4

บทที่ 4 ผลการสัมภาษณ์


4

ผลการสัมภาษณ์

‘สาวเต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่าๆๆๆๆๆๆๆ เต่างอย!’

            เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่ตั้งเป็นเพลง “เต่างอย” ของ จินตหรา พูนลาภ ดังขึ้น ขณะที่เพลงขวัญกำลังปีนขึ้นไปเก็บมะม่วงจากต้นหน้าบ้านเพื่อจะนำไปให้ยายทำมะม่วงน้ำปลาหวานเป็นของว่างกินกันตอนสาย หญิงสาวหย่อนมะม่วงดิบลูกใหญ่กำลังดีใส่กระเป๋าผ้าสีขาวที่สะพายอยู่ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเจเจสีรุ้งเพื่อหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมากดรับ

            “สวัสดีค่ะ เพลงขวัญพูดค่ะ” หญิงสาวเอนตัวพิงคาคบไม้เอาไว้เพื่อความมั่นคง

            “สวัสดีค่ะ คุณเพลงขวัญ ดิฉันโทร. จากฝ่ายบุคคลของเดอะ ซันกรุ๊ปนะคะ” คนปลายสายแนะนำตัวอย่างสุภาพ

            หัวใจของเพลงขวัญเต้นตึ้กตั้กขึ้นมาทันที เพราะมั่นใจว่าต้องเกี่ยวกับผลการสัมภาษณ์งานแน่ๆ “ค่า”

            “หลังจากการสัมภาษณ์รอบสุดท้าย ทางบริษัทพิจารณารับคุณเพลงขวัญเข้าทำงานในตำแหน่งเลขานุการของคุณภานุรุจแล้วนะคะ ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ”

            เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตากลมโตก็ทอประกายพราวพร่างด้วยความยินดี หญิงสาวอยากจะกรี๊ดดังๆ แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เพราะกลัวว่าถ้ากรี๊ดออกไป ฝ่ายบุคคลอาจเปลี่ยนใจไม่รับเธอเข้าทำงานก็ได้

“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”

            “คุณภานุรุจต้องการให้คุณเริ่มงานวันจันทร์นี้เลย สะดวกไหมคะ”

            “ได้ค่ะ” วันนี้วันศุกร์แล้ว เธอก็มีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันพอดี

            จากนั้นเจ้าหน้าที่สาวก็แจ้งรายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับการทำงานให้เพลงขวัญทราบเพิ่มเติม ก่อนจะวางสายไปในอีกสิบนาทีต่อมา

            หญิงสาวยังยิ้มไม่หุบกับข่าวดีที่ได้รับ ขณะกำลังจะปีนลงจากต้นมะม่วงเพื่อไปบอกผลการสัมภาษณ์งานกับยายนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นอีกรอบ สงสัยเมื่อครู่นี้ฝ่ายบุคคลจะลืมแจ้งอะไรไปละมั้ง

“สวัสดีค่ะ เพลงขวัญพูดค่ะ”

            “สวัสดีครับ” เสียงทุ้มลึกดังมาตามสาย

            เพลงขวัญขมวดคิ้ว ปกติผู้ชายที่โทร. หาเธอก็มีแค่พนักงานส่งพัสดุเท่านั้น แต่อาทิตย์นี้เธอไม่ได้สั่งซื้ออะไรนี่นา แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครหว่า

“ค่า”

            “ผมภานุรุจนะครับ”

            หญิงสาวทำหน้าเหลอหลา เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทร. มา แต่ก็ตอบเขาไปอย่างสุภาพ “อ๋อ ค่ะ คุณภานุรุจ”

            “ทางฝ่ายบุคคลโทร. มาแจ้งผลการสัมภาษณ์งานแล้วใช่ไหมครับ”

            “ใช่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสดิฉัน” หัวใจของเธอพองโตด้วยความปลาบปลื้ม

            “บอกแล้วไงว่าถ้าคุณมีความสามารถ ผมก็พร้อมจะรับคุณเข้าทำงานโดยไม่เอาเรื่องในอดีตมาตัดสิน”

            “ขวัญ มะม่วงได้หรือยังลูก ยายทำน้ำปลาหวานเสร็จแล้วนะ” เสียงของยายดังมาจากในบ้าน

            “ค่ะยาย ได้แล้วค่า” เพลงขวัญขานรับ

            “สอยมะม่วงอยู่เหรอ” รองประธานหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้

            “เปล่าค่ะ ปีนขึ้นมาเก็บบนต้นเลย”

‘แล้วเราจะไปบอกเขาทำไมเนี่ย!’

            “ปีน?” ชายหนุ่มคงไม่คิดว่าเลขาฯ ของเขาจะมีความสามารถพิเศษในการปีนต้นไม้ด้วย

            เพลงขวัญหัวเราะแห้งๆ “ใช่ค่ะ แต่ดิฉันไม่ได้ปีนบ่อยหรอกนะคะ พอดีวันนี้นึกอยากกินมะม่วงน้ำปลาหวานขึ้นมาน่ะค่ะ”

            “ผมไม่มีกฎห้ามเลขาฯ ปีนต้นไม้ครับ ไม่ต้องกังวล”

            “ค่า” ตกลงเขาโทร. มาทำไมเนี่ย ไม่เห็นเข้าเรื่องสักที

            ราวกับภานุรุจได้ยินเสียงความคิดเพลงขวัญเมื่อเขาเอ่ยต่อว่า

“ผมโทร. มาแสดงความยินดีด้วย แล้วก็...หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง เจอกันวันจันทร์นะ” เจ้านายของเธอพูดจบก็วางสายไปทันที

“เอ้า” สาวร่างเล็กนิ่วหน้า อะไรของเขา โทร. มาแค่เนี้ย ชอบทำให้งงทุกทีเลย แต่ช่างเถอะ คงเป็นสไตล์ของคุณชายเย็นชาละมั้ง หน้าที่ของเลขาฯ อย่างเธอก็คือต้องเรียนรู้นิสัยใจคอของเจ้านายว่าเป็นคนยังไง ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง เพื่อจะได้ทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่น และเธอก็จะแสดงความสามารถที่มีให้ภานุรุจเห็น เพื่อลบภาพลักษณ์เรื้อนๆ ที่ญี่ปุ่นออกจากความทรงจำของเขาให้ได้!

 

วันจันทร์ เพลงขวัญตื่นขึ้นมาตักบาตรกับยายตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยสำหรับการทำงานวันแรก จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่ยายตัดให้ และลงมากินอาหารเช้าเบาๆ อย่างโจ๊กหมูใส่ไข่ในห้องนั่งเล่นกับท่าน ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็จัดการกับโจ๊กแสนอร่อยหมดถ้วย

            “เอาวางไว้นี่แหละ เดี๋ยวยายล้างเอง” ผู้อาวุโสบอกด้วยน้ำเสียงอารี

            “ไม่เป็นไรค่ะ หนูล้างแป๊บเดียว” เพลงขวัญลุกขึ้นพร้อมชามเซรามิกลายคิตตี้สีแดงในมือ

ตอนนี้สาวร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยสูทแขนยาวและกระโปรงสั้นสีน้ำเงินคัตติงทันสมัย ซึ่งส่งให้เธอดูเป็นเวิร์กกิงวูแมนยุคใหม่ที่ทั้งคล่องแคล่วและมั่นใจในตัวเอง

หญิงสาวเดินเข้าไปล้างชามในครัวไม่ถึงสามนาทีก็กลับออกมา

“มานั่งตรงนี้สิ ยายจะให้พร” ยายทองมองหลานสาวด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

เพลงขวัญย่อตัวลงคลานเข่าเข้าไปหาท่านด้วยท่าทีสำรวม ก่อนจะพนมมือขึ้น

“ทำงานวันแรกขอให้ทุกอย่างราบรื่น เจ้านายเอ็นดู เพื่อนร่วมงานรักใคร่ ไม่มีคนคิดร้าย ขออย่าให้มีอุปสรรคใดๆ มากล้ำกรายนะลูก”

“สาธุ” หญิงสาวยกมือที่ประนมขึ้นจดหน้าผาก รู้สึกมีกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง

“เดี๋ยวยายจะทำกับข้าวไว้รอตอนเย็นนะ” หญิงชรามองหลานสาวอย่างภูมิใจ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเพลงขวัญเป็นเด็กดี กตัญญูรู้คุณ ไม่เคยสร้างเรื่องวุ่นวายให้ท่านต้องปวดหัวเลย

“ค่า เลิกงานแล้วหนูจะรีบกลับบ้านนะคะ” สาวหน้าหวานเอ่ยน้ำเสียงสดใส ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสีครีมบนโต๊ะกินข้าวมาสะพาย ก่อนจะออกจากบ้าน และมุ่งหน้าไปยังตึกเดอะ ซันกรุ๊ป ซึ่งเป็นที่ทำงานใหม่ของตัวเอง

เมื่อมาถึงแล้ว เพลงขวัญก็ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่แผนกบุคคลเป็นอันดับแรก เพื่อเซ็นสัญญาเข้าทำงาน รับทราบกฎระเบียบและข้อตกลงต่างๆ ของบริษัท จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเธอไปแนะนำตัวกับทุกแผนก และเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ในตึก กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี

จากนั้นในช่วงบ่าย นาถลดา เลขาฯ ของประธานบริษัทก็มาพูดคุยเกี่ยวกับหน้าที่ที่เธอต้องทำ ด้วยความที่เพลงขวัญเคยเป็นเลขาฯ มาแล้วสามปี จึงทำให้เข้าใจการทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีบางอย่างที่หญิงสาวต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเช่นกัน

ตลอดทั้งอาทิตย์นั้น เพลงขวัญได้รับการเทรนอย่างเข้มข้นจากนาถลดา จนกระทั่งวันจันทร์ต่อมา เธอจึงได้เริ่มทำหน้าที่เลขาฯ ของภานุรุจอย่างเป็นทางการ

หญิงสาวมาถึงที่ทำงานก่อนเริ่มงานสามสิบนาที เพราะการมาก่อนและกลับหลังเจ้านายนั้นเป็นคุณสมบัติของเลขาฯ ที่ดี เมื่อภานุรุจมาถึง เธอก็เข้าไปในห้องทำงานของเขาทันที

“ท่านรองจะรับเครื่องดื่มอะไรไหมคะ”

“ขอชาเขียวร้อนไม่ใส่น้ำตาลครับ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้เนื้อดีบอกเสียงขรึม

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

ระหว่างรอเครื่องดื่ม ภานุรุจก็เปิดคอมพิวเตอร์และเช็กอีเมลไปพลาง จนกระทั่งเพลงขวัญกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

“เดี๋ยวช่วยสรุปตารางงานของวันนี้ให้ผมด้วยนะครับ” เขาละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และหันมามองเธอ

จริงๆ แล้วภานุรุจสามารถเปิดดูได้เองจากแอปพลิเคชันปฏิทินในโทรศัพท์มือถือ เพราะเพลงขวัญจะลงตารางงานและตารางนัดหมายทั้งหมดเอาไว้ในนั้น โดยเลือกดูได้ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน แต่ชายหนุ่มก็ยังอยากให้เลขาฯ สาวสรุปให้ฟังอีกครั้ง เพื่อเป็นการวอร์มอัปสมองก่อนเริ่มต้นทำงาน

เพลงขวัญรู้หน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว เธอนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา และหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันปฏิทินที่เชื่อมต่อระหว่างเครื่องของเธอกับเครื่องของเขา จากนั้นก็แจ้งกำหนดการของวันนี้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจน

“วันนี้ท่านรองมีประชุมกรรมการบริษัทตอนสิบโมงเช้าค่ะ ส่วนตารางในช่วงบ่าย ตอนบ่ายสองโมง...มีประชุมกับฝ่ายการตลาด และสี่โมงเย็นคุณจิรายุจะเข้ามาพบที่นี่ค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ภานุรุจพยักหน้าเบาๆ ก่อนถาม “คุณนาถบอกแล้วใช่ไหมครับ ว่าอีกสามเดือนข้างหน้าผมจะขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัทแทนคุณพ่อ”

“ใช่ค่ะ ดิฉันพร้อมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้สุดความสามารถเช่นกันค่ะ” ตอนที่รู้เรื่อง เพลงขวัญทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจระคนกัน เพราะจากตำแหน่งเลขาฯ รองประธาน จู่ๆ เธอก็จะได้เลื่อนเป็นเลขาฯ ของประธานบริษัทแบบไม่ได้ตั้งตัว การได้รับเลือกให้ทำหน้าที่นี้ทำให้หญิงสาวยิ่งมั่นใจในศักยภาพของตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะถ้าเธอไม่เก่ง ภานุรุจก็คงไม่ไว้วางใจให้มาเป็นผู้ช่วยของเขา

“นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ แต่ผมจะไม่เชื่อ จนกว่าจะเห็นผลงาน”

“ท่านรองอยากให้ดิฉันทำอะไร มอบหมายมาได้เลยค่ะ”

“หลังจากผมขึ้นรับตำแหน่งแล้ว ทางเราจะจัดงานเลี้ยงภายใน โดยเชิญผู้ถือหุ้นทั้งหมดอย่างน้อยหนึ่งพันคนมาร่วมงาน เพื่อแถลงนโยบายและทิศทางของบริษัทในครึ่งปีหลัง คุณช่วยรับผิดชอบเรื่องการจัดงานทั้งหมดด้วยนะครับ”

จุดมุ่งหมายของงานนี้คือการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น ภานุรุจต้องการให้ทุกคนมั่นใจว่า แม้พ่อของเขาจะไม่ได้เป็นคนกุมบังเหียนเดอะ ซันกรุ๊ปแล้ว แต่บริษัทก็จะยังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงภายใต้การดำเนินงานของเขา

            “ได้ค่ะ ดิฉันจะเริ่มวางแผนวันนี้เลย” แม้จะเป็นงานช้าง แต่เพลงขวัญก็ไม่หวั่น เพราะเธอสวย เธอเก่ง เธอแข็งแกร่ง เธอทำได้!

            “ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาถามผมได้นะครับ” ภานุรุจไม่ได้ต้องการเลขาฯ ที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องการคนที่ไม่มีอีโก้ เปิดใจรับฟังคนอื่น ยอมรับข้อผิดพลาดและพร้อมจะแก้ไขให้ดีขึ้น ที่สำคัญต้องหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกเพลงขวัญ เพราะหญิงสาวมีคุณสมบัติที่ว่ามานี้

            “ค่ะ ยังไงรบกวนท่านรองล่วงหน้าเลยนะคะ” เลขาฯ สาวค้อมศีรษะ

            “ตอนเที่ยงคุณจะไปกินข้าวที่ไหน” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “เอ่อ...ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ น่าจะร้านแถวๆ ออฟฟิศนี่ละค่ะ” เท่าที่ไปเซอร์เวย์มา ในซอยข้างๆ บริษัทมีร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน วันนี้เธอวางแผนว่าจะไปกินข้าวขาหมูและน้ำผลไม้ปั่นเย็นๆ สักแก้ว

            “ถ้างั้นไปกินข้าวกับผมก็แล้วกัน” คนตัวโตสรุปง่ายๆ ดวงตาคมกริบที่มองมาเป็นประกายลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

            “คะ?” เพลงขวัญขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันอย่างงุนงง

            “มีนัดแล้วเหรอ”

            “เปล่าค่ะ แต่ดิฉันเกรงใจ”

            “มันเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ไม่ต้องเกรงใจ”

            เมื่อเจ้านายบอกอย่างนั้น แล้วเลขาฯ อย่างเธอจะขัดใจได้ยังไงล่ะ “โอเคค่ะ”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น