน่วง ทั้งๆ ที่ไม่เคยอยากได้ตำแหน่งภรรยานี่ ไม่เคยคาดหวังอะไรจากเขา แต่กลับผิดหวังเมื่อธีระพัฒน์ผิดคำพูด...

         และปล่อยให้เธอรอเก้อ

         “เธอจะเอาไง กลับบ้าน?” 

         “ฉันไปทำงานดีกว่า” พลอยชมพูตัดสินใจแล้วลุกขึ้นจากโซฟา 

เกศสุดาเดินนำไปก่อนเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงของธีระพัฒน์พรวดพราดเข้ามาในร้าน เขาหยุดยืนและมองหา เมื่อเห็นตำแหน่งของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มก็ขยับรอยยิ้มทักทาย เขาคาดหวังจะได้รอยยิ้มสดใสตอบกลับมา ทว่าเมื่อพลอยชมพูเห็นเขา หญิงสาวกลับเบือนหน้าหนีและเก็บของด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น