4

เริ่มต้นความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา

4

เริ่มต้นความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา

 

        เพราะลูกค้าที่ติดต่อมาอย่างเร่งด่วนทำให้ธีระพัฒน์ต้องปลีกตัวไปคุยงาน กว่าจะตกลงกันเสร็จท้องฟ้าข้างนอกก็มืดเสียแล้ว เป็นเวลาเกือบสองทุ่มเมื่อชายหนุ่มได้ก้าวกลับสู่เพนต์เฮาส์ของเขา 

        “อยู่ไหน” ธีระพัฒน์ก้มหน้ารับการค้อมตัวทักทายของศักดิ์ฐาและสวนคำถามกลับแทบจะในทันที นัยน์ตาสีดำกวาดมองหาร่างบางในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากภายนอกที่ส่องเข้ามา

“คุณผู้หญิงหลับอยู่บนโซฟา” 

         “เธอทานอะไรหรือยัง” 

         “ยังครับ” ศักดิ์ฐาตอบด้วยเสียงเบาลง 

ธีระพัฒน์หน้าตึง ความโกรธฉายชัดผ่านทางแววตาและน้ำเสียง

         “ฉันสั่งให้หาอะไรให้เธอทาน นายไม่เข้าใจคำสั่งของฉันหรือ” 

         “พลอยไม่ทานเองแหละค่ะ” เสียงหวานแต่ห้วนออกรับแทน ธีระพัฒน์เปิดไฟจึงได้เห็นร่างเล็กนั่งอยู่บนโซฟา จ้องหน้าเขาด้วยความขึ้งโกรธ 

         “คุณธีระพัฒน์กลับมาก็ดีแล้ว พลอยรอจะคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องวันนี้อยู่พอดี” เธอว่าต่อ ธีระพัฒน์มองเห็นความจริงจังและความเกรี้ยวกราดในนัยน์ตาหวานคู่นั้น เขาวางของที่ซื้อและส่งสัญญาณให้ศักดิ์ฐากลับไป

         ในห้องตอนนี้มีเพียงเธอกับเขา พลอยชมพูหยัดกายนั่งตรง มีคำถามมากมายแล่นอยู่ในหัวและต้องการคำตอบ ทว่าถ้อยคำที่หลุดออกไปจากปากหญิงสาวคือ ถ้อยคำที่ง่ายที่สุด

         “คุณธีร์ทำแบบนี้ทำไมคะ” 

         ธีระพัฒน์จ้องหญิงสาวแทนคำตอบ เมื่อโดนนัยน์ตาดำดุกดหนักๆ เข้าพลอยชมพูกลับเป็นฝ่ายหลุบตาหนี แต่คงด้วยความรั้นและต้องการคำตอบ เธอก็หันมาจ้องตาสู้ ชายหนุ่มมองเห็นความดื้อดึงในดวงตาคู่นั้น และรู้ดีว่าการชวนคุยด้วยอารมณ์แบบนี้คงไม่ดีสักเท่าไร สำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเขาและเธอ 

          “พี่ซื้อชุดมาให้สองสามชุด อาบน้ำเสร็จแล้วเราจะออกไปหาอะไรกินกัน” 

          “ไม่ค่ะ”

          “?” 

          “พลอยจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้ายังไม่ได้คำตอบจากคุณ” คนตัวเล็กดื้อดึง 

ธีระพัฒน์ทำหน้ายุ่ง เขาถอดเสื้อสูทออกแล้วพาดไว้บนโซฟา ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างหญิงสาว ทิ้งระยะห่างพอควรเพื่อไม่ให้อึดอัด มือใหญ่ปลดกระดุมข้อมือและพับมันด้วยอิริยาบถสบายๆ ราวกับไม่สะทกสะท้านกับความโกรธที่พลอยชมพูแสดงออกมา 

         “คุณธีระพัฒน์!”

         “พี่จะไม่ตอบจนกว่าน้องพลอยจะไปอาบน้ำและลงไปกินข้าวกับพี่” 

         “พลอยจะไม่ไปอาบน้ำและไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น จนกว่าพลอยจะได้คำตอบ” คนตัวเล็กยังคงยืนกราน

ความเงียบเข้าจู่โจมระหว่างคนทั้งคู่ ทว่าร่างกายคนเราย่อมซื่อสัตย์กับความต้องการเสมอ เสียงโครกครากเบาๆ ทำเอาใบหน้างามหมดจดขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอหลุบตาหลบเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย 

         ธีระพัฒน์แอบหัวเราะ เอ็นดูในความดื้อดึง ทว่าใสซื่อราวกับเด็กน้อยของเธอ คนตัวโตขยับเข้าใกล้จนหญิงสาวต้องเอนตัวหนี ทิฐิทำให้เธอยังปิดปากเงียบ แม้ว่าธีระพัฒน์จะขยับเข้ามาจนจมูกของเขาคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม สองมือของหญิงสาวกำแน่นเตรียมพร้อมต่อสู้ 

         ชายหนุ่มทำจมูกฟุดฟิดและถอยออกไป...

         “พี่ไม่คุยกับคนที่ท้องร้องเสียงดังและตัวเหม็นแบบน้องพลอยตอนนี้หรอกนะ” 

         พลอยชมพูหน้าชาเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มหยอกเย้าของคนตัวโตก็รู้ว่าตัวเองโดนแกล้งเข้าให้อีกแล้ว

         “ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุยค่ะ พลอยก็ไม่อยากคุยกับคุณธีร์เหมือนกัน” 

         “อ้าว แล้วเธอไม่ต้องการคำตอบจากพี่แล้วเหรอ”

         เหมือนถูกต้อนให้จนมุมจนต้องยอมแพ้ พลอยชมพูทนดวงตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นไม่ไหว คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นและคว้าถุงกระดาษที่ธีระพัฒน์หิ้วมาเข้าห้องน้ำไปด้วย 

 

         เป็นอีกครั้งที่ธีระพัฒน์นั่งรอผู้หญิงอาบน้ำ และเธอก็อาบเสียนานแสนนานจนเขาอยากจะเดินเข้าไปช่วยอาบให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก่อนจะได้ทำอย่างใจนึก คนตัวเล็กก็เปิดประตูออกมาในชุดเดรสผ้าซาตินสีน้ำเงินแนบเนื้ออวดทุกสัดส่วน ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน แต่ไม่ได้เข้ากับบุคลิกของพลอยชมพูเลยแม้แต่น้อย 

หญิงสาวก้มหน้างุด

        “คุณธีระพัฒน์เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหนคะ” พลอยชมพูว่าพลางดึงผ้าบริเวณหน้าอกให้ห่างออกจากตัว 

ธีระพัฒน์กลืนน้ำลาย พลางนึกก่นด่านิศราที่เขาไว้ใจและไหว้วานให้หาเสื้อผ้าผู้หญิงมาให้ระหว่างที่เขาประชุมงานอยู่

         ชายหนุ่มแสร้งตีหน้าขรึม 

         “มีชุดอื่นอีกไหม” 

         พลอยชมพูส่ายหน้าและยื่นถุงเสื้อผ้าคืนให้เขา

         “คุณธีร์ดูเองแล้วกันค่ะ” 

         เมื่อหยิบของในถุงออกมา ธีระพัฒน์ก็เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะจางๆ ของนิศราที่ชอบแกล้งเขาอยู่เป็นนิจ 

         ไม่น่าไว้ใจยายนั่นเลย

         ชุดที่พลอยชมพูใส่อยู่ดูเหมือนจะดีที่สุดแล้วในบรรดาชุดทั้งหมดที่อยู่ในถุง ชุดหนึ่งเป็นเพียงสายเดี่ยวซีทรูสีแดงเลือดนก มีลายลูกไม้ปิดบังช่วงอกพอให้ดูน่าค้นหา ส่วนอีกตัวเป็นชุดผ้ายืดคอเต่าสีเทาทว่าเว้าหลังลงไปลึกจนธีระพัฒน์สงสัยว่ามันเป็นชุด หรือว่าถูกใครดึงให้ฉีกขาด 

ชายหนุ่มรีบยัดชุดที่นิศราจัดไว้ให้ลงในถุงเดิม ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง 

        เป็นอะไรไปไอ้ธีร์ กับแค่เด็กอายุยี่สิบสี่ในชุดวาบหวิวที่แกเห็นมาทั้งชีวิตจนจะเบื่อตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง 

        แต่ทำไมเมื่อเห็นพลอยชมพูในชุดแบบนี้ แล้วยิ่งนึกถึงว่าเธอเป็นภรรยาของเขาแล้ว...อารมณ์ก็ดูเหมือนพร้อมจะปะทุขึ้นทุกเมื่อ 

        ไม่ได้การ...

         “ชุดเดิมน้องพลอยล่ะ” 

         “ก็คุณธีร์บอกว่ามันเหม็นไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวตอบ เธอทำปากเบ้ ก่อนจะว่าต่อ “พลอยคิดว่าจะใส่ไปทำงานพรุ่งนี้ก็เลยซักเอาไว้ ไม่คิดเหมือนกันว่าชุดที่พี่ธีร์หามาให้จะเป็น…ชุดแบบนี้” 

         ธีระพัฒน์ปั้นหน้าไม่ถูก ก่อนจะรีบบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น 

         “พรุ่งนี้น้องพลอยไม่ต้องไปทำงาน พี่โทร. ลาบริษัทไว้ให้แล้ว” 

         “ลา?” พลอยชมพูตกใจ 

         “ใช่สิ ลาสามวันหลังแต่งงานไง ส่วนเรื่องฮันนีมูนพี่ขอติดไว้ก่อน พอดีมีงานเข้าด่วน ว่างเมื่อไหร่พี่จะพาเราไปฮันนีมูนนะ น้องพลอยอยากไปที่ไหนดี” 

         “คุณธีร์!” คนตัวเล็กแว้ด “เลิกทำเป็นเรื่องตลกได้แล้วค่ะ พลอย-ต้อง-ไป-ทำ-งาน”

         “เธออยากจะลากิจแค่สามวัน หรืออยากจะลาออก” 

         “คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับพลอย!”

         “มีสิ ก็น้องพลอยเป็นภรรยาของพี่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

         “แบบนี้มันไม่ตลกเลยนะคะ!” 

         “อย่างน้อยชื่อเธอในใบจดทะเบียนสมรสก็ไม่ใช่เรื่องตลก” ธีระพัฒน์กดเสียงต่ำ 

บรรยากาศระหว่างทั้งสองกลับมาอึมครึมอีกครั้ง พลอยชมพูหน้าตึง เธอดึงหมอนอิงมาปิดชุดโชว์สัดส่วนที่เธอไม่ต้องการ 

         “คุณธีร์ยังไม่ตอบคำถามพลอยเลยว่าคุณทำแบบนี้ทำไม ทำไปเพื่ออะไร” 

         “เรียกพี่เหมือนเดิมก่อนสิ”

         “คุณธีระพัฒน์!”

         “เราแต่งงานกันแล้ว จะมาพูดจาเหินห่างกันแบบนั้น พี่ว่ามันคงไม่เหมาะ” ธีระพัฒน์ดุ ทำให้พลอยชมพูอ่อนลงโดยอัตโนมัติ

“พลอยจะคุยกับคุณเหมือนเดิมได้ยังไง ในเมื่อระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว” หญิงสาวกล่าว ธีระพัฒน์สัมผัสได้ถึงความเหินห่างและกำแพงที่พลอยชมพูกำลังสร้างขึ้นเพื่อกีดกันเขาออกมา

         เขาก็แค่อยากได้คนตัวเล็กที่เรียกเขาด้วยเสียงหวานพร้อมกับรอยยิ้มอย่างที่มีเสมอ

         ถอยคนละก้าวคงจะดีที่สุด

         “ถ้าพี่ตอบแล้ว น้องพลอยต้องคุยกับพี่เหมือนเดิม ตกลงไหม” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ ทำให้หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางแน่น ไม่รับปาก แต่ก็ไม่ปฏิเสธ 

         ธีระพัฒน์ถอนหายใจหนัก เขาพยายามคิดหาคำพูดที่ดีที่สุด แต่ก็จนปัญญา 

         “ถ้าจะต้องเลือกระหว่างเพชรกับพลอย พี่ขอเลือกพลอย”

แต่นั่นแหละ...ธีระพัฒน์ก็ไม่ใช่นักพูดที่เก่งนัก 

         พลอยชมพูชักสีหน้า น้ำตาปริ่มๆ จะไหล 

         “ทั้งที่พลอยก็ไม่ได้อยากแต่งงานแบบนั้นเหรอคะ” เธอสะอื้น “ทำไมคุณเลือกได้ พลอยถึงเลือกไม่ได้บ้าง” 

         ธีระพัฒน์ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาโมโหกับคำว่า ‘ไม่อยากแต่งงาน’ ของเธอ

         “ไม่อยาก แต่ก็แต่งมาแล้ว ทุกคนต้องยอมรับสิ่งที่ตัวเองเลือก”

         “แต่พลอยไม่ได้เลือก ทุกคนเลือกให้พลอยต่างหาก!”

         “แต่ตอนนี้เธอก็เป็นภรรยาของพี่แล้ว หยุดทำตัวไร้เหตุผลเหมือนเด็กที่ไม่ยอมรับความจริงเสียที!” ธีระพัฒน์ตวาดเสียงลั่น 

หญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความกลัว น้ำใสๆ ท่วมดวงตาสีน้ำตาลจนเธอมองเห็นภาพคนใจร้ายพร่ามัวไปหมด

         “ค่ะ พลอยเป็นภรรยาของคุณ” เสียงหวานสั่น “ช่วยปรานีกับ ‘ภรรยาจำยอม’ คนนี้ด้วยแล้วกันนะคะ” 

         “อย่าพูดจาแบบนั้นกับพี่นะ น้องพลอย!” ชายหนุ่มกระชากแขนจนคนตัวเล็กปลิวเข้ากระแทกอก พลอยชมพูเจ็บ แต่เธอก็ไม่ร้องออกมาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำตาที่ไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก 

         “แล้วพลอยทำอะไรได้บ้างคะ เลือกก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้ อื้อ...!” 

เสียงของหญิงสาวถูกกลืนหายเมื่อชายหนุ่มรุกเข้าบดขยี้ริมฝีปากบางที่กำลังต่อล้อต่อเถียง พลอยชมพูถูกผลักให้ล้มลงบนโซฟา ก่อนร่างสูงที่ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจะทาบทับ

         “ทำสิ่งที่ภรรยาเขาพึงปฏิบัติต่อสามีน่ะสิ”

         “พี่ธีร์…!”

         ไม่ทันเสียแล้ว เสียงหวานที่อ่อนลงอย่างจะอ้อนวอนราวกับถูกลมโกรธของธีระพัฒน์กลบทับไปเสียหมด ชายหนุ่มกดร่างบอบบางไว้กับเบาะนุ่ม รวบสองมือตรึงไว้เหนือศีรษะ ครึ่งล่างก็ทาบทับลำตัวของพลอยชมพูไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ผ้าซาตินไหลลื่นไปตามจังหวะการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสอง ธีระพัฒน์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อีกแล้ว ทั้งโกรธ ทั้งต้องการ เขาโถมความรู้สึกทั้งหมดลงไปในจูบที่บดขยี้และเว้าวอน

         พลอยชมพูดิ้น…ดิ้นจนหมดแรงดิ้น ดิ้นจนใจอ่อนล้า สุดท้ายเธอก็ยอมปล่อยตัวให้เขาได้กอบโกยไปอย่างที่เขาต้องการ เธอได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเองด้วยหัวใจแหลกสลาย 

         ทำหน้าที่เมียให้มันจบ ทุกอย่างจะได้หยุดเสียที 

         ธีระพัฒน์รู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กใต้ร่างของเขานั้นนิ่งไปราวกับท่อนไม้ถูกโอบรัด ชายหนุ่มถอนจูบออก และน้ำตาอาบใบหน้าก็เรียกสติของธีระพัฒน์ให้กลับมา 

         “น้องพลอย…” ชายหนุ่มพึมพำ มองริมฝีปากบางที่แดงและบวมเจ่อจากการกระทำอันไม่เป็นสุภาพบุรุษของเขาเอง

         “เอาเลยสิคะ” พลอยชมพูกระซิบเสียงสั่น “พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพลอยเท่าที่คุณต้องการ เมื่อคุณได้ทุกอย่างแล้วก็ช่วยกรุณาปล่อยพลอยไปนะคะ”

         “...”

         “คืนอิสระให้พลอย เซ็นใบหย่าให้พลอย...”

         หมัดลุ่นๆ ของชายหนุ่มจมลงไปในหมอนที่พลอยชมพูหนุนอยู่ นัยน์ตาหวานตวัดมองคนตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มนั้นเรียบเฉยเสียจนน่ากลัว อารมณ์โกรธสะท้อนออกมาจากดวงตาของเขา

         “พี่จะไม่มีวันหย่า...” ธีระพัฒน์กัดฟันกรอด “น้องพลอยจะต้องเป็นของพี่คนเดียว”

         ธีระพัฒน์ไม่อาจทนมองแววตาของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความเสียใจที่ต้องตกเป็นภรรยาของเขาได้อีก ชายหนุ่มผละตัวออกและทิ้งร่างบอบบางไว้บนโซฟาเพียงลำพัง

 

         นานกว่าที่ธีระพัฒน์จะได้สติ เขายังไม่เข้าใจตัวเองที่อยากได้พลอยชมพูมาเป็นภรรยา แล้วจะหวังให้เธอมาเข้าใจเขาและยอมรับการตัดสินใจดื้อๆ ของเขาได้อย่างไร เขาควรจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาด้วยการพูดคุยก่อน ไม่ใช่บุ่มบ่ามไปใช้อารมณ์กับเธอเช่นนี้

         เมื่อคิดได้เขาก็รีบรุดกลับมาที่ห้องรับแขก นัยน์ตาคมกวาดมองหาเงาของร่างเล็กที่ควรสะอึกสะอื้นอยู่บนโซฟา ความว่างเปล่าตรงหน้าทำเอาธีระพัฒน์เย็นวาบไปทั่วร่าง เขาผลุนผลันออกจากห้อง ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป

         ...

         พลอยชมพูเดินเตาะแตะอยู่ชั้นล่างของคอนโดอย่างไร้สติ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น สองมือสั่นเทาเพียรดึงชุดหลุดลุ่ยให้กลับเข้าที่ ริมฝีปากบวมช้ำ ข้อมือเล็กเต็มไปด้วยรอยแดงจากการบีบรัด 

         ทำไมชีวิตเธอจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

         ทำไม…

         สองเท้าเปล่าเหยียบลงบนแผ่นปูนเย็นเฉียบ เสียงซุบซิบพร้อมกับสายตาของคนรอบข้างทำให้เธอรู้สึกตัว ตอนนี้เธอยืนอยู่ข้างถนน โชคดีที่คอนโดของคนใจร้ายนั้นอยู่ติดถนนใหญ่ แม้จะไกลจากรถไฟฟ้า แต่คงไม่ยากเท่าไรนัก ถ้าเธอจะหนีกลับบ้าน พลอยชมพูไม่รู้เวลา แต่ถ้าจะให้ประมาณจากรถบนท้องถนนที่เริ่มว่างก็น่าจะประมาณสี่ถึงห้าทุ่ม ใจหนึ่งอยากจะโบกแท็กซี่กลับบ้าน ทว่าเมื่อแขนเล็กๆ ยื่นออกไปสายเล็กที่รั้งชุดเอาไว้ไม่ให้หลุดก็หล่นลงมาคลอเคลียอยู่ที่ไหล่ สมองของเธอพลันนึกถึงเสียงซุบซิบและสายตาของคนรอบข้างทันที ชุดเย้ายวนแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับการออกมาเดินเล่นในเวลากลางคืนเลยแม้แต่น้อย 

         พลอยชมพูห่อตัวลีบ เธอพยายามปิดป้องสัดส่วนของตนเองจากสายตาหื่นกามของผู้ชายที่เดินผ่านมา หญิงสาวก้าวไวๆ จนไปหยุดอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ที่ส่องสว่าง และมีเธอยืนอยู่เพียงผู้เดียว

         น่ากลัว...

         หนีออกมาโดยไม่คิด รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ กระเป๋าก็ไม่ได้หยิบมา แถมชุดก็ไม่ได้เปลี่ยน หญิงสาวไม่เคยขาดสติขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต 

         แล้วเธอจะทำยังไงต่อไปดี...

         พลอยชมพูกอดตัวเองแน่น ลมที่พัดผ่านทำให้เธอเริ่มหนาว พื้นก็เย็นไปหมด เธอยืนอยู่ได้ไม่นานก็ถูกใครบางคนกระชากจนล้มใส่ตัวเขา หญิงสาวตื่นตระหนก หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความกลัว แขนเล็กยกขึ้นปัดป้องพร้อมต่อสู้ ทว่าใครคนนั้นกลับยึดแขนของเธอแน่น นัยน์ตาหวานตวัดมองเขา

         “พี่ธีร์...”

         เจ้าของร่างสูงเม้มปากแน่น ไม่พูดไม่จา เขาถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองคลุมให้พลอยชมพูอย่างรวดเร็ว ลมเย็นที่ปะทะหายวับ พลอยชมพูสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่ติดมาจากตัวของชายหนุ่มและกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ของเขา ร่างกายที่แข็งขืนเริ่มโอนอ่อนพร้อมกับหัวใจที่เต้นช้าลง แม้ว่าธีระพัฒน์จะปั้นหน้าขึงขังและเต็มไปด้วยความโกรธ แต่พลอยชมพูกลับรู้สึกได้ว่าเธอปลอดภัย

         “อย่าทำแบบนี้อีก” 

         ธีระพัฒน์มองคนตัวเล็กที่สั่นเทาอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตของเขา มองเลยไปยังเท้าเปลือยเปล่าที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

         ยิ่งเห็นก็ยิ่งขัดใจ 

         “พี่ธีร์จะทำอะไรคะ!” พลอยชมพูหวีดร้องเมื่ออยู่ๆ ธีระพัฒน์ก็ช้อนตัวเธอขึ้นจากพื้น 

         “หยุดดิ้น” ธีระพัฒน์เอ็ด เขากระชับคนในอ้อมแขนให้แน่นยิ่งกว่าเดิม “พี่ไม่มีวันปล่อยเธอตกลงไปหรอก” 

         เมื่อถูกคนตัวโตโอบรัด แก้มของพลอยชมพูก็แนบไปกับเนื้ออันเย็นเฉียบของธีระพัฒน์ เหตุก็เพราะเขาสละเสื้อของตัวเองคลุมให้เธอ ชายหนุ่มจึงต้องสัมผัสกับอากาศเย็นยามค่ำคืนอย่างจังๆ นัยน์ตาหวานช้อนมองใบหน้าคมคายที่จ้องตรงไปข้างหน้าและพร้อมจะตวัดสายตาดุใส่ผู้ชายทุกคนที่จ้องมองผิวขาวๆ ของพลอยชมพูโดยไม่ได้รับอนุญาต

         สุดท้ายพลอยชมพูก็ถูกนำตัวมาที่โซฟาดังเดิม ธีระพัฒน์จับเธอนั่งกับที่ ในขณะที่ตัวเขาไปเข้าห้องน้ำล้างเหงื่อและกลับออกมาพร้อมท่อนบนเปลือยเปล่า มัดกล้ามขนาดกำลังพอดีเรียงตัวสวยงามถัดจากกระดูกเชิงกรานที่นูนได้รูป ยังดีที่ท่อนล่างของเขายังสวมกางเกงขายาวไว้ดังเดิม แก้มนวลของหญิงสาวเปล่งปลั่งด้วยสีเลือดฝาดเมื่อคิดได้ว่าเธอแนบชิดกับกายของเขาถึงเพียงไหน 

         “น้องพลอยร้อนเหรอ” ธีระพัฒน์ถาม พลอยชมพูส่ายหัวรัวๆ “แล้วทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะ” 

         ยิ่งถูกถามใบหน้านวลก็ยิ่งขึ้นสีแดงจัด พอจะหันมองเพื่อตอบ สายตาก็ดันจับจ้องหุ่นของชายหนุ่มเสียได้

         ธีระพัฒน์สังเกตท่าทางพิลึกของพลอยชมพูอยู่นาน เขาขยับยิ้มก่อนจะเคลื่อนตัวมานั่งเคียงข้างกัน กลิ่นชมพูโชยอ่อนจากผมที่เพิ่งสระของเขาทำเอาพลอยชมพูใจเต้นไม่เป็นส่ำ

         บรรยากาศน่าอึดอัดดำเนินไปอยู่นาน พลอยชมพูบิดหมอนอิงในมือจนมันจะขาดออกจากกันอยู่แล้ว

         “พี่ขอโทษ” ธีระพัฒน์กล่าว ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน “พี่อารมณ์ร้อนไปหน่อย”

         “ค่ะ” พลอยชมพูก้มหน้างุด “พลอยเองก็ขอโทษที่พูดไม่ดีใส่คุณ...”

         “เรียกพี่ธีร์เถอะนะน้องพลอย ถึงยังไงตอนนี้เราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว เรียกคุณพี่ว่ามันฟังดูห่างเหินไปหน่อย” คำขอจากธีระพัฒน์ทำเอาหญิงสาวอึกอัก ทว่าสุดท้ายเธอก็ยอมให้เขา

         “ค่ะพี่ธีร์” 

พลอยชมพูกระชับเสื้อเชิ้ตของธีระพัฒน์ให้แน่นขึ้นไปอีก ดวงหน้าหวานเริ่มมีรอยยิ้มสดใสอีกครั้ง ธีระพัฒน์อดไม่ได้ที่จะขยับยิ้มตาม เขามองดูเธอที่ยอมอยู่ภายใต้เสื้อของเขาโดยไม่สลัดมันทิ้ง อย่างน้อยมันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีขึ้น 

         “พี่ธีร์จะทำยังไงต่อไปคะ” 

         “น้องพลอยหมายถึง?” ธีระพัฒน์ถามกลับ 

         “เรื่องการแต่งงาน” เธอตอบ “พลอยรู้ว่าพี่ธีร์เองก็คงไม่อยากให้เป็นแบบนี้ สมัยนี้แล้วคงไม่มีใครอยากโดนจับคลุมถุงชน...”

         “แล้วถ้าพี่บอกว่าพี่อยากให้เป็นแบบนี้ล่ะ”

         “พี่ธีร์…” 

         “ช่างเถอะ” ธีระพัฒน์ตอบปัด “แล้วสักวันน้องพลอยจะเข้าใจพี่เอง” 

         พลอยชมพูได้แต่จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มคู่นั้น เธอไม่อาจเข้าใจได้ และเธอเชื่อว่าเธอคงไม่มีวันเข้าใจ 

         “เรื่องแต่งงานเราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว น้องพลอยคงจะต้องอยู่แบบนี้กับพี่สักพัก แล้วก็เรื่องแม่ของพี่อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่น้องพลอยเป็นผู้หญิงที่ดี พี่เชื่อว่าสักวันแม่พี่จะต้องยอมรับในตัวน้องพลอย”

         “แล้วทำไมพี่ธีร์ถึงไม่หย่าให้พลอยล่ะคะ ในเมื่อคุณหญิงนฤมลเองก็ไม่ชอบพลอย พลอยเองก็...ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ มันเป็นเหตุสุดวิสัย” 

         “น้องพลอยรังเกียจพี่ขนาดนั้นเชียวหรือ” เสียงของธีระพัฒน์เรียบสนิท 

พลอยชมพูกระวนกระวาย “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ...”

         “ถ้าแบบนั้นก็อย่าพูดเรื่องหย่าให้พี่ได้ยินอีก” ธีระพัฒน์ดุ ความกรุ่นโกรธเต้นเร่าในดวงตาของเขาก่อนที่ชายหนุ่มจะบังคับให้มันหายไป 

พลอยชมพูเม้มปากแน่น ไม่โต้เถียงและไม่เข้าใจ 

         “ส่วนเรื่องของแม่น้องพลอย พี่รู้เจตนาของคุณหญิงดี” ธีระพัฒน์หยิบเช็คที่เขาเตรียมเอาไว้ออกจากซองและยื่นให้ “แค่นี้หวังว่าคุณหญิงคงไม่บ่นเธอเมื่อเจอกันครั้งหน้าหรอกนะ” 

         “หะ…ห้าล้าน!” พลอยชมพูอุทาน “ไม่ค่ะ พลอยรับเงินนี้ไม่ได้”

         “ทำไม น้อยไปเหรอ” ธีระพัฒน์ถาม เขาหยิบเล่มเช็คออกมาและทำท่าจะเขียนเพิ่ม พลอยชมพูรีบหยุดมือคู่นั้นเอาไว้ ใบหน้าหวานเจือความเศร้าและเปี่ยมด้วยความสมเพชตนเอง 

         “เงินนี้เป็นของพี่ธีร์ ไม่ใช่ของพลอย พลอยรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างจำนวนมันก็เยอะ พลอยคงไม่มีวันหามาคืนพี่ธีร์ได้หมด” พลอยชมพูเหลือบมองเช็คมูลค่าห้าล้านบาทนั้น ด้วยสถานะทางบ้านที่ใกล้ล้มละลายของเธอตอนนี้เธอคงจะต้องติดหนี้เขาไปทั้งชีวิต และทันทีที่ถึงมือคุณหญิงรัตน มันก็จะหายวับไปในวงไพ่ ก่อเกิดเป็นหนี้สินไม่รู้จบ

         “นี่ไม่ใช่เงินของพี่ แต่เป็นเงินของเรา” ธีระพัฒน์ยืนกราน “ตอนนี้น้องพลอยคือหนึ่งในภคเวชกุล แม้ว่าแม่จะยังไม่ยอมรับ แต่ยังไงน้องพลอยก็เป็นภรรยาของพี่ พี่จะไม่ยอมทนมองภรรยาของตัวเองลำบากเป็นอันขาด”

         “แต่ว่า…”

         “รับไปซะ ก่อนที่พี่จะโกรธ” 

เมื่อโดนดุเข้าให้ พลอยชมพูก็ยื่นมือไปรับอย่างเสียไม่ได้ มือคู่น้อยสั่นเทา

         “ส่วนนั้นของคุณหญิง แต่ส่วนของน้องพลอย พี่จะทิ้งบัตรเครดิตไว้ให้ใช้จ่ายได้ตามสบาย อยากได้อะไรเพิ่มเติมมาบอกพี่ หรือโทร. บอกศักดิ์ฐาไว้ก็ได้ พี่จะสั่งเขาไว้ น้องพลอยร้องไห้ทำไม” 

         ถ้อยคำของธีระพัฒน์ชะงักเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจากสมุดเช็คมาเจอใบหน้าหวานที่เลอะด้วยหยาดน้ำตา หัวใจแข็งแกร่งดังหินผาของชายหนุ่มกลับสั่นไหวเมื่อเห็นน้ำตาของคนตัวเล็ก 

         “พลอย…สมเพชตัวเองค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น “พลอยรู้สึกเหมือนเอาตัวเองมาแลกกับเงิน”

         “หยุดคิดแบบนั้นนะน้องพลอย” เธอโดนเขาดุอีกแล้ว “ไม่ว่าเราสองคนจะแต่งงานกันด้วยเหตุผลอะไร แต่ตอนนี้เธอก็เป็นภรรยาของพี่ พี่จะดูแลเธอให้ดีที่สุด” 

         พลอยชมพูร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอตื้นตันกับสิ่งที่เธอไม่ควรได้รับ ตื้นตันกับความอารีของธีระพัฒน์และละอายกับการขายลูกสาวกินของครอบครัวเธอเอง 

         “วันนี้เธอคงเหนื่อยมามาก นอนกันก่อนดีกว่าแล้วค่อยคิดกันนะว่าจะเอายังไงกันต่อ” 

ธีระพัฒน์จูงมือคนตัวเล็กที่น้ำตาท่วมหน้าไปยังห้องนอน ส่งตัวเธอนอนราบกับเตียงและทิ้งตัวลงข้างกัน หญิงสาวหันหลังให้เขา ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงหมอนจนมันเปียกไปหมด ธีระพัฒน์ได้แต่มองแผ่นหลังเล็กๆ ที่สั่นไหว 

         เขาไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้ เขาเกลียดน้ำตาของเธอ 

         เหมือนชายหนุ่มเดินเกมผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ฉวยโอกาสมัดมือชกให้เธอมาเป็นภรรยาของเขาโดยไม่ถามความสมัครใจเลยสักนิด 

         เขามันก็แค่คนหลงตัวเองที่เชื่อว่า..พลอยชมพูไม่มีวันปฏิเสธเขา เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง

         แต่มันไม่ใช่…

         ธีระพัฒน์ถอนหายใจหนัก เขาขยับเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลัง ฝังจมูกโด่งเป็นสันลงบนไหล่นวลเนียนของเธอ 

         “อดทนหน่อยนะน้องพลอย รอเรื่องราวให้มันผ่านไปสักพัก แล้วเราค่อยมาคุย...เรื่องหย่ากันอีกที” 

         “จริงเหรอคะพี่ธีร์!” ร่างบางพลิกตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาหวานที่ท่วมไปด้วยหยาดน้ำใสกลับเบิกโตด้วยความดีใจ หัวใจชายหนุ่มราวกับถูกกระแทกจนร้าวรานที่พลอยชมพูไม่ปิดบังรอยยิ้มดีใจของเธอเลยสักนิด 

         “อืม” เขาโกหก

         ทั้งที่อยู่ใกล้กัน แต่ทำไมธีระพัฒน์กลับรู้สึกว่าพลอยชมพูอยู่ห่างไกลจากเขาเหลือเกิน 

         ธีระพัฒน์ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่น พลอยชมพูดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขา พลางเงยหน้าขึ้นสบมองนัยน์ตาคมดุคู่นั้น 

         “แต่ตอนนี้พี่ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้น้องพลอยลองเป็นภรรยาที่แสนดีของพี่ จนกว่าจะถึงวันนั้นได้ไหม” ธีระพัฒน์อ้อนวอน 

พลอยชมพูลังเลใจ แต่ถึงเธอจะดื้อรั้นไปอย่างไร ชื่อบนทะเบียนสมรสก็คงเปลี่ยนไม่ได้ในตอนนี้ เธอคงจะได้แต่รอ และญาติดีกับธีระพัฒน์เอาไว้ พยายามใช้ชีวิตให้มีความสุข…

         จนกว่าวันนั้นจะมาถึง

         “ค่ะ พี่ธีร์” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวานที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มชุ่มชื่นไปทุกอณู ธีระพัฒน์กดจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากนวล ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอดไว้แนบอก 

พลอยชมพูอึดอัดเล็กน้อยกับสัมผัสนั้นเพราะความไม่คุ้นชิน แต่ก็ยอมนิ่งเฉยให้ธีระพัฒน์กอดเธอแต่โดยดี ถึงอย่างไรเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี…เธอก็ควรจะทำหน้าที่ภรรยาของเธอให้ดีที่สุด จนกว่าเธอจะได้รับอิสระของเธอคืนมา 

 

         พลอยชมพูหลับไปแล้ว

         เธอหลับตาพริ้มพร้อมกับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ แต่ธีระพัฒน์ไม่อาจข่มใจหลับลงได้ ไม่ใช่เพราะสัมผัสนุ่มลื่นของชุดที่เธอสวม แต่เพราะเรื่องหนักอกที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา

         คนตัวเล็กยอมอยู่ในอ้อมกอดของเขาแต่โดยดีแล้ว เพราะข้อเสนอที่เขาโกหกออกไป

         ถ้าเธอรู้เข้า...

         ริมฝีปากหยักได้รูปขโมยจุมพิตแผ่วเบาจากหญิงสาวที่หลับสนิทราวกับเจ้าหญิงนิทรา ธีระพัฒน์ได้แต่จ้องมองความงามของใบหน้าหวานอย่างหลงใหล

         ใจของชายหนุ่มสั่นอย่างประหลาด แค่คิดถึงคืนที่ไม่มีเธออยู่เคียงข้าง...

         ดูเหมือนเขาจะตกหลุมรักคนตัวเล็กนี่เข้าเต็มๆ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น