10

ตอนที่ 10


10

 

“น้องลดาไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรือคะ” มาติกาถามสาวน้อยที่จูงมือเธอเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย

“วันนี้ลดาไปสถานทูตแต่เช้า พอเสร็จธุระก็ได้รับข้อความจากพี่เล็กว่าออกมาตรวจงานข้างนอกเลยอนุญาตให้ลดาพักผ่อนหนึ่งวัน” เพชรลดาตอบพร้อมยิ้มตาหยี หลังจากได้รับข้อความจากญาติผู้พี่ เธอจึงรีบโทรศัพท์นัดพี่สาวคนใหม่มาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวโภคินอภิวัฒน์

“แต่เดินมาชั่วโมงกว่าก็เริ่มเมื่อยแล้วสิคะ” สาวน้อยเอ่ยต่อ

มาติกาอมยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ตั้งแต่รู้จักกับเพชรลดา ชีวิตเธอก็ไม่มีคำว่าเหงาอีกเลย มีเพื่อนร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเช้าเย็น บางคืนคุยกันเพลินจนต้องวิ่งไปหอบตุ๊กตาตัวโปรดกลับมานอนด้วยกัน

“งั้นหาซื้อของไปทำปิ้งย่างกันดีไหม” มาติกาถาม

“ไปค่ะ ลดาอยากทานกุ้งตัวโตๆ”

หลังจากหากิจกรรมใหม่ได้แล้วจึงจูงมือกันเดินออกจากร้านกระเป๋าชื่อดังมุ่งหน้าสู่ซูเปอร์มาร์เกต การพักผ่อนคลายเครียดในห้างสรรพสินค้าของสองสาวคล้ายจะราบรื่นดี หากไม่มีเหตุการณ์ระหว่างทางดึงความสนใจไปเสียก่อน

“ร้านเพชรแบบนี้ผ่านมาตรฐานของ โภคิน จิวเอลรี ได้ยังไงกันคะณัชชาไม่เข้าใจเลย” นางเอกชื่อดังของวงการยกมือป้องปาก ทว่าน้ำเสียงที่ใช้ไม่ได้ล้อตามอากัปกิริยาที่แสดงออกแม้แต่น้อย

“ครอบครัวของฉันประกอบธุรกิจด้านนี้มานานค่ะคุณณัชชา เรามีระบบบริหารจัดการที่ดี และห่างไกลจากคำว่าไม่มีมาตรฐานมากเหลือเกิน” เจ้าของร้านเพชรตอบโต้ด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงอย่างผู้ที่ถือแต้มเหนือกว่า นลิยาเฝ้ามองปฏิกิริยาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในวงสนทนาแล้วลอบกระตุกยิ้ม ทันทีที่ทาง โภคิน จิวเอลรี แจ้งกำหนดการเรื่องตรวจเยี่ยมประจำปี เธอจึงรีบให้คนช่วยปล่อยข่าวว่าผู้อำนวยการบริหาร โภคิน จิวเอลรี มีนัดพบเธอที่นี่วันนี้เป็นการส่วนตัว และแล้วเหยื่อก็ติดกับดักจนได้เมื่อนางเอกหน้าใสเดินทางมาที่ร้านของเธอแล้วแผลงฤทธิ์ด้วยกิริยาไม่น่ารักต่างๆ นานา

กฤตพจน์ยืนนิ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึก หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหาแผนการเอาตัวรอดแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นกับทั้งสองฝ่ายได้ไปแล้ว ทั้งยังจะรู้สึกกระชุ่มกระชวยที่มีสาวๆ มารุมล้อมอีกต่างหาก ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้คนหล่อกำลังคิดไม่ตก ใจนึกอยากจะร่ายเวทมนตร์หายตัวออกไปจากวงสนทนานี้เสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“พี่เล็ก” เสียงใสที่เป็นดั่งเสียงระฆังลั่นหมดยกร้องเรียก

เจ้าของชื่อหันไปมองตามเสียงแล้วสาวเท้าเข้าไปหาสองสาวผู้มาใหม่อย่างรวดเร็ว

“ลดา ตามฝัน” กฤตพจน์เรียกแล้วเบียดแทรกตัวไปยืนตรงกลาง ฉวยโอกาสคว้าข้อมือเรียวของสองสาวให้เดินตาม โดยมีคนสนิทและคณะติดตามล่วงหน้าไปกดลิฟต์รออย่างรู้ใจ

ทิ้งให้นางเอกสาวและเจ้าของร้านเพชรยืนตะลึงอยู่กับที่ ซึ่งกว่าจะทันได้สติ ชายหนุ่มที่หมายปองก็หายวับไปกับตา คงเหลือไว้แค่เพียงกลิ่นน้ำหอมกระตุ้นฟีโรโมนเอาไว้ให้สูดดมต่างหน้าเท่านั้น

“ขอบคุณสวรรค์” เสือหมายเลขสี่เอนหลังพิงผนังอย่างผ่อนคลายทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง

“โธ่เอ๊ย! เสียชื่อหมด ลดาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นพี่เล็กถอดเขี้ยวถอดเล็บกับตาตัวเองแบบนี้” เพชรลดาหัวเราะร่วนโดยไม่ลืมที่จะหันมาสะกิดมาติกาให้เห็นพ้องต้องกัน “ปกติพี่เล็กไม่เคยเสียศูนย์เรื่องหญิงแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ ต่อให้รถไฟชนกันเป็นสิบขบวนก็จัดการได้หมด แต่ตอนนี้อย่าให้ลดาพูดเลยค่ะ แค่เจอผู้หญิงก็ขนลุกแล้ว”

มาติกาเบิกตาโพลงกับสิ่งที่ได้ยิน อย่าบอกนะว่าเขา เอ่อ ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนรสนิยมไปแล้ว คุณพระคุณเจ้า หญิงสาวยกมือขึ้นแนบแก้มตัวเอง แล้วหันกลับไปมองชายหนุ่มต้นเรื่องด้วยแววตาเห็นใจ หมดกัน ผู้บริหารหนุ่มในฝันของสาวๆ

กฤตพจน์มองสีหน้าเหยเกของแม่มดสาวแล้วร้องปฏิเสธเสียงหลง

“เฮ้ย! ไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ ผมปกติดีทุกอย่าง แค่รู้สึกเบื่ออะไรที่ฉาบฉวยแบบนี้ก็เท่านั้นเอง”

“อ๋อ...” ทว่าน้ำเสียงลากยาวของคู่สนทนาความหมายคล้ายจะยังไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่เขาอธิบายมากนัก

ฉะนั้นชายหนุ่มจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้าตัวแสบที่ริอ่านใช้คำสองแง่สองง่ามทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแทน แต่มีหรือที่แสบเล็กจะกลัว เพชรลดายังยิ้มกริ่มแล้วไหวไหล่น้อยๆ กระทั่งลิฟต์จอดสนิทที่ชั้นผู้บริหารอันเป็นที่ตั้งของสำนักงานพี่ชายคนรอง กฤตพจน์จึงยืดตัวตรง ขยับสูทเช็กความเรียบร้อยของตัวเองอีกรอบ ก่อนจะเดินนำคณะเข้าไปในส่วนของผู้บริหาร

 

“คุณเล็กกำลังขึ้นลิฟต์มาครับนาย” ชานนท์รายงานผู้เป็นนาย

กฤตภาสเสือหมายเลขสองแห่งบ้านโภคินอภิวัฒน์ละสายตาจากกองเอกสารที่กำลังลงนามแล้วคลี่ยิ้มกว้าง หลังจากได้รับรายงานจากคนสนิทว่าน้องชายคนเล็กกำลังประสบปัญหารถไฟชนกันจึงตั้งใจจะลงไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์ด้วยตนเอง ทว่าจู่ๆ ก็ได้รับแจ้งอีกรอบว่ามีหญิงสาวสองคนช่วยพาน้องชายออกมาจากสถานการณ์นั้นได้แล้ว ดังนั้นตนจึงนั่งรออยู่ในห้อง ทั้งที่อยากรู้เต็มประดาว่าสองสาวที่ช่วยน้องชายออกมาได้นั้นคือใคร จะใช่คนที่ตนคาดเดาไว้หรือไม่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นขัดจังหวะความคิด คุณรองพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ เป็นการอนุญาต ธีระจึงเดินออกไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน

“พี่รองขา” เสียงหวานร้องเรียกก่อนที่เจ้าตัวจะถลาเข้าไปกอดเอวเจ้าของห้องเอาไว้แน่น

กฤตภาสกวาดสายตามองคณะของน้องชาย แล้วผุดยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของอีกหนึ่งสาวที่เดินตามหลังแสบชายแสบหญิงเข้ามา คนที่ผ่านประสบการณ์มาก่อนรำพันอยู่ในใจ ‘บังเอิญโลกกลมหรือพรหมลิขิต’ จากนั้นจึงลดสายตาลงมองร่างเล็กที่เกาะเอวตนแน่นแล้วลูบหลังบางด้วยความเอ็นดู “ว่าไงตัวแสบ ไปช่วยชีวิตพี่เล็กได้ทันเวลาเลยสินะ”

ตัวแสบเงยหน้าขึ้นยักคิ้วแล้วทำปากพะงาบๆ เสียงแผ่วประหนึ่งกำลังรายงานภารกิจลับว่า “พี่สะใภ้คนเล็ก”

คุณรองส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะยักคิ้วส่งสัญญาณรับทราบ

“พี่รองยกย่องลดาเกินไปครับ ความจริงผมก็กำลังคิดแผนออกแล้ว แต่ลดากับคุณครูของเด็กๆ เข้ามาได้จังหวะพอดีผมก็เลยตามน้ำเท่านั้นเอง” ใครจะกล้ายอมรับตรงๆ ว่ากำลังเสียศูนย์ ออกตัวแรงมาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มว่าชีวิตนี้จะไม่ยอมจีบใคร จะไม่ยอมเป็นทาสเมีย และที่สำคัญที่สุด ตนจะต้องเป็นศูนย์รวมจักรวาลความรักของสาวๆ ที่มีสาวงามมาล้อมรอบแค่เพียงเสี้ยวนาทีกระดิกนิ้ว

พี่ชายคนรองและญาติผู้น้องลอบแบะปาก ก่อนที่เจ้าของสถานที่จะแกะมือเจ้าตัวเล็กออกแล้วผายมือเชิญคุณครูของเด็กๆ ให้นั่งลงบนโซฟากลางห้อง “เชิญนั่งก่อนครับครูมาติกา”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวค้อมศีรษะก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง โดยมีร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนเบียดกระแซะเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน

“คุณ!” มาติกาตวัดตามองเพื่อนร่วมโซฟาขนาดสองที่นั่ง จริงอยู่ที่โซฟาตัวนี้สามารถนั่งได้ถึงสองคน แต่ก็ไม่มีเหตุจำเป็นอันใดที่เขาจะต้องมานั่งเบียดกับเธอเช่นนี้ในเมื่อโซฟาตัวอื่นก็ยังว่างอยู่

“ครับ?” ใบหน้าหล่อร้ายเลิกคิ้วถามเพียงสั้นๆ

“จะมานั่งเบียดฉันทำไมคะ โซฟาตัวอื่นก็มี” มาติกาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน พยายามรักษามารยาทอย่างสุดความสามารถ

“ปกติมาทีไรผมก็นั่งตรงนี้” ขาประจำกล่าวอ้าง

มาติกาถอนหายใจแล้วทำท่าลุกขึ้นหมายจะย้ายไปนั่งที่อื่นเอง ทว่ามีลำแขนของใครบางคนคล้องเอวบางให้นั่งลงตรงจุดเดิมเสียก่อน ซึ่งกลายเป็นว่าตอนนี้เธอและเขาผู้เป็นเพื่อนร่วมโซฟากำลังตกอยู่ในท่าล่อแหลม เพราะเมื่อมีการรั้งกันเช่นนี้ คนถูกรั้งไม่ทันตั้งตัวจึงล้มแหมะลงนั่งบนตักแกร่ง และที่สำคัญที่สุดลำแขนที่เคยเกี่ยวคล้องเพียงข้างเดียวตอนนี้กำลังโอบรัดเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง

กฤตพจน์กกกอดร่างบางที่ค่อนไปทางอวบอิ่มอย่างเผลอไผล กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวกำลังปลุกปั่นสิ่งที่เข้าถ้ำนอนหลับสลบไสลมาหลายเดือนให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคอ จะว่าดีใจที่รับรู้ว่าตัวเองไม่ได้ผิดปกติก็ใช่ จะว่าตกใจว่าเหตุใดจึงต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เชิง เดิมทีเดียวแค่เพียงอยากเย้าแหย่หญิงสาวให้หายเครียดเท่านั้น ไม่คิดว่าสถานการณ์จะบานปลายถึงเพียงนี้ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ขอทดสอบทฤษฎีว่าด้วยการตื่นตัวอีกสักนิดจะเป็นไรไป

จมูกโด่งระไล้ไปตามกลุ่มผมนุ่มอย่างรวดเร็วทว่าแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าหญิงสาวจะดิ้นหลุดจากพันธนาการไปเสียก่อน และนั่นก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำเป็นอย่างดีว่าซาตานในตัวกำลังขยายอำนาจเข้าครอบงำทุกสรรพสิ่ง

ไม่เว้นแม้กระทั่งภายในห้องทำงานอันเป็นสถานที่รโหฐาน ทว่ายังมีพยานบุคคลอีกหลากหลายที่อยู่ร่วมรับรู้การทดสอบทฤษฎีใหม่นี้ด้วย กฤตภาส ชานนท์ ธีระ ประวีร์ และทินกรเบิกตาโพลงกับบทพลอดรักแบบไม่ได้ตั้งใจของคนตรงหน้า ส่วนเพชรลดานั้นรีบยกมือขึ้นปิดตาแล้วส่องมองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วอย่างใจจดใจจ่อ

มาติกาขยับตัวนั่งลงกับโซฟาอย่างทันท่วงทีหลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว ปกติเธอเป็นคนมีสติครบถ้วนตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้ กระแสไฟฟ้าที่แล่นผ่านจากร่างสู่ร่างก็เฝ้าจะทำลายสติของเธอให้ลดน้อยถอยลงอยู่ร่ำไป

“นั่งตรงนี้แหละ จะย้ายไปย้ายมาทำไมให้มากความ” กฤตพจน์กระแอมหนึ่งทีก่อนจะแก้สถานการณ์ และรอบนี้หญิงสาวเองก็พยักหน้ารับช้าๆ อย่างว่าง่าย

“เอ่อ จะ...เจ้าเล็ก วันนี้ไปเยี่ยมร้านคุณลิยาเป็นยังไงบ้าง” พี่ชายคนรองเอ่ยถามเพื่อช่วยพลิกสถานการณ์อันล่อแหลมก่อนหน้านี้

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ทางบริษัทของลิยาเองก็มีแผนจะขยายสาขาเพิ่ม รอให้ทางนั้นสรุปเมืองกับประเทศมาอีกที แล้วผมค่อยมาขอรายละเอียดพื้นที่ว่างจากพี่รอง” คุณเล็กตอบ

“แล้วยังต้องไปที่ไหนต่ออีกบ้าง” คนเป็นพี่ถามต่อ

“ความจริงต้องไปตรวจอีกสาขา แต่ผมส่งผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ไปแทนแล้ว”

คุณรองพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะหันมาถามสาวน้อยที่นั่งทำตาโตอยู่ข้างๆ “แล้วลดาล่ะจะไปไหนต่อ”

“ลดากับพี่ตามจะไปหาซื้อของแล้วกลับไปทำปิ้งย่างที่คอนโดค่ะ” เพชรลดาตอบเสียงหวาน และกำลังจะอ้าปากเอ่ยประโยคถัดไป หากไม่มีเสียงของพี่ชายอีกคนร้องแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“พี่ไปด้วย”

“...”

สิ้นคำขอกึ่งบังคับของกฤตพจน์ ทั้งห้องก็กลับเข้าสู่ภาวะชะงักงันอีกครั้ง และในเมื่อน้องสาวไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงหันมาใช้สายตากดดันหญิงสาวข้างกายแทน

“ผมไปด้วย ผมอยากมีเวลาอยู่กับน้องที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบๆ ปี”

“ชะ...เชิญค่ะ” มาติกาตอบเสียงตะกุกตะกัก ทั้งน้ำเสียง แววตา และเหตุผลของพี่ชายที่แสนดีเช่นนี้เธอจะใจร้ายใจดำได้เช่นไร

“พี่ชายที่แสนดี ลดาตื้นตันจนน้ำตาจะไหล” แสบเล็กยกมือขึ้นป้องปากกระซิบพี่ชายคนรอง

กฤตภาสส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจับศีรษะเล็กของญาติผู้น้องโยกไปมา “อย่าลืมขอเช็คเงินสดจากพี่ชายที่แสนดีมาเผื่อพี่รองบ้างล่ะ”

“ดีลค่ะ ลดาจะถลุงตังค์พี่เล็กมาเผื่อทุกคนเลย” แสบเล็กหัวเราะในลำคอ โดยมีสายตาของพี่ชายที่แสนดีจ้องมองด้วยความหวั่นใจ

กฤตพจน์หรี่ตามองพี่ชายคนรองอีกครั้ง ก่อนจะตัดใจหันไปสั่งการกับคนสนิท

“วีร์ กร ให้คนเอาอาหารทะเลไปส่งที่คอนโดตามฝันด้วย”

“ครับนาย” ประวีร์และทินกรรับคำ

“พี่เล็กของลดายังไม่รู้หัวใจตัวเอง ทำไงดี” คุณรองกระซิบญาติผู้น้อง

“ลดาจะทำอะไรได้นอกจาก...นั่งรอดูเรื่องสนุกๆ แล้วพี่ๆ ล่ะคะจะทำยังไงต่อ” เพชรลดากระซิบตอบ

“ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ ไปก่อน ขอทดสอบอะไรอีกนิดหน่อย” รอยยิ้มร้ายที่ฉายบนใบหน้าพี่ชายคนรองชวนให้สาวน้อยขนลุกเล่น

“น่ากลัวกันทั้งบ้าน” เพชรลดาพึมพำกับตัวเองเสียงในลำคอ

 

ระเบียงกว้างของคอนโดหรูมีพื้นที่มากพอสำหรับการจัดปาร์ตีปิ้งย่าง อาหารทะเลสดใหม่หลากหลายอย่างที่คนสนิทของกฤตพจน์หามาเรียกน้ำย่อยให้ตื่นตัวได้เป็นอย่างดี

“พี่ไปทำน้ำจิ้มก่อนนะคะ” มาติกาเอ่ยกับเพชรลดา ซึ่งสาวน้อยเองก็ทำท่าจะเดินตาม หากไม่มีคำสั่งของใครบางคนดังขัดขึ้นเสียก่อน

“ลดาอยู่ดูประวีร์กับทินกรจัดพื้นที่ตรงระเบียงดีกว่า ส่วนเรื่องในครัวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง” เจ้ามือของวันนี้ออกตัวแรงอีกรอบ

มาติกาเลิกคิ้วมองคนที่เพิ่งเสนอตัวเข้าไปช่วยงานในครัวด้วยสายตาเหลือเชื่อ กฤตพจน์จึงต้องรีบขายของต่อ “ผมฝึกฝีมือกับน้องบัว น้องมินมาเยอะ แค่ทำน้ำจิ้มจิ๊บๆ”

“งั้นก็เชิญค่ะ” เจ้าของห้องหรูพยักหน้า ก่อนจะเดินนำผู้มากฝีมือในทุกเรื่องเข้าไปในครัว

“เฮ้อ! ตามติดเขาแจแบบนี้ ยังไม่ยอมรับหัวใจตัวเองอีก” เพชรลดาทำหน้ามุ่ย

“นายออกตัวแรงมาหลายปีครับว่าจะไม่ยอมจีบใครเหมือนคุณใหญ่ คุณรอง คุณกลาง” ประวีร์ตอบพร้อมยิ้ม

“มีแบบนี้ด้วยหรือคะ เห็นคุณป้าโทร. ไปเล่าให้คุณแม่ฟังบ่อยๆ ว่าพี่เล็กเนี่ยแคซาโนวาเบอร์หนึ่งเลย”

“ครับ เพราะปกติผู้หญิงจะวิ่งเข้ามาหานายเอง นายยังไม่เคยถูกใจใครจริงจัง มีแต่หยอดคำหวานกับคนนั้นทีคนนี้ที มีบางคนที่นายสะดุดตา แต่พอได้เจอกันแค่ครั้งสองครั้งนายก็ถอยแล้ว” ทินกรเล่าต่อ

“ลดาเลือกมาฝึกงานถูกจังหวะจังเลย” สาวน้อยหัวเราะเสียงในลำคอ แล้วจึงเดินไปหยิบกุ้งมังกรตัวโตขึ้นมาวางเรียงบนถาด

“ถอดพิมพ์เดียวกันมาเลย” ประวีร์สะกิดทินกร

“ขนาดเสียงหัวเราะยังเหมือนนายเลยหรือเนี่ย” ทินกรว่า สองคนสนิทของเสือหมายเลขสี่ยิ้มแหย เห็นทีหนทางรักของผู้เป็นนายคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นแน่แท้

 

“คล่องดีนี่” กฤตพจน์ยืนกอดอกพิงผนังห้องครัว จ้องมองแม่ครัวจำเป็นที่กำลังปั่นวัตถุดิบสำหรับทำน้ำจิ้มซีฟู้ดเข้าด้วยกัน

“แน่นอนค่ะ เพราะตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศฉันทำเองบ่อย” มาติกาตอบ ในขณะที่เทพริกขี้หนูสวนสีเขียวและพริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดงลงไปปั่นอีกอย่างละหนึ่งกำมือ

คนทานเผ็ดไม่เก่งเบิกตาโพลง “เดี๋ยวพอชามนี้เสร็จช่วยทำพิเศษให้ผมด้วยนะ ไม่ต้องใส่พริก ใส่แต่กระเทียมก็พอ”

“อะไรนะคะ ไม่ใส่พริก” หญิงสาวกลั้นขำแล้วถามย้ำอย่างรวดเร็ว

“อืม ผมไม่ชอบรสจัด”

“จืดชืด แบบนี้จะสัมผัสความแซ่บได้จากที่ไหน” มาติกาหัวเราะชอบใจ คนอะไรตัวโตอย่างกับยักษ์ แต่กินอาหารเด็ก หญิงสาวส่ายหน้าแล้วใช้ช้อนแตะน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เพิ่งปรุงเสร็จขึ้นมาชิม

แค่เพียงเห็นหญิงสาวตรงหน้าแลบลิ้นเลียริมฝีปาก คนสันทัดอาหารเด็กก็ยืนตัวสั่นสวนกลับประโยคก่อนหน้าด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “แซ่บไม่แซ่บก็ต้องลองชิมดูก่อน แล้วอย่ามาร้องขอเบิ้ลล่ะ”

 

งานปาร์ตีเล็กๆ ของสองสาวที่ไร้ซึ่งของมึนเมา มีเพียงแค่น้ำหวานและน้ำเปล่า งานเลี้ยงที่ไม่ต้องสวมใส่เสื้อผ้าสวยหรูเซ็กซี่ หรือแต่งหน้าจัดจ้าน ไม่มีเสียงเพลงดังอึกทึก ไม่มีแม้แต่บริกรใส่สูทเดินบริการ มีแค่เพียงหญิงสาวเจ้าของห้องคอยอำนวยความสะดวกเท่านั้น แต่นั่นกลับทำให้เจ้าพ่อสายปาร์ตีอันดับต้นๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้ทั้งคืน

“ปูสดมากเลยนะ ชิมดูสิ” กฤตพจน์แกะเนื้อปูทาราบะวางบนจานของเจ้าของห้องที่กำลังสนทนากับญาติผู้น้องของตนอย่างออกรสออกชาติ เรื่องเล่าจากเพื่อนสนิทที่เคยบอกว่าเวลาผู้หญิงคุยกันเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดเห็นท่าจะไม่จริง เพราะหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเขาสามารถนั่งฟังสองสาวหยิบเรื่องนั้นยกเรื่องนี้ขึ้นมาเล่าสู่กันฟังได้อย่างไม่มีเบื่อหน่าย อีกทั้งยังฟังเพลินจนเผลอมองรอยยิ้มสดใสของเพื่อนบ้านน้องสาวด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างน่าประหลาด

“คืนนี้ลดานอนกับพี่ตามที่นี่ดีกว่า” เพชรลดาว่าก่อนจะหยิบกล้ามปูอะแลสกาขึ้นมาแกะ

“นอนดะ...” กฤตพจน์อ้าปากแล้วชะงักทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังจะเอ่ยสิ่งใดต่อ พระเจ้านี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ๆ เขาถึงกลายเป็นคนมักขอแล้วติดน้องสาวได้มากถึงเพียงนี้

“พี่เล็กว่าอะไรนะคะ ลดาได้ยินไม่ถนัด” แสบเล็กแสร้งถามทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าญาติผู้พี่กำลังจะกล่าวสิ่งใด

“เปล่า พี่แค่จะบอกว่ามาขอนอนห้องคนอื่นทำไม ห้องเราก็มี ไม่เกรงใจครูตามฝันหรือไง” กฤตพจน์เสเปลี่ยนเรื่อง

“ก็ลดาเหงา แล้วปกติลดาก็มานอนที่นี่บ่อยๆ ไม่เห็นพี่ตามว่าอะไรเลยนี่คะ” เพชรลดาว่า แล้วหันไปมองหน้าเจ้าของห้อง ดวงตากลมโตกำลังเปล่งประกายวิบวับคล้ายกับกำลังรอคำตอบอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

“ไม่เป็นไรค่ะ มีน้องลดาอยู่ด้วยน่ะดีแล้ว ฉันจะได้ไม่เหงา บางคืนฉันเองก็หอบหมอนไปนอนห้องน้องเหมือนกัน” มาติกาส่งยิ้มอ่อนโยนให้สาวน้อยก่อนที่จะหันมาเอ่ยกับคนข้างกาย ใช่ ข้างกายอีกแล้ว ที่นั่งมีตั้งเยอะตั้งแยะ เธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดเขาถึงชอบมานั่งเบียดเธออยู่เช่นนี้

“ไว้วันหลังพี่จะมานอนเป็นเพื่อน” คล้ายกับกำลังเอ่ยกับญาติผู้น้อง ทว่ารัศมีสายตาที่ทอดมองทำให้อดคิดไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาต้องการมานอนเป็นเพื่อนใครกันแน่

เพชรลดาเงยหน้าขึ้น ยักคิ้วให้ประวีร์และทินกรอย่างรู้ทัน

...

“นี่เราชินกับเสน่ห์ยาแฝดจนไม่กลัวมันแล้วหรือเนี่ย ทำไมนับวันก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ทำไมต้องรู้สึก ‘ดี’ แปลกๆ แบบนี้ด้วย” กฤตพจน์นอนพลิกตัวในความมืด ก่อนจะเอื้อมแขนออกไปกอดร่างอ้วนกลมของหลานสาวเอาไว้แนบอก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น