7

 

ว่าที่ลูกเขยร้านทอง

 

คนหนึ่งไม่คิดห่วงหา ในขณะที่อีกคนสุดแสนจะเสน่หา...

ลดานั่งเท้าคางมองต้นแคคตัสบนโต๊ะทำงานด้วยสายตาเคลิ้มฝัน รอยยิ้มหวานเชื่อมยิ่งกว่าขนมทองหยอดปรากฏบนใบหน้า

มันคงจะเป็นต้นไม้วิเศษที่สามารถดลบันดาลความสุขใจให้คนมองได้กระมัง ขนาดเมื่อวานเธอกลับถึงบ้านและถูกปะป๊ากับหม่าม้าบ่นว่า เทศนาจนหูทั้งสองข้างของเธอแทบชาเรื่องที่เธอออกจากบ้านไปเมื่อเย็นวันเสาร์โดยไม่บอกกล่าว เธอก็ยังมีความสุขอยู่ดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนก่อน ที่มาของเจ้าแคคตัสน้อย

“พี่ดา”

“...”

“พี่ดา!”

“โอ๊ย! แกจะเรียกเสียงดังทำไมวะไอ้แกน ฉันตกใจหมด” สาวหมวยหันไปโวยใส่หนุ่มรุ่นน้องผู้เป็นเพื่อนร่วมงาน

“ก็ผมเห็นพี่นั่งยิ้มคนเดียวเหมือนเมากัญชา คนอื่นเขาจะกลับบ้านกันหมดแล้วนะ พี่ยังไม่กลับอีกเหรอ” หนุ่มผมบลอนด์ปั้นยิ้มทะเล้นใส่เพื่อนรุ่นพี่ บุ้ยปากไปทางพนักงานฝ่ายผลิตคนอื่นๆ ที่ทยอยเดินออกจากร้าน Big Shop กันแล้วเมื่อนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงครึ่ง

“ยังอะ ว่าจะแก้งานต่ออีกแป๊บนึง” ลดาส่ายหน้า ยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นมาดูด

“หืม” แกนเลิกคิ้ว เอียงคอมองเธอด้วยสีหน้าตื่นตะลึง

“ปกติเวลามีงานให้ต้องแก้พี่จะไม่มีความสุขแบบนี้นะ หรือพี่จะสูบกัญชาเข้าไปจริงๆ”

“กัญชาพ่อแกดิ!” สาวหมวยเท้าเอวจ้องหน้าคนกวนประสาทตอบ

“โธ่ หยอกๆ น่า โมโหเป็นหมีควายเลย” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ

“ไอ้...” 

ลดาหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก ยอมกลืนสัตว์เลื้อยคลานลงคอไปอย่างฝืนๆ เธอจะไม่ยอมอารมณ์เสียไปกับเรื่องไร้สาระในขณะที่กำลังมีความสุขกับห้วงอารมณ์ความรักเด็ดขาด

“เดี๋ยวอยู่รอปิดร้านเป็นเพื่อน พี่ดาแก้งานไปเถอะ” ร่างผอมสูงในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสามส่วนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา อันเป็นที่ประจำของเฮียบิ๊ก

“ไม่ได้ขอให้อยู่เป็นเพื่อนสักหน่อย กลับบ้านไปไป มีแกนั่งอยู่ทำฉันเสียสมาธิเปล่าๆ” หญิงสาวโบกมือไล่ ก่อนจะหยิบแว่นกรองแสงมาสวมแล้วกลับมาจดจ่อกับงานบนจอคอมพิวเตอร์ต่อ

แกนไม่สนใจที่ถูกไล่ เขาหยิบสมาร์ตโฟนมาไถเล่นพลางชวนคุย

“วันนี้เฮียบิ๊กไม่ได้เข้าร้านอีกแล้วเหรอ ผมไม่เห็นเลย”

“มาตอนกลางวันแป๊บนึง แล้วก็ไป”

“เฮียบิ๊กหายหน้าหายตายิ่งกว่าเมื่อก่อนอีกเนอะ ทุกวันนี้พี่ดาแทบจะเป็นเจ้าของร้านให้แทนอยู่ละ”

“เฮียบิ๊กเขาเพิ่งมีแฟนก็เลยติดแฟนน่ะ” 

ลูกน้องผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้านายที่สุดเปิดเผยข้อมูลไม่ลับ แต่แค่ลูกน้องฝ่ายผลิตคนอื่นๆ ไม่รู้ เพราะไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้านายผู้หายตัวไวยิ่งกว่าเดอะแฟลช

“แต่จะเข้าหรือไม่เข้าก็มีค่าเท่ากัน ดีเสียอีกที่หายๆ ไปบ้าง เข้ามาทีสุขภาพจิตฉันพังยับ” 

“ฮ่าๆ ส่วนผมโชคดีที่ไม่ค่อยโดน” แกนหัวเราะในลำคอ ส่วนใหญ่คนที่จะโดนเฮียบิ๊กวิพากษ์วิจารณ์รูปร่าง การแต่งตัวต่างๆ นานาล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น เขาเป็นผู้ชายเลยรอดตัวไป แต่ก็เคยโดนอีกฝ่ายเหยียดสีผิวว่า ‘ดำเหมือนถ่าน’

“ไม่รู้ว่าแฟนเฮียบิ๊กต้องเจออะไรเหมือนลูกน้องผู้หญิงในร้านเรามั้ย แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าเป็นคนที่เฮียบิ๊กรักเสียอย่าง คงไม่กล้าวิจารณ์อะไรไม่ดีใส่”

“ความรักทำให้คนตาบอด ทำนองนั้นเหรอ”

“อาจใช่มั้ง เราจะมองเห็นคนที่เรารักสวยงามดีงามทุกอย่าง แทบมองไม่เห็นข้อเสียของเขาเลย เขาทำอะไรก็ดูดีไปหมด” 

ลดาพูดไปก็กระหวัดนึกถึงอธิษฐ์ ผู้ชายที่เธอเฝ้าปรารถนามาแปดปี เธอมองเห็นแต่สิ่งดีๆ ของเขา แม้สิ่งดีๆ เหล่านั้นเป็นเพียงเปลือกนอกก็ตาม ต่อให้บุคลิกนิสัยของเขาจะเย็นชาและใจร้ายในบางครั้ง เธอก็เลือกที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปอย่างง่ายดาย

“แบบนั้นมันคืออารมณ์หลงป้ะพี่ดา สักพักเดี๋ยวมันก็จืดจาง” ชายหนุ่มแย้ง

“รักกับหลงมันก็คือๆ กันนั่นแหละน่า”

“ไม่เหมือนนะพี่ ความรักก็คือ...” 

“โอ๊ย ช่างมันเถอะ แกเลิกชวนฉันคุยแป๊บนึง ฉันทำงานผิดอีกแล้วเนี่ย” ลดาเกาศีรษะจนทรงผมหางม้ายุ่งเหยิง ขมวดคิ้วเพ่งหน้าจอพร้อมกับเคาะปลายนิ้วรัวเร็วลงบนแป้นพิมพ์

แกนเห็นดังนั้นก็ยอมสงบปากสงบคำอยู่เงียบๆ จบบทสนทนาหัวข้อนินทาเจ้านายกับความรักไว้แต่เพียงเท่านั้น ก้มหน้าเล่นสมาร์ตโฟนรอจนกระทั่งสาวรุ่นพี่ทำงานเสร็จจึงไปช่วยเธอปิดร้าน 

หลังจากปิดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลดากับแกนก็ยังไม่ได้แยกย้ายกลับบ้านในทันที ทั้งสองเดินไปรับประทานกวยจั๊บหมูกรอบที่ร้านใกล้ๆ ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่แห่งหนึ่งในชุมชนเยาวราช

ขณะกำลังก้มหน้าก้มตารับประทานกวยจั๊บด้วยความเอร็ดอร่อย เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนของลดาที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดูก็แทบจะสำลักเส้นกวยจั๊บออกมาทางจมูกเพราะความตื่นเต้น

‘พี่ไอซ์ที่รัก’ ชื่อพร้อมเบอร์ของอธิษฐ์ที่เธอเพิ่งเมมเมื่อวานปรากฏบนหน้าจอ

“ฮัลโหลพี่ไอซ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ” คนคลั่งรักพยายามบังคับเส้นเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นหลังจากกดรับสาย

“มีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย ตอนนี้อยู่ไหน”

“ดาทานข้าวกับเพื่อนอยู่ที่เยาวราชค่ะ”

“แชร์โลเกชันมา”

“อะ...อ๋อ ได้สิคะ เดี๋ยวดาแชร์ไปให้”

“แค่นี้นะ” ปลายสายกล่าวตัดบทแล้วจึงตัดสายไป

“ใครเหรอพี่ดา” 

แกนช้อนสายตามองอย่างใคร่รู้ขณะซดน้ำกวยจั๊บ ตอนนี้หน้าของเพื่อนรุ่นพี่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบ 

“ว่าที่แฟนฉัน”

“หา! ว่าที่แฟนพี่ดา!”

“ใช่” ลดายักคิ้ว

“คนคุยๆ กันน่ะเหรอ โอ้ พี่ดาก็มีความรักกับเขาด้วย” ชายหนุ่มแสร้งทำทีตกอกตกใจ แต่ก็ตกใจจริงๆ ที่เพื่อนรุ่นพี่ของเขาคนนี้ที่ตรากตรำทำงานงกๆ เกิดมีความรักขึ้นมา

“ทำไม หน้าตาอย่างฉันมันดูไม่มีใครเอาเหรอ”

“ก็...”

“แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะ เพราะอีกเดี๋ยวว่าที่แฟนของฉันก็จะมารับแล้ว แกก็จะได้เห็นเป็นบุญตา” ลดารีบคุยโวใส่คนตรงหน้า ไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าหากเรื่องของเธอกับอธิษฐ์เป็นไปไม่ได้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“สาธุ” แกนยกมือประนมท่วมศีรษะ 

“เชอะ”

สองหนุ่มสาวเลิกถกเถียงกันชั่วคราว ก้มหน้าก้มตารับประทานกวยจั๊บจนหมดชาม ก็เป็นเวลาพอดีกับที่รถยี่ห้อหรูสีดำแล่นมาจอดเทียบใกล้ๆ กับฟุตพาทข้างร้านกวยจั๊บ

“นั่นไง ว่าที่แฟนฉันมาละ ไปก่อนนะน้องรัก” ลดานำกระเป๋าผ้ามาคล้องไหล่ ส่งจูบให้รุ่นน้องหนุ่มแบบกวนประสาท จากนั้นก็หันหลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากร้านไปขึ้นรถอย่างรีบร้อน

แกนได้แต่มองตามแล้วอ้าปากค้าง รถหรูขนาดนั้นว่าที่แฟนคงจะรวยมากแน่ๆ หรือไม่เพื่อนรุ่นพี่ของเขาก็อาจจะเป็นเด็กเสี่ย...

“แต่ก็ไม่น่า สภาพอย่างพี่ดาจะไปเป็นเด็กใครได้” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ แต่แล้วก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่สำคัญกว่า 

“เฮ้ย! ไอ้พี่ดา มึงลืมจ่ายค่ากวยจั๊บ โธ่เว้ย ไว้ทวงพรุ่งนี้ก็ได้วะ” 

แม้จะแหกปากสบถดังแค่ไหน แม่คุณทูนหัวคงไม่ได้ยิน ป่านนี้ลอยหน้าขึ้นรถหรูไปไหนต่อไหนแล้ว ทั้งๆ ที่ว่าที่แฟนรวยขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมจ่ายค่ากวยจั๊บอีก ทำไปได้

ยานพาหนะราคาแพงกำลังแล่นอยู่บนถนนแบบไร้จุดหมายปลายทาง แต่แล่นได้ไม่นานก็ต้องหยุดลงเพราะรถติด และดูท่าว่าคงจะติดยาวโดยเฉพาะในช่วงเย็นแบบนี้ กลายเป็นปัญหาคลาสสิกของเมืองหลวงที่คนต้องเจอกันทุกวี่ทุกวัน

‘กรุงเทพฯ เมืองเทพสร้าง’

เทพองค์นี้คงจะสร้างกรุงเทพฯ ตอนเมาแน่ๆ ผังเมืองจึงได้ออกมาสะเปะสะปะ มีปัญหาร้อยแปดพันเก้าเป็นของขวัญให้คนอาศัย ไม่ว่าจะรถติด น้ำท่วม มลพิษหมอกควันหนาเต็มอากาศ

ลดากลอกตามองบน... ละสายตาจากท้องถนนอันแน่นขนัดไปด้วยรถยนต์ หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของคนข้างกายที่ช่วยจรุงจิตจรุงใจของเธอให้เบิกบาน

“พี่ไอซ์มีอะไรจะคุยกับดาเหรอคะ คือดาต้องกลับบ้านก่อนสองทุ่ม”

“แป๊บเดียว ไม่นาน คุยเสร็จแล้วจะให้คุณเตขับรถไปส่ง” 

อธิษฐ์บุ้ยไปทางบอดีการ์ดส่วนตัวที่ทำหน้าที่ขับรถให้ ณ เวลานี้

“อ๋อ โอเคค่ะ อ้าว แล้ววันนี้พี่กั้งไม่มาด้วยเหรอคะ” หญิงสาวถามถึงบอดีการ์ดอีกคนของอธิษฐ์ที่มักทำหน้าที่ขับรถอยู่เสมอ

“นายกั้งมีธุระสำคัญต้องไปจัดการให้คุณไอซ์ครับ” เตชิตตอบคำถามแทนเจ้านาย

“เป็นธุระที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะคุยเนี่ยแหละ” อธิษฐ์ถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มกล่าวต่อ

“จำนักเลงในผับเมื่อคืนวานได้มั้ย”

“จำได้ค่ะ” ลดาพยักหน้า

“มันไม่ใช่นักเลงหัวไม้ธรรมดา มันเป็นหลานของผู้มีอิทธิพล พี่ส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหมอนี่ให้ดาแล้วในไลน์ ไปอ่านไว้ซะ เราประมาทไม่ได้ พอเรามีเรื่องกับมันแล้วมันอาจจะหาทางเล่นงานเรา”

“ตายแล้ว ดาลืมไปเสียสนิทเลย” สาวหมวยขมวดคิ้วเคร่งเครียด ความกังวลฉายออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วดาจะทำยังไงดีคะ ดากลัว”

“ไม่ต้องทำอะไร แค่ใช้ชีวิตอย่างระวังตัวในช่วงสามเดือนนี้”

อธิษฐ์วางอุ้งมือหนาลงบนไหล่บอบบางของคนที่กำลังตื่นตระหนก

“นายเตจะเป็นบอดีการ์ดของดาชั่วคราวนับจากนี้ คอยจับตาเฝ้าระวังให้อยู่ห่างๆ ช่วงที่ดาต้องเดินทางไปไหนมาไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวไป”

“อ้าว แล้วถ้าพี่เตมาเป็นบอดีการ์ดให้ดา แล้วพี่ไอซ์ล่ะคะ” ลดากลอกตาไปมา จ้องมองใบหน้าของเขาด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ 

“พี่มีนายกั้งกับทีมบอดีการ์ดอีกหลายคน ไม่ต้องคิดมาก นอกจากนายเตที่จะคอยเฝ้าระวังให้ดาอยู่ห่างๆ แล้ว ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา บอดีการ์ดอีกทีมที่สแตนด์บายอยู่ไม่ไกลก็จะเข้ามาช่วยทันที” รองประธาน STK Hotel อธิบาย

“อาจจะต้องทนรู้สึกอึดอัดสักหน่อย แต่ก็กันไว้ดีกว่าแก้”

“ขอบคุณนะคะ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะดาคนเดียว แต่พี่ไอซ์ก็ต้องพลอยเดือดร้อนกับดาไปด้วย” ลดาเอ่ยเสียงเศร้าสร้อย

“ล่มหัวจมท้ายกันแล้วนี่ ทำไงได้ล่ะ” อธิษฐ์ยิ้มมุมปากพลางตบไหล่ของเธอเบาๆ 

‘ล่มหัวจมท้ายงั้นหรือ...’ แค่วลีนี้ก็สร้างอิทธิพลรุนแรงต่อหัวใจของลดาเหลือเกิน รู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่ถี่รัว เธอกำลังถลำลึกลงไปในหลุมรักของอธิษฐ์อีกแล้ว

“ทำใจให้สบาย ดาจะปลอดภัย...คุณเตขับไปส่งดาที่ร้านทองพริ้มพรรณเลยครับ” ชายหนุ่มบอกกับบอดีการ์ดคู่ใจ

“ได้เลยครับ” 

เตชิตรับคำ ลอบยิ้มเมื่อนึกถึงบทสนทนาของตนกับเจ้านายเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา

...

ทำไมคุณไอซ์ถึงไม่ให้บอดีการ์ดคนอื่นไปดูแลคุณดาล่ะครับ ทำไมต้องเป็นผม’

‘เพราะคุณเตกับคุณกั้งเป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุดไงครับ ผมเลยต้องรบกวนคุณเตไปช่วยดูแลดาในระยะสามเดือนนี้ ส่วนคุณกั้งก็จะคอยดูแลผมอยู่ทางนี้ เพราะฉะนั้นคุณเตไม่ต้องห่วง ผมอยากให้ดาได้รับการดูแลจากคนที่ผมไว้ใจ’

เตชิตดูก็รู้ว่าเจ้านายของเขามีความรู้สึกพิเศษให้แก่ลดา แม้เจ้าตัวไม่เคยยอมรับก็ตาม

โธ่...เจ้านายเขา ปากเคยบอกว่าเขากับเพื่อนร่วมงานจะไม่มีทางได้หญิงสาวคนนี้มาเป็นเจ้านายอีกคนจนถึงเกษียณอายุการทำงาน นี่ยังไม่ทันไรหล่อนก็กลายมาเป็นเจ้านายชั่วคราวของเขาแล้ว 

เวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง มงคลกับลาวัลย์เตรียมจะปิดร้าน แต่ลูกสาวคนเดียวของพวกเขาก็ยังไม่กลับถึงบ้าน สองสามีภรรยาจึงมีท่าทีละล้าละลัง เฝ้ามองประตูกระจกบานใสที่ยังไม่ปรากฏร่างของลูกสาวผลักประตูเข้ามา

“พักหลังมานี้อาดาทำตัวแปลกๆ นะเฮีย เมื่อวานซืนออกจากบ้านไม่บอกกล่าวเราสักคำ เดี๋ยวนี้กลับช้าก็ไม่คิดจะโทร. บอกเหมือนแต่ก่อน” ลาวัลย์ถอนหายใจ 

“เหลวไหลใหญ่แล้ว” มงคลส่ายหน้า “ลื้อโทร. ตามซิ”

นางพยักหน้ารับคำสามี แต่ยังไม่ทันจะล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แสงไฟสีส้มของรถยนต์ก็สาดเต็มถนนหน้าร้าน รถยนต์สีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจอด

“รถใครน่ะ” ลาวัลย์ชะโงกหน้ามอง

“เดี๋ยวอั๊วออกไปดูเอง”

มงคลพาร่างท้วมขาวของตนเดินอาดๆ ออกไปยืนเท้าเอวนอกร้าน รอดูว่าแขกผู้มาเยือนยามวิกาลคือใคร

“ซวยแล้วไง” 

ลดาสบถเสียงแผ่ว เบ้หน้าเมื่อเห็นผู้เป็นบิดามายืนรอ 

“ลงไปสิ ถึงแล้ว” อธิษฐ์เตือนคนที่ยังนั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก 

“ไม่ได้ค่ะ ดาลงไปคนเดียวไม่ได้”

“หมายความว่าไง” เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ถ้าดาลงจากรถคนเดียวเรื่องยาวแน่ ปะป๊ากับหม่าม้าจะซักดาไม่หยุด พี่ไอซ์ต้องช่วยลงไปเป็นกองหนุนให้ดานะคะ” ลดาส่งสายตาอ้อนวอน เขย่าท่อนแขนของชายหนุ่มไปมา

“เพื่ออะไร” 

“ไปเถอะค่ะ!”

“เฮ้ย”

อธิษฐ์ไม่ทันได้ตั้งตัว แม่ตัวดีก็เอื้อมมือมาเปิดประตูรถฝั่งเขาและผลักให้เขาออกไปยืนบนฟุตพาท ก่อนที่เธอจะตามลงมายืนเคียงข้าง

“ใครน่ะอาดา” มงคลเอ่ยถามพลางหรี่ตามองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้านในชุดสูท สลับกับมองรถยี่ห้อหรูที่ยังติดเครื่องไว้อยู่ ดูเหมือนจะมีคนขับอยู่ข้างใน

“คือเอ่อ ป๊าคะ นี่...”

“จำผมไม่ได้จริงๆ เหรอครับคุณอา” อธิษฐ์ทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างใจเย็น

“ขอโทษนะ แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆ ว่าเราเคยรู้จักกัน” 

“ผมไอซ์ไงครับ พี่ชายของอิงค์”

“ไอซ์...” มงคลพึมพำขณะครุ่นคิด เมื่อลองพินิจพิจารณาใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มคราวลูกดูอีกรอบก็นึกออก

“อ้อ! ตาไอซ์นั่นเอง ฮ่าๆๆๆ ก็นึกว่าใคร ขอโทษที ไม่ได้เจอกันนานก็เลยจำไม่ได้ เข้ามาคุยกันก่อนสิ”

เจ้าของบ้านเชื้อเชิญขนาดนี้แล้ว มีหรือที่อธิษฐ์จะปฏิเสธน้ำใจได้ เขาเดินไปเคาะกระจกบอกให้เตชิตจอดรถแล้วออกไปเดินเล่นหาอะไรกินแถวนี้ก่อน จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านทองพริ้มพรรณพร้อมกับลดา

“วัลย์ นี่ตาไอซ์ พี่ชายของหนูอิงค์ คนที่อั๊วเคยเล่าให้ฟังเมื่อหลายปีก่อนนู้นน่ะ” มงคลเดินมาโอบไหล่ภรรยา ผายมือแนะนำชายหนุ่ม

“สวัสดีครับ” อธิษฐ์ยกมือไหว้

น้ำเสียงนุ่มนวลและท่าทีอ่อนช้อยของอีกฝ่ายทำให้ลาวัลย์รู้สึกถูกชะตา ยกมือรับไหว้ทันที

“สวัสดีจ้ะ ไปไงมาไงถึงได้มาส่งอาดาล่ะ”

“พอดีว่าพี่ไอซ์ผ่านมาทำธุระแถวนี้น่ะค่ะ ดาก็เลยพาพี่ไอซ์ไปกินกวยจั๊บ แล้ว...พี่ไอซ์ก็เลยมาส่ง” ลดาโป้ปดเป็นเรื่องเป็นราว เพราะหากพูดความจริงว่าอธิษฐ์มาคุยธุระกับเธอเรื่องนักเลงในผับ มีหวังเธอคงโดนปะป๊ากับหม่าม้าฆ่าตายแหงๆ 

“แล้วก็ไม่รู้จักโทร. บอกก่อน ป๊ากับม้าก็ห่วงไปเถอะ เฮ้อ ลื้อนี่เหลวไหลใหญ่แล้วนะอาดา”

“โอ๊ย ก็แบตมันหมดอะม้า” หญิงสาวโอดครวญ

“ไม่ต้องมาเถียงเลย”

ท่ามกลางบทสนทนาของคนในครอบครัว คนนอกอย่างอธิษฐ์เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ เขาลอบมองใบหน้าของลดาที่ดูจืดเจื่อนลงถนัดเมื่อถูกบิดา มารดาว่ากล่าวต่อหน้าเขา 

หวนนึกถึงคืนที่เธอระบายความทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวให้เขาฟัง ตอนนี้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว

แม้ลดาจะอายุล่วงเข้าวัยผู้ใหญ่ มีการมีงานทำแล้ว แต่ปะป๊ากับหม่าม้าของเธอก็ยังปฏิบัติกับเธอราวกับเด็กๆ มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ นานา ไม่มีอิสระในการใช้ชีวิตเท่าที่ควร และเธอก็แทบไม่มีปากมีเสียงใดๆ เลย

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่อธิษฐ์รู้สึกสงสารและเห็นใจลดา

“ขอโทษคุณอาทั้งสองด้วยนะครับ ผมเป็นคนรบกวนขอให้ดาพาไปทานกวยจั๊บเอง ดาเลยต้องกลับบ้านดึก”

ลดาหันขวับไปมองคนที่ออกหน้าแทนเธอ อ้าปากพะงาบๆ พยายามจะพูดบางอย่าง แต่เขาส่งสัญญาณด้วยสายตาเป็นเชิงห้ามปราม

“เฮ้อ งั้นก็ช่างมันเถอะ แต่คราวหน้าคราวหลังก็ช่วยโทร. บอกกันหน่อย แล้วเราน่ะมาจีบลูกสาวอาใช่ไหม เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็เข้าตามตรอกออกตามประตู พาพ่อกับแม่มากินข้าวมารู้จักกันไว้ก่อน” มงคลกล่าวกับหนุ่มคราวลูกที่เขาเองก็เคยถูกชะตาด้วยเมื่อหลายปีก่อน

“ป๊า! ไม่ใช่นะ คือว่าพี่ไอซ์น่ะ...” 

ลดารีบโบกไม้โบกมือพัลวัน ต่อให้ชอบอธิษฐ์แค่ไหน เธอก็ไม่อยากให้เขาถูกมัดมือชกเพราะความเข้าใจผิด ไม่งั้นเขาอาจจะอึดอัดจนไม่อยากให้เธอเข้าใกล้อีกเลยก็เป็นได้ 

“แต่จะมาเป็นลูกเขยร้านทองน่ะก็ต้องขยันนะ ตอนนี้อายังไม่ได้ให้ผ่าน ดูๆ กันไปก่อน” มงคลกล่าวต่อโดยไม่สนใจฟังลูกสาว

“ยืนนานๆ ชักเมื่อยแล้วสิ ไหนๆ ก็มาแล้ว ไปนั่งหลังร้านกินขนมกินน้ำชาแล้วค่อยกลับบ้านนะ” ลาวัลย์บอกคนที่จะมาเป็นว่าที่ลูกเขย

“ครับ” อธิษฐ์พยักหน้ารับ ดูเหมือนเขาจะทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าอยู่แล้ว

สองสามีภรรยาเจ้าของร้านทองเดินออกไปแล้ว คนที่เหลืออยู่กับเขาเพียงลำพังก็รีบหันมายกมือไหว้ขอโทษขอโพย

“ดาขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ป๊ากับม้าเข้าใจผิดไปแบบนั้น เอาไว้ดาจะอธิบายให้พวกท่านฟังทีหลัง ขอโทษที่ทำให้พี่ไอซ์เสียหาย” ลดาหลับหูหลับตาขอโทษขอโพย

“อืม แต่ก็ดี เสียหายนิดหน่อย แต่ได้กินขนมฟรี” ชายหนุ่มไหวไหล่ นัยน์ตาคู่หวานหยดย้อยของเขามีแววขบขันเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเจ้าของบ้านไปหลังร้านบ้าง ทิ้งให้สาวหมวยยืนฉงนฉงาย

‘พี่ไอซ์พูดแบบนี้หมายความว่ายอมมาเป็นลูกเขยของป๊ากับม้า...หรือเปล่านะ’

ขนมถ้วยใบเตยเสิร์ฟคู่กับชาร้อนของบ้านนี้ถูกปากอธิษฐ์อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งที่ปกติเขาไม่นิยมชมชอบการรับประทานอาหารของบ้านคนอื่น หากต้องรับประทานจริงๆ ก็จะรับประทานเล็กน้อยพอเป็นมารยาทเท่านั้น ทว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกเพลิดเพลินกับการจิ้มมันเข้าปากพลางจิบชาควบคู่

“อร่อยไหม” ลาวัลย์ถามว่าที่ลูกเขยหลังจากจ้องอยู่นาน

“อร่อยครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ลดาที่ได้ยินได้เห็นกับตาก็แทบเก็บอาการลิงโลดเอาไว้ไม่อยู่ เธอได้รู้สิ่งที่พี่ไอซ์ชอบตั้งสองอย่างแล้ว

หนึ่งคือแคคตัส สองคือขนมถ้วยใบเตยเจ้ารถเข็นในเยาวราช

“รสชาติหวานมันกำลังพอดี นี่ก็ชอบกินเหมือนกันทั้งบ้าน ซื้อจากยายที่เขาเข็นรถเข็นขายน่ะ แกขายมานานแล้ว อร่อยมาก” มงคลเสริมที่มาที่ไปของขนมให้อาคันตุกะได้ทราบ

“แล้วไอซ์นี่ทำงานอะไรล่ะ อาดาเคยเล่าให้ฟังว่าครอบครัวหนูอิงค์ทำธุรกิจโรงแรม” ลาวัลย์เริ่มปฏิบัติการสอบสวน

“ใช่ครับ ตระกูลเศรษฐกุลก่อตั้งโรงแรม STK Hotel มาห้าสิบปีแล้ว ปัจจุบันมีสี่สาขา คือที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ครอบครัวผมดูแลสาขาใหญ่ที่กรุงเทพฯ ครับ”

“แล้วหน้าที่ล่ะทำอะไร”

“ม้า” ลดาเอ่ยขัดเมื่อรู้สึกว่ามารดาเริ่มถามมากเกินไปแล้ว เธอเกรงใจอธิษฐ์ เขายังไม่ได้จะมาเป็นลูกเขยจริงๆ ของปะป๊ากับหม่าม้าเธอสักหน่อย 

“ผมเป็นรองประธานฯ โรงแรมครับ” อธิษฐ์ตอบแบบเรียบๆ

“โอ้โฮ เหมือนแฟนวิวเลยละสิเนี่ย ที่ชื่ออะไรนะ ภีมๆ อะไรสักอย่างใช่ไหม”  

“ใช่ครับ คุณภีมเป็นรองประธานฯ ของบริษัทอนันต์ธาดา ครอบครัวผมก็รู้จักครับ” 

นอกจากรู้จักกัน ก็ยังเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันอีกด้วย แต่เขาแค่ไม่ต้องการพูดมากไปกว่านี้

“อ้อ เราเป็นลูกที่ดีนะ สืบทอดกิจการของตระกูลไม่เหมือนอาดา เคี่ยวเข็ญแทบตายไม่เคยฟัง ครอบครัวอาก็ขายทองกันมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ หวังจะให้มีคนสืบทอด แต่ดูท่าคงจะจบที่รุ่นอานี่แหละ” มงคลมิวายค่อนขอดลูกสาวตามประสาคนแก่ขี้น้อยใจ

“เฮ้อ ป๊า” แล้วลดาจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ความจริงผมสืบทอดกิจการของตระกูลเพราะผมชอบและก็เต็มใจทำงานนี้ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านไม่เคยคาดหวังหรือบังคับให้ผมต้องทำ อย่างอิงค์ไม่ชอบงานนั่งโต๊ะเซ็นเอกสาร ชอบงานในวงการบันเทิง คุณพ่อกับคุณแม่ของผมก็สนับสนุนเต็มที่”

“จริงรึ”

“จริงครับ”

“...”

คราวนี้เถ้าแก่ร้านทองเป็นอันต้องนิ่งเงียบเพราะจนในคำพูดของหนุ่มคราวลูก แต่ถึงกระนั้นในใจเขาก็ยังคงคัดค้าน ยังคิดว่าถึงอย่างไรเสีย ลูกสาวของเขาควรต้องสืบทอดกิจการเก่าแก่ของครอบครัวที่ตกทอดมา

“ดา พี่อยากเห็นภาพวาดของเรา ขอดูหน่อยได้ไหม” อธิษฐ์หันมากล่าวกับลดาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล 

“คะพี่ไอซ์ อยากจะดูเหรอคะ...” สาวหมวยทำหน้าเหลอ

“ก็ดาเคยบอกว่าชอบวาดรูปสีน้ำ พี่อยากเห็นงาน”

“อ้อ ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” สาวร่างบางรีบลุกเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เปิดประตูหายเข้าไปในห้องนอน 

“นี่ไอซ์สนใจศิลปะเลอะๆ เทอะๆ ของอาดาด้วยเหรอ” ลาวัลย์ไม่อยากเชื่อ

“สำหรับผมงานศิลปะไม่เลอะเทอะหรอกครับ ยกเว้นแค่ตอนสร้างอาจจะเลอะเทอะนิดหน่อย” เขาอมยิ้มเพราะมุกนี้เขาก๊อปใครบางคนมาใช้

ทางด้านของลดากำลังกวาดสายตามองภาพวาดมากมายที่แปะไว้ตามฝาผนัง กับภาพวาดอีกส่วนหนึ่งที่ม้วนกองๆ อยู่บนพื้น

“เอาอันนี้แล้วกัน” ลดาก้มหยิบม้วนภาพวาดบนพื้นมาสองม้วน ด้วยขี้เกียจไปแงะภาพตรงฝาผนังซึ่งติดเทปกาวไว้แน่นหนา ก่อนจะเดินกลับลงไปหาอธิษฐ์ที่ชั้นล่าง

“นี่ค่ะ” 

อธิษฐ์รับม้วนภาพวาดจากลดามากางออกดู มงคลกับลาวัลย์ที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจในคราแรกก็ยังแอบเหลือบตามอง

“พี่ไอซ์คิดว่าไงบ้างคะ” สาวหมวยถามความเห็นแบบไม่ได้คาดหวังมากมาย 

ชายหนุ่มกวาดสายตาพิจารณาภาพวาดสีน้ำตรงหน้า เป็นภาพสโนว์แมนบนเนินหิมะอันหนาวเหน็บรายล้อมด้วยต้นไม้ไร้ใบท่ามกลางแสงแดดดูอบอุ่น

“สองสิ่งนี้ดูตรงข้ามกัน แต่ดาสามารถนำมาผสมผสานผ่านการลงสีได้อย่างลงตัว ให้อารมณ์เหน็บหนาว แต่ก็ดูอบอุ่น เป็นภาพที่สวยมากและลายเส้นก็แปลกตาดูไม่ซ้ำใครดี พี่ชอบนะ”

“ขอบคุณนะคะ ดาดีใจมากที่พี่ไอซ์ชอบ” 

ลดาฉีกยิ้มกว้าง ถึงกับแอบน้ำตารื้นด้วยความดีใจ เมื่อชายผู้เป็นรักข้างเดียวของเธอเห็นคุณค่าและชื่นชมในงานศิลปะของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มช่องโหว่ในหัวใจ 

“ไหนขอดูหน่อย” หลังจากนั่งปากแข็งอยู่นาน มงคลก็ตัดสินใจขอดูภาพวาดบ้างอย่างอดมิได้

อธิษฐ์ยื่นภาพวาดให้เถ้าแก่ร้านทองดู ส่วนเขาเอาภาพวาดอีกภาพมากางออกดู เป็นภาพใบหน้าของหญิงสาวธรรมดาๆ ที่มีการวาดลวดลายกับลงสีฉูดฉาด เป็นภาพที่สื่อออกมาดูไม่ใช่ตัวตนของลดาเลยสักนิด

“ผู้หญิงคนนี้ใครเหรอ” เขาเอ่ยถามพลางเลิกคิ้ว

“ไม่มีค่ะ เป็นคนในจินตนาการที่ดาอยากวาดขึ้นมา ผสมความแฟนตาซีนิดหน่อย คนที่ติดตามผลงานดาส่วนมากเขาชอบแนวนี้” ลดาไหวไหล่

“ลื้อมีคนติดตามผลงานกับเขาด้วยเหรออาดา โม้รึเปล่า” 

“ดาไม่ได้โม้ม้า ดาพูดจริง เดี๋ยวนี้เขามีโซเชียลมีเดียกันแล้ว ดาก็ทำเพจทำแอกเคานต์ไว้รับจ้างวาดรูปกับลงผลงาน ถึงจะไม่ใช่ศิลปินชื่อดังอะไร แต่ก็มีคนติดตามหลักพัน”

“โอ๊ะ”

ลาวัลย์ส่ายหน้าขณะจ้องมองภาพวาดกับสามี ไม่อยากเชื่ออีกอยู่ดีนั่นละว่าลูกสาวหัวดื้อของตนจะทำได้ดีมากถึงเพียงนี้ เหมือนนางไม่เคยรู้จักลูกสาวเลยจนกระทั่งวันนี้ที่อธิษฐ์ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน

“พี่เชื่อว่าดาจะเป็นศิลปินที่เก่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทำสิ่งที่ดารักต่อไปนะ” อธิษฐ์ตบบ่าลดาเป็นเชิงให้กำลังใจ 

เขาจงใจพูดเพื่อประสงค์ให้บิดากับมารดาของเธอฉุกคิดบ้าง อยากช่วยให้เธอได้หลุดพ้นจากการตัดสินและทำร้ายจิตใจของครอบครัว แม้ใจจริงอยากจะจับเข่านั่งคุยกับสองสามีภรรยา แต่สถานะของเขาก็ยังคงเป็นหนุ่มคราวลูก ไม่มีทางไปสอนผู้ใหญ่ได้

นั่งคุยสัพเพเหระกันอีกสักพัก ชายหนุ่มก็ขอตัวลากลับ ลดาเดินมาส่งอธิษฐ์ที่หน้าร้านก็เจอเตชิตกำลังยืนพิงรถรับประทานบัวลอยรออยู่ ท่าทางเอร็ดอร่อยน่าดู

“อร่อยไหมคะพี่เต” ลดาถามยิ้มๆ

“อร่อยครับ พี่เดินเพลินเลย ซื้อของกินไปหลายอย่างแล้วก็มาจบที่บัวลอยนี่แหละ”

“บัวลอยงานมสดนี่เด็ดสุดแล้วค่ะ เยาวราชยังมีของอร่อยอีกเยอะตามซอกนู้นซอยนี้ ถ้าพี่เตชอบคราวหน้าก็ลองมาเดินดูอีกได้”

“ได้เลยครับ มาอีกแน่” เตชิตบอกสีหน้ายิ้มแย้ม ตักบัวลอยคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปสตาร์ตเครื่องรอเจ้านาย

“ยังไม่ทันไรก็สนิทกับนายเตแล้วเหรอ”

สาวหมวยหันไปมองร่างสูงโปร่งในชุดสูทที่ยืนซ้อนหลังเธออยู่ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนเคย

“ก็เดี๋ยวพี่เตจะต้องมาคอยช่วยเหลือดานี่คะ สนิทกันไว้ก็ย่อมเป็นการดี” 

“อ้อ...ก็จริง”

เมื่อทั้งสองไม่ได้ต่อบทสนทนา จึงเหลือไว้เพียงความเงียบระหว่างกันพอให้ได้ยินเสียงความวุ่นวาย เสียงผู้คนดังโหวกเหวก เสียงรถบีบแตรจากถนนคนเดินที่อยู่ซอยถัดออกไปไม่ไกล

“คนมาเดินเยาวราชเยอะแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” อธิษฐ์ชะเง้อหน้ามองออกไป เห็นป้ายไฟของร้านรวงมากมายอยู่รางๆ

“ใช่ค่ะ พี่ไอซ์ไม่เคยมาเดินเยาวราชเหรอคะ” เธอเลิกคิ้ว

“เคยตอนเด็กๆ แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว”

“พี่ไอซ์ต้องลองไปเดินดูสักครั้งค่ะ ไว้วันหลังดาจะพาไปเที่ยวนะคะ ของอร่อยเยอะมาก ดาโตที่นี่รู้ทุกซอกทุกมุม” 

ลดาบอกเขาพลางฉีกยิ้มกว้าง แสงไฟสะท้อนดวงตาคู่คมที่เขามองเธอกลับมา วินาทีนั้นหัวใจเธอเต้นแรงดุจรัวกลองนับพัน ก่อนจะค่อยๆ สงบลงเมื่อฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้

“ขอบคุณนะคะ” เธอหลบสายตา ก้มหน้าลงต่ำ

“ขอบคุณเรื่อง?” อธิษฐ์กอดอก

“เรื่องที่พี่ไอซ์ก็รู้อยู่แก่ใจ ขอบคุณที่ช่วยดานะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยถ้าวันนี้ป๊ากับม้าเผลอละลาบละล้วงพี่ไอซ์มากเกินไป ดาจะอธิบายให้ท่านเข้าใจแน่ๆ ค่ะ”

“พี่โอเค ไม่ต้องคิดมากหรอก” เขาบอกแบบไม่คิดอะไรจริงๆ 

“แล้วดาก็อยากขอบคุณที่พี่ไอซ์ชอบงานดา จริงๆ รูปสโนว์แมนอันนั้นดาได้แรงบันดาลใจมาจากพี่ไอซ์น่ะค่ะก็เลยวาด”

“พี่เนี่ยนะเป็นแรงบันดาลใจ?” รองประธานหนุ่มชี้นิ้วที่ตัวเอง

“ค่ะ พี่ไอซ์เป็นแรงบันดาลใจให้ดาวาดรูปนั้น พี่ไอซ์เป็นแรงบันดาลใจให้ดามากมายหลายเรื่องตลอดแปดปีที่ผ่านมา ดาไม่เคยมีโอกาสได้เข้าใกล้ ได้รู้จักพี่ไอซ์ไปมากกว่ามองอยู่ห่างๆ ดาก็ยังชอบพี่ไอซ์มาก แล้วพอได้มีโอกาสมาอยู่ใกล้ๆ ได้รู้จักพี่ไอซ์มากขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น มันก็ทำให้ดาไม่ผิดหวัง ชอบพี่ไอซ์มากยิ่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า”

“...”

“ขอบคุณที่เกิดมา ขอบคุณที่มาอยู่ตรงนี้ มาอยู่ให้ดาชอบนะคะ”

เวลานี้อธิษฐ์รู้สึกเหมือนถูกตอกตรึงด้วยหมุดเสาเข็มขนาดใหญ่จนขยับไปไหนไม่ได้ เขารู้สึกเบาโหวงในช่องท้อง หัวใจเต้นถี่ขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็อึดอัดจนไม่อยากรับฟังความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอ เขาสับสนอย่างที่สุด ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้เลย

“พี่กลับก่อนนะ ไปละ” 

แค่นั้น เขาพูดได้แค่นั้นจริงๆ และยิ่งได้เห็นแววความผิดหวังในดวงตาเรียวเล็กของลดาก็ยิ่งทำให้เขาอยากหนีไปให้เร็วที่สุด

“ค่ะ กลับดีๆ นะคะ” เธอพยายามกล่าวลาเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริง

ชายหนุ่มตัดใจเดินไปเปิดประตูเบาะหลังพร้อมแทรกกายเข้าไปด้านใน พอปิดประตูลงได้ก็รีบสั่งการให้บอดีการ์ดออกรถ โดยที่เขาไม่แม้แต่จะหันมองร่างเล็กที่ยืนอยู่จนกระทั่งตัวรถเคลื่อนที่จากไปไกลหลายร้อยเมตร

“คุณไอซ์ชอบคุณดาเหรอครับ” เตชิตเอ่ยถาม ลอบมองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นเจ้านายมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย

“ผมว่าเราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะครับ” อธิษฐ์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เสสายตามองมองทัศนียภาพด้านนอก

“ขอโทษที่ต้องถามซ้ำครับ แต่ผมสังเกตท่าทีที่คุณไอซ์มีต่อเธอมาสักระยะแล้ว ผมบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนพิเศษของคุณ”

“ลดาไม่ใช่คนพิเศษของผม” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าบอดีการ์ดคนสนิทกลับหัวเราะหึๆ ในลำคอกลับมา

“ถ้าไม่ใช่คนพิเศษ คุณไอซ์คงไม่ต้องคอยเป็นห่วงเป็นใย คอยเฝ้าดูแล และใช้สายตาเอ็นดูมองเธอตลอดเวลาหรอกครับ อ้อ แล้วก็คงจะไม่ยอมเข้าไปพบคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอแน่ ต่อให้เธอขอร้องแค่ไหน นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณไอซ์ทำกับผู้หญิงคนอื่นทั่วไป”

“คุณเตรู้ได้ยังไง ตอนที่ผมเคยคบกับแฟนเก่าผมก็ทำแบบนี้”

“งั้นแปลว่าเธอเป็นแฟน?”

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย!” ใบหน้าขาวผ่องของอธิษฐ์เริ่มขึ้นสีแดง เขาหลับตาลงแน่นก่อนเริ่มอธิบายใหม่อีกครั้ง 

“ที่ผมทำก็เพราะดาเป็นเพื่อนรักของน้องสาวผม เธอก็เหมือนน้องสาวผมอีกคน ตอนนี้เธอกำลังเดือดร้อน ผมก็ต้องช่วยเหลือเธอ จบเรื่องวุ่นๆ นี่เมื่อไหร่ก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”

“โอเคครับ ผมขอโทษที่ทำให้คุณไอซ์ต้องหงุดหงิด” เตชิตกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ 

คิดดูเอาเถิด เจ้านายผู้เคยเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งของเขา มาบัดนี้ราวกับถูกลนด้วยไฟจนละลายเพียงเอ่ยถึงชื่อ ‘ลดา’

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดมากอะไร”

“ผมแค่อยากเห็นคุณไอซ์ได้มีความรักกับใครสักคนที่คุณไอซ์รู้สึกพิเศษด้วยน่ะครับ”

“ลดาไม่ใช่คนพิเศษแล้วก็ไม่ใช่คนที่เหมาะสมหรอกครับ เชื่อผม”

“หมายถึงไม่เหมาะสมในเรื่องของฐานะเหรอครับ”

รองประธานหนุ่มแห่งโรงแรม STK Hotel สั่นศีรษะ “ไม่ใช่เรื่องของฐานะเลยครับ แต่เป็นเรื่องของอุปนิสัยที่ต่างกัน สังคมที่ต่างกัน อายุที่ต่างกัน ดูยังไงก็ไม่มีอะไรเข้ากันได้ ต่อให้เธอจะบอกว่าชอบผม รักผมมาแปดปีแล้ว แต่ถ้าหากผมต้องเลือกผู้หญิงสักคนมายืนข้างๆ มาเป็นแม่ของลูก ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่ดาแน่นอนครับ”

เขาคิดเช่นนั้นจริง ต่อให้ลึกๆ เขายังหาคำตอบให้ความรู้สึกสับสนที่มีต่อลดาไม่ได้ เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเธอไม่มีวันเป็นคนที่ใช่และเหมาะสมจะใช้ชีวิตคู่ด้วยตลอดไป

“ครับ ถ้าไม่ใช่คุณดา คุณไอซ์ก็คงจะพบผู้หญิงที่คุณไอซ์รู้สึกถูกใจ เป็นคนที่เหมาะสมอย่างที่คุณไอซ์ต้องการในสักวัน”

เตชิตปิดบทสนทนากับอธิษฐ์ในรถยนต์ไว้เพียงเท่านั้น เขาตระหนักได้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะโน้มน้าวต่อไป ถ้าเจ้านายของเขายังไม่ยอมมองหาสิ่งเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของตนเองแทนการใช้สมอง เพราะเรื่องความรักมิอาจใช้สมองเหมือนการทำงานได้

                                                             


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น