5

อาเสี่ยเมืองเหนือ

5

อาเสี่ยเมืองเหนือ

 

ด้วยความแปลกที่พิมพ์พิสุทธิ์จึงนอนไม่ค่อยหลับ หญิงสาวจึงตื่นแต่เช้า หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกมาเดินสำรวจรอบๆ บ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งกินพื้นที่กว้างพอควร แถมยังเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวขจี ให้ความรู้สึกสบายหูสบายตาเหมือนบ้านสวนบ้านไร่ทั่วไป ต่างจากบ้านที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองของจังหวัด

คนงานหลายคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้น เห็นแบบนี้แล้วก็คิดถึงตัวเอง เมื่อก่อนตอนที่เธอยังไม่ได้ความจำเสื่อม ชีวิตประจำวันของเธอก็คงไม่ต่างไปจากนี้นัก ตื่นเช้า ไปทำงาน แต่ตอนนี้แม้แต่ตัวเธอเอง...เธอก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ

“ตื่นเช้าจังคุณ เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ” 

เสียงของเจ้าบ้านดึงให้พิมพ์พิสุทธิ์ละสายตาจากคนงานตรงหน้า และหันกลับไปมองเขา “แปลกที่น่ะค่ะเลยนอนไม่ค่อยหลับ” เธอตอบเขาไปตามตรงก่อนจะถามเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นได้ “บ้านคุณทำไร่หรือคะ”

“ก็ทำนองนั้น” 

“แล้วปลูกอะไรบ้างคะ ชา กาแฟ ดอกไม้ สตรอว์เบอร์รี?”

“ก็หลายอย่าง ครอบครัวผมทำครอบจักรวาลแหละ” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ถ่อมตนพร้อมไหวไหล่นิดๆ ทำให้คนถามอดหมั่นไส้นิดๆ ไม่ได้

“ขนาดนั้นเลยหรือคะ...ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ” พิมพ์พิสุทธิ์พยายามนึกภาพตาม ก่อนจะพึมพำเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นหูคนตรงหน้าที่ประสาทการรับรู้ทางเสียงเป็นเลิศ

“ไม่น่าเชื่ออะไร พูดให้มันดีๆ นะ” ภูรินท์คาดคั้น

“เปล่าค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันที

“ยังจะปฏิเสธอีก” เขาทำสีหน้าข่มขู่ “รีบสารภาพออกมาซะดีๆ ก่อนที่ผมจะจับคุณโยนไปให้เสือที่ผมเลี้ยงไว้ดูเล่นกินแทนอาหาร”

พิมพ์พิสุทธิ์ตาโต ตกใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูด แต่ไม่วายแอบแยกเขี้ยวใส่เมื่อชายหนุ่มเผลอ “ฉันก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องขู่ขนาดนั้นเลยค่ะ ว่าแต่คุณเลี้ยงเสือไว้ดูเล่นจริงๆ หรือคะ ถ้างั้นคุณว่า...ฉันไปแจ้งตำรวจดีมั้ย” เธอย้อนกลับอย่างไม่ยอมให้เขาข่มขู่อยู่ฝ่ายเดียว

“...” ภูรินท์ขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้านอกจากไม่ได้เปราะบางดั่งแก้วแล้ว ยังมีไหวพริบพอตัวอีกด้วย

“ฉันแค่คิดว่า...ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะเป็นคนใหญ่คนโตขนาดนี้”

“...”

“ที่แท้...ก็เป็นอาเสี่ยเมืองเหนือดีๆ นี่เอง” ยังไม่สิ้นคำพูดดี พิมพ์พิสุทธิ์ก็วิ่งหนีเขาไปจากบริเวณนี้

ภูรินท์ได้แต่อึ้งกับความคิดอันแปลกประหลาดของหญิงสาว หน้าสวยๆ ใสๆ แลดูไม่มีพิษภัยนั่น แท้จริงแล้วซ่อนคมเล็บไว้เหมือนกัน มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มเพราะความแสบสันของหญิงสาว

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยไล่หลังร่างบางที่เดินออกห่างไปแล้ว “ถ้าผมเป็นอาเสี่ย คุณก็คงเป็นเด็กที่อาเสี่ยหิ้วมาเหมือนกันนั่นแหละ ยายบ๊อง”

 

หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงอิ่มแล้ว พิมพ์พิสุทธิ์ตั้งใจจะปลีกตัวไปเดินสำรวจให้ทั่วไร่ เมื่อช่วงสายนั้นเธอหยุดการสำรวจกะทันหันเพราะไม่อยากออกมาเจอหน้าคนบางคน แต่ภูรินท์พูดขึ้นราวกับออกคำสั่งเสียก่อน เธอจึงชะงัก 

“เดี๋ยวช่วงบ่ายแก่ๆ จะพาเข้าเมืองไปซื้อของแล้วกัน อย่ามัวแต่นอนหลับเป็นหมูเพลินล่ะ”

ผู้ชายอะไรปากร้ายขนาดนี้ พิมพ์พิสุทธิ์แทบจะแยกเขี้ยวใส่ “เจ้าค่ะ! คุณชาย มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ยคะ”

“เปล่า มีอีกเรื่องที่ผมต้องบอกคุณ”

พิมพ์พิสุทธิ์มองชายหนุ่มอย่างรอคอย 

“อย่าเที่ยวไปเดินมั่วซั่ว ถึงที่นี่จะเป็นบ้านผม แต่คนงานก็มากหน้าหลายตา จะไปไหนมาไหนก็ชวนเด็กในบ้านไปด้วย จะได้มีเพื่อน แล้วก็ไม่เป็นอันตรายมากนัก”

เธอรับฟัง ก่อนจะพยักหน้าว่าเข้าใจ

“ดีมาก ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยอยู่ด้วยกันได้หน่อย” ภูรินท์ยิ้มกว้างอย่างพอใจกับปฏิกิริยาของเด็กในปกครอง

“งั้น...ฉันไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”

“จะรีบไปไหนของคุณ” ภูรินท์เอ่ยถามออกไปเมื่อเห็นหญิงสาวดูรีบชอบกล

“จะไปเล่นกับเจ้าไซบีเรียน ฮัสกีกับเจ้าโกลเดนรีทรีฟเวอร์ค่ะ ฉันเจอมันแล้ว” 

คำตอบของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน ไหนจะท่าทางออดอ้อนตากลมแป๋วนั่นอีก แม้คำพูดจะไม่ได้หวานเสนาะหู แต่ก็รู้ว่าอยากไปเล่นกับเจ้าตูบมากแค่ไหน

“มาอยู่ไม่ทันไรก็เป็นเพื่อนซี้กันแล้วเหรอ” ภูรินท์เอ่ยแซว

“อ้าว! นี่บ้านคุณมีเจ้าตูบสามตัวเหรอ”

“มีสองตัว เท่าที่คุณเห็นนั่นแหละ สามตัวที่ไหนกันล่ะ”

“อีกตัวก็คุณไงคะ ตัวใหญ่สุด พี่ใหญ่จ่าฝูงเลย” พิมพ์พิสุทธิ์พูดพร้อมกับยิ้มหวานอย่างเสแสร้งใส่คนตัวโตตรงหน้า ช่วยไม่ได้ ก็เขาอยากมาแขวะเธอก่อนทำไม คิดหรือว่าเป็นคนที่เธอพึ่งพาขอความช่วยเหลือแล้วจะมาข่มขู่เธอยังไงก็ได้ ฝันไปเหอะ!

 

ราวสี่โมงเย็นได้ ภูรินท์ก็ขับรถพาพิมพ์พิสุทธิ์มายังห้างสรรพสินค้าใจกลางย่านธุรกิจของตัวจังหวัด ชายหนุ่มบอกว่าจะพาเธอมาซื้อของใช้ส่วนตัว และเขาจะเป็นเจ้ามือจ่ายไม่อั้น ให้เธอเลือกซื้อได้ตามใจชอบ

“คุณไม่คิดอยากจะซื้อพวกเดรสหรือมินิสเกิร์ตบ้างเเหรอ” ภูรินท์เอ่ยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ เมื่อเห็นว่าพิมพ์พิสุทธิ์เดินเข้าออกร้านกางเกงยีนแบรนด์ดังหลายครั้ง แต่กลับไม่เข้าร้านเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิงที่บรรดาสาวๆ ที่เขาเคยควงเห็นเป็นต้องวิ่งเข้าใส่ ถ้าหากว่าเขาพาพวกเธอมาชอปปิง

พิมพ์พิสุทธิ์ส่ายหัว ก่อนจะตอบ “ไม่ค่ะ มันไม่ใช่สไตล์ฉัน ฉันชอบเสื้อยืด ไม่ก็เสื้อเชิ้ตเรียบๆ ใส่คู่กับกางเกงยีนนี่แหละ ใส่สบาย คล่องตัวดี”

ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลก เพราะเท่าที่ดูจากสายตา รูปร่างและสัดส่วนของเธอก็ออกจะดีด้วยซ้ำ ถ้าแต่งตัวเปิดนู่นนิดนี่หน่อย รับรองผู้ชายเดินตามเป็นพรวน

“ขอบัตรเครดิตด้วยค่ะคุณชาย ดิฉันจะไปชำระเงินแล้ว” พิมพ์พิสุทธิ์พูดอย่างมีความสุขที่การเดินซื้อของในครั้งนี้เหมือนมีตู้กดเงินเคลื่อนที่ตามมาด้วย

มือหนาควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกงยีนแบรนด์ดัง ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตสีดำใบหนึ่งมาส่งให้หญิงสาว แต่ก็ไม่วายกำชับเธอ 

“เดี๋ยวผมจะเก็บใบเสร็จไว้ทวงเงินคืนทีหลังแล้วกัน นี่ให้ยืมก่อน ถ้าทำงานมีเงินเดือนเมื่อไหร่ค่อยเอามาใช้คืน ผมไม่คิดดอกเบี้ยสักเปอร์เซ็นต์”

 พิมพ์พิสุทธิ์ก็แกล้งตีมึนเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ทั้งๆ ที่เขามั่นใจว่าเธอได้ยินที่เขาพูดแน่ๆ 

 

ผ่านมาราวชั่วโมงกว่า จู่ๆ พิมพ์พิสุทธิ์ก็เกิดนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมซื้อของสำคัญ สำหรับผู้หญิงสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ชุดชั้นในและผ้าอนามัย

“มีอะไรหรือเปล่าคุณ อยู่ดีๆ ก็หยุดเดิน” ภูรินท์เอ่ยถามเมื่อจู่ๆ คนที่เดินมาด้วยกันก็หยุดชะงัก

“คือ...” เธออ้ำอึ้ง ไม่รู้จะบอกชายหนุ่มอย่างไรดี

“อะไร อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ”

“คือพริ้มจะซื้อชุดชั้นในค่ะ คุณจะสะดวกมั้ยถ้าหากว่าพริ้มจะให้คุณช่วยไปนั่งรอฉันที่อื่นสักครู่ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหรอก”

เมื่อพิมพ์พิสุทธิ์เอ่ยกับเขาตรงๆ แบบนั้น ผู้ชายอย่างเขาก็อดที่จะเก้อเขินไม่ได้ 

“ก็แล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า!” มือหนายกขึ้นเกาท้ายทอยอย่างขัดเขินเล็กน้อย จะไม่ให้เขินได้ยังไง ก็เธอเล่นมาหยุดยืนอยู่หน้าแผนกชุดชั้นในสตรี

“ก็...ก็พริ้มเพิ่งจะนึกขึ้นได้” หญิงสาวรับเสียงเบา

“งั้นผมไปนั่งรอในร้านกาแฟแล้วกัน เสร็จแล้วก็รีบเดินไปหาผมที่นั่น” ภูรินท์ชี้บอกตำแหน่งเสร็จสรรพก็ยัดบัตรเครดิตของตนใส่มือหญิงสาวแล้วก้าวดุ่มๆ ออกไปจากบริเวณนั้นทันที

“เป็นอะไรของเขา อยู่ๆ ก็เสียงดัง อารมณ์แปรปรวนอย่างกับวัยทอง” พิมพ์พิสุทธิ์ส่ายศีรษะก่อนจะรีบเดินเข้าไปเลือกซื้อชุดชั้นใน

 หญิงสาวไม่ได้รับรู้เลยว่าที่ชายหนุ่มดูเหมือนหัวเสียนั้น แท้จริงแล้วก็แค่เขิน ทั้งๆ ที่ระดับเขาไม่น่าจะเขินหญิงสาวหน้าสวยใสที่ความทรงจำยังไม่เต็มร้อยด้วยซ้ำ

ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังไม่ได้เดินเข้าร้านไปด้วย เห็นแบบนี้ แต่เขาก็ถนัด ‘ถอด’ มากกว่า ‘ช่วยเลือก’ เป็นไหนๆ 

แต่ทุกอย่างก็ย่อมมีข้อแม้ เพราะถ้าหากว่าเขามีโอกาส ‘ช่วยเลือก’ เขาก็อยากช่วย ‘ถอด’ ด้วยเหมือนกัน!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น