7

แบล็กไอริส

แบล็กไอริส

 

บนโต๊ะทำงานของผู้กองฆนิลกาฬแห่งหน่วยรังผึ้งเต็มไปด้วยกองเอกสารตั้งหลายปึก โดยที่เจ้าตัวกำลังไล่เปิดอ่านไปทีละแฟ้ม สีหน้าที่เคยแจ่มใสถูกแทนที่ด้วยความเคร่งเครียด ใต้ตาเองยังมีรอยคล้ำประทับอยู่จางๆ 

“บอกสายของเราอย่าเพิ่งกระโตกกระตาก ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปในพื้นที่ และหาทางสืบข่าวออกมาให้ได้มากที่สุด ไวอย่างเดียวไม่พอ ต้องแม่นยำด้วย” นิ้วชี้ซึ่งตัดเล็บสั้นกุดเคาะไปตรงเขตพื้นที่ซึ่งมีจุดสีแดงกระจายอยู่นับสิบ จ่าที่รับคำสั่งทำความเคารพก่อนขอตัวออกไป

“ผู้กองครับ ใจคอจะไม่กลับบ้านกลับช่องเลยเหรอครับ เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาไม่มีใครแบกผู้กองไหวนะครับ” ร้อยตรีวรกันต์เข้ามาตอนที่เจ้าของห้องพักเอนหลังนวดขมับพอดี เขาเห็นอีกฝ่ายอยู่ที่ฐานมาสี่วันแล้ว เตรียมชุดมาเปลี่ยนเสร็จสรรพ แค่แวบไปอาบน้ำสิบนาทีแล้วก็กลับมาสู้รบกับกองงานมากมายต่อ

“มึงมีไรก็ว่ามา” 

ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พิรี้พิไร รีบรายงานข้อมูลชุดสมบูรณ์ที่เพิ่งได้มาจากสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ 

“คนร้ายคือนายอานนท์ คงสุข อายุสี่สิบแปดปี เข้าทำงานที่บริษัทรักษาความปลอดภัยมั่นคงเลิศได้สิบเอ็ดปีแปดเดือน ไม่มีประวัติอาชญากรรม นิสัยค่อนข้างเข้ากับคนง่าย แต่เพื่อนร่วมงานให้การตรงกันว่าพักหลังมานี้นายอานนท์มีบางสิ่งเปลี่ยนไป เช่น ดูตื่นตัวตลอดเวลา ได้ยินเสียงเล็กๆน้อยๆ ที่อยู่ห่างออกไป บางครั้งนั่งคุยกันอยู่ดีๆ ก็โพล่งขึ้นว่าหัวหน้ากำลังเดินขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ อีกทั้งยังพูดเรื่องนรกสวรรค์อยู่บ่อยครั้ง เล่าว่าเคยเห็นนางฟ้ามากับตา” ร้อยตรีหนุ่มเหลือบมองคนเบื้องหน้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรก็รายงานต่อ 

“ก่อนวันเกิดเหตุ นายอานนท์อาสาควบกะติดต่อกันหลายวัน และยังรับงานนอกที่อื่นอีก ทีแรกเพื่อนร่วมงานก็ปรามๆ เพราะเป็นห่วง แต่กลับโดนโวยวายใส่หาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ดังนั้นจึงปล่อยเลยตามเลยไป จากผลตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติด ตัวคนร้ายค่อนข้างอิดโรยและขาดสารอาหารด้วยซ้ำ ความจริงแล้วไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงมากขนาดนั้น แต่ก็อย่างที่ผู้กองเห็น อีกนิดคือจะเป็นเดอะฮัลค์แล้ว” 

ร้อยตรีวรกันต์นึกย้อนภาพความวุ่นวายที่โรงพัก อยู่ๆ คนร้ายก็คลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกรอบ ทั้งที่ใส่กุญแจมือ แต่กลับเหวี่ยงเจ้าหน้าที่สองคนติดผนัง กว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ต้องใช้ห้าคนช่วย จากนั้นจึงนำไปแยกขังเดี่ยว ผลปรากฏคือคนร้ายวิ่งชนซี่กรงเหล็กจนหัวไหล่หลุด แต่กลับไม่ยอมหยุดการทำร้ายตัวเอง ประหนึ่งว่าร่างกายไม่รู้สึกรู้สาถึงความเจ็บปวด สุดท้ายจึงต้องจับมัดไว้ 

“ติดต่อคนใกล้ชิดของคนร้ายได้รึยัง”

“ทางตำรวจส่งคนไปดู พบ...ศพอยู่ในบ้านเช่าครับ เป็นหญิงอายุสามสิบกว่า คาดว่าน่าจะเป็นภรรยาของคนร้าย เพื่อนบ้านแถวนั้นบอกว่าคนร้ายมีลูกชายอยู่อีกคน ชื่อเด็กชายวรายุ คงสุข แต่ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอครับ”

“ค้นหาต่อไป” 

“ผู้กองคิดว่า...มันคือแบล็กไอริสจริงๆ เหรอครับ ผมไม่คิดว่าคนธรรมดาจะเข้าถึงมันได้เลย” เจ้าของฉายาผึ้งวอนเอ่ยถามด้วยสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  

ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงคนทั้งโลก โดยเฉพาะช่วงไหนที่มีภาพยนตร์เกี่ยวกับพลังวิเศษเข้าฉายในโรงหนัง ชื่อ ‘แบล็กไอริส’ มักจะเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่คนให้ความสนใจอยู่ตลอด ไม่มีใครรู้ว่าต้นตอเริ่มต้นมาจากไหน หรือใครเป็นคนปล่อยข่าว บ้างก็ว่าเป็นการทดลองของโซเวียตยุคเก่า บ้างก็ว่ามาจากแล็บวิจัยของเกาหลีเหนือ หรือแม้กระทั่งข่าวลือที่ว่าอเมริกาได้รับวิทยาการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมให้แข็งแกร่งขึ้นจากมนุษย์ต่างดาวก็ยังมี แม้จะมีนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายคนออกมายืนยันว่าเป็นแค่เรื่องแต่งขึ้น แต่กลับไม่อาจหยุดยั้งการแพร่เรื่องเล่า ‘น่าสนุก’ พวกนี้ได้ 

แน่ละสิ...เพราะแบล็กไอริสคือตัวยาที่มีอยู่จริง

สิบปีที่แล้วเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงจากหลายประเทศเริ่มรายงานว่าค้นพบตัวยาชนิดใหม่ ซึ่งตลาดมืดเรียกกันว่า แบล็กไอริส ตัวยามีคุณสมบัติที่จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานถึงในระดับเซลล์ เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายและสมองให้แก่ผู้ใช้ได้มากถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ คนธรรมดาสามารถกลายเป็นนักกีฬาโอลิมปิก คนไร้ปัญญาสามารถกลายเป็นหัวกะทิ หรือแม้กระทั่งคนเดินดินธรรมดาอาจกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร 

อาจฟังดูเหมือนยาวิเศษ แต่ทำไมทั้งโลกไม่พลิกแผ่นดินตามหา?

โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ เมื่อแบล็กไอริสเข้าสู่ร่างกายแล้ว แม้เพียงหนึ่งครั้ง ร่างกายจะต้องการสารดังกล่าวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รายงานกล่าวว่าช่วงถอนยาคือวินาทีคาบเกี่ยวระหว่างเป็นตายเลยทีเดียว ผู้ใช้จะทรมาน ทุรนทุรายยิ่งกว่าอาการลงแดงของยาเสพติดใดๆ ในโลก บางรายที่ทนไม่ไหวถึงกับหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เป็นการบังคับกลายๆ ให้ใช้แบล็กไอริสติดต่อไปเรื่อยๆ หากได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ยังพอมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้เป็นปกติ ทว่าร่างกายและสมองจะไม่มีวันกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการฝืนธรรมชาติ

ที่น่ารังเกียจไปกว่านั้น ผลข้างเคียงของแบล็กไอริสจะเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อใช้ติดต่อกันเกินสามครั้ง เซลล์จะพึ่งพายาตัวนี้ในการดำรงชีวิตอย่างถาวร หากไม่ได้รับยาภายในช่วงเวลาที่กำหนด จะเริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะและขาดการคิดวิเคราะห์ ต่อมาเซลล์จะเริ่มทำลายตัวเอง ส่งผลให้ผู้ใช้ยาถึงแก่ชีวิต หรือต่อให้ใช้แบล็กไอริสยื้อชีวิตไปเรื่อยๆ ร่างกายจะเริ่มปฏิเสธตัวยาในท้ายที่สุด และเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดจะทำงานเกินขีดจำกัด ไม่อาจเลี่ยงความตายได้อยู่ดี 

ด้วยคุณสมบัติพิเศษของแบล็กไอริส หลายปีมานี้ผู้ก่อการร้ายใช้มันสร้างปัญหาไปทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป อย่างเช่นปีที่แล้วก็มีเหตุรุนแรงเป็นสิบเคส ไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิดในรถไฟใต้ดินที่รัสเซีย การลอบวางระเบิดที่สนามบินเบลเยี่ยม เหตุกราดยิงประชาชนกลางงานเทศกาลที่เยอรมนี การวางเพลิงเผาโบสถ์ที่ฝรั่งเศส การลอบสังหารผู้นำในตะวันออกกลาง นานาชาติต่างช่วยกันปิดข่าวที่จะส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ 

จากเหตุผลดังกล่าว พวกเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับมือพวกผู้ก่อการร้ายที่ใช้แบล็กไอริสในการก่อวินาศกรรมจึงเกลียดชื่อนี้เข้าไส้ หลายประเทศตั้งองค์กระหว่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสกัดกั้นแบล็กไอริสโดยเฉพาะ แม้ประเทศไทยจะไม่ได้เข้าร่วม แต่ก็มีข้อมูลเพื่อใช้ในการเฝ้าระวัง 

“มึงก็รู้ว่าไม่เคยมีการค้นพบแบล็กไอริสในไทย” ฆนิลกาฬหรี่ตา ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่ได้มีสงครามกลางเมืองหรือผู้ก่อการร้ายชุกชุมเหมือนทางฝั่งยุโรปหรือตะวันออกกลาง เขามองไม่เห็นผลประโยชน์ที่จะมีคนลักลอบนำเข้ามา   

“ผมก็ว่าอยู่ ขนาดพวกเรายังไม่เคยเห็นของจริง แล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยธรรมดาๆ คนหนึ่งจะไปหาแบล็กไอริสมาจากไหน ความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่นจนก่อคลื่นลมอะไรได้ ที่ผมคิดก็คือพวกเอเย่นต์ค้ายาคงเอาชื่อมาใช้มั่วๆ เพื่อเรียกความสนใจมากกว่า ใช่ว่าจะไม่เคยมีเคสนี้นี่ครับ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็เกิดขึ้นที่ลาสเวกัส ตำรวจพื้นที่ระดมกำลังกันหาต้นตอภายในสามวัน เอาซะพวกแก๊งเล็กแก๊งน้อยนั่งไม่ติด” 

ร้อยตรีวรกันต์คิดว่าเหตุผลนี้เข้าท่ามากที่สุด แบล็กไอริสแทบจะเปลี่ยนคนเป็นยอดมนุษย์ ดังนั้นจึงจัดเป็นสินค้าหายากในยาก ความต้องการซื้อสูง แถมนานๆ ทีจะมีหลุดมาในตลาดมืด ซึ่งมักจะถูกพวกประเทศมหาอำนาจประมูลซื้อไปทำการศึกษาซะหมด 

“ที่มึงพูดก็มีเหตุผล แต่กูสงสัยก็คือทำไมถึงตรวจหาสารอะไรในตัวคนร้ายไม่เจอ หรือว่าแม่งจะมียานรกแบบใหม่โผล่มาอีก” 

“ผมภาวนาให้ผู้กองคิดผิดนะครับ สงสารพวกผึ้งที่เฝ้าตามชายแดน เพราะเท่าที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็ตามเก็บกวาดไม่หวาดไม่ไหวแล้ว พากันโอดครวญกันเช้าเย็น” 

หัวหน้าชุดปฏิบัติการผ่อนคลายความตึงเครียดลง ทว่ายังไม่ปล่อยผ่านเรื่องของนายอานนท์ทั้งหมด เขาไม่ใช่พวกทำงานเช้าชามเย็นชาม ดังนั้นก่อนที่จะได้คำตอบ เขาจะใช้วิธีตีรั้วล้อมคอกก่อนที่วัวมันจะหาย

“จนกว่าจะได้คำตอบ มึงทำเรื่องย้ายตัวนายอานนท์มาอยู่ในการดูแลของหน่วยเราก่อน สั่งพวกทีมแพทย์เฝ้าดูอาการให้ดีๆได้สติเมื่อไหร่ก็ลองสอบปากคำดู กูไม่เชื่อว่าพวกเราจะไม่ได้อะไรเลย”

“รับทราบครับ”

 

ร้านอาหารคืนวันศุกร์มีลูกค้าจับจองเต็มทุกโต๊ะ ด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์พนักงานสามสี่คนเร่งจัดจานอาหารและทำเครื่องดื่มกันมือระวิง คนที่รับหน้าที่เสิร์ฟก็หยิบออร์เดอร์ที่เสร็จเรียบร้อยไปส่งยังโต๊ะโดยไม่ขาดตอน ถึงวันสุดสัปดาห์แบบนี้ลูกค้าจะรอนานอยู่บ้าง แต่เพราะใบหน้ายิ้มแย้มและกิริยานอบน้อมของพนักงาน จึงไม่มีลูกค้าคนไหนรู้สึกหงุดหงิด

กริ๊ง กริ๊ง 

ลูกค้าประจำในชุดนักเรียนแขนยาวเปิดประตูเข้ามาในร้าน พยักหน้าให้พนักงานต้อนรับเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปด้านหลังร้านโดยไม่ต้องมีคนนำ

ทางเดินที่ปูด้วยอิฐแดงทอดยาวไปยังบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก พอเปิดประตูเข้าไป กลุ่มคนที่กำลังล้อมวงสนทนาพลันหันมองผู้มาใหม่เป็นตาเดียว มีสองสามคนแสดงความไม่พอใจบนสีหน้าออกมาเด่นชัด แต่ก็มีหลายคนที่ผงกศีรษะทักทายอย่างเป็นกันเอง 

“คุณไคยะมาแล้ว เชิญนั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวในชุดพนักงานออฟฟิศที่ชื่อญาดาสละที่นั่งรองจากหัวโต๊ะให้ ใบหน้าสวยเฉี่ยวจนผู้หญิงคนอื่นๆ ในโต๊ะดูหม่นหมอง

“คุยกันต่อเถอะ” เจ้าของชื่อส่ายหน้าปฏิเสธ พาตัวเองไปนั่งโซฟาโดดเดี่ยวมุมห้องเหมือนอย่างทุกครั้ง

หัวหน้ากลุ่มอย่างขุนเขาพยักหน้า เขาค่อนข้างคุ้นชินกับความเฉยเมยดังกล่าว ดังนั้นจึงสานต่อบทสนทนาเมื่อครู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

“ทางแล็บยืนยันแล้วว่าแบล็กไอริสที่พวกเราได้มาต่างจากของเดิม มีส่วนประกอบหายากบางอย่างเจือจางลง จุดประสงค์ของ ‘พวกมัน’ คงไม่ได้มองหาลูกค้าหัวรุนแรงอย่างเดียวแล้ว แต่กำลังขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ ฐานลูกค้าที่จะเข้าถึงแบล็กไอริสง่ายขึ้น เพิ่มเม็ดเงินได้มากขึ้น” 

ขุนเขาเป็นชายอายุสี่สิบต้นๆ ตัดผมทรงสกินเฮดสั้นเกรียน รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาไม่ด้อยไปกว่าชายฉกรรจ์คนอื่นในห้อง ที่สร้างความแตกต่างคือหัวคิ้วที่ฉายความเคร่งขรึมอย่างเด่นชัด อันเป็นลักษณะของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก

“มองหาลูกค้ากลุ่มใหม่? จะเป็นไปได้เหรอครับพี่ขุน นอกจากผู้ก่อการร้ายพร้อมพลีชีพ มันจะมีใครยอมตายหลังจากใช้แบล็กไอริสกัน ซื้อความสุขชั่วครู่ชั่วยามแท้ๆ” การุณย์ ชายวัยยี่สิบกลางๆ แสดงความคิดเห็น หากแบล็กไอริสไม่มีผลข้างเคียงถึงแก่ชีวิต ด้วยสรรพคุณของตัวยา ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่คนก็คงพร้อมยอมจ่าย แต่เพราะมันต้องแลกด้วยชีวิตนี่สิ เขาไม่คิดว่าจะมีคนสติดีที่ไหนสนใจ

“แล้วถ้าพวกมันพัฒนาจนทำให้ผู้ใช้สารไม่ตายได้ล่ะ กระต่ายทดลองที่รับโดสยามากสุดแล้วยังไม่ตายทนได้ถึงสามสิบสองครั้ง มากกว่าเดิมเกือบสามเท่าตัว และตอนนี้ทางแล็บเองก็ยังระบุขีดจำกัดสูงสุดไม่ได้ เพราะยังไงกระต่ายก็ไม่เหมือนมนุษย์” หัวหน้ากลุ่มเผยสีหน้าหนักใจขณะบอกเล่าข้อมูลที่ได้มา ถือเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดที่ไม่ส่งผลดีต่อ ‘องค์กร’ เลย

 “สามสิบสองครั้ง! แบบนั้นพวกมันสร้างกองทัพย่อมๆ ได้เลย ใครจะไปรับมือไหว” 

ข้อมูลดังกล่าวสร้างความแตกตื่นให้คนทั้งโต๊ะ หากเป็นคนเดินดินธรรมดาก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นพวกมือสังหารที่ได้รับการเพิ่มขีดความสามารถอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ สำหรับพวกเขามันก็ลูกครึ่งเทพดีๆ นี่เอง 

“โชคยังเข้าข้างพวกเรา ตัวยาสูตรใหม่ยังไม่เสถียรมากพอ กระต่ายบางตัวเลือดไหลไม่หยุดตั้งแต่ครั้งแรก บางตัวอวัยวะหยุดทำงานตอนได้รับยาครั้งที่สอง และยังมีผลข้างเคียงอีกมากที่เหนือการควบคุม ของลอตล่าสุดที่พวกเราได้มาดูเหมือนพวกมันไม่ได้ตั้งใจจะส่งออก แต่อยู่ในช่วงทดลองกับมนุษย์ต่างหาก” 

“ฉันอยากให้ทุกคนดูนี่ค่ะ” นิวาริน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รีบนำเอกสารมาสนับสนุนคำพูดของหัวหน้ากลุ่ม เธอแฝงตัวอยู่ในโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ เรื่องพวกนี้ตรวจสอบได้ง่ายมาก 

“ช่วงหนึ่งเดือนมานี้ในกรุงเทพฯ มียอดผู้เสียชีวิตมากกว่าปกติ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยมีประวัติเจ็บป่วย แต่กลับล้มหมอนนอนเสื่อด้วยสาเหตุแปลกๆ ซึ่งส่วนใหญ่ตรงกับอาการของพวกกระต่ายทดลอง สรุปก็คือพวกมันไม่ได้เลือกเก็บผลลัพธ์จากคนไม่มีที่มาที่ไปเหมือนครั้งก่อน แต่เลือกกลุ่มคนเมืองที่อาจจะเป็นฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต ตัวดิฉันเองก็บอกไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะมีคนบริสุทธิ์สังเวยชีวิตอีกเท่าไหร่” 

“พวกมันพยายามซ่อนตัวจากโลกแทบตาย จะยอมเสี่ยงเปิดเผยร่องรอยเพราะเรื่องนี้เหรอ” ไชยภพ พนักงานดิลิเวอรีเสื้อเขียวกวาดตาอ่านเอกสารคร่าวๆ เขาอายุอานามไล่เลี่ยกับหัวหน้ากลุ่มอย่างขุนเขา ความเคร่งขรึมอาจจะไม่เท่า แต่ความเย็นชาในแววตากลับมีมากกว่า

ตลอดหลายปีที่รวบรวมเบาะแสเกี่ยวกับแบล็กไอริส พวกเขามั่นใจว่าแหล่งผลิตยังอยู่ในประเทศไทย แต่แค่ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่ พวกมันอยู่แบบเงียบเชียบ ไม่เคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็น หากต้องใช้มนุษย์ในการทดลองก็จะเลือกพวกคนเร่ร่อนที่ไม่มีญาติพี่น้อง หรือไม่ก็พวกแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาแบบผิดกฎหมาย และที่สำคัญยังมีผู้มีอิทธิพลบางคนคอยช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้ยากต่อการติดตามตามร่องรอย

“ถ้าพวกมันพัฒนาแบล็กไอริสสูตรใหม่สำเร็จ อย่าว่าแต่เม็ดเงิน สถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้ายังได้ ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร พวกเราต้องไม่ปล่อยให้พวกมันสมหวัง”

“ยังดีที่รอบนี้พวกเราเอาของพวกมันมาได้ครึ่งหนึ่ง พวกมันคงหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่าดู” สีหน้าของไชยภพปรากฏความสาแก่ใจ แม้ฝั่งนั้นจะระวังด้วยการแยกส่งสินค้าหลายทาง แต่พวกเขาก็ยังตามเก็บมาได้ครึ่งต่อครึ่ง 

กระบวนการผลิตแบล็กไอริสซับซ้อนและใช้เวลานาน วัตถุดิบบางอย่างหายากและมีจำกัด ในหนึ่งปีพวกมันจะผลิตสินค้าได้ไม่เกินสามลอต แต่ละลอตก็ไม่ได้มากมาย ไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการในตลาด แถมยังโดนพวกเขาตามขัดขวางอยู่ตลอด บางครั้งล่มเรือสินค้าทำลายได้ทั้งหมดก็ยังมี นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกมันเร่งพัฒนาสูตรที่จะทำให้ผลิตตัวยาออกมาได้มากและเร็วขึ้นกว่าเดิม หากพวกมันทำสำเร็จ ถึงเวลานั้นพวกเขาคงได้แต่เป็นฝ่ายแพ้

“แทนที่จะตามล่าพวกลูกกะจ๊อก ถ้าพวกเราทำลายมันสมองของพวกมันได้ ทุกอย่างก็จบ ต่อไปพวกมันก็จะก่อคลื่นลมอะไรไม่ได้อีก” วิโรจน์ ชายผู้สวมชุดปั่นจักรยานย้ำถึงเจตนารมณ์แรกเริ่ม เขารุ่นราวคราวเดียวกับขุนเขาและไชยภพ เป็นประธานบริษัทขนส่งขนาดกลาง จะมากจะน้อยหลายคนต่างเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นคนอื่นๆ จึงให้ความเคารพในตำแหน่งรองหัวหน้า 

“คนของพวกเราที่แฝงตัวอยู่กับพวกมันมาหลายปียังไม่เคยได้เบาะแสของ ‘ดร. สึกิ’ เป็นชิ้นเป็นอัน ต่อให้ซ่อนตัวอยู่ในดิน ขึ้นชื่อว่าคนเป็นก็ต้องโผล่ขึ้นมาหายใจบ้าง เป็นไปได้ไหมว่าจะตายไปแล้ว” วรรณี หญิงวัยสามสิบกลางๆ ผู้มีเครือข่ายข้อมูลกว้างขวางแสดงความคิดเห็น หลายคนในนั้นพยักหน้าเห็นด้วย 

“ไม่มีทาง พวกนักวิทยาศาสตร์ในโครงการพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีแค่ ดร. สึกิที่รู้ขั้นตอนและส่วนผสมทั้งหมด” 

“เท่าที่รู้มา ดร. สึกิคลั่งความสมบูรณ์แบบ แต่แบล็กไอริสสูตรใหม่มีข้อผิดพลาดมากเกินไป หรือ ดร. สึกิขายความลับให้พวกนายทุน พวกนั้นก็หิวเงินจนตัวสั่นเลยเร่งผลิตแบล็กไอริสสูตรใหม่ออกสู่ตลาด” 

“เป็นถึง ดร. คงไม่โง่แบไต๋ทุกอย่างจนหมดหรอกมั้ง ถ้าปล่อยให้คนอื่นได้ความลับของตัวยาไปจริงๆ พวกมันยังจะเก็บ ดร. สึกิไว้ทำไม เงินเยอะเป็นเรื่องดี แต่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อใช้เงินด้วย ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันว่า ดร. สึกิยังมีชีวิตอยู่” 

ไคยะนั่งฟังการถกเถียงเงียบๆ เก็บข้อมูลทุกอย่างที่ได้ยิน ที่เธอไม่กล่าวอะไรเพราะไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ การที่ตัวเธอผู้ซึ่งไม่ผ่านบททดสอบมานั่งที่นี่ หลายคนในนี้ย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว แต่พวกเขาเองก็หนีความจงรักภักดีที่ฝังอยู่ในหัวไม่ได้ เธอคือรันสายหลัก ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าบ้านตระกูลรันคนปัจจุบัน ยังไงก็มีฐานะเป็นเจ้านายกลายๆ ของพวกเขา 

ตระกูลรันคือกลุ่มมือสังหารที่มีประวัติยาวนานกว่าสี่ร้อยปี ในอดีตคอยรับใช้คนใหญ่คนโตของยุคสมัยอย่างถวายชีวิต สืบทอดยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน สายเลือดตระกูลรันแท้ๆ มีทั้งหมดสี่สาย พวกที่เกิดในสายหลักจะมีสิทธิ์เป็นผู้นำตระกูลโดยกำเนิด ไม่แบ่งแยกชายหญิง ส่วนสายรองที่สอง สายรองที่สาม และสายรองที่สี่ที่บัดนี้เหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ทั้งหมดต้องทำตามคำสั่งจากสายหลักอย่างเคร่งครัด สถานะแทบไม่ต่างไปจากข้ารับใช้ที่มีอภิสิทธิ์พิเศษ หากวันใดที่สายหลักปราศจากผู้สืบทอดถึงจะมีโอกาสขึ้นเป็นเจ้าบ้านแทน

ไม่มีความยิ่งใหญ่ใดยั่งยืนตราบชั่วฟ้าดินสยาย ตระกูลรันเองก็เช่นกัน การต้องแบกรับความเสี่ยงจากงานทำให้ปัจจุบันมีสายเลือดแท้เหลือไม่ถึงสามสิบคน อีกทั้งหลายคนก็เลือกล้างมือออกไปใช้ชีวิตแบบคนปกติ ดังนั้นตระกูลรันจึงต้องรับคนนอกเข้ามาฝึกอยู่เรื่อยๆ

คนที่ได้รับอุปการะเป็นเด็กที่ตระกูลรันเห็นแววว่าใช้งานได้ คัดเลือกมาจากหลายสิบสถานสงเคราะห์ทั่วโลกที่มูลนิธิของตระกูลรันรับอุปถัมภ์ไว้โดยไม่ประสงค์ออกนาม คนพวกนั้นจะถูกฝึกให้จงรักภักดีต่อเจ้านาย เหี้ยมโหดต่อเป้าหมาย และพร้อมทำงานถวายชีวิตอย่างไม่มีข้อแม้ หลังจากผ่านบททดสอบที่บีบคั้นทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ จึงจะกลายเป็น ‘คมมีดตระกูลรัน’ โดยสมบูรณ์ 

อย่างเช่น...คนกลุ่มนี้

“คุณไคยะมีข้อเสนออะไรรึเปล่าครับ” ขุนเขาหันไปถามความเห็นจากบุคคลซึ่งนั่งเงียบมาตลอด เขาไม่อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกแปลกแยก

ไคยะนิ่งคิด ชื่อแบล็กไอริสถูกนำไปใช้แอบอ้างบ่อยมาก ถ้าต้องตามทุกเบาะแสไร้มูลมีหวังไม่ต้องทำอะไร เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่ได้เล่าเรื่องตัวประกันวันนั้นให้ใครฟัง พอไตร่ตรองดูแล้วก็พบว่ามีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองเรื่องจะเกี่ยวข้องกัน 

ริมฝีปากสีแดงเรื่อเผยอขึ้นทำท่าจะเอ่ยคำพูดออกมา แต่ยังช้าไปกว่าใครบางคนที่ชิงขัดขึ้น   

                “เอาเป็นว่าพวกเราก็เฝ้าระวังพื้นที่ของใครของมันเหมือนเดิม ถ้าเจอเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับแบล็กไอริสก็จัดการได้เลย อย่าลืมลบร่องรอยกันให้หมดจด เพราะพวกมันก็ตามล่าพวกเราเหมือนกัน หรือถ้าทำอะไรไม่ได้ก็อยู่เฉยๆ ต่อไป อย่าเป็นภาระให้คนในกลุ่ม” ไชยภพถือวิสาสะสรุปสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง แววตาจ้องอยู่ที่คนจากตระกูลรันสายหลัก ดังนั้นต่อให้ไม่ได้เอ่ยออกมาโต้งๆ ทุกคนก็พอจะเดาออกว่า ‘ภาระ’ นั้นหมายถึงใคร  

นิวารินกระอักกระอ่วน เธอเป็นคมมีดก็จริง แต่อีกด้านก็เป็นแพทย์ช่วยชีวิตคน เลยมีความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่มาก จึงเบี่ยงเบนความตึงเครียดอย่างแนบเนียน “แล้วพวกเหยื่อทดลองล่ะคะ จะทำยังไงกับพวกเขา”

“ผมให้ทุกคนตัดสินใจกันเอาเอง แต่อย่าลืมว่าต้องอยู่บนพื้นฐานที่จะไม่ทำให้ตัวเองหรือพี่น้องคนอื่นเดือดร้อน” ขุนเขาให้ทางเลือก หน้าที่ของเขาคือการปกป้องความปลอดภัยของพวกพ้อง ต่อให้คมมีดไม่ลงมือกับผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่อาจช่วยชีวิตได้ทั้งหมด อย่างไรเสียก็ต้องมีคนเสียสละ 

“คือ...ตอนนี้หน่วยรังผึ้งส่งคนตามสืบเรื่องที่โกดังคืนนั้น บางทีอาจได้ข้อมูลบางอย่างที่เราพลาดไป ถ้าพวกเราร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่รัฐ อาจได้แลกเปลี่ยนอะไรที่เป็นประโยชน์” ญาดาเสนอแนะเสียงเบา คมมีดที่ประจำอยู่ประเทศอื่นร่วมมือกับคนจากรัฐบาลทั้งนั้น เว้นแต่เพียงประเทศไทยที่ไม่ยุ่งกับใครเลย ในสายตาของเธอ การมีผู้ช่วยย่อมดีกว่าทำงานแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ ส่วนลึกจึงคาดหวังให้คมมีดอาวุโสบางคนเปลี่ยนใจ

“ส่งฉันไปก็ได้ค่ะ ฉันพร้อมแฝงตัว...”

ปึง! 

“เพ้อเจ้อ!” วิโรจน์ตบโต๊ะเสียงดังจนญาดาสะดุ้งโหยง แววตายามพูดถึงหน่วยรังผึ้งเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง “ร่วมมือกับไอ้พวกแมลงอัปรีย์นั่นนะเหรอ ฝันไปเถอะ!”

“ถ้าอยากเลียเท้าพวกมันนักก็ออกไป แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” ไชยภพแค่นยิ้มหยัน เห็นถึงความไม่สบอารมณ์ชัดเจนบนหน้า  

“หยุดคิดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้เถอะญาดา พวกเราจัดการกันเองได้ อย่าไปลากงูเห่ามาไว้ข้างตัวให้ต้องระวังหลังอยู่ตลอดเวลาเลย มันจะแว้งกัดเราตอนไหนก็ไม่รู้” ขุนเขาที่ปกติใจดีกับทุกคนยุติเรื่องนี้ กระทั่งรอยยิ้มบนหน้ายังจางหายไป

“ขอโทษค่ะพี่วิโรจน์ พี่ภพ พี่ขุน แล้วก็พี่คนอื่นๆ ด้วย ต่อไปฉันจะไม่พูดเรื่องพวกนี้อีก” ญาดาก้มหน้างุด รู้สึกผิดจากใจจริง เธอเป็นคมมีดรุ่นหลังที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่ปี ต่อให้เคยได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างคมมีดกับหน่วยรังผึ้ง แต่เพราะไม่ได้เผชิญเหตุการณ์นองเลือดอย่างพวกคมมีดอาวุโส จึงคิดเองเออเองว่าเวลาจะเยียวยาทุกสิ่งได้

การประชุมจบลงหลังจากนั้นไม่นาน เกือบยี่สิบคนที่แตกต่างกันทั้งเพศ อายุ และอาชีพแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงคนต่างวัยสองคนที่ยังไม่ลุกไปไหน 

“ผมขอโทษแทนไชยภพด้วยนะครับที่ทำตัวเสียมารยาท เขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรอกครับ” ขุนเขาถอนหายใจ ตลอดสองปีมานี้...ขนาดเขาเองยังนับไม่ไหวเลยว่าเอ่ยปากขอโทษแทนสหายร่วมเป็นร่วมตายไปกี่หนแล้ว 

“ช่างเถอะ ฉันไม่เคยเก็บมาใส่ใจ”

บุรุษผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมองคนในชุดนักเรียน ช่างดูอ่อนเยาว์และบริสุทธิ์ดุจดอกไม้แรกแย้ม มีเรื่องหนึ่งที่เขาครุ่นคิดมานาน ยิ่งสถานการณ์เปลี่ยนแปลงขนาดนี้ ก็ตกตะกอนได้ว่าควรเปิดอกพูดคุยอย่างจริงจัง 

“คุณไคยะเคยคิดไหมครับว่า คุณไม่จำเป็นต้องแบกหนี้เลือดของคนรุ่นก่อน คุณสามารถใช้ชีวิตแบบคุณดมิสาได้”

ตระกูลรันรับใช้ผู้มีอำนาจของญี่ปุ่นมายาวนาน เป็นดั่งอาวุธใช้กำจัดพวกที่กฎหมายแตะต้องไปไม่ถึง รวมถึงพวกที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ นักฆ่าจากตระกูลรันลงมือหมดจด ไม่เคยพลาดเลยแม้แต่ภารกิจเดียว 

หนี้เลือดทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อยี่สิบปีกว่าก่อน ‘โครงการไอริส’ ได้ถือกำเนิดขึ้น รัฐบาลของญี่ปุ่นคัดเลือกสุดยอดนักวิทยาศาสตร์หลายสิบคนในการค้นคว้าตัวยาที่จะทำลายขีดจำกัดเดิมๆ ของมนุษยชาติสู่วิวัฒนาการอีกขั้น เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นเหนือกว่าชนชาติใดในโลก ไม่ว่าจะด้านสมองหรือร่างกาย หากทำสำเร็จ ตำแหน่งมหาอำนาจของโลกจะต้องเปลี่ยนมือแน่

ระหว่างที่โครงการคืบหน้าไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ กลับมีคนทรยศของตระกูลรันลอบทำลายข้อมูลและนำตัว ‘ดร. สึกิ นากาฮาระ’ นักวิทยาศาสตร์สมองเพชรแห่งยุคผู้เป็นหัวหน้าโครงการไอริสไป มีหรือที่กลุ่มผู้มีอำนาจจะยอมเสียเวลาและเงินทุนวิจัยไปฟรีๆ ราคาที่ตระกูลรันต้องจ่ายช่างมหาศาล ไม่ว่าจะด้วยชีวิต หรือการต้องนำตัวดร. สึกิ กลับมาให้ได้

พวกคนทรยศมาจากตระกูลรันสายที่สี่ หนึ่งในนั้นเป็นนักฆ่าที่มีฝีมือ มีหรือจะโดนจับได้ง่ายๆ พวกมันพาดร. สึกึหนีมายังประเทศไทยโดยมีมีดนับร้อยคนออกไล่ล่า ประจวบเหมาะกับที่ตอนนั้นประเทศไทยเกิดเหตุก่อการร้ายใจกลางเมือง พวกเขาได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแลกกับการที่ฝั่งนั้นจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ 

การร่วมมือกันเป็นไปด้วยดีจวนเจียนจะเข้าถึงตัวคนทรยศ อยู่ๆ เจ้าหน้าที่พวกนั้นกลับหักหลังพวกเขา ล่อพวกเขาไปติดกับของคนทรยศ คมมีดร้อยคนในตอนนั้นมีชีวิตรอดไม่ถึงสามสิบ ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ตระกูลรันเหมือนยืนอยู่ปากเหว จำใจต้องเรียกตัวคมมีดที่เหลือกลับไปฝึกฝนคมมีดรุ่นใหม่ให้พร้อมใช้งาน คาดไม่ถึงเลยว่าระยะเวลาสิบปีที่ทิ้งช่วง ดร. สึกิที่เคยยึดมั่นในอุดมการณ์จะทรยศรัฐบาลของตัวเอง พัฒนาตัวยาจากโครงการไอริสต่อ และเปลี่ยนชื่อเป็นแบล็กไอริส กอบโกยผลประโยชน์บนเลือดเนื้อและกองกระดูกขาวโพลน 

โครงการไอริสถือเป็นความลับสุดยอดอันเกิดจากความคิดรักชาติอย่างสุดกู่ ยิ่งแบล็กไอริสสร้างปัญหามากเท่าไหร่ พอวันหนึ่งที่ความจริงเปิดเผยขึ้นมา รัฐบาลญี่ปุ่นจะยิ่งมองหน้าประชาคมโลกไม่ติดมากเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ การเมือง และเศรษฐกิจดุจโดมิโนล้ม เพราะฉะนั้นมีคนรู้เรื่องฉาวโฉ่น้อยเท่าใดก็ยิ่งดี ตระกูลรันจึงต้องแบกความรับผิดชอบหนักอึ้ง ตราบใดที่ทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จจะไม่มีวันได้รับอิสระ 

ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา คมมีดตระกูลรันคอยรวบรวมข่าวสารอยู่ตลอด เบาะแสที่ได้มีแค่คนทรยศและ ดร. สึกิยังซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย โดยมีคนใหญ่คนโตคอยให้การช่วยเหลือ ในขณะที่ตระกูลรันอยู่ไกลถึงญี่ปุ่น และยังต้องรับใช้ผู้มีอำนาจอยู่เช่นเดิม จึงไม่อาจทุ่มกำลังออกมาทั้งหมด กล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ 

ขุนเขานึกถึงตอนที่ตนเองยังหนุ่ม เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เลือดร้อน มีความมั่นใจ ทว่าพอผ่านร้อนผ่านหนาวนานเข้า กลับรู้สึกชินชา เขาสบดวงตาแฝงความดึงดันตรงหน้า รัน ไคยะ คือคนตระกูลรันสายหลักคนแรกที่ไม่ผ่านบททดสอบการก้าวข้ามสู่ความเป็นผู้ใหญ่ หากเป็นตัวเขาเมื่อยี่สิบปีก่อนคงปรามาสอีกฝ่ายว่าไร้ค่า เป็นของมีตำหนิที่ไม่ควรคู่กับการเกิดมาในรันสายหลักเลยสักนิด แต่ตัวเขาในตอนนี้กลับลอบยินดีกับความอ่อนแอดังกล่าว ชีวิตบนเส้นทางนี้ออกจะน่าเหน็ดเหนื่อย ในเมื่อมีโอกาสออกไปจากวังวนแห่งการแก้แค้นไม่จบไม่สิ้น เด็กสาววัยแรกแย้มจะเอาตัวเองเข้ามาทำไม  

“แล้วทำไมคุณขุนเขาถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะคะ” ไคยะลุกขึ้นยืน คมมีดที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคู่สนทนาปลดระวางไปหลายคนแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ขอทำงานเบื้องหลัง น้อยนักที่ยังลงสนามด้วยตัวเอง 

“มันเป็นภารกิจสุดท้ายของผมครับ ผมต้องทำมันให้สำเร็จ ผมถึงจะไปพบหน้าพี่น้องคนอื่นได้” สีหน้าของชายวัยกลางคนแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง การไล่ล่าครั้งนั้นทำให้เขาสูญเสียเพื่อน พี่น้อง และหญิงสาวที่กำลังจะกลายมาเป็นภรรยา ตราบใดที่ไม่สามารถเอาเลือดคนทรยศไปเซ่นไหว้หลุมศพบุคคลเหล่านั้น ชาตินี้เขาคงนอนตายตาไม่หลับ

คนฟังพยักหน้าเข้าใจ คลี่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก เลียนแบบคำตอบด้วยเสียงไม่ดัง ทว่ากลับชัดถ้อยชัดคำยิ่ง

“ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันคือคนตระกูลรัน ภารกิจของฉันคือทำเพื่อตระกูลรัน และฉันต้องทำมันให้สำเร็จ ฉันถึงจะไปพบหน้าคนในครอบครัวได้”  

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น