1

เริ่มเกม


1

เริ่มเกม

 

ลลนารู้ว่านำตัวเองไปสู่อันตราย แต่สายเกินกว่าจะถอยกลับ เธอมองเห็นความหื่นกระหายที่ชวนให้ขนลุกขนชันในแววตาฝ่ายตรงข้าม ชวนให้เธอสงสัยว่าทำไมมีคนกล้าแลกเปลี่ยนสัมผัสทางกายโดยไม่รู้สึกถึงความรังเกียจ เธอคนหนึ่งละที่อยากจะอาเจียน แค่คิดว่ามือเหนียวเหนอะเต็มไปด้วยเหงื่อของเขาจะแตะต้องตัวเธอ ลลนาก็รู้สึกทนไม่ไหว อย่าว่าแต่เจตนาของเขาคือทำมากกว่าแตะต้องเลย

หญิงสาวอยากจะวิ่งหนี แต่รีสอร์ตราคาแพงที่มีความเป็นส่วนตัวสูงไม่เอื้อให้เธอทำเช่นนั้น ด้วยราคาที่พักคืนละกว่าครึ่งแสน ไม่เพียงแต่ละหลังตั้งห่างกัน ยังมีรั้วกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวหากแขกต้องการว่ายน้ำในสระเล็กๆ ติดกับบ้านพัก มันเป็นรีสอร์ตที่เหมือนหลุดเข้าไปในดินแดนแห่งความฝัน ซึ่งเวลานี้กำลังจะเป็นฝันร้ายของเธอ

ขณะเธอลังเลว่าจะหนีพ้นมือเขาไปได้อย่างไร ฝ่ายตรงข้ามก็ย่างเท้าเข้ามาใกล้ เธอรู้ว่าเขามองเธอเป็นเหยื่อตัวน้อยที่เขาจะทำอย่างไรก็ได้ แต่เธอไม่ใช่

“อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันจะแฉกับแม่ว่าแกมันเลวแค่ไหน” วาจาเป็นอาวุธเดียวที่เธอมี แต่อีกฝ่ายพิสูจน์ทันควันว่ามันไร้ประโยชน์แค่ไหน

“แล้วถ้าฉันบอกว่าเธอยั่วฉัน คิดว่าแม่ของเธอจะเชื่อใคร” รอยยิ้มของเขามากกว่าย่ามใจ

น่าเศร้าที่มันเป็นความจริง สำหรับมารดา ลลนามีค่าแค่เป็นถุงเงินให้กอบโกย และหลังจากบิดาเสีย ความสำคัญของเธอต่ำกว่าขยะรอทิ้งเสียอีก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผู้ชายคนใหม่ของแม่ ทุกคนมาเพื่อกอบโกย แต่ลีลาก็ทั้งรักทั้งเชื่อ โดยเฉพาะคนตรงหน้าเธอ

วรุณเป็นทุกอย่างที่ผู้หญิงวัยกลางคนอย่างลีลาต้องการ แต่ในสายตาเธอ เขาต่ำช้าและสมควรถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับขยะสด ความรีบร้อนที่จะฉีกกระชากหน้ากากแมงดาในคราบนายแบบทำให้เธอพลาดตกหลุมพรางของเขา

ลลนาวู่วามบินด่วนจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต แล้วก้าวเข้ามาที่นี่หวังจะหาหลักฐานว่าวรุณนอกใจลีลา แต่กลายเป็นว่าเขารู้ทัน และซ้อนแผนหวังจะรวบหัวรวบหางเธอ

“ฉันไม่ยอมเป็นของแกหรอกไอ้ทุเรศ” มือเท้าเธอมีครบและไม่ลังเลที่จะใช้ แม้ว่าโอกาสรอดจะน้อยจนแทบมองไม่เห็นก็ตาม

เสื้อเชิ้ตแขนสั้นถูกกระชากจนกระดุมหลุด ส่งความกลัวไปทุกเส้นประสาท และก็เหมือนคนที่ทำทุกอย่างเพื่อหนีตาย ลลนาได้แรงดิ้นรนเพิ่มจากความกลัว มือข้างหนึ่งกุมคอเสื้อเอาไว้ อีกข้างเหวี่ยงสะบัดเต็มแรง ทำฝ่ายตรงข้ามผงะถอยตามสัญชาตญาณ สร้างระยะห่างให้เธอกับมันชั่วคราว

“จะหนีไปไหน!”

ขณะตะคอกถาม มือชั่วช้าก็กระชากไหล่หญิงสาว เธอเบี่ยงหลบจนเขาคว้าจับได้เพียงเสื้อ เนื้อผ้าบางส่วนจึงถูกกระชากขาดไปด้วย แต่เธอไม่สนใจสักนิด เพราะการลังเลหมายถึงเธอจะตกเป็นของผู้ชายที่เธอเกลียดชัง

ทั้งที่อยู่ในสภาพเปิดเผยเนื้อตัว แต่ความเขินอายไม่ใช่เรื่องสำคัญในเวลานี้ หญิงสาววิ่งหนีออกไปทางประตูได้อย่างฉิวเฉียด เวลาช่วงค่ำทุกทิศมืดสลัว ตรงหน้าเป็นทางแยก จะวิ่งไปทางชายหาดส่วนตัว หรือวิ่งเข้าไปด้านในส่วนกลาง แต่ลลนาเลือกทางที่สาม วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากที่พักหลังใกล้ๆ

“ช่วยด้วยค่ะ!!! ช่วยด้วย!!! เขาจะปล้ำฉัน”

ไม่แค่ตะโกนสุดเสียง เธอยังวิ่งเต็มฝีเท้าเข้าไปหาเงาร่างที่เห็นไม่ไกล แล้วพบว่าตนพุ่งตรงเข้าไปในอ้อมอกของผู้ชายคนหนึ่ง

ลลนาไม่รู้สึกขยะแขยงชายคนนี้เหมือนที่รู้สึกกับวรุณ นาทีนี้ใครก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่เขาพาเธอพ้นจากสถานการณ์นี้ก็พอ ต่อให้ต้องลงนรกก็ตาม

เธอเงยหน้ามองสบตาเขา และไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อในช่วงเวลานี้ มือที่ประคองแผ่นหลังเธอให้ความรู้สึกร้อนแม้จะผ่านเสื้อ สร้างความมั่นใจเหมือนมีกำแพงแข็งแกร่งคอยเป็นหลักให้ท่ามกลางพายุ ดวงตาสีดำเข้มลึกเหมือนบ่อน้ำของเขาเป็นสิ่งแรกที่เธอมองเห็นและไม่อาจจะละสายตาจากมัน

“ไม่ต้องห่วงครับ ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

ทั้งคู่เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แต่เธอเชื่อเขา!

 

ชานนไม่ได้มารีสอร์ตนี้เพื่อพักผ่อนในฐานะนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เขายังใช้เวลาตลอดสัปดาห์เพื่อประเมินอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ของเขาด้วยว่า คุ้มค่ากับการซื้อมาครอบครองในระยะสั้นๆ เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้วขายออกในราคาสูงหรือไม่

รีสอร์ตที่ได้มาตรฐานห้าดาวแห่งนี้สมควรลดเกรดไม่เหลือสักดาว เพราะไม่ได้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเหมาะสมเลย ถึงจะมีระบบตรวจสอบคนเข้าออกอย่างเข้มงวด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเหตุร้ายไม่ได้ แม้แวบแรกเขาจะระแวงว่าเธอเป็นนางนกต่อ แต่เมื่อฝ่ามือสัมผัสอาการสั่นเทาของเธอ ความสงสัยก็จางหายหมดสิ้น ถ้านี่เป็นการเสแสร้งแกล้งหวาดกลัว เขาก็พร้อมเสียค่าโง่

“อย่ายุ่งเรื่องของผัวเมีย”

ชายหนุ่มอยากจะกลอกตาเพราะถ้อยคำประเภทนี้ เขารู้ดีว่าคนบางคนหรืออาจจะส่วนใหญ่ยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพียงเพราะไม่อยากเข้าไปแทรกกลางระหว่างปัญหาของสามีภรรยา ซึ่งเป็นปัญหาละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง เพราะอาจจะก่อปัญหาใหญ่ให้คนที่ยื่นมือเข้าไปสอดแทรกในภายหลัง แต่เขาไม่ใช่คนทั่วไป เขาพร้อมจะขัดขวางการใช้กำลังกับผู้หญิง แม้ว่าเธอจะไม่แก้ต่างให้ตัวเองก็ตาม

“ฉันไม่ใช่...ไม่ได้เกี่ยวกับหมอนี่เลย”

ตัวเธอยังสั่น ใบหน้าเล็กที่เขาสามารถประคองด้วยมือเพียงข้างเดียวแดงก่ำเพราะโทสะ พานให้คำพูดที่ออกจากปากตะกุกตะกัก นี่มันเกินกว่าจะเรียกว่าการแสดงแล้ว

ชานนพิจารณาภัยคุกคามของเธอที่ตอนนี้วางก้ามคุกคามเขาด้วยสายตาไม่หยุด นอกจากความสูงไล่เลี่ยกับเขาที่มากกว่าความสูงโดยเฉลี่ยของชายไทยทั่วไป ผู้ชายตรงหน้าผ่ายผอมเกินไป แต่งตัวเหมือนกำลังอยู่บนเวทีการแสดง แถมยังแต่งหน้าบางๆ

แต่ที่สำคัญคือแววตาหลุกหลิกมองซ้ายทีขวาที ถึงจะมีท่าทีโกรธจัด แต่ก็ไม่มีวี่แววจะลงมือกับคนแข็งแกร่งกว่าเช่นเขา เป็นคนประเภทมีตราประทับว่าอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ คนพวกนี้ละที่ชอบลงมือกับคนที่อ่อนแอกว่า แล้วก็เป็นคนที่เขาชิงชัง

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะจัดการเอง”

ชายหนุ่มปลอบโยนหญิงสาวแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเท่าที่เขาจะมอบให้เธอได้ แล้วหันไปหาอีกคนด้วยท่าทีตรงข้าม

“บอกแล้วไงว่าเรื่องของผัวเมีย ไม่ใช่เรื่องของแก อย่าเสือก!” ถ้อยคำกักขฬะกับท่าทีก้าวร้าวไม่ทำให้คนฟังถอย ตรงข้าม เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้

“ผมไม่สนว่าคุณจะอ้างอะไร ออกไปซะ ไม่งั้นเรื่องไม่จบแค่ รปภ.แน่”

ท่าทางหวาดกลัวของเธอปลุกสัญชาตญาณกระหายเลือดในตัวเขา ชานนคาดหวังให้ชายอีกคนเดินหน้าแล้วเข้ามาแลกกำปั้นกับเขา แต่ทุกเรื่องใช่จะเป็นอย่างที่เขาต้องการ หลังจากฝ่ายนั้นส่งเสียงฮึดฮัดครู่เดียวก็ถอยออกไปพร้อมพ่นถ้อยคำอาฆาตใส่หญิงสาว

“กลับบ้านไปเจอดีแน่”

คิ้วเข้มขมวดเพราะความหมายเบื้องหลังประโยคนั้น ในเมื่อเธอไม่โต้แย้งสักคำ แสดงว่าทั้งคู่อยู่ร่วมบ้านกัน สนับสนุนสิ่งที่ฝ่ายชายกล่าวอ้าง

ชานนลอบส่ายหน้าที่เผลอเข้าไปยุ่งกับเรื่องของสามีภรรยา แต่ต่อให้ย้อนเวลากลับไป เขาก็จะทำเช่นเดิม ไม่มีผู้หญิงคนไหนสมควรถูกทำร้าย

“คุณต้องการแจ้งความไหม”

เขาเกลียดการหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว แต่เมื่อเขายื่นมือเข้าไปช่วยแล้วก็พร้อมจะช่วยให้ถึงที่สุด รออยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเล็กก็ก้มต่ำพลางส่ายไปมา

“ไม่ค่ะ” เมื่อเธอปฏิเสธ เขาก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะคะยั้นคะยอ

“ผมควรแจ้งรปภ. ไหม”

ชานนถามไปอย่างนั้นเอง รีสอร์ตแห่งนี้กำลังจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา และเขาไม่ต้องการให้มีขยะอยู่ภายใน ถ้าเธอจะคัดค้านเพราะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้น เขาก็แค่แอบติดต่อพนักงานรักษาความปลอดภัยให้โยนบุคคลไม่พึงประสงค์ออกไป

“ดีค่ะ บอกให้รปภ. เล่นงานหมอนั่นหนักๆ ด้วยได้ไหมคะ”

น้ำเสียงของเธอมีแววโหดเหี้ยมนิดๆ ซึ่งเขาชอบใจอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้เขาไม่สมควรใช้อิทธิพลเถื่อน ตอนโทร. สายในไปแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัย ชานนก็เจตนาย้ำว่าถ้าจำเป็นก็ให้ใช้กำลัง

หันมาดูหญิงสาวที่อยู่ในส่วนห้องนั่งเล่นก็เห็นเธอยังคงยืนตัวสั่น ชานนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปลอบโยนผู้หญิงที่ถูกคุกคามทางเพศ แต่รู้ว่าอะไรช่วยรักษาสุขภาพจิตที่กำลังตึงเครียดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงยื่นสองสิ่งให้เธอ เสื้อแจ็กเกตและขวดเบียร์เย็นๆ

สายตาที่เธอมองอย่างหลังเหมือนไม่เคยเห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก่อนทำให้เขารู้สึกขบขันหน่อยๆ ก่อนจะหัวเราะเต็มเสียงตอนเธอกระดกมันด้วยท่าทางแบบเดียวกับคนกลืนยาพิษแล้วสำลักกระอักกระไอ

“ใจเย็นๆ ครับ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

มือเขาลูบแผ่นหลังของเธอไปมาบรรเทาอาการสำลัก ถึงเสื้อแจ็กเกตของเขาจะหนา แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงเค้าโครงกระดูกสันหลังบอบบางของเธอ นั่นสร้างความสงสัยหลายอย่างให้เขา ผู้หญิงที่เหมือนลูกแมวหลงทางคนนี้คือใคร เธอมาจากไหน

แต่ไม่ว่าจะมีคำถามมากเท่าไร เขาก็ไม่คิดจะถาม สถานการณ์นี้แปลกประหลาดเกินไป และเขามีนโยบายส่วนตัวที่จะไม่พัวพันกับใครโดยไร้ประโยชน์ เขาช่วยเท่าที่ช่วยได้และจบแค่นั้น ตอนนี้เมื่อปราศจากภัยคุกคาม เขาพร้อมจะผลักดันเธอออกไปนอกพื้นที่ส่วนตัวของเขาแล้ว

“ต้องการให้ผมไปส่งที่ไหนหรือเปล่าครับ”

เป็นการไล่อย่างสุภาพ แต่พอเธอกะพริบตาถี่ๆ ด้วยท่าทางงุนงงราวกับไม่เข้าใจความหมายนั้นของเขาที่ให้จากไปเสียที ท่าทางสับสนของเธอส่งผลให้ชานนอดที่จะใจอ่อนลงอีกครั้งไม่ได้

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

เขาอยู่ในอารมณ์จะทำตัวเป็นพลเมืองดี แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่เขาทำได้โดยไม่ลำบาก ชานนหวังว่าอยู่ๆ เธอจะไม่เรียกร้องเงินทองแล้วทำให้เขารู้สึกผิดที่ช่วยนางนกต่อ

ทว่าสิ่งที่เธอขอไม่มากเกินกว่าที่เขาจะให้ได้ แต่มันเกินกว่าที่เขาจะคาดเดา

“ชะ...ช่วย ช่วยมีอะไรกับฉันได้ไหมคะ”

 

ถึงจะเป็นคนพูดมันออกมาจากปาก แต่ลลนาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสิบนาทีก่อนเธอขอให้คนแปลกหน้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตัวเอง

เธออยากจะโทษอะดรีนาลินหรืออะไรก็ตามที่เกิดจากความหวาดกลัว มันผลักดันให้เธอมีอาการทางประสาทจนเพ้อเจ้อออกไปด้วยเรื่องที่เธอไม่เคยแม้แต่จะคิด แต่ในนาทีนั้นเธอลืมไปเลยว่าตัวเองเคยเป็นคนเต็มไปด้วยเหตุผล ลืมไปว่าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนี้ ที่สำคัญเธอลืมไปว่ามีห้องชุดอยู่ในกรุงเทพฯ นึกได้แค่ว่าสถานที่เดียวที่เธอจะกลับไปได้ก็คือบ้าน ซึ่งมีวรุณคอยจ้องจะล่วงเกินเธอ แต่ลีลากลับมองว่าเธอเป็นฝ่ายยั่วยวนเขา ดังนั้นเธอจึงอยากประชดด้วยการทิ้งพรหมจรรย์ไปซะกับคนแปลกหน้า

การนึกถึงคนในครอบครัวไม่ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของลลนาดีขึ้นเลย เวลานี้แมงดานั่นอาจจะกำลังป้ายสีเธอให้แม่ของเธอฟังอยู่ก็ได้ และเป็นไปได้สูงว่าลีลาจะเชื่อ หญิงสาวล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วพร้อมจะกดโทร. ออกไปบอกความจริงกับแม่ ก่อนจะชะงักงัน

บางทีถ้าเธอหายตัวไปสักหนึ่งคืน ติดต่อไม่ได้สักหนึ่งวัน ลีลาอาจเห็นถึงความสำคัญของเธอบ้าง มันเป็นการกระทำสิ้นคิดเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆ แต่ปลายนิ้วของลลนาไม่ลังเลที่จะกดปิดเครื่องแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือให้พ้นจากสายตา เอื้อให้มือว่างพอจะยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มต่อ

รสชาติขมฝาดของน้ำแห่งบาปดีขึ้นเรื่อยๆ ตรงข้ามกับความสามารถในการใช้สมองขบคิดเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวตนเอง

หญิงสาวเข้าใจแล้วว่าทำไมบิดาถึงติดสุรา เพราะมันช่วยให้หนีความจริงได้อย่างง่ายดาย หมดขวดในมือ เธอก็เอื้อมไปหาขวดที่อยู่ตรงหน้าเจ้าของบ้านพัก แต่ถูกยึดข้อมือเอาไว้ มือของเธอกระตุกหนีด้วยสัญชาตญาณระวังภัย ทว่าเขาปล่อยเธอไปง่ายๆ แล้วขยับเข้าใกล้ด้วยการโน้มตัวช้าๆ ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกคุกคาม เธอจึงผ่อนคลายพอจะฟังเขาพูด

“ผมไม่หวงเบียร์หรอกนะครับ แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเราคุยกันในเวลาที่สติเต็มร้อย”

คนตรงหน้าห่างไกลกับคำว่าข่มขู่ให้หวาดกลัว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลลนาก็ยังอยากหดตัวหนีสายตาจับจ้องของเขา เนื่องจากเขาใช้มันวิเคราะห์เธอเงียบๆ

ลลนาแน่ใจว่าไม่อยากรู้ผลการสำรวจของเขาเลย เพราะตั้งแต่ก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขา เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากก่อปัญหา แม้เขาจะรับมือได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะชอบให้มีผู้หญิงแปลกหน้าเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งวิ่งเข้ามาขอให้ช่วย ตามด้วยดื่มเบียร์ของเขาขวดแล้วขวดเล่า

นิสัยชอบหนีปัญหาของลลนาโผล่หัวออกมาส่งเสียงกระตุ้นเตือนให้เธอรีบหนี ทว่าเวลานี้เธออยากหนีจากปัญหาสะสมในครอบครัว หนีจากอารมณ์อ่อนไหว หนีจากสติสัมปชัญญะ หนีจากการมีเหตุผล และสิ่งที่เธออยากหนีที่สุดคือตัวของเธอเอง

“เรื่องที่ฉันพูดไป...” พูดได้แค่นี้เธอก็กล่าวต่อไม่ออก

คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม ดวงตาแฝงรอยยิ้มกระตุ้นให้เธอรังเกียจความขี้ขลาดของตนเอง จึงโพล่งออกไปยาวเหยียด

“ที่ฉันขอให้คุณมีอะไรกับฉัน ฉันไม่ได้ล้อเล่น และถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันอยากจะขอให้คุณเริ่มมันได้เลย”

ปฏิกิริยาของเขาคือเงยหน้าหัวเราะลั่น นั่นมากเกินกว่าเธอจะรับได้ ความกลัวและความอับอายของเธอก้าวเข้าไปสู่ความโกรธ แต่ไม่ได้โกรธเขา เธอโกรธตัวเองที่ทำเรื่องโง่ๆ พูดเรื่องโง่ๆ ให้คนแปลกหน้าดูหมิ่น แต่เธออยากทิ้งพรหมจรรย์ให้คนแปลกหน้าดีกว่าเก็บมันไว้เป็นความเสี่ยงให้วรุณฉกฉวยมันทีหลัง

แล้วเหตุผลที่ลลนาไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับแม้แต่กับตนเองก็คือ เธออยากจะรู้ว่าการมีสัมพันธ์ทางกายมันดีอย่างไร แม่ของเธอจึงต้องหามันจากผู้ชายมากหน้าหลายตาอยู่ตลอดเวลา ยอมแลกทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทอง รวมถึงลูกสาวเพียงคนเดียวเพื่อเซ็กซ์

“ฉันขอโทษที่รบกวนนะคะ” ขณะกล่าวเธอก็ลุกขึ้นเตรียมออกจากที่นี่

ถึงเธอจะไม่มีที่ไป แต่ก็ดีกว่ามานั่งสร้างภาระให้คนอื่น ทว่าเธอยังไม่ทันได้ไปไหน มือแข็งแกร่งข้างหนึ่งก็ยึดข้อมือเธอเอาไว้อีกครั้งด้วยความนุ่มนวลกว่าคราวก่อน แตกต่างจากมือของวรุณที่ให้ความรู้สึกคุกคาม มือของเขาให้ความรู้สึกมั่นคง แต่ความเคยชินทำให้เธอดึงมือออก และเขาก็ไม่ฝืนยื้อเอาไว้

“โว้ๆ อย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมขอโทษที่หัวเราะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดกับผมแบบนี้”

เพราะไม่รู้จะตอบโต้คำพูดของเขาอย่างไรให้เหมาะสม ลลนาจึงนั่งลงที่เดิม ริมฝีปากเม้มแน่นระหว่างพิจารณาชายตรงหน้า

สีผม สีผิว สีตาของเขาค่อนไปทางเอเชีย แต่มีบางอย่างเช่นโครงหน้าและรูปร่าง รวมไปถึงลักษณะท่าทางของเขาที่บ่งบอกว่ามีเชื้อสายยุโรป ทั้งหมดรวมกันแล้วลงตัวเหมาะเจาะ ไม่ว่าจะผมสีดำสนิทตัดรองทรงสุภาพแบบนักธุรกิจที่ตอนนี้ดูยุ่งเหยิงนิดๆ ดวงตาดำในกรอบลึก จมูกโด่งเป็นสัน ผิวสีแทน ริมฝีปากหยักคมมีรอยยิ้มแตะแต้ม เสื้อยืดสีขาวแนบกระชับไปกับบ่ากว้าง ไม่มีอะไรน้อยไปหรือมากไปบนตัวเขา รูปลักษณ์ของเขาน่ามองเกินไปจนเธอละสายตาแทบไม่ได้

ด้วยใบหน้าและรูปร่างเช่นนี้ เขาเหมาะกับอาชีพนายแบบยิ่งกว่าวรุณเสียอีก ความจริงเขาเหนือกว่าสวะนั่นไม่รู้กี่เท่า ลลนาเชื่อว่าเธอคงไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกหรือคนเดียวที่ยื่นข้อเสนอขอมีอะไรกับเขา บางทีเขาอาจจะได้รับมันมามากเสียจนขี้เกียจจำด้วยซ้ำ

“ฉันรู้ว่ามันฟังดูบ้าที่ขอแบบนั้น ถ้า...ถ้าคุณต้องการอะไรแลกเปลี่ยน...”

ลลนาไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรผิดหรือเปล่าที่เสนอเงินเพื่อซื้อบริการทางเพศจากชายแปลกหน้า แต่เขาส่งยิ้มกว้างมาให้ มันเจิดจ้าเสียจนเธอต้องหลบตา

“ตามปกติผู้ชายต้องเป็นคนยื่นข้อเสนอให้ไม่ใช่เหรอครับ ขอโทษที่ต้องถามตรงๆ นะครับ คุณต้องการอะไรจากผมหรือเปล่า”

เธอเงยหน้าสบตาเขา แล้วก็เห็นว่าแววตาขี้เล่นเปลี่ยนเป็นจริงจัง มันเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ตามจะระแวงคนแปลกหน้าที่ผลุนผลันเข้ามายื่นข้อเสนอเช่นนี้ แต่ลลนาไม่สะดวกที่จะเล่าต้นสายปลายเหตุในชีวิตตนเองให้เขาฟัง ไม่แม้แต่จะอยากแนะนำตัว

“ฉันไม่อยากได้อะไรจากคุณค่ะ ขอแค่หนึ่งคืนโดยไม่ถามชื่อก็พอ”

“ฟังดูเหมือนเกมเลยนะครับ ผมขอบอกเลยว่าคุณไม่เหมือนพวกผู้หญิงแบบนั้นด้วย”

ลลนาพอจะรู้ว่าเขาหมายถึงผู้หญิงประเภทไหน จึงเลือกที่จะส่ายหน้ารัวๆ แล้วประหยัดเวลาให้เขาด้วยการอธิบายตนเอง

“ฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงล่าแต้มค่ะ ไม่มีอาการทางจิต ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และ...ฉันยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่”

ท่าทางประหลาดใจของเขาชวนให้ลลนารู้สึกดูถูกตัวเองอย่างประหลาด เธอไม่สมควรทำให้ตนเองถูกสงสัยในเรื่องนี้ มันแย่จนเธออยากจะเผ่นหนีไปให้ไกล แต่เธอทำเรื่องบ้าๆ มามากเกินพอ และต้องการจะทำมันให้ถึงที่สุด

“คุณดูเด็กเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรแบบนี้นะครับ และผมมีกฎตายตัวว่าจะไม่ยอมมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ”

ปัญหาข้อนี้แก้ไม่ยาก ลลนาควักบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋าสตางค์ ใช้นิ้วปิดชื่อและนามสกุล ให้เขาเห็นเพียงใบหน้าและวันเดือนปีเกิด ก็เห็นความประหลาดใจที่เพิ่มขึ้นไปอีกบนใบหน้าของเขา

“ครบยี่สิบปีวันนี้ เอ่อ...แฮปปีเบิร์ทเดย์ ขอให้มีความสุขนะครับ” เขาอวยพรตามธรรมเนียม

เธอตอบกลับอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ”

แล้วความหุนหันพลันแล่นปนน้อยใจก็ทำให้ลลนาโพล่งความลับอันได้ชื่อว่าเรื่องส่วนตัวออกไปให้คนแปลกหน้ารับรู้อีกครั้ง

“ปีนี้คุณเป็นคนเดียวที่อวยพรวันเกิดให้ฉัน จะว่าไปหลายปีมานี่ก็เพิ่งจะมีคุณอวยพรให้ฉัน”

เพราะคนเดียวที่จดจำวันเกิดของลลนาได้ก็คือลีลา ซึ่งใช้เวลาหลายวันมานี่พร่ำบ่นถึงการสูญเสียหน้าที่ผู้จัดการมรดก เธอจึงไม่คาดหวังว่าจะได้ฟังคำอวยพรจากมารดา

สายตาของเขามีแววสงสัย อาจด้วยมารยาทหรือความที่ทั้งคู่เป็นคนแปลกหน้าเขาจึงไม่ถามออกมา เธอจึงช่วยให้มันง่ายขึ้น

“จะถือว่าเป็นเกมก็ได้ค่ะ เราจะไม่ถามเรื่องของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะชื่อ หรืออะไรก็ตาม แล้วก็ไม่มีข้อผูกมัดอะไรทั้งนั้น คุณสะดวกจะเล่นเกมนี้กับฉันไหมคะ”

เธอกล่าวเป็นชุดอย่างใจกล้า แล้วอยากจะหดตัวกับสายตาคมกริบที่มองทะลุเปลือกนอกที่เสแสร้งทำเป็นกร้านโลกของเธอ ความเงียบครอบคลุมนานเกินไปจนเธออยากจะย้ำถามอีกรอบ แต่รู้ว่าเมื่อครู่เธอพูดชัดเจนพอแล้ว ข้อเสนอมาจากเธอ ทว่าการตอบรับเป็นสิทธิของเขา

“ผมชอบเกมของคุณนะ ‘ไม่ถามชื่อ ไม่ผูกมัด’ ” เขาเน้นประโยคหลัง ราวกับเน้นขอบเขตที่เธออธิบายเมื่อครู่

“ชอบแล้วต้องการเล่นไหมคะ”

หากเป็นเมื่อวาน หรือเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน ลลนาคงไม่เชื่อว่าตนเองจะต่อรองกับใครเช่นนี้ แต่แทนที่จะล้มเลิก เธอกลับภาวนาให้เขาตอบตกลง แล้วก็ลอบถอนใจโล่งอกเมื่อเขาพยักหน้าตามด้วยย้อนถาม

“เรามาเริ่มเกมกันเลยไหม”

เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบของเขา ลลนารู้สึกราวตัวเองกำลังกระโจนลงไปในหลุมลึกที่ยากจะปีนป่าย แต่เพราะมันเป็นหลุมที่เธอขุดขึ้นมาเอง หญิงสาวจึงยื่นมือไปหาเขา

“เริ่มเกมกันเถอะค่ะ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น