4
ผู้ชายสายดุ
ก้องบดินทร์ขับรถออกจากคอนโดตอนสิบเอ็ดโมงเศษ มุ่งหน้าไปรับกิรฏาที่บ้านในซอยทองหล่อตามคำสั่งของผู้เป็นแม่
เมื่อวานนี้แม้เขาจะพยายามบ่ายเบี่ยงสุดความสามารถแล้ว แต่สุดท้ายพอกลับไปเจอกันต่อหน้าที่บ้าน แม่ก็ชนะอยู่ดี นี่สินะถึงมีคำพูดที่ว่า แม่ก็คือแม่
...
‘นี่ไม่ใช่คำสั่งนะคะคุณลูก แต่เป็นคำแนะนำที่คุณแม่ว่าดี’ คุณมลฤดีแก้ตัวหลังจากเขาบอกว่าจะยอมทำตาม ‘คำสั่ง’ ของท่านก็ได้
‘แม่ว่าดี แต่ผมว่าไม่ดีนี่ครับ’ ชายหนุ่มบอกอย่างเซ็งๆ
‘ไม่รู้ละ ยังไงเราก็ต้องไปรับหนูกอหญ้าที่บ้านตอนเที่ยงวันอาทิตย์ แล้วพาน้องไปกินข้าว ดูหนัง เดินชอปปิง หรืออยากทำอะไรก็แล้วแต่เราสองคนเลย’
‘...’ ก้องบดินทร์กะจะตีมึนไม่รู้ไม่ชี้ ไม่หือไม่อือ แต่คุณนายแม่มีหรือจะยอม
‘ว่าไงก้อง’ ท่านไม่ถามเฉยๆ แต่สายตาที่มองมาฉายแววอำมหิตจนเขาขนลุกเกรียว
‘ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ’ ชายหนุ่มยังแอบมีหวัง แม้จะรู้ว่ามันริบหรี่
‘คิดว่าได้ไหมล่ะ’
‘ไม่ได้ครับ’
‘ดีมากจ้ะ’
‘เฮ้อ’ ก้องบดินทร์ถอนหายใจยาวเพราะเขาไม่เต็มใจเลยสักนิด
...
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะกระจกรถดึงให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็เห็นยายตัวแสบกำลังยิ้มแฉ่งให้เขาอยู่
ก้องบดินทร์ตีสีหน้าเรียบขรึมและไม่ยิ้มตอบ
กิรฏาแอบย่นจมูกใส่คนขี้เก๊กอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างเขา วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อชีฟองสีชมพูอ่อนลายดอกไม้เปิดไหล่ และกางเกงขาสั้นสีครีม ใบหน้าเนียนใสแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงบางๆ ดวงตากลมโตล้อมรอบด้วยแพขนตางอนยาว จมูกเล็กรั้นรับกับริมฝีปากอิ่มเต็มที่เคลือบลิปมันเอาไว้แวววาว ผมยาวสลวยสีน้ำตาลตัดหน้าม้าเข้ากับใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม
ถ้าก้องบดินทร์เห็นเธอตอนอยู่ร้านขนมจะรู้ว่าสภาพในวันทำงานกับวันหยุดของกิรฏาต่างกันสุดๆ เพราะตอนทำขนมเธอจะอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน สวมหมวกเชฟ ขลุกตัวทำขนมอยู่ในครัวทั้งวัน เนื้อตัวเลอะไปด้วยแป้ง หน้าก็มันเยิ้มไปหมด ไม่ได้แต่งตัวและทำผมสวยอย่างนี้
ชายหนุ่มแอบเหล่ตามองลาดไหล่นวลเนียนและต้นขาขาวจั๊วะแวบหนึ่ง ก่อนจะดึงสายตากลับมามองพวงมาลัยรถเหมือนเดิม
“สวัสดีค่าพี่ก้อง” คนตัวเล็กยกมือไหว้เขาอย่างที่ทำเสมอเมื่อเจอกัน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกคนหน้ายักษ์ลวนลามด้วยสายตาไปแล้ว
“อืม” ก้องบดินทร์เพียงส่งเสียงในลำคอและไม่รับไหว้...อย่างที่ทำเสมอเมื่อเจอกัน
“วันนี้แต่งตัวหล่อจังเลยค่ะ” กิรฏายิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเป็นประกายพร่างพราว
คนหล่อก้มลงมองเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าและกางเกงยีนสีซีดกับรองเท้าผ้าใบสีดำที่ตนใส่อยู่ ก่อนจะยักไหล่ตอบเสียงเรียบ
“ก็เหมือนทุกวัน”
“ใช่ค่ะ หล่อเหมือนทุกวันเลย” คนตัวเล็กยังคงยิ้มหน้าแป้นแล้น
“กะจะให้ฉันชมกลับบ้างละสิ ฝันไปเถอะ” อยากจะยื่นมือไปดึงแก้มยุ้ยทั้งสองข้างนั่นจริงๆ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเขาเอ็นดูยายกอหญ้านะ รำคาญต่างหากล่ะ ยิ้มอยู่ได้
“โอ๊ยยย หญ้าไม่กล้าฝันขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่วันนี้พี่ก้องมารับหญ้าไปเที่ยวห้าง หญ้าก็ดีใจจนกระโดดรอบบ้านไปสิบรอบแล้ว”
“เว่อร์ซะไม่มี” ก้องบดินทร์ปรายตามองและทำหน้าเอือมๆ
“ฮิๆ” กิรฏาหัวเราะเสียงใสทั้งที่เพิ่งโดนว่า
“อยากไปห้างไหน” เขาถามเสียงห้วน
“ไปเอ็มควอเทียร์ก็ได้ค่ะ ใกล้บ้านดี”
“อือ”
“ขอบคุณนะคะ” กิรฏายิ้มร่าเริง
“ขอบคุณอะไร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน
“ขอบคุณที่มาค่ะ”
“ถ้าแม่ไม่บังคับ คิดเหรอว่าฉันจะมา” ก้องบดินทร์ว่าพลางออกรถมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่หญิงสาวบอกด้วยท่าทีไม่เต็มใจ
“งั้นขอบคุณป้ามลก็ได้ค่ะ” กิรฏายิ้มเผล่
ชายหนุ่มกลอกตาและถอนหายใจ “เฮ้อออ”
“มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่าคะ ถอนหายใจยาวเชียว ปรึกษาหญ้าได้เลยน้า หญ้ายินดีรับฟังปัญหาทุกอย่างของพี่ก้องค่ะ” คนตัวเล็กถามน้ำเสียงห่วงใย ทั้งที่รู้ว่าเขาถอนหายใจใส่เธอนั่นละ
“ชาติก่อนฉันทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงได้เกิดมาเจอเธอ” แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ทำไมพี่ก้องคิดในแง่ร้ายอย่างนั้นล่ะคะ ที่เราเจอกันชาตินี้อาจจะเป็นเพราะชาติก่อนเราทำบุญร่วมกันมาก็ได้ หรือไม่เราสองคนก็รักกันมาก และอธิษฐานว่าขอให้เกิดมาคู่กันทุกชาติไป”
“ถ้างั้นชาตินี้ฉันจะไม่โง่อธิษฐานอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
“แล้วคิดว่าจะหนีหญ้าพ้นเหรอ ยังไงหญ้าก็จะตามติดพี่ก้องไปทุกชาติ เหมือนก้อนเมฆที่อยู่คู่กับท้องฟ้า เหมือนดาวที่คู่กับดวงจันทร์ เหมือนเหาฉลามที่เกาะติดฉลามแน่น และเหมือนนกเอี้ยงที่เกาะอยู่บนหลัง...”
“ยายบ้า! ฉันไม่ใช่ควายเฒ่าเว้ย!”
กิรฏาหัวเราะคิก “ล้อเล่นค่า เอาแค่สองอันแรกก็พอเนอะ ดูโรแมนติกดี”
“อะไรก็ไม่เอาทั้งนั้น”
“โหย อะไรจะรังเกียจหญ้าขนาดนั้น” หญิงสาวตัดพ้ออย่างน้อยใจ
“ก็เธอมันน่ารำคาญ ตามติดฉันอยู่ได้ตั้งแต่เด็กจนโต”
“ก็หญ้าบอกตั้งแต่ตอน ป. หนึ่งแล้วว่าหญ้าจะเป็นเจ้าสาวของพี่ก้อง หญ้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นค่ะ” และเธอจะตามติดเขาไปอย่างนี้ละ จนกว่าเขาจะยอมใจอ่อน
เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า ก้องบดินทร์ก็พาหญิงสาวขึ้นไปยังชั้นที่เป็นร้านอาหารเพื่อรับประทานมื้อเที่ยงเป็นอันดับแรก บนชั้นนี้มีร้านอาหารมากมายทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และตะวันตก เรียกได้ว่าเยอะจนเลือกไม่ถูก
เจ้าของร่างสูงหนาเดินสองมือล้วงกระเป๋า ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งไร้รอยยิ้ม “ถ้าเลือกร้านได้แล้วบอกนะ” เขาหันไปบอกคนที่กำลังมองร้านนั้นร้านนี้ตาเป็นประกายเพราะอยากกินไปหมด
“ช่วยกันเลือกดีกว่าค่ะ”
“ฉันกินอะไรก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงขรึม
“งั้น...กินบิบิมบับกันนะคะ ไม่ได้กินนานละ” กิรฏาหมายถึงข้าวยำเกาหลีที่เป็นเมนูโปรดของเธอและอีกฝ่ายก็ชอบเมนูนี้เหมือนกัน
“อือ” ก้องบดินทร์พยักหน้าเบาๆ
จากนั้นก็เดินตามคนตัวเล็กไปยังร้านอาหารเกาหลีที่ว่า
...
“เอานักจิบิบิมบับค่ะ แล้วก็พุลโกกิสลัด แล้วก็ทักกักจอง แล้วก็...จาจังมยอนค่ะ พี่ก้องเอาอะไรคะ” กิรฏาเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังจากสั่งแบบรัวๆ
“เอาต๊อกคาลบิบิบิมบับครับ” เขาหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟสาวที่กำลังเตรียมจด
“เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ”
“ขอมะม่วงปั่นค่ะ”
“ผมเอาชาเขียวเย็น”
“รออาหารและเครื่องดื่มสักครู่นะคะ” พนักงานของร้านบอก ก่อนจะค้อมตัวอย่างสุภาพและเดินออกไป
“พี่ก้องกินแค่นี้เหรอคะ” ตัวเขาออกจะใหญ่กว่าเธอตั้งเยอะ แล้วดูสั่งสิ น้อยกว่าเธอตั้งสองเท่า
“ที่เธอสั่งก็เยอะแล้วนี่ เดี๋ยวกินด้วยกันก็ได้ ยังไงเธอก็กินไม่หมดแน่นอน”
กิรฏาหัวเราะแห้งๆ พี่ก้องนี่รู้ทันเธอจริงๆ
“ที่บ้านไม่มีกางเกงขายาวเหรอ” จู่ๆ ก้องบดินทร์ก็ถามขึ้นแบบห้วนๆ
“คะ?” หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะคิดว่าฟังผิด เขาจะถามอย่างนั้นทำไมกัน
“ที่บ้านไม่มีกางเกงขายาวเหรอ” คนหน้าดุทวนคำถามเดิม
“พี่ก้องถามทำไมอ้ะคะ” กิรฏาก้มลงมองกางเกงขาสั้นสีครีมที่นุ่งอยู่ กางเกงตัวนี้มันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ
“มันน่าเกลียด!” ดวงตาคมกริบฉายแววตำหนิราวกับเธอทำความผิดใหญ่หลวง
“หือ? น่าเกลียดตรงไหนคะ มันเป็นแฟชั่น ใครๆ เขาก็ใส่กัน อีกอย่างมันก็ไม่ได้สั้นเสมอหูสักหน่อย”
“ขาสั้นๆ ยังจะอยากโชว์อีก แล้วเสื้อน่ะ ใส่แบบที่มันปิดไหล่ได้ไหม จะเปิดทำไมไม่ทราบ เป็นผู้หญิงรู้จักอายบ้าง” ก้องบดินทร์ถอนหายใจยาวและทำหน้าเอือมระอา “อย่าคิดไปเองว่าฉันหวงเธอนะ ฉันก็แค่ตักเตือนแทนป้าพริ้ม เพราะท่านอาจไม่กล้าพูดกับเธอตรงๆ”
กิรฏาทำหน้างงจัด อะไรของพี่ก้องเนี่ย วัยทองหรือไง จู่ๆ ก็บ่นเธอรัวๆ จนฟังไม่ทัน ไม่บ่นอย่างเดียวดิ ด่าด้วย! หน็อย ว่าเธอขาสั้นงั้นเหรอ จ้าาา พ่อคนขายาววว เตี้ยได้แบบเค้าไหมล่ะ แบร่!
“หญ้าใส่ให้มิดชิดกว่านี้ก็ได้” แม้จะแอบบ่นคนหล่อในใจ แต่ก็ต้องยอมให้เขาอยู่ดี
ชายหนุ่มยักไหล่ “เธอไม่จำเป็นต้องทำตามที่ฉันบอก”
“ถ้าไม่ทำตาม พี่ก้องก็ดุหญ้าอีกสิคะ” หญิงสาวทำหน้ายู่ พี่ก้องนี่เอาใจยากจริง
“ฉันไม่ใช่พ่อเธอ ถึงจะได้ขัดคำสั่งไม่ได้ ฉันก็แค่พูดอย่างที่คิด ส่วนเธอจะทำตามหรือเปล่าก็เป็นสิทธิ์ของเธอ ถือว่าฉันได้บอกไปแล้ว”
“หญ้าไม่มีพ่อนี่คะ เลยไม่รู้ว่าขัดคำสั่งพ่อได้หรือเปล่า” ดวงตากลมโตทอแสงอ่อนลงเล็กน้อย ใบหน้าหวานก้มลงและยิ้มเศร้า
ก้องบดินทร์เห็นอย่างนั้นก็เริ่มรู้สึกผิดที่พูดไม่คิด “นี่” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังเหมือนจะอ่อนโยนก็ไม่ใช่ จะแข็งกระด้างก็ไม่เชิง
“คะ?” กิรฏาเงยหน้าขึ้นมองเขาและฝืนยิ้มสดใส
“ฉันขอโทษ” เจ้าของเสียงทุ้มสบตาเธอนิ่งๆ
“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าและยิ้มกว้างกว่าเดิมเพื่อยืนยันว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ
ดวงตาคมจับจองวงหน้าหวานอยู่ครู่ ก่อนที่เขาจะพยักหน้า
“งั้นก็ดีแล้ว”
เมื่ออาหารมาถึง อาการซึมของคนตัวเล็กก็หายไปทันที เพราะมีอาหารหน้าตาน่ากินวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด โดยเฉพาะอาหารจานโปรดอย่างบิบิมบับ
“คลุกเลยไหมคะ” พนักงานเสิร์ฟสาวถามอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคลุกเอง” กิรฏายิ้มขอบคุณ ก่อนจะหันมาหาก้องบดินทร์ “ขอหญ้าถ่ายรูปลงไอจีแป๊บนึงนะคะพี่ก้อง” ว่าแล้วเธอก็ควักสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋าสะพาย และลุกขึ้นถ่ายรูปไว้หลายรูป แล้วค่อยมาเลือกรูปที่ดีที่สุดเพื่ออัปโหลดลงอินสตาแกรมทีหลัง
“ไร้สาระจริงๆ” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ พลางส่ายหน้าไปมา แม้เขาจะเล่นโซเชียลมีเดียทุกชนิด ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม แต่ก็แทบไม่ได้อัปอะไรเลยทั้งรูปและสเตตัส ที่ใช้บ่อยสุดคงเป็นไลน์ เพราะติดต่องานและเพื่อนผ่านทางนั้น
“เสร็จแล้วค่า กินได้!” กิรฏาบอกเสียงสดใสและนั่งลงประจำที่ของตัวเอง
ก้องบดินทร์หยิบตะเกียบและช้อนมาคลุกข้าวยำเกาหลีของเขาให้เข้ากัน ขณะที่หญิงสาวก็คลุกเคล้าของตัวเองอย่างสนุกสนานราวกับเป็นของเล่น ก่อนจะกินอย่างเอร็ดอร่อย
“มา-ชิส-ซอ-โย” กิรฏาทำหน้าฟินสุดๆ
“อะไร”
“ที่หญ้าพูดเมื่อกี้เหรอคะ”
“อือ”
“ภาษาเกาหลี แปลว่า อร่อยค่ะ แต่ถ้าออกเสียงสูงที่คำสุดท้ายจะกลายเป็นคำถามว่า อร่อยไหม” เธออธิบายก่อนจะถามคนนั่งตรงข้าม “มา-ชิส-ซอ-โย้”
“อืม”
“ทำหน้าฟินด้วยสิคะ มา-ซิส-ซอ-โย! แบบนี้ค่ะ” กิรฏาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
คนหน้านิ่งส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะตั้งใจกินอย่างเดียว
หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยังยิ้มได้ เพราะชินเสียแล้วกับความเย็นชาของเขา ถ้าก้องบดินทร์เล่นกับเธอสิจะแปลกมาก
ระหว่างกินอาหารอยู่นั้น กิรฏาแอบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำทีเหมือนเช็กข้อความ แต่ความจริงแล้วแอบถ่ายรูปชายหนุ่มเก็บเอาไว้
หัวใจของเธอเต้นตึ้กตั้กเพราะกลัวอีกฝ่ายจับได้ รีบกดถ่ายและเก็บเครื่องมือสื่อสารไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม โดยยังไม่ได้ดูว่ารูปเบลอหรือเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่พอไปเช็กทีหลังแล้วมักจะเบลอเพราะมือสั่น แต่รูปพวกนี้เธอไม่ได้เอาไปเผยแพร่ที่ไหนหรอก แค่เอาไว้เปิดดูคนเดียวเวลาว่างๆ เพราะดูรูปเขาทีไร เธอก็มีความสุขทุกที
ความคิดเห็น |
---|