5

แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็สุขใจแล้ว


5

แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็สุขใจแล้ว

 

หลังจากกินอาหารคาวเสร็จแล้ว กิรฏาก็ชวนชายหนุ่มไปกินของหวานต่อ และไหนๆ ก็กินอาหารเกาหลีแบบจัดเต็มไปแล้ว ของหวานก็ควรจะต้องเป็นอะไรที่เกาหลีๆ เหมือนกัน หญิงสาวเลยเลือกร้านบิงซูชื่อดังซึ่งส่งตรงมาจากประเทศต้นตำรับนั่นเอง

“ยังจะกินอีก เดี๋ยวก็ท้องแตกตายหรอก” ก้องบดินทร์ทำหน้าทึ่ง เพราะขนาดเขาเป็นผู้ชายยังรู้สึกแน่นท้องเลย แต่ยายกอหญ้าตัวเล็กเท่าลูกแมว ยังเหลือพื้นที่กระเพาะให้กินเพิ่มอีกเหรอ

“พี่ก้องอิ่มแล้วเหรอคะ” เจ้าของดวงตากลมโตถามเสียงใส

“เออดิ”

“งั้นนั่งเป็นเพื่อนหญ้าเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

“คนอะไรกินเยอะจริงๆ เมื่อกี้ก็ตั้งหลายอย่าง ยังจะยัดลงไปได้อีก” คนหล่อส่ายหน้าไปมา

“ไม่ได้ยัดสักหน่อยค่ะ บิงซูเข้าปากแล้วมันก็ละลายเป็นน้ำ เหมือนเรากินน้ำนั่นแหละ ไม่ได้ใช้พื้นที่กระเพาะเยอะเลย หญ้าสามารถค่ะ!”

“อยากกินก็กิน” แม้จะมีท่าทีไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายเขาก็เดินตามเธอเข้าไปนั่งในร้านขนมหวานอยู่ดี

กิรฏาสั่งบิงซูสตรอว์เบอร์รีไซซ์ใหญ่ เพราะชอบรสหวานอมเปรี้ยวซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับน้ำแข็งไสเนื้อเนียนละเอียดที่ทำจากนม ส่วนเครื่องดื่มนั้นไม่ได้สั่ง เพราะทางร้านมีน้ำเปล่าไว้บริการฟรี

ระหว่างรอพนักงานทำบิงซู หญิงสาวก็หยิบสมาร์ตโฟนออกมาเลือกรูปอาหารที่ถ่ายในร้านบิบิมบับเมื่อครู่และอัปโหลดลงอินสตาแกรม พร้อมแคปชั่นว่า

I’m always happy to see you. ^^

เมื่ออัปเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นมาคุยกับคนที่ทำให้เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอหน้า

“อาทิตย์ที่ผ่านมางานเป็นยังไงบ้างคะ” กิรฏาชวนคุยอย่างกระตือรือร้น

หญิงสาวเป็นคนสดใสร่าเริงและมีชีวิตชีวาอย่างนี้เสมอ และยังทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้เธอรู้สึกสดชื่นเบิกบานตามไปด้วย ยกเว้นแต่ก้องบดินทร์นี่ละมั้งที่ดูตรงข้าม เพราะอีกฝ่ายชอบทำหน้าเข้มตลอดเวลาอยู่ด้วยกัน

“ก็ดี” เขาเว้นวรรคนานเหมือนจะหยุดพูดแค่นั้น แต่ตอนที่หญิงสาวจะถาม ริมฝีปากรูปกระจับสีระเรื่อก็ขยับเอ่ยต่อเสียก่อน “แล้วที่ร้านเธอเป็นไงบ้าง”

คนถูกถามหัวใจพองโตด้วยความปลาบปลื้ม พี่ก้องก็สนใจเรื่องของเราเหมือนกันนะเนี่ย

“ลูกค้าเยอะทุกวันเลยค่ะ แต่ถึงจะเหนื่อย หญ้าก็ดีใจที่คนชอบขนมของหญ้า ตอนนี้หญ้ากำลังจะทำเมนูใหม่ออกมาขายด้วยนะคะ เพราะลูกค้าคนนึงบ่นว่ากินครบทุกเมนูแล้ว อยากกินเมนูใหม่บ้าง” นัยน์ตาหวานเป็นประกายภาคภูมิใจและมีความสุข

“แค่คนเดียวเอง ถึงกับต้องลงทุนทำเมนูใหม่” ลูกค้าคนนั้นคงพิเศษมากสินะ

“ไม่ได้หรอกค่ะ เราทำธุรกิจร้านอาหารและบริการ ต้องฟังเสียงของลูกค้าค่ะ ถึงจะแค่คนเดียวก็ต้องให้ความสำคัญ”

“นาย ณภัทรเหรอที่บ่น”

กิรฏาได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะครืน “พี่ก้องคะ ลูกค้าร้านหญ้าก็ไม่ได้มีแค่น้องนายคนเดียวไหมคะ”

“จะไปรู้เหรอ เห็นเธอคลั่งหมอนั่นมากนี่” คนที่เดาผิดทำเป็นโวยวายแก้เขิน

“ไม่ใช่น้องนายหรอกค่ะ ลูกค้าคนนี้เขาเป็นฟรีแลนซ์กราฟิกดีไซเนอร์ มานั่งทำงานที่ร้านหญ้าเกือบทุกวัน เพราะบรรยากาศดี แถมมีฟรีไว-ไฟ คนขายก็น่ารัก” หญิงสาวยิ้มแป้นแล้นขณะพูดสโลแกนร้านที่เพิ่งคิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ

“ก็ดี” ก้องบดินทร์ยักไหล่ส่งๆ

“เอ้อ มีเรื่องขำๆ เกี่ยวกับลูกค้าคนนี้ด้วยนะคะ” กิรฏาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มขัน “คือพี่ตุ๊กติ๊ก ผู้ช่วยของหญ้าน่ะค่ะ แกคิดว่าลูกค้าคนนี้มาที่ร้านบ่อยๆ เพราะสนใจหญ้า แสดงว่าหญ้าก็เสน่ห์แรงไม่เบานะคะเนี่ย”

“อย่างเธอนี่มีผู้ชายสนใจด้วยเหรอ” เขาทำหน้าเหมือนได้ยินว่าหมีแพนด้าออกลูกทางตูด

“อย่างหญ้ามันยังไงเหรอคะ” คนตัวเล็กทำปากยื่นอย่างแสนงอน

“ก็...เตี้ย หน้ากลม หูกาง คางสั้น แถม...”

“พี่ก้องอ้ะ! พอเลย หญ้าไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย” หญิงสาวตัดบทก่อนที่เขาจะได้พรรณนาต่อ

“มั่นใจ?” คิ้วหนาเลิกขึ้น

“มั่นใจสิคะ”

“งั้นก็มั่นใจต่อไป” ปากบอกอย่างนั้น แต่กลับนั่งขำเธออย่างไม่เกรงใจ

“ค่ะ ถ้ามีหนุ่มมาจีบอย่ามาหึงเค้าก็แล้วกัน” เธอสะบัดหน้าใส่คนปากร้าย

“รีบมาจีบเลย จะแถมบ้านพร้อมที่ดินหนึ่งหลังให้ด้วยถ้าจีบสำเร็จ ฉันจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับเธอ”

“เสียใจด้วยค่ะที่พี่ก้องจะไม่มีวันได้ทำอย่างนั้น เพราะหญ้ารักแล้วไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ” กิรฏายิ้มแฉ่งและมองเขาด้วยแววตามั่นคง

“เฮ้อ!” คนตัวโตถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นหน้ากลมๆ และดวงตาที่เป็นประกายพร่างพราวที่แสนน่ารำคาญคู่นั้น

ผ่านไปประมาณห้านาที เพจเจอร์เรียกคิวที่วางอยู่บนโต๊ะก็กะพริบไฟวิบวับๆ ขึ้นมา และสั่นเตือนว่าบิงซูที่เธอสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว

กิรฏาหยิบตลับทรงกลมที่เล็กกว่าฝ่ามือขึ้นมาและลุกขึ้นเตรียมจะไปรับขนมหวานที่เคาน์เตอร์ แต่จังหวะนั้นเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น

“เดี๋ยวฉันไปเอาให้” เมื่อเห็นเธอยิ้ม เขาก็เอ่ยต่อเสียงเรียบ “อยากเดินออกกำลังให้อาหารย่อย”

“ขอบคุณค่ะ” ถึงเขาจะมีเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เพราะอยากเทกแคร์เธอ แต่หญิงสาวก็ปลื้มใจอยู่ดี ว่าแต่เดินแค่ไม่ถึงสิบก้าวนี่ก็เรียกว่าออกกำลังกายได้แล้วเหรอคะพี่ก้อง กิรฏานั่งขำอยู่คนเดียวหลังจากที่คนตัวสูงเดินออกจากโต๊ะไปแล้ว

หญิงสาวยกมือขึ้นมาเท้าคาง นั่งมองแผ่นหลังกว้างน่าอบอุ่นของผู้ชายที่เธอรักด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มละไม รู้สึกเบิกบานในใจอย่างมากมาย

นี่สินะเขาถึงบอกว่าแค่ได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่เรารักก็สุขใจแล้ว ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะไม่ได้รู้สึกเหมือนกันเลยก็ตาม แต่เธอก็ยังหวังนะว่าสักวันหนึ่งเขาจะชอบเธอบ้าง ขอแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของหัวใจเขาก็ยังดี เพราะถ้าขอใจทั้งดวงคงมากไป และไม่มีวันเป็นไปได้แน่ๆ

 

ก้องบดินทร์เดินกลับมาพร้อมกับถาดที่มีถ้วยบิงซูสตรอว์เบอร์รีสีแดงน่ากิน กิรฏายังคงมองร่างสูงหนาด้วยความชื่นชม ในขณะที่เขาทำหน้านิ่ง ไม่สบตาเธอ จนกระทั่งนั่งลงบนที่นั่งตรงข้าม

“เดี๋ยวหญ้าไปขอถ้วยเล็กมาแบ่งนะคะ” หญิงสาวกำลังจะลุกขึ้นเมื่ออีกฝ่ายบอกเสียงดุ

“ขอทำไม กินแค่สองคน”

“ก็...หญ้ากลัวพี่ก้องจะรังเกียจนี่คะ” กิรฏาตอบเสียงอ่อย

“ไม่ต้อง พนักงานเขายุ่งมากอยู่แล้ว จะไปเพิ่มภาระให้เขาอีกทำไม แทนที่จะล้างถ้วยนี้ถ้วยเดียวก็ต้องล้างเพิ่มอีกสอง เปลืองน้ำ”

“ก็ได้ค่ะ พี่ก้องสบายใจได้นะคะ หญ้าไม่ได้เป็นโรคติดต่ออะไร กินด้วยกันได้ค่ะ”

“ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรเหมือนกัน”

“งั้นเรากินกันเลยนะคะ”

คนหล่อหน้าตึงขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินอะไรสะดุดหู

“หญ้าหมายถึงกินบิงซูกันเลยค่ะ ไม่ได้หมายความว่าให้เราสองคน ‘กินกัน’” แหม พูดย่อไม่ได้เลยนะ อะไรจะจับผิดขนาดนั้น แล้วที่พูดเมื่อกี้น่ะก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องอย่างว่าเลยสักนิด พี่ก้องนั่นแหละที่คิดหื่นไปเอง อ้อ แล้วไหนตอนแรกทำเหมือนจะไม่กิน พอสั่งมาแล้วก็เนียนจะกินกับเราเฉยเลย เชอะ!

“ไม่ถ่ายรูปก่อนเหรอ” คนตัวโตเลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย

“เอ้อ ลืมไป ขอเวลาสามสิบวิค่ะ” กิรฏารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปบิงซู ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าสะพายเหมือนเดิม “เริ่มกินได้ค่า” ว่าแล้วเธอก็หยิบช้อนขึ้นมาตักขนมหวานเข้าปากเป็นคนแรก “สุโก้ยยย” เธอเอ่ยคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า สุดยอด

“ผิดประเทศแล้ว”

หญิงสาวหัวเราะคิก “พี่ก้องคะ พี่จะจริงจังเกินไปแล้วนะคะ หญ้านึกอะไรขึ้นมาได้ก็พูดขำๆ ไปงั้นแหละค่ะ”

“ฉันไม่ไร้สาระแบบเธอนี่”

“บางทีคนเราก็ต้องทำตัวไร้สาระบ้างนะคะ จริงจังตลอดเครียดตายเลย”

“ฉันก็ยังไม่ตายนี่”

“เถียงเก่งสุด ถ้าไม่หล่อนี่จะจับตีก้นละ”

ก้องบดินทร์ถอนหายใจไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรของวันนี้ ในขณะที่กิรฏานั่งอมยิ้มอย่างมีความสุข หยอกใครก็ไม่สนุกเท่าหยอกพี่ก้องอีกแล้ว

บิงซูถ้วยใหญ่หมดไปครึ่งถ้วยในเวลาไม่นาน ผลงานครึ่งหนึ่งเป็นของกิรฏา เพราะชายหนุ่มกินไม่เร็วแบบเธอ

“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำก่อนนะ”

“ค่ะ” เธอเพิ่งนึกได้เหมือนกันว่ายังไม่มีน้ำ

ไม่ถึงหนึ่งนาที ก้องบดินทร์ก็เดินกลับมาพร้อมน้ำเปล่าสองแก้ว เขาวางแก้วหนึ่งลงตรงหน้าเธอ และอีกแก้ววางไว้ด้านหน้าตัวเอง จากนั้นก็หยิบสมาร์ตโฟนออกมากดเล่น

“อิ่มแล้วเหรอคะ”

“อือ”

“เบื่อไหมคะ”

“ทำไม”

“ก็...พี่ก้องไม่ได้อยากมากับหญ้านี่นา”

เขาไม่ตอบ แต่พูดไปอีกอย่าง “จะกลับตอนนี้ก็คงช้าไปแล้วละมั้ง”

“งั้นเราไปดูหนังกันต่อไหมคะ อาทิตย์นี้มีหนังเข้าใหม่หลายเรื่องเลย” กิรฏาจินตนาการถึงโมเมนต์สุดโรแมนติกในโรงหนังแล้วหัวใจดวงน้อยก็ฟูฟ่องล่องลอยไปไกลแสนไกล

มันจะมีชอตแบบว่าบังเอิญจับมือกันตอนล้วงถังป๊อปคอร์นไหมนะ หรือไม่เขาก็อาจจะทำเนียนคว้ามือเธอไปกุมไว้และบอกแบบมึนๆ ว่าแก้หนาว และยิ่งไปกว่านั้นพี่ก้องอาจจะหันมาจูบเธอระหว่างฉากโรแมนติกสุดซาบซึ้งเพราะอินจัดจนนึกว่าตัวเองเป็นพระเอก โอ๊ยยย แค่คิดก็ฟินไปถึงนอกโลกแล้ววว

“ไปก็ได้” เจ้าของเสียงทุ้มตอบเรียบๆ

“ขอบคุณมากนะคะ” คนที่รอคำตอบอยู่ยิ้มกว้างจนตาหยี การได้มีโอกาสดูหนังกับคนที่เรารักนี่เป็นอะไรที่ทำให้หัวใจพองโตคับอกจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลยว่าไหม

หญิงสาวกินบิงซูต่ออย่างเอร็ดอร่อย แม้จะไม่ได้ราดนมข้นเพิ่ม แต่รู้สึกว่าน้ำแข็งเกล็ดหิมะนั้นหวานฉ่ำเหลือเกิน คงเป็นเพราะมีก้องบดินทร์อยู่ด้วยในตอนนี้นั่นละ กิรฏากินไปยิ้มไป

“กอหญ้า”

“คะ?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียก

“ฉันอยากให้เธอทบทวนเรื่องการแต่งงานอีกครั้งได้ไหม” ก้องบดินทร์มองอย่างขอร้อง

“หญ้าทบทวนดีแล้วค่ะ หญ้าจะแต่งงานกับพี่ก้อง”

“แต่ฉันไม่ได้รักเธอนะ” เขาพูดประโยคเหมือนเมื่อหลายวันก่อน แต่น้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นเยอะ เพราะเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลก็คงต้องใช้ไม้อ่อนแทน “คนไม่ได้รักกัน ถึงแต่งงานกันไปก็ไม่มีความสุขหรอก เชื่อฉันสิ”

“พี่ก้องมีคนที่รักอยู่แล้วเหรอคะ” หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนรู้สึกปวดหนึบๆ เมื่อได้ยินคำว่าไม่รักซ้ำๆ จากปากคนที่เธอรัก

ก้องบดินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “ไม่มี”

กิรฏาโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก “ก็เพราะพี่ก้องไม่มีแฟน ป้ามลเลยต้องให้หญ้าแต่งงานกับพี่ก้องเพื่อสะเดาะเคราะห์ไงคะ”

“นี่เธอก็เชื่อเรื่องที่หมอดูทำนายด้วยเหรอ” พวกผู้หญิงนี่งมงายกันจริงๆ

“ก็ไม่ได้เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ควรจะป้องกันไว้ก่อนนี่คะ ถ้าพี่ก้องเป็นอะไรไป ป้ามลต้องเสียใจมากแน่ๆ”

“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า”

“หญ้ารู้ค่ะ แต่อนาคตไม่มีใครเดาได้ว่ามันจะเกิดเรื่องร้ายตามคำทำนายไหม เพราะงั้นเราทำเพื่อความสบายใจไว้ก่อนดีกว่าค่ะ”

“ตกลงไม่ว่ายังไงก็จะแต่งงานกับฉันใช่ไหม” เสียงของคนหล่อเริ่มจะเข้มขึ้นอีกแล้ว แถมยังมองเขม็งเหมือนพร้อมจะกัดคอเธออีกด้วย

กิรฏาพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะ อย่างที่หญ้าบอกตั้งแต่วันนั้น วันนี้หญ้าก็ยังยืนยันคำเดิม”

ก้องบดินทร์มองตาเธอและกระตุกยิ้มมุมปาก “แน่ใจ?”

ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นมันไม่น่าไว้ใจเลย แต่ก็เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ค่ะ”

ทันทีที่เธอตอบ ชายหนุ่มก็อ้าปากและปล่อยเสียงบางอย่างออกมาดังลั่นร้าน “เอิ๊กกก!”

เสียงเรอที่ดังกังวานและยาวเหมือนหวูดรถไฟทำให้คนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียว ก้องบดินทร์นั่งยิ้มอย่างไม่ใส่ใจสายตานับสิบคู่ ที่พอทุกคนรู้ว่าเสียงเรอสุดน่าเกลียดมาจากใครก็หันกลับไปซุบซิบกันขำๆ แทนที่จะทำท่ารังเกียจ คงเป็นเพราะคนที่ทำแบบนี้หน้าตาหล่อโคตรๆ ละมั้ง คนหล่อนี่ทำอะไรก็ดูดีไปหมดจริงๆ

ส่วนกิรฏาที่สตันไปห้าวินาทีเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะปล่อยเสียงเอิ๊กอ๊ากออกมาแบบเต็มสตรีมก็เรียกสติกลับมา ก่อนจะยิ้มขำๆ และกินบิงซูต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หึ พี่ก้องคิดว่าเธอจะอายงั้นเหรอ บอกเลยว่าไม่ คนที่ควรจะอายคือเขาต่างหาก รูปหล่อออร่ากระจายขนาดนี้ แถมหุ่นดีน่ากอดขนาดนั้น กล้าเรอออกมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหวได้ยังไงกัน ไม่รักษาภาพพจน์เลย

“จะเรออีกก็ได้นะคะ ตามสบาย” หญิงสาวยิ้มตาใส

“นี่เธอไม่อายเลยเหรอ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงเพราะสิ่งที่คิดไว้ดันผิดแผน

“อายทำไมคะ กินอิ่มก็ต้องเรอ เรื่องธรรมชาติ นี่หญ้าก็อยากเรออยู่เหมือนกัน” พูดจบลมจากท้องก็ตีขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันได้ปล่อยออกมาก็โดนคนหน้ายักษ์ห้าม

“หยุดเลยนะ ถ้าจะเรอก็ไปเรอข้างนอก”

“ไรอ้ะ ไม่ยุติธรรมเลย ทีตัวเองนะเรอดังยิ่งกว่าเสียงอึ่งอ่างร้องหลังฝนตก หญ้ายังไม่ว่าอะไรเลย”

“เว่อร์ รีบกินให้เสร็จ จะได้ไปดูหนังแล้วกลับบ้าน” คนที่วางแผนจะแกล้งคนอื่นแต่แกล้งไม่สำเร็จเอ่ยเสียงดุ

“ค่า รีบกินเดี๋ยวนี้ละ” ขู่ได้ขู่ดีจริงจริ๊ง อย่าให้ถึงทีกอหญ้าบ้างแล้วกัน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น