6

บทที่ 6 ของขวัญ


6

ของขวัญ

แม้ว่านาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังจะบอกเวลาหกโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่เพลงขวัญก็ยังนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งภานุรุจเปิดประตูออกมาจากห้องทำงาน

            “อ้าว ยังไม่กลับอีกเหรอครับ” รองประธานหนุ่มพลิกข้อมือดูนาฬิกา พบว่าเลยเวลาเลิกงานมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

            “ยังค่ะ เผื่อท่านรองเรียก” เลขาฯ สาวยังยิ้มสดใส แม้จะลุยงานมาตั้งแต่เช้า

            “ปกติถ้าไม่มีงานด่วน คุณกลับตามเวลาได้เลยครับ ถ้าวันไหนต้องอยู่หลังหกโมงเย็น ผมจะบอกคุณเอง” อีกฝ่ายบอกน้ำเสียงนุ่มนวล

            “โอเคค่ะ”

“โอเคก็เก็บของกลับบ้านได้แล้วครับ”

            เพลงขวัญยิ้มกว้าง “ค่า ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้เจ้านายหนุ่ม

            ภานุรุจพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

เพลงขวัญจัดการเซฟไฟล์งานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์และถอดปลั๊ก จากนั้นก็นำแฟ้มเอกสารที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะไปเก็บไว้ในตู้ลิ้นชักด้านหลัง ล็อกกุญแจเสร็จแล้วจึงหยิบสมุดโน้ต ดินสอ และโทรศัพท์มือถือใส่ลงในกระเป๋าสะพายสีครีม

            เธอก้มลงเช็กปลั๊กไฟอีกที เมื่อแน่ใจว่าถอดปลั๊กเรียบร้อยแล้วจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินไปยังลิฟต์ด้วยใบหน้าระบายยิ้มอิ่มเอม

            แม้การเจอกันครั้งแรกของภานุรุจกับเธอจะไม่น่าประทับใจนัก แต่ตอนนี้เมื่อต้องมาทำงานร่วมกันในฐานะเจ้านายกับเลขาฯ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้สนใจเรื่องในอดีตอีกแล้ว นั่นทำให้การทำงานด้วยกันวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่น

“อ้าว ท่านรองยังไม่ลงไปอีกเหรอคะ” ดวงตากลมโตฉายแววประหลาดใจ เมื่อเห็นเจ้าของร่างสูงสง่ายังยืนอยู่ที่โถงลิฟต์

            “คุณอุตส่าห์รอผม จะให้ไปก่อนได้ยังไง” ภานุรุจยื่นมือไปกดลิฟต์ผู้บริหาร

            “ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ” หญิงสาวค้อมตัวอย่างสุภาพ ในขณะที่กำลังจะกดลิฟต์ของพนักงาน เสียงทุ้มลึกก็ดังขึ้น

            “ลงไปด้วยกันก็ได้ครับ จะได้ไม่เปลืองไฟ”

            “ขอบคุณค่ะ” เพลงขวัญค้อมตัวอีกรอบ ‘เจ้านายเราจะใจดีไปไหนเนี่ย’

            ติ๊ง!

            เสียงสัญญาณดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก ภานุรุจผายมือให้เพลงขวัญเข้าไปก่อน จากนั้นเขาจึงเดินตามเข้ามายืนข้างๆ กัน

            เมื่อยืนใกล้ชิดกันอย่างนี้ ยิ่งมองเห็นได้ชัดว่าส่วนสูงของเธอกับภานุรุจต่างกันมาก เพราะเพลงขวัญสูงแค่ระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น

            ส่วนสูงของเธอรวมรองเท้าส้นสูงคือหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ดังนั้นรองประธานหนุ่มจึงไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรแน่นอน

            ‘ประตูลิฟต์กำลังจะปิด The doors are closing’

            เสียงเตือนอัตโนมัติดังขึ้น ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเลื่อนเข้าหากัน

            ตึ้กตั้ก...ตึ้กตั้ก...

            ความเงียบภายในลิฟต์ทำให้เพลงขวัญได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นอย่างชัดเจน ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกประหม่าด้วย หญิงสาวประสานมือไว้ข้างหน้า และสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ตอนนั้นเองที่ได้กลิ่นหอมเย้ายวนใจ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาจากตัวท่านรอง

            กลิ่นกายหอมกรุ่นนั้นทำให้หัวใจของเพลงขวัญเต้นเร็วขึ้นอีกหนึ่งจังหวะ แต่เธอไม่ได้คิดเกินเลยกับท่านรองเลยนะ ใจมันเต้นไปเอง เวลาขึ้นลิฟต์กับเพศตรงข้ามสองต่อสอง ใครๆ ก็ต้องตื่นเต้นแบบนี้ปะ มันเป็นเรื่องปกติมาก

            เลขาฯ สาวพยายามควบคุมสติที่ถูกรบกวนจากกลิ่นกายหอมแสนมีเสน่ห์ของเจ้านาย จดจ่อสายตาไว้ที่หน้าจอดิจิทัลในลิฟต์และนับถอยหลังในใจ

            สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง...

            ติ๊ง!

            ในที่สุดประตูลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นจี ภานุรุจผายมืออย่างสุภาพ “เชิญครับ”

            “ขอบคุณค่ะ” เพลงขวัญค้อมศีรษะและเดินออกมาก่อนเขา

            จากนั้นคนตัวโตก็เดินตามออกมาและถาม “คุณกลับบ้านยังไงครับ”

            “รถไฟฟ้าค่ะ สะดวกที่สุดแล้ว”...‘อย่าบอกนะว่าจะไปส่งเรา’

            รองประธานหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนบอก “ถ้างั้นกลับบ้านดีๆ นะครับ เจอกันพรุ่งนี้”

ภานุรุจพูดจบก็เดินไปรับกุญแจรถจากคนขับรถที่นำเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี สามร้อยคาบริโอเลตสีขาวของเขามาจอดรอไว้ที่หน้าตึกแล้ว

            เพลงขวัญมองตามร่างสูงโปร่งไปแล้วก็ส่ายหน้าขำตัวเอง ‘ไอ้บ้า ใครเขาจะไปส่งแก นั่นเจ้านาย ไม่ใช่แฟนไหม โน่น รถไฟฟ้ารอแกอยู่ มีคนขับให้เหมือนกัน เสียอย่างเดียวไม่มีเบาะนุ่มๆ ให้นั่งเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอลงรถไฟฟ้าก็มีผู้ชายมารอรับไปส่งถึงประตูหน้าบ้านแล้ว’

 

“ขอบคุณค่ะพี่” เพลงขวัญยื่นธนบัตรฉบับละยี่สิบบาทให้มอเตอร์ไซค์วินหนุ่มหนึ่งใบ

นี่ละคือผู้ชายที่รอรับเธออยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าสถานีสะพานควายและพามาส่งที่บ้านทุกวัน

หญิงสาวไขกุญแจเปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าไปในบ้าน และพบว่ายายกำลังนอนรอดูละครหลังข่าวอยู่บนเปลหวายในห้องนั่งเล่นนั่นเอง

            “หวัดดีค่า” เธอยกมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อม

            “ยายผัดคะน้าหมูกรอบไว้ให้แล้วนะลูก ไปหามากินได้เลย” หญิงชราบอกน้ำเสียงอารี

            “กำลังหิวพอดีเลยค่ะ” เพลงขวัญยิ้มหน้าบาน ก่อนจะรีบวางกระเป๋าสะพายลงบนโซฟา และวิ่งตื๋อเข้าไปในครัวหลังบ้าน ไม่นานก็กลับมาพร้อมจานผัดคะน้าหมูกรอบราดข้าว

“ขอบคุณมากนะคะยาย” สาวร่างเล็กเอ่ยน้ำเสียงสดใส แล้วนั่งลงบนโต๊ะกินข้าวที่ตั้งเยื้องกับโทรทัศน์

พื้นที่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นมีอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ที่ยายใช้ทำมาหากินมาตั้งแต่สมัยยังสาว ไม่ว่าจะเป็นจักรเย็บผ้า ม้วนผ้า หุ่นโชว์ และอื่นๆ

            “จ้า ทำงานมาเหนื่อยๆ กินเยอะๆ นะ จะได้มีพลัง”

            “หนูจะเบิลสองจานเลยค่ะ” ผู้เป็นหลานสาวยิ้มจนตาหยี

            “ระวังชุดปรินะจ๊ะคุณเลขาฯ” ยายทองเย้าอย่างอารมณ์ดี

            “ยายอ้ะ” เพลงขวัญทำหน้ายู่ ก่อนจะยิ้มตาพราวในวินาทีต่อมา “แต่ไม่เป็นไรหรอก น้ำหนักขึ้นเพราะกับข้าวอร่อยๆ หนูว่าคุ้มนะ หนูไม่เคยเสียดายพื้นที่กระเพาะเลยเวลากินอาหารที่ยายทำ เพราะมันอร่อยมากกก”

            ผู้อาวุโสรู้สึกเบิกบานในหัวใจอย่างมากมายเมื่อได้รับคำชมจากหลานสาว “แล้วทำงานกับเจ้านายวันแรกเป็นยังไงบ้าง”

            “หูยยย เจ้านายหนูใจดีสุดๆ เลยค่ะ ตอนแรกหนูคิดว่าเขาจะดุ แต่ไม่เลย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม

            “แค่วันแรกก็รู้แล้วรึ”

            “รู้แล้วค่ะ อืม แต่ก็ไม่แน่แหละ เพราะยังไม่เคยเจอโหมดเครียดของเขา แต่จะมาโหมดไหนก็มาเถอะ หนูรับมือได้หมดอยู่แล้ว เพราะหนูเก่ง”

            “ชมตัวเองแบบนี้ก็ได้เหรอ” ยายหัวเราะร่วน

            “ได้สิคะ” เพลงขวัญตอบอย่างมั่นใจ

            “จ้า ที่สุดในย่านสะพานควาย ไม่มีใครเก่งเท่าหลานยายทองอีกแล้ว”

            “รู้เลยว่าทำไมหนูหลงตัวเองขนาดนี้” สาวหน้าหวานหัวเราะคิก

            “ยายพูดจริงๆ นี่นา”

            “หนูเก่งเหมือนยายนั่นแหละ”

            สองยายหลานชมกันไปชมกันมา

“วันนี้ละครเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวชวนท่านคุยไปเรื่อยระหว่างกินข้าว

            “จำชื่อไม่ได้ แต่พระเอกกับนางเอกเป็นเจ้านายเลขาฯ กัน นางเอกมันหลงรักเจ้านาย ตอนที่แล้วพระเอกมันบังเอิญได้ยินนางเอกคุยกับเพื่อนว่าตกหลุมรักเจ้านายตัวเอง แต่มันไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะว่าจะลำบากใจเวลาทำงาน เนี่ย วันนี้ลุ้นสุดๆ เลยว่าพระเอกรู้แล้วจะเป็นยังไงต่อ” แฟนละครหลังข่าวภาคค่ำตัวยงเล่าอย่างเมามัน

            “ในละครมันก็จิ้นอยู่นะคะ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงหนูว่าคนเป็นเลขาฯ คงลำบากใจน่าดู ดันไปหลงรักเจ้านายตัวเองซะงั้น” เพลงขวัญนิ่วหน้า

            “ถ้าเจ้านายก็ชอบเลขาฯ เหมือนกัน มันก็ไม่เป็นปัญหาตรงไหนนะยายว่า”

            “หนูว่าเรื่องจิ้นๆ ฟินๆ ระหว่างเจ้านายกับเลขาฯ มันก็มีแค่ในนิยายกับละครเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าชีวิตจริงคงมีแต่คนเมาท์”

เรื่องทำนองนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับเธอแน่นอน แม้ว่าภานุรุจจะหล่อออร่าพุ่งแค่ไหน แต่เขาเป็นเจ้านาย เธอเป็นลูกน้อง สมภารไม่ควรกินไก่วัดฉันใด ไก่วัดก็ไม่ควรคิดจะกินสมภารฉันนั้น!

 

เพลงขวัญมาถึงที่ทำงานก่อนเวลาสามสิบนาทีเช่นเคยในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อภานุรุจเดินทางมาถึง หญิงสาวก็เข้าไปเสิร์ฟเครื่องดื่มพร้อมทั้งสรุปตารางงานประจำวันนี้ให้เขาทราบ

            “ช่วงเช้าท่านรองไม่มีนัดอะไรค่ะ ส่วนช่วงบ่าย ตอนบ่ายโมงครึ่งมีประชุมกับฝ่ายผลิตรายการ และบ่ายสามโมงประชุมกับฝ่ายผลิตละครค่ะ”

            “ขอบคุณครับ อ้อ ตอนเย็นผมต้องไปงานวันเกิดเพื่อน แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะซื้อของขวัญอะไรดี คุณช่วยคิดหน่อยสิครับ”

            “เพื่อนของท่านรองเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคะ”

            “ผู้หญิงครับ” ชายหนุ่มให้ข้อมูลเพิ่มเติม

            เพื่อนผู้หญิงงั้นเหรอ ใช่คนพิเศษหรือเปล่าน้า...เพลงขวัญแอบจิ้น

“ปกติของขวัญวันเกิดที่ผู้หญิงอยากได้ก็จะมีเครื่องประดับ น้ำหอม เครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ตุ๊กตา อะไรแนวๆ นี้ค่ะ”

            ภานุรุจยกมือขึ้นมากอดอกและขมวดคิ้วหนาเข้าหากันอย่างตัดสินใจไม่ถูก “อืม...คุณคิดว่าอะไรดีครับ”

            ถ้าถามเธอ เธอก็จะตอบทันทีว่า...‘เงินค่ะ ส่วนของเดี๋ยวไปซื้อเอง’ แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ เพลงขวัญจึงตอบว่า “น้ำหอมดีไหมคะ”

“ก็ได้ครับ เพื่อนผมน่าจะชอบ ยังไงฝากคุณช่วยจัดการด้วยนะ ผมมีงบให้ห้าหมื่น ขอบคุณล่วงหน้าครับ”

            ‘อื้อหือ ห้าหมื่นเลยเหรอ สายเปย์สุดๆ อิจฉาเพื่อนของท่านรองจัง ชาตินี้จะมีผู้ชายมาเปย์เราแบบนี้บ้างไหมน้า ถ้ามีละก็ เพลงขวัญจะเลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียวเลยค่ะ!’

            “รับทราบค่ะ” เลขาฯ สาวเอ่ยเสียงฉะฉาน เธอพร้อมทำทุกอย่างที่เจ้านายต้องการ ‘อยากได้อะไร สั่งมาเลยค่า เดี๋ยวเพลงขวัญจัดให้’

“ท่านรองมีงานอะไรจะมอบหมายให้ดิฉันทำอีกไหมคะ”

            “ไม่มีแล้วครับ คุณมีงานอะไรก็ไปทำได้เลย”

            “มีเอกสารรอให้ท่านรองเซ็นเพียบเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มละไม

            “งั้นเอาเข้ามาได้เลยครับ”

            “รอสักครู่นะคะ” เพลงขวัญลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปเอาแฟ้มเอกสารที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็กลับเข้ามา “แฟ้มนี้ขอก่อนสิบโมงค่ะ ส่วนอีกสองแฟ้มภายในวันนี้กี่โมงก็ได้” หญิงสาวติดโพสต์-อิตไว้บนปกแฟ้มเพื่อความชัดเจนแล้ว

            “ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมกดอินเตอร์คอมบอก”

            “แล้วก็...นี่ผ้าเช็ดหน้าของท่านรองค่ะ” เพลงขวัญวางถุงกระดาษใบเล็กที่ข้างในมีผ้าเช็ดหน้าของเขาลงบนโต๊ะ “ดิฉันซักสองรอบ แช่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย รับรองว่าสะอาดหมดจดและหอมเหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณท่านรองมากนะคะที่ให้ยืม”

            “ยินดีครับ” รอยยิ้มละไมปรากฏขึ้นที่มุมปากของคนตัวโต

            เพลงขวัญยิ้มตอบ ก่อนจะออกมานั่งประจำโต๊ะหน้าห้อง และทำงานมากมายที่รออยู่ ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา เสียงอินเตอร์คอมก็ดังขึ้น

            “แฟ้มแรกเสร็จแล้วครับ”

            “ค่า ดิฉันจะเข้าไปรับเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” หญิงสาวคลิกเมาส์เซฟงานและล็อกหน้าจอคอมพิวเตอร์เอาไว้เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลขณะไม่อยู่ที่โต๊ะ แม้จะไปไม่นาน แต่เธอก็ไม่อยากประมาท

            ก๊อกๆๆ

            “ขออนุญาตค่ะ”

            “เชิญครับ”

            เมื่อได้ยินเสียงขรึมตอบกลับมา เพลงขวัญก็ผลักประตูเดินเข้าไปรับแฟ้มที่โต๊ะของเขา จากนั้นจึงโทร. แจ้งให้ฝ่ายต่างๆ มารับเอกสารกลับไปได้

            ช่วงพักกลางวัน หญิงสาวออกไปกินข้าวกับเจ้านายหนุ่มเช่นเดิม วันนี้เธอลองสั่งเมนูใหม่ๆ บ้าง เพราะถึงจะรู้แล้วว่าในบรรดาเมนูเมื่อวานนี้เขาชอบปีกไก่น้ำแดงมากที่สุด แต่ก็คงไม่ดีหากจะสั่งแต่เมนูเดิมๆ ทุกวัน

เพลงขวัญตั้งใจว่าอีกสามวันที่เหลือจะสั่งอาหารไม่ซ้ำกันเลย เพื่อสังเกตและเก็บข้อมูลว่าภานุรุจชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง จากนั้นก็จะนำมาจัดลำดับเมนูโปรดของชายหนุ่มจากมากไปหาน้อย ในอนาคตเวลาเขามอบหมายให้สั่งอาหารให้ เธอจะได้มั่นใจว่าอาหารที่สั่งถูกปากท่านรองแน่นอน และจะนำข้อมูลที่มีมาสั่งอาหารหมุนเวียนกันไปในแต่ละครั้งเพื่อความไม่จำเจ

หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว เจ้านายหนุ่มและเลขาฯ สาวก็มุ่งหน้ากลับบริษัทเพื่อทำงานต่อในช่วงบ่ายทันที ระหว่างทางภานุรุจหันไปมองเพลงขวัญที่กำลังนั่งเขียนอะไรยุกยิกลงในสมุดโน้ตอยู่และบอกเสียงเรียบ

            “พรุ่งนี้เช้าคุณพ่อผมจะเข้ามาประชุมที่บริษัท เดี๋ยวผมจะพาคุณไปแนะนำตัวกับท่านนะครับ”

แม้จะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ภานุรุจก็รับผิดชอบงานแทนพ่อเกือบทั้งหมดแล้ว สามเดือนต่อจากนี้ พ่อจะเริ่มวางมือ โดยท่านจะเข้ามาที่บริษัทเวลามีประชุมสำคัญเท่านั้น ส่วนเอกสารต่างๆ ที่ต้องเซ็น เลขาฯ ของท่านก็จะให้เมสเซนเจอร์นำไปส่งที่บ้านแทน

            “ค่ะท่านรอง” เพลงขวัญเอ่ยน้ำเสียงกระตือรือร้น ดวงตากลมโตทอประกายตื่นเต้นที่จะได้เจอประธานบริษัทอย่าง อาทิตย์ ทีปกรนฤนาถ นักธุรกิจแถวหน้าของประเทศไทย ซึ่งเธอได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน และเห็นรูปตามสื่อบ่อยๆ แต่ไม่เคยเจอตัวจริงของท่านสักครั้ง

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น