5

ตอนที่ 5


5

 

“ประวีร์ให้ปรางค์ขวัญโยกนัดของบ่ายวันนี้มาเป็นช่วงเช้าให้หมด ฉันไม่รับนัดตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป นัดไหนไม่สำคัญก็เลื่อนหรือยกเลิกไปก่อน” กฤตพจน์สั่งการกับคนสนิท

ประวีร์ค้อมตัวแล้วเดินเลี่ยงออกไปถ่ายทอดคำสั่งกับปรางค์ขวัญด้านนอกห้องทำงาน

“คุณปรางค์ โยกนัดบ่ายวันนี้ของนายมาเป็นช่วงเช้าให้หมด บีบเวลาของทุกนัดลงหน่อยน่าจะพอแทรกได้” ประวีร์กล่าวกับหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าห้อง

ปรางค์ขวัญเปิดโปรแกรมเอาท์ลุกขึ้นมาดู ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเหยเก “รวมถึงนัดทานกลางวันกับคุณวีว่าด้วยหรือคะ”

“ครับ นายไม่รับนัดหลังเที่ยงเป็นต้นไป” ประวีร์ส่งยิ้มหล่อให้กำลังใจ ด้วยรู้ดีว่าปรางค์ขวัญจะต้องเจออะไรหากต้องมีการเลื่อนนัดเช่นนี้

“ปรางค์ขอไปกราบพระก่อนนะคะ แล้วจะรีบมาจัดการ” เลขานุการสาวทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องพระที่ตั้งอยู่ตรงกลางออฟฟิศเพื่อขอพรก่อนเริ่มงาน

 

ประวีร์เดินอมยิ้มกลับเข้าไปในห้อง จนผู้เป็นนายแปลกใจอดไม่ได้ที่จะถาม “ยิ้มอะไรคนเดียว”

“ขำคุณปรางค์ครับ ถึงกับเข้าห้องพระก่อนโยกนัด” ประวีร์ตอบยิ้มๆ

“แค่เลื่อนนัดเนี่ยนะ” ทินกรเลิกคิ้วถาม ด้วยเรื่องการเลื่อนนัดนั้นเป็นงานปกติที่เลขานุการหน้าห้องต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่คิดว่าปรางค์ขวัญจะต้องถึงขั้นพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

“นัดอื่นโอเคไม่มีปัญหา มีแต่นัดทานอาหารกลางวันของนายนี่แหละที่คุณปรางค์ต้องเสริมบารมีก่อนโทร.” ประวีร์ตอบ

“ฉันนัดใครไว้งั้นหรือ” กฤตพจน์เอ่ยถาม

“คุณวีว่าครับนาย” ประวีร์ตอบพร้อมยิ้ม

“งั้นให้คุณปรางค์อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเลย” ทินกรกล่าว เพราะนางแบบคนนี้ไม่ธรรมดา เธอเพียรติดต่อทุกทางเพื่อขอพบผู้เป็นนายของตนให้ได้ ถึงแม้นพวกเขาจะหาเหตุผลมาปฏิเสธ แต่เธอก็ไม่เคยละความพยายาม ในที่สุดความพยายามของเธอก็สำเร็จ แต่แล้วความสำเร็จนั้นกำลังจะพังทลายในไม่ช้า ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่า เหตุใดปรางค์ขวัญจึงต้องหาที่พึ่งทางใจถึงเพียงนี้

“ฉันทำให้คุณปรางค์ลำบากอีกแล้วสินะ” กฤตพจน์ถอนหายใจ

“ไม่เป็นไรหรอกครับนาย คุณปรางค์เธอชินแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก” ทินกรว่า

“หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว” ประวีร์ต่อประโยค

“นี่พวกนายกำลังชมฉันอยู่ละสิ” กฤตพจน์เอ่ยเสียงกึ่งประชด

“ครับ” และสองคนสนิทก็รับคำพร้อมกันด้วยสีหน้าระรื่น

 

แสงแดดยามเช้าของเมืองกรุงสาดส่องกระทบกระจกบานใหญ่ของห้องน้ำภายในคอนโดหรู หญิงสาวผู้มีเครื่องหน้าสวยจัดกำลังนอนทอดกายอยู่ในอ่างอาบน้ำพร้อมกับฮัมเพลงคลออย่างสบายอารมณ์

“ผิวฉันสวย” เจ้าของเรียวแขนงามลูบไล้ฟองสบู่ทั่วแขนทั้งสองข้างแล้วยิ้มกริ่ม

“ขาฉันสวย” ว่าพลางยกเรียวขางามขึ้นมาพาดขอบอ่าง แล้วไล้ฟองสบู่ตั้งแต่โคนขาจดปลายเท้า

“หน้าฉันก็สวย” น้ำเสียงเย็นปั้นหัวเราะอย่างผู้มีชัย แล้ววักน้ำสบู่ขึ้นมาเป่าฟองเล่น “สะใภ้คนที่สี่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวีว่า วีว่าคนสวยของคุณเล็ก”

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงสมาร์ตโฟนเครื่องงามส่งเสียงร้องอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ วีว่ากรีดนิ้วที่เปียกชื้นขึ้นซับกับผ้าขนหนูก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย

“สวัสดีค่ะ วีว่าพูดค่ะ”

“สวัสดีค่ะคุณวีว่า ปรางค์โทร. จากคุณกฤตพจน์นะคะ” ต้นสายแนะนำตัว

“ค่ะคุณปรางค์จะโทร. มาคอนเฟิร์มนัดวันนี้หรือคะ ยืนยันตามเดิมค่ะ” นางแบบสาวตอบเสียงหวาน

“เอ่อ” ปรางค์ขวัญลอบถอนหายใจพร้อมกับสูดลมเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกพลัง “คือว่าวันนี้บอสติดภารกิจด่วนจึงขอเลื่อนนัดไปก่อนนะคะ”

“อะไรนะ” จากเสียงหวานใส เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดอย่างทันทีทันใด “ภารกิจอะไร แล้วจะเลื่อนไปวันไหน”

ปรางค์ขวัญเลื่อนโทรศัพท์ออกห่างจากหูก่อนที่จะเอ่ยต่อ “บอสยังไม่ได้แจ้งเวลาใหม่ค่ะ หากได้เวลาแล้วปรางค์จะแจ้งกลับมาอีกครั้งนะคะ สวัสดีค่ะ”

“ดะ...เดี๋ยว” วีว่าตวาดเสียงดังลั่น หากนั่นก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว เมื่อปรางค์ขวัญกดวางสายทันทีที่เอ่ยจบประโยค

นางแบบสาวกำมือแน่น พยายามรวบรวมสติ จากนั้นจึงลุกขึ้นล้างตัว หยิบชุดที่เตรียมไว้ขึ้นมาสวม บรรจงแต่งแต้มใบหน้าสวยอย่างสุดฝีมือ แล้วจึงออกเดินทางจากคอนโดไปตามกำหนดการเดิมและจุดหมายเดิม ทว่าเมื่อรถญี่ปุ่นป้ายแดงของเธอกำลังจะเลี้ยวเข้าตึก ‘โภคิน จิวเอลรี’ รถสปรินเตอร์คันหรูที่มีตราโภคินอภิวัฒน์ก็เคลื่อนออกจากตึกพอดิบพอดี ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนจุดหมายแล้วขับตามไปติดๆ

 

สปรินเตอร์คันหรูจอดเทียบชิดรถยุโรปทรงสปอร์ตสีเหลืองที่เพิ่งจอดสนิทไปเมื่อครู่ หญิงสาวในรถเบ้ปากพร้อมกับโคลงศีรษะไปมา

“ยังไม่ทันจุดธูปเจ้าที่ก็มาละ” มาติกาทำปากขมุบขมิบ แล้วก็ต้องเบิกตาโพลง เมื่อจู่ๆ เจ้าที่ที่ไม่ได้รับเชิญก็เดินปรี่เข้ามายืนชิดกระจกรถของเธออย่างรวดเร็ว หญิงสาวอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบๆ “มนุษย์ล่องหนชัดๆ”

“คุณ ลงมาสิ นั่งทำมิวสิกอยู่ได้ พระเอกรอนานแล้วนะ” เสียงเคาะและเสียงเรียกที่ดังแว่วเข้ามาด้านในรถ ปลุกหญิงสาวเจ้าของรถให้ออกจากภวังค์

มาติกาย่นจมูกแล้วค่อยๆ เปิดประตูรถก้าวออกไปเผชิญหน้ากับพระเอกมิวสิกในระยะประชิด ก็จะไม่ให้ประชิดได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขาไม่ยอมถอยห่างออกจากรถเธอแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งที่เธอทั้งผลักทั้งดันประตูหมายจะแกล้งชนให้หงายหลัง แต่ก็ไม่เลย เจ้าที่ร่างยักษ์ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม ดังนั้นเธอจึงจำต้องเบี่ยงตัวออกจากรถแค่เพียงช่วงเปิดประตูระยะสั้นๆ เมื่อทรงตัวบนพื้นได้แล้ว มาติกาจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับกระพุ่มมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม

“สวัสดีค่ะคุณกฤตพจน์ ไม่คิดเลยว่ายังจะมากันอีก” คำต้อนรับกึ่งประชดของหญิงสาวหาได้ระแคะระคายคู่สนทนาไม่

กฤตพจน์ยังคงยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี อารมณ์ดีเสียจนน่าหมั่นไส้ สาบานได้ว่าถ้าหากเธอตัวสูงกว่านี้อีกสักสิบห้าเซนติเมตรเธอจะดีดจมูกโด่งนั่นสักทีสองสีให้สาแก่ใจ

“มาสิ ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น บอกว่าจะมาก็ต้องมา” ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้ม

“เห็นพี่บัวบอกว่าคุณใหญ่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาพัก ฉันเลยเข้าใจว่าผู้บริหารงานน่าจะยุ่งเหมือนกันหมด เพิ่งมารู้วันนี้นี่เองว่าที่ผ่านมาเข้าใจผิดตลอด” มาติกาอมยิ้มพร้อมกับเอ่ยลอยๆ คล้ายบ่นกับตัวเอง

“งานน่ะเยอะ แต่เคลียร์แล้วเลยมาได้ ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า เรื่องบริหารเวลาผมเก่งสุดในบรรดาพี่น้อง ว่าแต่คุณเถอะวันนี้เอาอะไรมาสอนเด็กๆ” กฤตพจน์เสตอบไปอีกทาง ทางที่เบี่ยงเอาดีเข้าตัวเช่นนี้ เสือหมายเลขสี่ทำได้ดีอย่างไร้ที่ติ

มาติกาลอบย่นจมูกเพียงเสี้ยววินาที แต่ถึงแม้นว่าจะเป็นการกระทำที่รวดเร็วสักเพียงใด แต่คนที่เจ้าเล่ห์มาตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็จับสังเกตได้ทัน เสือหมายเลขสี่คลี่ยิ้มแล้วเผลอยื่นมือไปบีบจมูกรั้นด้วยความลืมตัว การสัมผัสกันอย่างเป็นธรรมชาติของคนทั้งคู่ปล่อยกระแสความอุ่นซ่านแผ่กระจายไปทั่วสรรพางค์กาย หญิงสาวถอยหลังหนีหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ ในขณะที่แคซาโนวาเบอร์หนึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วยกมือข้างที่สัมผัสจมูกน้อยขึ้นมามองชิดติดใบหน้า

“เอ่อ ฉะ...ฉันไปเตรียมการสอนก่อนดีกว่า” หญิงสาวหมุนตัวหมายจะเดินหนีเข้าไปด้านในอาคารหลังเล็ก ทว่าจู่ๆ แกนโลกก็สั่นไหวเมื่อใบหน้าของเธอชนเข้ากับภูเขาสองลูกอย่างจัง มาติกาหงายหลังจนแทบล้ม เคราะห์ดีที่มีคนเข้ามาช่วยประคองเอาไว้ได้ทันเวลา

“คุณเล็ก บังเอิญจังเลยค่ะ วีว่ากำลังจะมาทำบุญที่นี่พอดีเลย” เจ้าของภูเขาสองลูกแสร้งร้องทักด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น คล้ายกับการเจอกันในวันนี้คือเรื่องบังเอิญที่ยิ่งกว่าพรหมลิขิตขีดด้วยเลขไมล์รถและระบบแผนที่

“ครับวีว่า บังเอิญจริงๆ” กฤตพจน์ตอบเสียงเรียบ โดยที่มีหญิงสาวอีกคนดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน

“พอดีเห็นคนของคุณโทร. มาบอกว่าคุณติดภารกิจด่วน วีว่าเลยคิดว่าไหนๆ ก็ว่างแล้วมาหาที่ทำบุญดีกว่า ปกติวีว่ามาบริจาคเงินที่นี่ประจำนะคะ เด็กๆ ที่นี่น่าสงสารขาดไปทุกอย่าง” นางแบบสาวกรีดกรายปลายนิ้วขณะเล่า

“ขอโทษนะคะ รบกวนทำความเข้าใจใหม่ด้วย น้องๆ ที่นี่ไม่ขาดอะไรเลย พวกเขาได้รับความรัก การศึกษา และการเอาใจใส่ไม่ต่างจากเด็กคนอื่น” มาติกาหยุดดิ้น ปล่อยให้ลำแขนแกร่งพันธนาการร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าให้เผชิญกับหญิงสาวตรงหน้า

วีว่าคลี่ยิ้มสวย “โถ หนูจ๋า ฉันแค่พูดไปตามความจริง หากทำให้หนูเสียใจฉันต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ เรียนชั้นไหนแล้วเรา แล้วนี่หนีออกมาดูผู้ใจบุญแบบนี้คุณครูไม่ตามหาแย่เลยหรือไง”

มาติกาเงยหน้าขึ้นสบตากฤตพจน์แล้วจึงเคลื่อนสายตาไปมองผู้ติดตามของเขาทีละคน ก่อนที่จะเบนหางตากลับไปมองหญิงสาวร่างสูงตรงหน้าอีกรอบ

“เชิญรับยาช่องไหนดี” สาวร่างเล็กบ่นพึมพำ

กฤตพจน์พยายามกลั้นขำแล้วก้มหน้าลงมองคนในอ้อมแขนอย่างนึกเอ็นดู ที่ถึงแม้นว่าเธอจะทรงตัวได้เองนานแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะคลายอ้อมกอดออกแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน การที่มีร่างนุ่มนิ่มของเธอคลุกวงในอยู่เช่นนี้สามารถสร้างความอบอุ่นได้อย่างน่าอัศจรรย์

“คุณเข้าใจผิดแล้ววีว่า ตามฝันไม่ได้เป็นเด็กในการดูแลของที่นี่ เธอเป็นครูสอนดนตรี” ชายหนุ่มกล่าว ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง “ใกล้ถึงเวลาสอนแล้วเข้าไปข้างในกันเถอะ” ว่าพลางคลายอ้อมแขนออกก่อนที่จะคว้าข้อมือของคุณครูสาวให้เดินตาม

 

“เอาละค่ะเด็กๆ ไหนมาทวนเพลงที่ครูสอนไปเมื่อสัปดาห์ก่อนพร้อมกันนะคะ” มาติกาให้สัญญาณ แล้วเริ่มขยับปลายนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดขนาดกลางเพื่อร่วมบรรเลงเพลงไปพร้อมๆ กัน

เหม่อมองดูสายน้ำวน

เหม่อมองสายชลช่างไหลริน

เหม่อมองดูนกผกผินบินลับไป

ยามเหงาเราถอนใจ

บินไป ไม่กลับมา...

เสียงใสไร้เดียงสาของเด็กๆ ร้องประสานกันดังเซ็งแซ่ คุณครูสาวเอียงศีรษะไปมาตามจังหวะ กฤตพจน์ยืนกอดอกมองภาพหญิงสาวหน้าห้องด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย มาติกาเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาอยากแกล้งและอยากจับผิด ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน เสือหมายเลขสี่ถามตัวเองในใจวนไปเวียนมาว่าเหตุใดจึงเฝ้าแต่หาเรื่องจับผิดหญิงสาวคนนี้ไปทุกเรื่อง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่สมเหตุสมผลได้สักที

วีว่ามองตามสายตาคมแล้วเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะขยับตัวออกไปยืนเชิดอยู่เบื้องหน้า บดบังทัศนียภาพจนแทบมิด

“เมื่อก่อนวีว่าก็เล่นเปียโนค่ะ น่าเสียดายที่ตอนนี้งานในวงการยุ่งจนไม่มีเวลาซ้อมมือ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมยิ้ม

“ยุ่งจนไม่มีเวลาเล่นดนตรี แต่มีเวลาตามนาย” ประวีร์เอ่ยกับทินกร สองคนสนิทส่ายหน้าพร้อมกัน

“ครับ” กฤตพจน์พยักหน้ารับน้อยๆ แล้วปรบมือเสียงดังหลังจากบทเพลงประสานเสียงอันไพเราะจบลง

วีว่ากระแทกลมหายใจแล้วเดินออกไปยืนกลางห้องโดยไม่มีใครเชิญ จากนั้นจึงแนะนำตัวเองเสียงสดใส “สวัสดีค่ะเด็กๆ พี่วีว่าเองนะคะ ไหนมีใครรู้จักพี่วีว่าบ้างเอ่ย”

“...”

“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” ทินกรทำปากขมุบขมิบ ในขณะที่เด็กๆ ในชั้นเรียนเองก็เงยหน้าขึ้นมองคนถามด้วยแววตาใสซื่อแล้วส่ายหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

มาติกากลั้นขำแล้วนั่งนิ่งรอดูการแสดงของหญิงสาวกลางห้องต่อไปอย่างเงียบๆ

“เล่นมุกเก่งกันจังเลยนะคะเด็กๆ แต่พี่วีว่าก็ชอบนะ มุกแกล้งไม่รู้จักกันเนี่ย น่ารักที่สุดเลย”

“แบบนี้ก็ได้เหรอ” คุณครูตามฝันอ้าปากค้างพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว

“พี่วีว่าเป็นนางแบบเบอร์หนึ่งแล้วก็เป็นคนพิเศษของพี่สุดหล่อข้างหลังห้องด้วย” นางแบบอันดับหนึ่งที่ไร้ซึ่งรางวัลจากหน่วยงานใดมาการันตีเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ

ทว่าพี่สุดหล่อที่ยืนกอดอกอยู่หลังห้องเบิกตาโพลงแล้วส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน

“วันนี้พี่วีว่าจะมาสอนพวกเราปรบมือตามจังหวะ อาจจะยากนิดหน่อย แต่ค่อยๆ หัดไปนะคะ เอาละค่ะ พร้อม สาม สี่” วีว่าให้สัญญาณ แล้วเริ่มปรบมือเป็นจังหวะ

หนึ่งสอง หนึ่งสองสาม หนึ่งสอง หนึ่งสอง หนึ่ง

“วี้ด...บึ้ม” นางแบบสาวทุ่มเท ทั้งท่องจังหวะและโชว์ท่าเชียร์ลีดเดอร์อย่างสุดความสามารถ ด้วยหวังว่าจะเรียกความสนใจจากเด็กๆ ในชั้นเรียนได้ แต่ผลที่ได้รับก็คือ

“...”

ทั้งชั้นมีแค่เพียงความว่างเปล่า ความเงียบเคลื่อนที่เข้าปกคลุมทั่วบริเวณห้องยิ่งกว่าชั่วโมงวิปัสสนาเสียอีก

วีว่าหน้าถอดสี แต่ก็ยังคงไม่ละความพยายาม “อึ้งกันทั้งห้องเลย ไม่ต้องอึ้งนะคะ พี่วีว่ายังออกสเตปไม่เต็มร้อยเลย ไว้วันหลังจะมาสอนใหม่นะคะ” พูดจบก็เดินเชิดกลับไปยืนหลังห้องตามเดิม

“ขอเสียงปรบมือขอบคุณคุณวีว่าด้วยค่ะ” มาติการ้องบอกเด็กๆ จากหน้าห้อง เมื่อเสียงปรบมือดังเปาะแปะซาลงแล้วจึงเริ่มเข้าสู่บทเรียนถัดไป

 

“วันนี้สนุกมากเลยนะคะ เด็กๆ น่ารักมาก สนใจสิ่งที่วีว่าสอนกันทุกคนเลย” วีว่าเกาะแขนแกร่งของกฤตพจน์ระหว่างเดินออกมานอกอาคารแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ครับ” เจ้าของลำแขนบึกบึนตอบเพียงสั้นๆ

“แต่วีว่าเหนื่อยมากเลย คุณเล็กไปส่งวีว่าที่คอนโดหน่อยสิคะ” นางแบบสาวทำน้ำเสียงออดอ้อน ในขณะที่มาติกาทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะสาวเท้าเดินนำออกไป เพื่อทิ้งระยะให้นางแบบเบอร์หนึ่งและพี่สุดหล่อได้มีโอกาสพลอดรักกันตามอัธยาศัย

“ผมไม่ว่าง” กฤตพจน์ตอบ ก่อนที่จะหันไปออกคำสั่งกับคนสนิท “ให้ใครขับรถไปส่งวีว่าด้วย”

“ครับนาย” ประวีร์รับคำ แล้วเดินไปถ่ายทอดคำสั่งกับทีมติดตาม

“เชิญคุณวีว่าครับ ผมจะให้ทีมงานช่วยขับรถให้” ประวีร์กล่าว

“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้อง วีว่าขับเองได้” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีทั้งที่ยังกอดรัดลำแขนของกฤตพจน์อยู่

“ตามฝัน เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มแกะมือที่เกาะแขนของตนออก แล้วเดินไปขวางประตูรถยุโรปสีเหลืองเอาไว้ ก่อนที่เจ้าของรถจะทันได้ก้าวเข้าไปด้านใน

“ไปรถผม” ชายหนุ่มออกคำสั่งพร้อมกับคว้ากุญแจรถในมือของหญิงสาวมาถือไว้

“ฉันเอารถมา จะไปรถคุณทำไมคะ” มาติกาตอบ

“คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมไปส่งดีกว่า พูดง่ายๆ อย่าดื้อ” ว่าพลางคว้าเรียวแขนบางให้เดินตาม แล้วตะโกนสั่งคนสนิท “กร ให้คนขับเจ้าเหลืองตามไปด้วย”

 

“อะไรของคุณคะคุณกฤตพจน์ เดี๋ยวคุณวีว่าก็ได้มาแหกอกฉันพอดี” มาติกากระแทกลมหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก หลังจากถูกดันตัวขึ้นมานั่งบนรถสปรินเตอร์เรียบร้อยแล้ว

“ช่วยกันหน่อยสิ คุณไม่เห็นหรือไง เขาเกาะผมแจขนาดนั้น แทะเล็มผมจนผิดผีไปหมดแล้วเนี่ย” กฤตพจน์เอ่ยทีเล่นทีจริง

“แล้วเลือกดึงฉันมาเป็นไม้กันเนี่ยนะคะ ช่างเป็นเกียรติประวัติของชีวิตฉันเหลือเกิน”

“เถอะน่า ไม่มีใครเหมาะสมและดูบึกบึนเท่าคุณอีกแล้ว”

“ให้แค่ครั้งเดียวนะคะ แล้วต่อไปก็ช่วยดูแลเจ๊ดูมๆ ของคุณดีๆ ด้วย อย่าปล่อยให้เอาฟองน้ำมาชนหน้าฉันบ่อยๆ มันขนลุก” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยแล้วเอนตัวลงพิงเบาะรถด้วยความจำใจ

“เด็กบ้า ไปเรียกคนอื่นว่าเจ๊ดูมๆ ของเธอดูมยิ่งกว่าใครเขาอีก” กฤตพจน์ส่ายหน้าพร้อมทำปากขมุบขมิบ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น