6

เจ้าบ่าวของกอหญ้า


6

เจ้าบ่าวของกอหญ้า

 

“ศพเฮี้ยนวิญญาณหลอน เอาเรื่องนี้ละ”

ก้องบดินทร์ที่กำลังยืนกอดอกดูโปรแกรมหนังพยักหน้ากับตัวเอง

“เอ่อ พี่ก้องแน่ใจเหรอคะ” กิรฏากะพริบตาปริบๆ เพราะเธอกลัวผีเป็นที่สุด และพี่ก้องก็รู้ดีด้วย

“แน่ใจสิ ทำไมเหรอ” คนตัวโตเลิกคิ้วหนาขึ้น

“ดูเรื่องนี้ดีกว่าค่ะ สัญญารักในคืนฤดูหนาว นางเอกน่ารักนะคะ วิวในเรื่องก็สวยด้วย พี่ก้องต้องชอบแน่นอน” สาวหน้ากลมพยายามโน้มน้าว

“ฉันไม่ชอบดูหนังเกาหลี”

“หญ้าก็ไม่...” ยังไม่ทันได้พูดจบ ชายหนุ่มก็แทรกขึ้น

“ไม่ชอบหนังผีเหรอ ถ้างั้นกลับบ้านกันเลยก็ได้นะ ฉันก็ไม่ได้อยากเสียเวลาดูหนังกับเธอสักเท่าไหร่” หึๆๆ นึกแล้วว่ายายกอหญ้าต้องมีปัญหา เพราะยายนี่กลัวผีขึ้นสมอง ตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังกลัวเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แต่ดีแล้วละ เขาจะได้ใช้จุดอ่อนข้อนี้มาแกล้งให้สะใจไปเลย

“ไม่เอา หญ้าอยากดูหนังกับพี่ก้อง แต่ดูเรื่องอะไรก็ได้ค่ะที่ไม่ใช่ศพเฮี้ยนวิญญาณหลอน” กิรฏามองด้วยแววตาออดอ้อน หวังว่าเขาจะใจอ่อน แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง

“ไม่ ฉันจะดูเรื่องนี้ ดูสิ แค่โปสเตอร์ก็หลอนโคตรๆ แล้ว” ก้องบดินทร์ชี้ไปยังโปสเตอร์ที่เป็นภาพผู้หญิงใส่ชุดคลุมท้องสีขาวนอนคอหักอยู่บนพื้น ตาถลน และมองมาด้วยสายตาอาฆาตแค้น ชวนให้สยดสยองจนคนไม่กลัวผีอย่างเขายังแอบขนลุกเบาๆ

“พี่ก้องแกล้งหญ้าเหรอ” หญิงสาวทำปากยื่นเหมือนเป็ด

“แกล้งอะไร ฉันอยากดูเรื่องนี้จริงๆ ถ้าเธออยากดูหนังรักก็ซื้อตั๋วคนละโรง จบ!”

“แล้วมันมีจะมีความหมายอะไรล่ะคะถ้าเราไม่ได้ดูด้วยกัน”

“จะเอาไง เรื่องมากจริงๆ ถ้าอยากดูกับฉันก็ต้องดูหนังที่ฉันเลือก เพราะยังไงฉันก็ไม่มีทางไปดูหนังโรแมนติกบ้าบอไร้สาระนั่นแน่นอน มันไม่อิน!” เจ้าของร่างสูงหนายื่นคำขาด

กิรฏาคิดหนัก อยากดูหนังกับเขาก็อยากดู กลัวผีก็กลัว โดยเฉพาะการดูหนังผีในโรงหนังที่มาเต็มทั้งภาพและเสียงแบบสเตอริโอรอบทิศทางยิ่งจะทำให้เธอกลัวกว่าเดิมเป็นสิบเท่า

“นับหนึ่งถึงสอง ถ้าไม่ดูก็กลับบ้าน” ก้องบดินทร์รำคาญเต็มทน เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ยืนทำหน้าแหยไม่ยอมตอบสักที ว่าแล้วเขาก็เริ่มนับ “หนึ่ง...”

“ค่ะๆ ดูก็ได้” ถ้าไม่ใช่พี่ก้อง เธอคงไม่ฝืนตัวเองขนาดนี้แน่ๆ

“ก็แค่นี้”

“แต่ถ้าหญ้าหัวใจวายขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบคะ” หญิงสาวลองใจเขา เพราะอยากรู้ว่าเขาไม่ห่วงเธอเลยหรือยังไง แต่คำตอบที่ได้ยินก็ทำเอาแทบร้องไห้

“จะโทร. เรียก 1669 ให้แล้วกัน” คนหล่อบอกอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินไปซื้อตั๋วหนังสยองขวัญพร้อมลอบยิ้มอย่างพอใจ ยายกอหญ้าเอ๋ย ได้ฉี่แตกคาโรงหนังแน่นอน!

...

ก้องบดินทร์เดินออกจากโรงหนังพร้อมหัวใจที่เต้นแรงไม่หาย เพราะหนังสนุกและมันสุดๆ โดยเฉพาะฉากฆ่าหั่นศพที่ทำได้สมจริงมาก จนแวบหนึ่งคิดว่าเอาคนจริงๆ มาหั่น ขณะคนตัวเล็กที่กำลังเดินตามหลังมาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้

“สนุกไหมกอหญ้า” คนตัวโตถามเสียงหวาน

“ยังจะถามอีกเหรอคะ หญ้าเกือบหัวใจวายตั้งหลายรอบตอนผีโผล่มา ไม่รู้จะใส่เสียงเอฟเฟกต์ให้ตกใจทำไม แค่ภาพก็หลอนจะแย่อยู่แล้ว” กิรฏาเอ่ยอย่างคับแค้นใจคนตัดต่อ จากความยาวทั้งหมดของหนังสองชั่วโมง เธอหลับตาไปประมาณหนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาที เพราะมีฉากสยองแทบทั้งเรื่อง ดีนะที่มีแขนล่ำๆ ของพี่ก้องให้ซบ ไม่งั้นคงขวัญกระเจิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“มันก็แค่คนแต่งเป็นผี จะกลัวทำไม” เขารำคาญเสียงกรี๊ดของยายกอหญ้าที่สุด ผีโผล่ทีไรก็กรี๊ดลั่นเมื่อนั้น แถมยังเอาหน้ามาซบแขนเขาเสียแน่นจนขยับไม่ได้

“เขาก็สร้างหนังมาให้เรากลัวไม่ใช่เหรอคะ”

“สร้างมาให้พวกขวัญอ่อนอย่างเธอกลัวต่างหาก”

“พี่ก้องไม่กลัวเลยจริงๆ อ้ะ”

“ไม่ แค่คิดว่าหลังกล้องทั้งผีทั้งคนมานั่งก๊งเหล้ากันฉันก็หายกลัวแล้ว”

“แล้วจะดูทำไม”

“ก็ดูสนุกๆ” เขายักไหล่ “ว่าแต่...วันหลังมาดูกันอีกไหม” สุดหล่อชวนพลางยิ้มหวาน แต่มันเป็นยิ้มที่เคลือบแฝงไว้ด้วยเล่ห์กล

กิรฏารู้ว่าเขาอยากให้ตอบว่าไม่ แต่ฝันไปเถอะว่าเธอจะยอมตามเกม “เอาสิคะ วันไหนดี”

“นี่เธอกลัวจนเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย” ชายหนุ่มทำหน้าทึ่ง

“เปล่าค่ะ หญ้ายังปกติดีเหมือนเดิม แล้วคราวหน้าจะไม่ซบแขนเฉยๆ ละ กอดเลยดีกว่า” หญิงสาวยิ้มทะเล้น ตอนซบแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของพี่ก้องอ้ะเธอฟินสุดๆ ไปเลย แถมตัวพี่ก้องก็ฮ้อมหอมจนอยากจะขอเอาไปกอดแทนหมอนข้าง แต่เขาคงไม่อนุญาตหรอก แถมยังจะดุเธออีกด้วย

“ไอ้หื่น!” เขามองเธออย่างประณาม

“เอ้า ก็หญ้ากลัวผีนี่นา อยู่ใกล้ใครก็กอดคนนั้นก่อนแหละ” นัยน์ตาหวานเป็นประกายซุกซน

“คราวหน้าจะจองให้ไปนั่งแถวหน้าสุดตรงกลางจอคนเดียวเลย” ก้องบดินทร์บอกด้วยน้ำเสียงเอาจริง

“ไม่เอานะ ถ้าพี่ก้องทำอย่างนั้น หญ้าจะฟ้องป้ามลกับป้าพริ้มว่าพี่ก้องแกล้งหญ้า” พี่ก้องคงลืมไปแล้วสินะว่าแบ็กเธอดีมากกก

“เอะอะก็ฟ้อง ทำตัวเหมือนเด็กๆ” เขาส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

“งั้นก็อย่าแกล้งหญ้าสิคะ” หญิงสาวบอกเสียงอ้อนและมองคนหล่อตาปรอย

“ไม่รับประกัน” ถ้าเธอยังยืนยันจะแต่งงานกับเขา เขาก็จะหาโอกาสแกล้งต่อไปแบบนี้ละ เธอจะได้โกรธและไม่อยากแต่งงาน “แล้วนี่เธออยากทำอะไรอีกไหม ถ้าไม่จะได้กลับ”

“ไม่แล้วค่ะ วันนี้หญ้ารบกวนพี่ก้องมามากแล้ว เดี๋ยวเรากลับกันเลยดีกว่า” จริงๆ เธอก็อยากใช้เวลาอยู่กับเขาต่อละ แต่เกรงใจ เพราะนี่ก็อยู่ด้วยกันมาหลายชั่วโมงแล้ว

“อืม” ก้องบดินทร์ส่งเสียงตอบในลำคอ ก่อนถาม “จะเข้าห้องน้ำหรือเปล่า”

“แฮ่ รู้ได้ไงคะว่าหญ้ากำลังปวดฉี่” เจ้าของใบหน้ากลมยิ้มทะเล้น

“ฉันก็จะไปฉี่เหมือนกัน”

“อ๊ะ ท่อเต็มเหมือนกันนี่เอง”

ก้องบดินทร์ถอนหายใจเพราะคำพูดก๋ากั่นของอีกฝ่าย “เจอกันหน้าห้องน้ำแล้วกันนะ” คนตัวโตบอกแล้วเดินแยกไปเข้าห้องน้ำชาย

ส่วนกิรฏาก็ไปยืนต่อคิวห้องน้ำหญิงที่แถวค่อนข้างยาว เพราะหลายคนที่เพิ่งดูหนังเสร็จมาเข้าห้องน้ำในจังหวะเดียวกันพอดี

เมื่อออกมาจากห้องน้ำ หญิงสาวก็เห็นก้องบดินทร์กำลังยืนเล่นโทรศัพท์มือถือรออยู่อย่างที่คาดเดา จึงเดินเข้าไปหาเขา

“ขอโทษนะคะพี่ก้อง พอดีคิวยาวน่ะค่ะ” กิรฏาพูดพลางดึงกางเกงที่เข้าวินออกให้เรียบร้อย

“ทำอะไรน่าเกลียดอยู่เรื่อย แทนที่จะแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ” เจ้าของร่างสูงหนาส่งสายตาตำหนิมาให้

คนตัวเล็กทำหน้าจ๋อย วันนี้เธอโดนพี่ก้องดุไปกี่ทีแล้วนะ ดุได้ ดุดี ดุจริง ดุจัง ถ้าไม่หล่อจะขอเรียกว่าร็อตไวเลอร์แล้วนะเนี่ย

“ก็หญ้าเกรงใจคนที่ต่อคิวอยู่นี่คะ กลัวพี่ก้องจะรอนานด้วย ก็เลยรีบออกมา”

“ช่างเถอะ เธอจะเดินออกมาแบบกางเกงเข้าวิน ลืมรูดซิป หรืออะไรมันก็เรื่องของเธอ”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้สายตาของเธอตวัดมองเป้ากางเกงยีนของก้องบดินทร์โดยอัตโนมัติ ก่อนที่แก้มอิ่มจะขึ้นสีแดงแจ๋ เมื่อพบว่า...

“พี่ก้องลืมรูดซิปค่ะ!” กิรฏาละล่ำละลักบอก ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นกางเกงในสีดำแวบๆ รีบหมุนตัวไปทางอื่นเพื่อให้เขาจัดการตัวเองให้เรียบร้อย

ชายหนุ่มเองก็หน้าแดงด้วยความเขินจัด เพิ่งสั่งสอนอีกฝ่ายไปหมาดๆ แต่เขากลับเป็นฝ่ายลืมรูดซิปเสียเอง

“นี่ไม่รู้ว่ามีคนเห็นพี่ก้องจูเนียร์ไปกี่คนแล้วนะคะ” ว่าเราใส่ขาสั้นโชว์คนอื่น ตัวเองแหวกให้ดูชัดๆ เลย ดีนะไม่หลุดออกมาทั้งยวง ใครน่าเกลียดกว่ากันแน่ ชิ!

“ไม่มีใครมองเป้าคนอื่นแบบเธอหรอก” คนที่รูดซิปเรียบร้อยแล้วบอก

“รู้ได้ไงคะ คนหื่นๆ มีเยอะจะตายไป อีกอย่างหญ้าไม่ได้ตั้งใจมองสักหน่อย ตามันไปเองตอนที่พี่ก้องพูดเรื่องรูดซิปนั่นแหละ” แล้วก็ดันเจอแจ็กพอตเข้าเต็มๆ

“กลับบ้านกันได้แล้ว” คนหล่อที่เพิ่งเสียฟอร์มตัดบทเสียงห้วน ก่อนจะเดินนำไปก่อน

กิรฏาสาวเท้าเร็วๆ เดินตามไปทันทีจนขึ้นมาตีคู่กับเขาได้

“วันนี้สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณพี่ก้องอีกครั้งนะคะที่พาหญ้ามาเปิดหูเปิดตา” หญิงสาวยกมือไหว้เขาพร้อมยิ้มสดใสอันเป็นเอกลักษณ์

บางครั้งก้องบดินทร์ก็แอบสงสัยว่ายายนี่ไม่มีความทุกข์ร้อนอะไรเลยหรือยังไง ถึงยิ้มแฉ่งได้ตลอดเวลา

“อืม ฉันก็แค่ทำตามคำสั่งของแม่” เขาย้ำเหมือนกลัวเธอจะลืมว่าไม่ได้เต็มใจมา

“ค่า ยังไงหญ้าก็มีความสุขอยู่ดี” ดวงตากลมโตทอประกายพร่างพราวด้วยความประทับใจ แม้ว่าจะจบด้วยการดูหนังผีสุดสยองขวัญก็ตาม

ก้องบดินทร์ไม่เอ่ยอะไรตอบ และยังคงเดินไปข้างหน้าด้วยท่วงท่าที่มั่นคง โดยมีกิรฏาเดินเคียงข้าง ในขณะที่กำลังจะเลี้ยวไปยังโถงลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นที่จอดรถไว้นั้นเอง เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาแต่ไกล

“พี่ก้อง!”

ก้องบดินทร์และกิรฏาหันไปมองก็พบหญิงสาวหน้าตาสะสวยหมดจดในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูและรองเท้าส้นสูงสีแดงกำลังเดินเข้ามาหาพร้อมยิ้มเป็นมิตร

“บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่” อีกฝ่ายยิ้มกว้างอย่างดีใจและมองก้องบดินทร์ด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นด้วยความคิดถึง

“อ้าว เกรซเป็นยังไงบ้างครับ สบายดีนะ” ชายหนุ่มยิ้มตอบและทักทายกังสดาลอย่างคุ้นเคยกัน

เมื่อกิรฏาได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นก็ร้องอ๋อในใจ ยายพี่เกรซนี่คือแฟนเก่าของพี่ก้องสมัยเรียนมัธยมนี่เอง มิน่าถึงรู้สึกคุ้นๆ หน้าเหมือนเคยเจอมาก่อน

ตอนนี้นางสวยเจิดจรัสและเปล่งประกายกว่าเดิมหลายเท่าเลย ถ้าเทียบกับเธอแล้วก็ต้องบอกว่าต่างกันโคตรๆ เพราะในขณะที่ยายพี่เกรซสวยสง่าเลอค่าเหมือนนางงามจักรวาล เธอก็เป็นแค่นางงามจักรยานแห่งบ้านหนองหินแห่คนหนึ่งเท่านั้น

“สบายดีค่ะ พี่ก้องล่ะคะ”

“สบายดีเหมือนกัน”

“ตอนนี้ทำอะไรอยู่คะเนี่ย”

“ก็ดูแลบริษัทก่อสร้างของที่บ้านครับ เกรซล่ะ”

“หลังจบ ป.ตรี ที่นี่ เกรซก็ไปต่อโทกับเอกที่อเมริกามาค่ะ เพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้อาทิตย์เดียวเอง แต่เดือนหน้าก็จะเริ่มงานสอนที่มหา’ลัยแล้ว ตอนนี้เลยชิลไปเรื่อย อยากทำอะไรก็ทำ เพราะถ้าเปิดเทอมคงไม่มีเวลาว่างมากแบบนี้” กังสดาลพูดจาฉะฉานและมีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างนักเรียนนอกทั่วไป

กิรฏาอดอิจฉาความสวยเพอร์เฟกต์ของอีกฝ่ายไม่ได้ กังสดาลมีครบทุกสิ่งที่ผู้หญิงอยากจะมี ทั้งรูปหน้าแบบวีเชป จมูกโด่งทรงหยดน้ำ ตาเรียวยาวสองชั้น ริมฝีปากอิ่มเซ็กซี่ หุ่นสูงระหง อกใหญ่ เอวคอด สะโพกผาย และขาเรียวยาวชวนมอง

บ้าจริง ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เอาความสมบูรณ์แบบไปใส่ไว้ในตัวคนคนเดียวหมดแบบนี้ได้ยังไง แทนที่จะแบ่งมาให้เธอบ้าง

ดูเธอสิ หน้าก็กลม คางก็สั้น ก้นก็ใหญ่ แถมขายังบึกบึนอีกต่างหาก แต่ส่วนดีก็มีเหมือนกัน นั่นคือดวงตากลมโตและขนตางอนยาวโดยไม่ต้องปัดมาสคารา จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่ม และหน้าอกที่ไม่ราบเรียบเป็นไม้กระดาน

แต่เขาว่าเกิดเป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย ดังนั้นถ้าขอพรได้สักข้อ เธอจะขอให้ตัวเองสวยขึ้น สูงขึ้น และหุ่นดีขึ้นกว่าตอนนี้สักสิบเท่า พี่ก้องจะได้ตกหลุมรักสักที

“เก่งมากเลยครับ ยินดีด้วยนะ แบบนี้ต้องเรียกว่าดอกเตอร์เกรซแล้วสิครับ” ก้องบดินทร์เอ่ยอย่างสุภาพ

“ขอบคุณค่ะท่านประธาน” ดอกเตอร์สาวเย้ากลับ “ว่าแต่เราไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะคะ กี่ปีได้แล้วอ้ะ” กังสดาลยกมือขึ้นมานับนิ้ว “โห เกือบสิบปีแล้วเหรอเนี่ย เวลาผ่านไปเร็วจัง แต่...พี่ก้องยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ ไม่สิ หล่อมากกว่าเดิมอีก” หญิงสาวชมแล้วยิ้มหวาน

“ขอบคุณครับ เกรซก็สวยขึ้นเยอะเหมือนกัน”

กิรฏาเริ่มหมั่นไส้การชมกันไปชมกันมาของทั้งสองฝ่ายโดยไม่มีใครสนใจเธอ

อ๊ะ ดูเหมือนว่ายายพี่เกรซจะเพิ่งสังเกตว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่ก้องบดินทร์ แต่มีเธออยู่ด้วยอีกคน เจ้าหล่อนหันมามองและยิ้มหวาน ทุกอิริยาบถของกังสดาลดูแล้วผู้ดี๊ผู้ดี

“น้องกอหญ้าหรือเปล่าคะ”

ก้องบดินทร์ปรายตามามองเธอ “ใช่ครับ”

“เกรซก็ว่าแล้วว่าหน้าคุ้นๆ หวัดดีจ้ะน้องกอหญ้า”

“หวัดดีค่ะพี่เกรซ” กิรฏายกมือไหว้หญิงสาวตามมารยาท

“สวยขึ้นเยอะนะเรา มีแฟนหรือยังจ๊ะ” กังสดาลถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

“กำลังจะแต่งงานเร็วๆ นี้ละค่ะ”

หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปากและทำตาโตด้วยความตื่นเต้น “ว้าว จริงเหรอ ยินดีด้วยนะจ๊ะ ว่าแต่เจ้าบ่าวเป็นใครเอ่ย”

กิรฏาหันไปมองก้องบดินทร์อย่างไม่แน่ใจว่าจะเอ่ยออกไปดีหรือเปล่า “เอ่อ...”

“พี่ก้องรู้ใช่ไหมคะ งั้นตอบแทนน้องกอหญ้าเลยค่ะ สงสัยเขินไม่กล้าพูด” กังสดาลหันไปขอคำตอบจากชายหนุ่มแทน ใบหน้าสวยหมดจดยังคงระบายไปด้วยรอยยิ้มสดใส

“เอ่อ...” ก้องบดินทร์อ้ำอึ้ง

“เอ๊ะ หรือว่าเจ้าบ่าวจะเป็นพี่ก้องคะ วันนี้มาเดินห้างด้วยกันด้วย ต้องมีซัมติงระหว่างพี่ก้องกับน้องกอหญ้าแน่ๆ” กังสดาลแซวยิ้มๆ

“เอ่อ...”

กิรฏาเห็นก้องบดินทร์มัวอึกๆ อักๆ อย่างนั้นก็ทนไม่ไหว จึงประกาศกร้าวออกไปทันที “ใช่ค่ะ พี่ก้องเป็นเจ้าบ่าวของหญ้าเอง!”

 

รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสคลาสสีดำของก้องบดินทร์กำลังมุ่งหน้าไปยังทองหล่อเพื่อส่งกิรฏากลับบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว รถราบนท้องถนนจึงหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ติดขัดเท่ากับวันธรรมดา รถจึงเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ

“พี่ก้องยังรักพี่เกรซอยู่หรือเปล่าคะ” กิรฏาตัดสินใจหันไปถามชายหนุ่มหลังจากชั่งใจอยู่นาน

เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนตอนบอกกังสดาลไปว่าก้องบดินทร์เป็นเจ้าบ่าวของเธอ อีกฝ่ายก็ทำหน้าเซอร์ไพรส์สุดๆ คงเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอกับเขาจะลงเอยกัน

...

‘ล้อเล่นหรือเปล่าคะเนี่ย’ ดอกเตอร์สาวหรี่ตาลงอย่างจับผิด

‘ที่กอหญ้าพูดเป็นเรื่องจริงครับ’ ชายหนุ่มพยักหน้ายอมรับ

‘Oh! What a surprise! เกรซไม่เคยคิดเลยว่าพี่ก้องกับน้องกอหญ้าจะแต่งงานกัน’

‘พี่ก็ไม่คิดเหมือนกัน’

‘หญ้ายิ่งไม่คิดใหญ่เลยค่ะ’ กิรฏายิ้มเผล่

‘แล้ว...จะแต่งกันเมื่อไหร่คะเนี่ย’

‘สิบเจ็ดมีนาคมครับ’

‘ว้าว ก็สามเดือนข้างหน้านี้แล้วสิคะ น่าตื่นเต้นแทนจังเลยค่ะ’ ดวงตาเรียวยาวเป็นประกายพริบพราว

‘ก็ไม่แน่หรอกครับ อาจจะมีการเลื่อนออกไปก็ได้...ถ้าไม่พร้อม’

‘พร้อมสิคะ มีเวลาเตรียมงานอีกถมเถไป ยังไงเชิญพี่เกรซมางานแต่งงานของเราด้วยนะคะ’ กิรฏาเกาะแขนว่าที่เจ้าบ่าวเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แม้กังสดาลไม่ได้มีท่าทีว่าอยากจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับก้องบดินทร์ แต่ยังไงก็ต้องกันเอาไว้ก่อน เพราะกลัวถ่านไฟเก่าจะคุโชนขึ้นมาอีกครั้ง

‘พี่ต้องไปแน่นอนจ้ะ ยังไงส่งการ์ดไปให้พี่ที่คอนโดได้เลยนะ’ ดอกเตอร์สาวยิ้มจริงใจ ก่อนจะหันไปถามชายหนุ่ม ‘เกรซขอแอดไลน์พี่ก้องได้ไหมคะ เดี๋ยวจะได้ส่งที่อยู่ให้ค่ะ’

‘ได้ครับ’ ก้องบดินทร์หยิบสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน ส่วนกังสดาลก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพาย ก่อนที่ทั้งสองจะแอดไลน์กัน

กิรฏาอยากจะห้าม แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็ดูเหมือนเธอเป็นคนไม่มีเหตุผล ก้องบดินทร์มีสิทธิ์จะคุยกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ เพราะการที่ผู้ชายกับผู้หญิงคุยกันไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปในทางชู้สาวอย่างเดียว สองคนนั้นอาจจะคุยในฐานะเพื่อน พี่น้อง หรือคนที่เคารพนับถือกันก็ได้

ถ้าเราจะไม่ให้เขาคุยกับผู้หญิงเลย ทั้งชีวิตก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้วละ นอกจากคอยตามติดเขาทุกฝีก้าวเพื่อห้ามไม่ให้เขาติดต่อกับผู้หญิงไม่ว่าทางไหน ซึ่งมันไม่ใช่วิธีที่ดีเลยสักนิด

แล้วควรจะทำยังไงล่ะ คนรักของเราถึงจะไม่นอกใจ

กิรฏาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าก้องบดินทร์กลับไปคบกับกังสดาลจริง จะเรียกว่าการนอกใจได้ไหม เพราะเขายังไม่เคยให้เธอเข้าไปอยู่ในใจเลยสักครั้ง

...

“ทำไม?” ก้องบดินทร์หันหน้ามาถาม ก่อนจะหันกลับไปมองท้องถนนเบื้องหน้า

“ก็อยากรู้ค่ะ พี่ก้องกับพี่เกรซเคยเป็นแฟนกันนี่นา” หัวใจดวงน้อยเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ เพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ

“เคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็น” คนหล่อยังทำหน้านิ่ง

“แสดงว่าไม่ได้รักแล้วเหรอคะ” นัยน์ตาหวานเปล่งแสงพร่างพราว

ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างรำคาญ “เซ้าซี้จริง เธอกับไอ้ตามยังรักกันอยู่ไหมล่ะ” ก้องบดินทร์เอ่ยถึงแฟนเก่าสมัยมัธยมของเธอบ้าง

“โหย พี่ก้องยังจำได้อีกเหรอ นานมากนะคะนั่น” ขนาดเธอยังลืมไปแล้วเลยถ้าเขาไม่พูดขึ้นมา

“ก็นานพอๆ กันนั่นแหละ”

“เรื่องความรักสมัยมัธยมหญ้าลืมไปหมดแล้ว นี่ยังไม่รู้เลยว่าพี่ตามทำอะไรอยู่ที่ไหน ไม่ได้ติดต่อกันเลยค่ะ แต่ถ้าบังเอิญเจอกันอีกครั้ง หญ้าก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ตามแล้วละค่ะ” พี่ตามอาจจะแต่งงานมีลูกไปแล้วก็ได้ ถ้าเจอกันอีกก็คงจะยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตรเท่านั้นละ

“เหรอ” นัยน์ตาสีเข้มเป็นประกายพริบพราวขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะถูกกลบด้วยความเย็นชา

“ค่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ

“ฉันก็คงงั้นมั้ง” ก้องบดินทร์ยักไหล่ แปลกจริง ทำไมออกจากโรงหนังมาตั้งนานแล้ว แต่หัวใจเขายังเต้นแรงอยู่เลยนะ

กิรฏาได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ แม้พี่ก้องจะไม่ได้ตอบตรงๆ แต่เธอก็รู้แล้วละว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับยายพี่เกรซอีกแล้ว

 

กังสดาลกลับมาถึงห้องพักในคอนโดหรูย่านสุขุมวิทตอนหนึ่งทุ่ม หลังจากออกไปเจอกับเพื่อนสมัยเรียนปริญญาตรีที่ไม่ได้เจอกันมานาน เพื่อนๆ ทุกคนของเธอต่างเรียนจบสูงและมีหน้าที่การงานที่มีเกียรติ บ้างเป็นหมอ บ้างเป็นผู้บริหาร และบางคนก็เป็นอาจารย์เหมือนกับเธอ

เมื่อเข้ามาถึงในห้องพัก สาวร่างระหงก็เดินไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟาหนังสีแดงเลือดนกในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งแบบเรียบหรูอย่างที่เธอชอบ มือเรียวหยิบรีโมตทีวีมากดเปิด แต่กังสดาลกลับไม่ได้สนใจว่าบนหน้าจอเป็นรายการอะไร เพราะนึกถึงอดีตคนรักที่เพิ่งเจอกันวันนี้

ก้องบดินทร์ดูดีมากกว่าตอนเรียนมัธยมเป็นสิบเท่า ใบหน้าของเขาคมคายแบบหาที่ติไม่ได้ หุ่นสูงสมาร์ตดูอบอุ่น รวมไปถึงเสน่ห์ที่แผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรงเวลาเขายิ้ม แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่ชายหนุ่มกำลังจะแต่งงานในไม่ช้า แถมเจ้าสาวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กิรฏาหรือกอหญ้า เด็กกะโปโลคนนั้น

ไหนเขาบอกเธอว่ารำคาญกิรฏาที่คอยมาตามติดแจ แต่ตอนนี้ดันเปลี่ยนใจจะแต่งงานกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น

กังสดาลหยิบสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋าสะพาย และเปิดแอปพลิเคชันไลน์ ดวงตาเรียวยาวฉายแววลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เปิดหน้าต่างแชตของก้องบดินทร์ขึ้นมา

Grace J. : ดีใจที่ได้เจอกันวันนี้นะคะพี่ก้อง

หญิงสาวกดส่งข้อความไปและมองหน้าจออย่างจดจ่อ ประมาณสองนาทีต่อมาจึงขึ้นเครื่องหมายว่าข้อความถูกอ่านแล้ว หัวใจของกังสดาลเต้นระรัวขณะรอว่าชายหนุ่มจะตอบกลับมาว่าอย่างไร

Gong : ครับเกรซ

กังสดาลคิดว่าเขาจะส่งข้อความอะไรมาอีก แต่รอห้านาทีก็ไม่มี

“ครับเกรซ แค่นี้เองเหรอ” ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความผิดหวัง

Grace J. : พอมีเวลาว่างไปนั่งดื่มกาแฟกันไหมคะท่านประธาน

ผ่านไปสิบนาที ก้องบดินทร์ก็ยังไม่ตอบ

“ทำอะไรอยู่นะ” กังสดาลถอนหายใจเบาๆ เอาเถอะ เดี๋ยวถ้าเขาว่างก็คงตอบกลับมาเองนั่นละ

ติ๊ง!

ขณะนั้นเสียงเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้นมา ชายหนุ่มตอบเธอแล้ว

Gong : ช่วงนี้งานพี่ยุ่งมากเลย คงยังรับปากไม่ได้ครับ ขอโทษด้วยนะ

Grace J. : โอเคค่า ไม่เป็นไร ว่างเมื่อไหร่ค่อยเจอกันค่ะพี่ก้อง

Gong : ครับผม

Grace J. : เกรซไม่กวนแล้วค่า พี่ก้องไปพักผ่อนเถอะ กูดไนต์ค่ะ

กังสดาลคิดว่าเขาจะบอกราตรีสวัสดิ์กลับมา แต่ก้องบดินทร์อ่านแล้วไม่ตอบอะไรสักคำ จนแอบเสียเซลฟ์เบาๆ เพราะปกติผู้ชายทุกคนไม่เคยเมินเฉยกับข้อความของเธอ

ไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยทักไปใหม่แล้วกัน ไม่วันไหนวันหนึ่งเขาก็ต้องว่างสำหรับเธอแน่ๆ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น